การถ่ายทอดประจำปี
พลังของการเปิดเผยส่วนตัว


2:3

พลังของการเปิดเผยส่วนตัว (Rev 2)

การถ่ายทอดการอบรมระบบการศึกษาของศาสนจักร • 12 มิถุนายน 2019 • หอประชุมชั้นล่างอาคารสำนักงานศาสนจักร

ก่อนจะเริ่มคำพูดวันนี้ ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณและความรัก เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้ร่วมงานใหญ่กับท่านในการช่วยให้อนุชนรุ่นหลังเรียนรู้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์อย่างลึกซึ้ง ข้าพเจ้ารักท่านและสวดอ้อนวอนขอให้ท่านและครอบครัวได้รับพรจากพระเจ้า

วันนี้ข้าพเจ้าต้องการพูดถึงแบบอย่างสามแบบของการเปิดเผยส่วนตัวในพระคัมภีร์มอรมอน ได้แก่

แบบแรกคือบันทึกศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และแผนของพระบิดา แบบที่สองคือพยานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเสริมสร้างศรัทธาในพระเยซูคริสต์และทำให้การเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระองค์ลึกซึ้งขึ้น แบบที่สามคือศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตผู้เป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และต่อต้านความชั่ว

แบบอย่างเหล่านี้นำเสนอไว้ในพระคัมภีร์มอรมอนอย่างชัดเจนและมีพลังเพราะจำเป็น—และสำคัญยิ่ง—ต่อการเพิ่มพูนศรัทธาในพระเยซูคริสต์และทำให้การเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระองค์ในสมัยของเราลึกซึ้งขึ้น1

เราอยู่ในยุคที่ชายหญิงผู้ชั่วร้ายและหลงผิดกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อโน้มน้าวอนุชนรุ่นหลังให้เชื่อว่าดีคือชั่วและชั่วคือดี พวกเขาใช้วิธีการคล้ายกับเชเร็ม นีฮอร์ และคอริฮอร์ในพระคัมภีร์มอรมอน—เช่น ข้อโต้แย้งแบบมีชั้นเชิง ความคิดสอพลอ ฉายาและภาพลักษณ์ที่ตั้งขึ้น—เพื่อสร้างหลักคำสอนเท็จเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรากับพระผู้เป็นเจ้า ความรัก ความอดกลั้น การแต่งงาน อัตลักษณ์นิรันดร์ ครอบครัว และอีกมากมาย คตินิยมและหลักคำสอนมากมายเหล่านี้ของมนุษย์มี “รูปแบบของความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า, แต่พวกเขา [ทั้งหมด] ปฏิเสธอำนาจในนั้น”2

นักเรียนของเราเผชิญข่าวสารทำนองนี้ทุกนาทีทุกวัน พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการเปิดเผยส่วนตัวเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระเยซูคริสต์และทำให้การเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระองค์ลึกซึ้งขึ้น ข้าพเจ้าหวังและสวดอ้อนวอนว่าท่านจะทำสุดพลังความสามารถเพื่อช่วยให้นักเรียนเรียนรู้แบบอย่างของการเปิดเผยส่วนตัวสามแบบนี้อย่างลึกซึ้ง

บันทึกศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์

ข้าพเจ้าเริ่มด้วยบันทึกศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ นี่เป็นสาระสำคัญที่มีอยู่ทั่วพระคัมภีร์มอรมอน เริ่มด้วยแผ่นจารึกทองเหลือง3

ประสบการณ์ของนีไฟกับเลบันเป็นเหตุการณ์ต้นแบบในชีวิตเขา นีไฟเรียนรู้ว่าบันทึกเหล่านั้นสำคัญเพียงใดต่อเขาและครอบครัว “นี่เป็นปรีชาญาณในพระผู้เป็นเจ้าว่าเราจะได้บันทึกเหล่านี้, เพื่อเราจะปกปักรักษาภาษาแห่งบรรพบุรุษของเราไว้ให้ลูกหลานของเรา; … คำซึ่งพูดจากปากของศาสดาพยากรณ์ผู้บริสุทธิ์ทั้งปวง”4

แผ่นจารึกทองเหลืองมีอิทธิพลลึกซึ้งต่อพัฒนาการทางวิญญาณ ศาสนา และสังคมของชาวนีไฟ กลายเป็นแหล่งการเปิดเผยส่วนตัวและคำพยากรณ์ถึงการเสด็จมาของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล นอกจากนี้ยังกล่าวคำพยานอันทรงพลังถึงแผนแห่งความรอดอันน่าอัศจรรย์ของพระบิดาด้วย ศาสดาพยากรณ์ผู้บริสุทธิ์ที่แผ่นจารึกทองเหลืองอ้างถึงต่างเป็นพยานว่าพระเมสสิยาห์จะทรงชดใช้บาปของโลก ทรงทนทุกข์และสิ้นพระชนม์ และคืนพระชนม์อีกครั้ง ทรงมีชัยชนะเหนือบาปและความตาย5

