ท่านเป็นส่วนหนึ่ง

โดย ซิสเตอร์คริสติน เอ็ม. ยี

ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์สามัญ

เราจะพบความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเราได้เมื่อเราพัฒนาความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์

พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์ทรงกางพระพาหุต้อนรับผู้คนรอบข้าง

เราแต่ละคนเกิดมาพร้อมกับความต้องการเป็นส่วนหนึ่ง โดยธรรมชาติแล้วเราปรารถนาจะเป็นส่วนหนึ่งในการสมาคมกับครอบครัว มิตรสหาย ผู้ร่วมงาน วอร์ด และคนอื่นๆ ในชีวิตเรา ดูเหมือนใจเรามีความปรารถนาอันสูงส่งเหล่านี้อยากให้ตนเป็นส่วนหนึ่งอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน

ท่านกับดิฉันเคยเป็น—และยังเป็น—ส่วนหนึ่งของครอบครัวนิรันดร์กับพระบิดาบนสวรรค์ของเรา นานมาแล้วก่อนเรามาโลกนี้ พระคัมภีร์เรียกเราว่า “คนแปลกหน้าและคนแปลกถิ่นบนแผ่นดินโลก” (ฮีบรู 11:13; หลักคําสอนและพันธสัญญา 45:13) การจากบ้านบนสวรรค์ของเรามาอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความสับสน ความโดดเดี่ยว และความปวดร้าวใจ ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นคนเร่ร่อน ปรารถนาบ้านและความสัมพันธ์นิรันดร์ของเรา

ถ้าท่านเคยรู้สึกคิดถึงบ้านบนสวรรค์เล็กน้อย อาจเป็นเพราะบ้านและอัตลักษณ์ที่แท้จริงของเราผูกพันกับพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ ด้วยเหตุนี้การเชื่อมสัมพันธ์ลึกซึ้งกับทั้งสองพระองค์จึงสําคัญมาก เมื่อเราเชื่อมสัมพันธ์กับทั้งสองพระองค์ผ่านความสัมพันธ์แบบพันธสัญญาของเรา เราจะพบความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งอย่างแท้จริงที่วิญญาณเราโหยหา

ความสัมพันธ์แบบพันธสัญญาของเรากับพระผู้เป็นเจ้า

การกระทําและความคิดของเราสะท้อนความสัมพันธ์ที่เราเห็นคุณค่า ความสัมพันธ์แบบพันธสัญญาของเรากับพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดก็เช่นกัน

เมื่อเราเห็นคุณค่าความสัมพันธ์แบบพันธสัญญาของเรากับพระผู้เป็นเจ้า ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แทนที่จะได้รับอิทธิพลจากโลก เรากลับได้รับอิทธิพลจากพระองค์และเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น ชีวิตเราเริ่มมีความหมายมากขึ้น มีความมั่นคงและพลังทางวิญญาณมากขึ้น ทันใดนั้น “การเป็นส่วนหนึ่ง” อยู่เหนือขอบเขตความเป็นมรรตัยของสิ่งที่เราคิดว่า “การเป็นส่วนหนึ่ง” หมายถึง

เมื่อความสัมพันธ์แบบพันธสัญญานั้นกับพระผู้เป็นเจ้ามาก่อน สิ่งบันเทิงใจที่ไม่มีความหมายของโลกย่อมสูญเสียการควบคุม และเราจึงพบสันติสุขส่วนตัวและการเป็นส่วนหนึ่งที่แท้จริง ในโลกที่มักไม่มีการให้เปล่าๆ พระบิดาบนสวรรค์ทรงมอบพรแห่งพันธสัญญาของพระองค์ด้วยความรักไม่ว่าสถานะของเราในโลกนี้จะเป็นอย่างไร (ดู 2 นีไฟ 9:50–51)

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนไว้อย่างไพเราะว่า “เมื่อเราทําพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า เราออกจากพื้นที่ตรงกลางตลอดกาล พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งความสัมพันธ์ของพระองค์กับผู้สร้างสายสัมพันธ์เช่นนั้นกับพระองค์ อันที่จริง ทุกคนที่ทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าได้เข้าสู่ความรักความเมตตาแบบพิเศษ”¹

เราพิจารณาว่าเรามีสัมพันธภาพแนบแน่นกับพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่—พระองค์ทรงอยู่กับเราตลอดเวลา แต่เราต้องเลือกอยู่กับพระองค์ตลอดเวลา และการเลือกนั้นให้ทั้งพลังอำนาจและอิสระ! การเลือกนี้ปลดปล่อยเราจากการรับรู้ผิดๆ ว่าเราเป็นใครและจากสายโซ่ที่จํากัดของความคาดหวังทางโลก

