ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาว
ทายาทที่มีค่าควร
ถ้าเราเข้าใจจริงๆ ว่าเราแต่ละคนกําลังฝึกเป็นเหมือนพระบิดาบนสวรรค์มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นได้
ผมจำได้ว่าตั้งแต่เล็กจนโตผมได้รับการสอนว่าผมเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า—ไม่ว่าจะร้องเพลงสวดในปฐมวัย ได้ยินจากพ่อแม่ที่บ้าน หรือฟังผู้นําศาสนจักรสอนบนแท่นพูด นั่นเป็นประเด็นของหลักคําสอนที่เราได้ยินอยู่เนืองๆ ดังที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนคนหนุ่มสาวของศาสนจักร “เพื่อนรักทั้งหลาย ท่านเป็นลูกทางวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า”1
ถึงแม้นี่เป็นหลักคําสอนที่ผมเชื่อมาตลอด แต่คิดว่าผมไม่ได้เข้าใจเสมอไป ตามที่ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์ สอนว่า “หลักคำสอนที่แท้จริงนั้น เมื่อเข้าใจแล้ว ย่อมเปลี่ยนเจตคติและพฤติกรรม”2
ด้วยหลักคําสอนเรื่องอัตลักษณ์อันสูงส่ง ผมตระหนักว่าผมเป็นลูกของพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ แต่เจตคติและพฤติกรรมของผมไม่ได้เปลี่ยนเพราะความรู้นั้น สําหรับผม การเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้าหมายความว่ามีคนที่รักและใส่ใจสวัสดิภาพของผม และแม้จะเป็นความจริง แต่ผมไม่ได้ซึมซับแง่มุมของอัตลักษณ์นั้นที่มีพลังทําให้ผมเปลี่ยน
แต่วันหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้ผมเข้าใจลึกซึ้งขึ้น ขณะศึกษาพระคัมภีร์ตอนเช้าตรู่วันหนึ่ง พระวิญญาณทรงนําผมให้พบข้อพระคัมภีร์สองข้อใน โรม 8 ข้อที่ 16–17 กล่าวว่า “พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราว่าเราเป็นลูกของพระเจ้า” ผมเคยได้ยินแล้ว แต่ผมอ่านข้อต่อไปซึ่งอธิบายว่า “และถ้าเราเป็นลูกแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์” ทันทีที่อ่านถ้อยคําเหล่านี้ พระวิญญาณทรงแสดงประจักษ์พยานต่อผมว่าผมเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า ที่มีจุดประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นดินโลก ถ้อยคำนั้นเข้าสู่จิตใจผมมากกว่าที่เคยเป็นมา ในขณะนั้นผมรู้สึกประหนึ่งกําลังถือคบเพลิงที่เพิ่งจุดไฟ ผมเห็นชัดว่าในฐานะลูกของพระผู้เป็นเจ้า เราอยู่บนเส้นทางที่ไม่เพียงนําเรากลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์เท่านั้นแต่ช่วยให้เราเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นด้วย ความเข้าใจใหม่นี้เริ่มทําให้ผมอบอุ่นและให้ความสว่างแก่เส้นทางของผม
การรู้ว่าผมเป็นบุตรของพระผู้เป็นเจ้าและผมถูกกําหนดให้เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นส่งผลลึกซึ้งต่อชีวิตผม นั่นเปลี่ยนวิธีที่ผมคิดและทําในสถานการณ์ประจําวัน ตลอดชีวิตมรรตัยมีข้อเรียกร้องมากมาย—ตั้งแต่การหาเลี้ยงชีพ เรียนให้ได้เกรดดี ช่วยสมาชิกครอบครัวที่เจ็บป่วย และแม้กระทั่งการเตรียมอาหารประจําวัน ชีวิตอาจเครียดมาก แต่เพราะผมเข้าใจอัตลักษณ์ของผมในฐานะบุตรของพระผู้เป็นเจ้า ผมจึงมองความท้าทายของผมเป็นโอกาสให้เติบโต พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงพยายามลงโทษหรือทําให้เรื่องยากขึ้นโดยวางข้อเรียกร้องมากมายไว้ให้ผม แต่พระองค์ทรงช่วยผมฝึกเป็นทายาทที่มีค่าควร
เมื่อผมเข้าใจหลักคําสอนนี้ลึกซึ้งขึ้น ผมเริ่มเปลี่ยนเจตคติและพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องง่ายๆ ในชีวิต ตัวอย่างเช่น ผมเริ่มเก็บที่นอนและทําความสะอาดห้องทุกเช้า ไม่ใช่เพราะมีคนจะมาดูว่าผมทํางานบ้านหรือเปล่า แต่เพราะผมรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงสะอาดและทรงเป็นระเบียบ ผมตระหนักว่าถ้าวันหนึ่งผมสามารถดํารงตําแหน่งเดียวกับพระองค์ได้ ผมต้องสะอาดและมีระเบียบเหมือนกัน ผมเริ่มมองว่างานเหล่านี้เป็นโอกาสให้กลับใจและเติบโตเพื่อเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น
การเข้าใจหลักคําสอนอันลึกซึ้งนี้เปลี่ยนผมให้ดีขึ้น ชี้นําความคิดและการกระทําของผมขณะผมตั้งเป้าหมายและเตรียมสำหรับอนาคต ช่วยให้ผมหลีกเลี่ยงความชั่ว ขณะรับรู้ว่าการทําบาปและการยอมจํานนต่อการล่อลวงขัดขวางไม่ให้ผมบรรลุศักยภาพอันสมบูรณ์ของผม สิ่งสําคัญที่สุดคือการรู้ความจริงนี้ผลักดันให้ผมเปลี่ยนแปลง ผมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างมีสติและต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้มีศักยภาพจะเป็นทายาทแห่งอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า