แผ่นจารึกทองเหลืองประกอบด้วยพันธสัญญาของพระบิดากับอับราฮัมและเชื้อสายอิสราเอลทั้งหมด ลีไฮค้นพบว่าเขาเป็นผู้สืบตระกูลของโยเซฟ และลูกหลานของเขาจะเป็นลูกหลานแห่งพันธสัญญา เป็นทายาทสืบทอดสัญญาทั้งหมดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงทำกับอับราฮัม รวมถึงการรวบรวมอิสราเอลในวันเวลาสุดท้ายด้วย

ลีไฮใช้แผ่นจารึกทองเหลืองสอนบุตรธิดาเรื่องพระผู้ช่วยให้รอดและพันธสัญญาที่พระบิดาทรงทำกับเชื้อสายอิสราเอล นีไฟกับเจคอบน้องชายสานต่อการปฏิบัติดังกล่าวและเพิ่มบันทึกของตนเองในเวลาต่อมาตามพระบัญชาจากพระเจ้า6 นีไฟเปลี่ยนใจเลื่อมใสอย่างแท้จริงในความสำคัญของการเก็บรักษาบันทึกถาวร โดยเฉพาะบันทึกซึ่งศักดิ์สิทธิ์7

จากรากฐานในช่วงเวลาต้นๆ ในแผ่นดินที่สัญญาไว้ ชาวนีไฟสร้างวัฒนธรรมหนึ่งที่ถือว่าการเก็บรักษา การอ่าน และการสอนบันทึกศักดิ์สิทธิ์เป็นความรับผิดชอบอันสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ ด้วยศรัทธาในพระเยซูคริสต์และคำมั่นว่าจะปกปักรักษาพระวจนะของพระองค์ ชาวนีไฟจึงกลายเป็นสังคมของคนเก็บรักษา คนอ่าน และคนสอนบันทึกศักดิ์สิทธิ์8 บันทึกอย่างเป็นทางการจดไว้บนแผ่นจารึก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชาวนีไฟพัฒนาระบบพิมพ์เพื่อคัดลอกและเขียนบันทึกศักดิ์สิทธิ์ไว้บนวัสดุที่เบากว่าและแจกจ่ายในวงกว้างได้9

การแจกจ่ายบันทึกศักดิ์สิทธิ์ในวงกว้างทำให้พ่อแม่ได้สอนพระบัญญัติของพระเจ้าให้ลูกและลูกสอนลูกๆ ของพวกเขาต่อๆ กันมาหลายศตวรรษ10 ผู้สอนศาสนาอย่างเช่นพวกบุตรของโมไซยาห์สามารถนำบันทึกติดตัวไปด้วยและใช้สอนชาวเลมันจนส่งผลอันน่าพิศวง11 ดังที่แอลมาสอนฮีลามัน บันทึกศักดิ์สิทธิ์สร้างประสบการณ์การเปิดเผยที่ “ขยายความทรงจำของคนเหล่านี้, แท้จริงแล้ว, และ … นำ [ชาวเลมันหลายพันคน] มาสู่ความรู้ถึงพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของตน, และเพื่อชื่นชมยินดีในพระเยซูคริสต์พระผู้ไถ่ของตน”12

ความชื่นชมยินดีนี้ถึงจุดสูงสุดเมื่อพระผู้ช่วยให้รอดผู้ฟื้นคืนพระชนม์ทรงปรากฏต่อผู้คนที่พระวิหารในแผ่นดินอุดมมั่งคั่ง13 เรามีพยานอันน่าอัศจรรย์นี้ถึงการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ในพระคัมภีร์มอรมอนปัจจุบันผ่านพระเมตตา ของประทาน และเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า14 เฉกเช่นชาวนีไฟ และเนื่องจากพวกเขา เราจึงมีบันทึกศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และแผนแห่งความรอดของพระบิดา ดังที่แอลมาพยากรณ์ต่อฮีลามันบุตรชายเมื่อนานมาแล้ว พระเจ้าทรง “ปกปักรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้เพื่อจุดประสงค์อันชาญฉลาดของพระองค์, เพื่อพระองค์จะทรงแสดงเดชานุภาพของพระองค์ให้ปรากฏแก่อนุชนรุ่นต่อๆ ไป”15

อนาคตนั้นคือเวลานี้ พระเจ้าทรงแสดงเดชานุภาพอย่างน่าอัศจรรย์ต่ออนุชนรุ่นหลัง เมื่อเราสอนความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในพระคัมภีร์มอรมอน นักเรียนของเราจะรู้สึกถึงเดชานุภาพนั้น ขณะที่นักเรียนแสวงหาการเปิดเผยส่วนตัวผ่านการดื่มด่ำพระคัมภีร์มอรมอน พระคัมภีร์ดังกล่าวจะกลายเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และเดชานุภาพการไถ่ของพระองค์ เป็นแหล่งที่มาของการเปิดเผยส่วนตัวและปีติเฉกเช่นแผ่นจารึกทองเหลืองเป็นเช่นนั้นสำหรับผู้คนของนีไฟ

พยานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เสริมสร้างศรัทธาในพระเยซูคริสต์และทำให้การเปลี่ยนใจเลื่อมในพระองค์ลึกซึ้งขึ้น