และเมื่อเราพบการเป็นส่วนหนึ่งกับพระบิดาบนสวรรค์เช่นนั้นแล้ว เราย่อมสามารถมองออกนอกตัวเองและมองผู้อื่นดังที่พระองค์ทรงมอง เมื่อเข้าใจว่าพระองค์ทรงรู้สึกอย่างไรต่อดิฉัน ดิฉันเข้าใจดีขึ้นว่าพระองค์ทรงรู้สึกอย่างไรต่อท่าน ความสามารถและความปรารถนาจะยื่นมือช่วยเหลือและรวบรวมผู้อื่นจึงแรงกล้าขึ้น

ภาพประกอบพระวิหารนอวูตอนตะวันตกดิน โดย แม็กซ์ ดี. วีเวอร์

พันธสัญญาไขพร

พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงปรารถนาให้เราทําพันธสัญญากับพระองค์เพื่อจะสามารถประทานพรเราในวิธีที่เราต้องการและเปลี่ยนเราในวิธีที่จะช่วยให้เรากลับไปที่ประทับของพระองค์

ดิฉันขอเชื้อเชิญให้ท่านไปพระนิเวศน์ของพระเจ้าบ่อยๆ เท่าที่ท่านจะทําได้ เมื่อดิฉันให้คำมั่นสัญญาว่าจะไปบ่อยๆ อย่างตั้งใจ ดิฉันได้รับการบรรเทาทุกข์จากโลก ความคิดและธรรมชาตินิสัยของดิฉันถูกยกขึ้น

โดยผ่านการรักษาพันธสัญญาของเรา เราได้รับพลังอํานาจฐานะปุโรหิตที่ไขพรแห่งการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตเรา พรเหล่านั้นได้แก่การเยียวยา การนําทาง ความคุ้มครอง ความช่วยเหลือ ความเข้มแข็ง สันติสุข มุมมอง และปีติ พระบิดาบนสวรรค์ทรงปรารถนาจะประทานพรเราด้วยสิ่งทั้งหมดนี้ผ่านความสัมพันธ์แบบพันธสัญญาของเรา

ถ้าท่านยังไม่ได้รับพรของพระวิหาร ดิฉันเชื้อเชิญให้ท่านศึกษาพรของพระวิหาร พลังอํานาจฐานะปุโรหิต พันธสัญญา และสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาสําหรับท่าน อย่ารอรับการบรรเทาทุกข์ เดชานุภาพ และความช่วยเหลือด้วยความรักของพระองค์

ประธานเนลสันกล่าวว่า:

“ข้าพเจ้าขอกระตุ้นท่านไม่ให้รอจนกว่าจะแต่งงานจึงจะรับเอ็นดาวเม้นท์ในพระวิหารของพระเจ้า จงเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้และประสบความหมายของการมีอำนาจฐานะปุโรหิตเป็นอาวุธ

“และสำหรับทุกท่านที่ทำพันธสัญญาพระวิหารแล้ว ขอให้ท่านพยายาม—อย่างสม่ำเสมอร่วมกับการสวดอ้อนวอน—เพื่อเข้าใจพันธสัญญาและศาสนพิธีพระวิหาร ประตูทางวิญญาณจะเปิด ท่านจะเรียนรู้วิธีแหวกม่านระหว่างสวรรค์กับแผ่นดินโลก วิธีขอให้เหล่าเทพของพระผู้เป็นเจ้ามาดูแลท่าน และวิธีรับการนำทางจากสวรรค์ได้ดีขึ้น การเพียรพยายามทำเช่นนั้นจะเสริมและทำให้รากฐานทางวิญญาณของท่านแข็งแกร่งขึ้น”²

การเป็นส่วนหนึ่งผ่านการกลับใจ

การกลับใจอยู่เสมอเป็นวิธีที่ดีและมีพลังอีกวิธีหนึ่งที่จะอยู่ใกล้ชิดพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ บ่อยครั้งเราเชื่ออย่างผิดๆ ว่าถ้าเรากำลังกลับใจเยอะมาก เราต้องอยู่ไกลจากทั้งสองพระองค์แน่นอน แต่ตรงกันข้าม

การกลับใจไม่ได้เคลื่อนย้ายท่านออกห่างจากพระองค์—แต่นําท่านเข้าใกล้พระองค์มากยิ่งขึ้น!

ท่านจะพบการเป็นส่วนหนึ่งมากขึ้นและความสัมพันธ์กับทั้งสองพระองค์ลึกซึ้งขึ้นผ่านการพยายามหันไปขอความช่วยเหลือจากพระองค์และรับการให้อภัย

เราแต่ละคนอาจรู้สึกห่างไกลจากความดีพร้อมมากกว่าที่เราต้องการ แต่ดิฉันไม่คิดว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงห่วงใยเรื่องนั้นเท่ากับพระองค์ทรงห่วงใยความปรารถนาของเราและการพยายามลองอีกครั้ง พระองค์ทรงรักเรา ทรงทราบว่าเรามุ่งหน้าไปทางใด และจะทรงนําเราตลอดทางด้วยความรัก

การยอมรับความอ่อนแอและความผิดพลาดของเราเรียกร้องความเปราะบาง แต่โดยการกลับใจ เราอัญเชิญพระบิดาบนสวรรค์ให้ใกล้ส่วนที่เปราะบางนั้นของเรา ความใกล้ชิดดังกล่าวอำนวยให้พระองค์ทรงมอบความรักอันยิ่งใหญ่ให้เรา ทรงให้การเยียวยา การให้อภัย และความปลอดภัยที่เราต้องการ ในการเชื่อมสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้านี่เองที่เราพัฒนาความวางใจ พบกําลังใจ และการเป็นส่วนหนึ่งที่แท้จริง

การสร้าง โดย แอนนี เฮนรี เนเดอร์

แสวงหามุมมองที่สูงกว่า

มุมมองของเราสามารถเอื้อต่อความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในศาสนจักรของพระเจ้า เราสามารถเลือกมุมมองที่การกระทําของเราเองสามารถช่วยให้วอร์ดของเรา สมาคมสงเคราะห์ของเรา หรือโควรัมเอ็ลเดอร์ของเรากลายเป็นสถานที่เป็นส่วนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความรัก การพยายามช่วยให้ผู้อื่นเป็นส่วนหนึ่งอย่างแท้จริงเพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเราเอง

เพราะท่านเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า ท่านจึงเป็นส่วนหนึ่ง—ไม่ว่าคนอื่นจะมองท่านอย่างไรหรือท่านจะมองตนเองอย่างไร แผนแห่งความสุขของพระบิดามีไว้ให้ ท่าน และท่านมีบทบาทสําคัญในแผนนั้น แต่ละท่านมีความสามารถในการเอื้อประโยชน์บางอย่างและเป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าสถานภาพสมรส การศึกษา หรือภูมิหลังของท่านจะเป็นเช่นไร

ความคิดที่เข้ามาในใจดิฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าคือคำว่า “หนุ่มสาวโสด” “หนุ่มสาว” และ “คนโสด” นั้นไม่ได้บอกว่าจริงๆ แล้วท่านเป็นใคร คําเหล่านี้เป็นคําศัพท์ทางประชากรที่ช่วยบอกอายุและสถานภาพสมรส แต่อธิบายอัตลักษณ์นิรันดร์ จุดประสงค์ และความสามารถจริงๆ ได้ไม่เพียงพอ

ฉายาหรือการเปรียบเทียบสามารถจํากัดการมองตนเอง คุณค่าและศักยภาพของเราในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ข้อเท็จจริงคือท่านเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ท่านได้ทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ท่านเข้าถึงพลังอํานาจฐานะปุโรหิตของพระองค์ ท่านเป็นสมาชิกของสมาคมสงเคราะห์หรือโควรัมเอ็ลเดอร์ ดังที่ประธานเนลสันสอน ท่านเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า ลูกแห่งพันธสัญญา และสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ อันดับแรกและสําคัญที่สุดคือจริงๆ แล้วท่านเป็นใคร และนั่นคือสิ่งที่จะ “นําท่านไปสู่ชีวิตนิรันดร์ในอาณาจักรซีเลสเชียลของพระผู้เป็นเจ้า”³

พระกิตติคุณได้รับการฟื้นฟูผ่านศาสดาพยากรณ์วัยหนุ่มคนหนึ่ง—โจเซฟ สมิธ นั่นเป็นความคิดอันทรงพลังที่พึงตรึกตรอง พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงวางใจให้ท่านศาสดาพยากรณ์และเพื่อนร่วมงานของท่านในวัยนั้นให้ฟื้นฟูศาสนจักร พระผู้เป็นเจ้าทรงวางใจท่านเช่นกันให้เป็นส่วนหนึ่งของงานสําคัญยิ่งนี้ในยุคสุดท้ายนี้

ถ้าท่านต้องการรู้ว่าท่านเป็นใคร ท่านเป็นที่รักและมีค่าหรือไม่ จงทูลถามพระบิดาในสวรรค์ของท่าน พระองค์จะทรงบอกความจริงเกี่ยวกับท่านเสมอ พระองค์จะทรงช่วยให้ท่านมองตนเองดังพระองค์ทรงมอง—มีความสามารถและความรักล้นเหลือ พระองค์ทรงสามารถนําทางท่านไปสู่โอกาสและการเติบโตอันยิ่งใหญ่ที่ท่านแทบนึกไม่ถึง!

ขอให้เราทุกคนมีตามองเห็นกันและเห็นตนเอง ไม่ใช่ผ่านเลนส์ของอายุหรือสถานภาพสมรส แต่ผ่านเลนส์ที่ทำให้ผู้รักษาพันธสัญญา เพื่อนสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ มิตรสหาย พี่น้อง และบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ในบทบาทและความสัมพันธ์นิรันดร์เหล่านั้น เราจะพบความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งสูงสุดและแท้จริงที่สุด