ต่อไปนี้เราหันไปหาพระวิญญาณบริสุทธิ์ การเดินทางของลีไฮไปแผ่นดินที่สัญญาไว้เป็นการเดินทางของพลังทางวิญญาณ เป็นเวลาซึ่งพระเจ้าทรงสอน ทรงนำทาง และทรงปลอบโยนลีไฮ ซาไรยาห์ และลูกๆ ทุกคนของพวกเขาโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านการดลใจ ความฝัน และนิมิต สุรเสียงของพระองค์เอง และการปรากฏของทูตสวรรค์ นีไฟประกาศว่าพรเหล่านี้ของพลังทางวิญญาณมา “โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์, ซึ่งเป็นของประทานจากพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานแก่คนทั้งปวงผู้แสวงหาพระองค์อย่างขยันหมั่นเพียร”16

นีไฟแสวงหาพระเจ้าอย่างแท้จริง และได้รับการเปิดเผยอันสำคัญยิ่งผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ การแสวงหาเพื่อให้รู้ด้วยตนเองวางแบบอย่างให้เราเห็นทั่วพระคัมภีร์มอรมอน นีไฟมี “ความปรารถนามากด้วยที่จะรู้ความลี้ลับของพระผู้เป็นเจ้า”17 ความปรารถนานั้นเกิดผลในเขา และเขา “ร้องทูลพระเจ้า”18 ในการสวดอ้อนวอนด้วยเจตนาแท้จริง ในการแสวงหาของนีไฟ พระเจ้าตรัสกับเขาว่า “เจ้าเป็นสุขแล้ว, นีไฟ, เพราะศรัทธาของเจ้า, เพราะเจ้าแสวงหาเราอย่างขยันหมั่นเพียร, ด้วยความนอบน้อมแห่งใจ”19

ดังนั้นนี่คือแบบอย่าง ความปรารถนาจะรู้ การสวดอ้อนวอนจากใจ การหมั่นแสวงหาด้วยความนอบน้อมและศรัทธาในพระเยซูคริสต์ และของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์20 เราเห็นแบบอย่างเช่นนี้ในชีวิตของอีนัส แอลมา พวกบุตรของโมไซยาห์ กษัตริย์ลาโมไนกับบิดาของเขา ผู้คนของแอมัน ฮีลามันกับนักรบหนุ่มของเขา และอีกหลายคน21 โดยแท้แล้ว ในเวลาของความชอบธรรมในบรรดาชาวนีไฟและชาวเลมัน การเปิดเผยส่วนตัวผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์เกิดขึ้นทั่วไปในบรรดาพวกเขา22

เมื่อชาวนีไฟกับชาวเลมันที่ซื่อสัตย์ปฏิบัติตาม—และจด—สิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเปิดเผยต่อพวกเขา พระเจ้าประทานพรพวกเขามากยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาสั่งสม23 สิ่งที่พระเจ้าประทานแก่พวกเขา พระองค์จึงทรงอวยพรให้พวกเขามีศรัทธาเพิ่มขึ้นในพระองค์ เปลี่ยนใจเลื่อมใสลึกซึ้งขึ้น และมีวิญญาณของการเปิดเผย พวกเขาสามารถรับการเปิดเผยผ่านอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้มากขึ้น

ประสบการณ์ของแอลมาเป็นตัวอย่างที่สวยงามของแบบอย่างเช่นนี้ ท่านจำได้ไหม เขาเคยเห็นเทพและได้รับนิมิตอันน่าทึ่ง ทว่าเขายังคงแสวงหาพยานของพระวิญญาณจากพระเจ้า “ดูเถิด, ข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ท่านว่าข้าพเจ้ารู้ว่าเรื่องเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าพูดมาแล้วเป็นเรื่องจริง. และท่านคิดว่าข้าพเจ้ารู้ถึงความแน่นอนของเรื่องเหล่านี้ด้วยวิธีใด?

ดูเถิด, ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่าเรื่องเหล่านี้เป็นที่รู้แก่ข้าพเจ้าโดยพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า. ดูเถิด, ข้าพเจ้าอดอาหารและสวดอ้อนวอนมาหลายวันเพื่อข้าพเจ้าจะรู้เรื่องเหล่านี้ด้วยตนเอง. และบัดนี้ข้าพเจ้ารู้ด้วยตนเองว่าเรื่องเหล่านี้จริง; เพราะพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงเรื่องเหล่านี้ให้ประจักษ์แก่ข้าพเจ้าโดยพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์; และนี่คือวิญญาณแห่งการเปิดเผยซึ่งอยู่กับข้าพเจ้า”24

พยานของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีผลสำคัญต่อชาวนีไฟและสังคมที่พวกเขาอยู่25 ไม่มีตัวอย่างใดดีกว่างานเผยแผ่ของพวกบุตรของโมไซยาห์ไปยังชาวเลมันเมื่อ 91 ปีก่อนการประสูติของพระผู้ช่วยให้รอด โดยการหมั่นค้นคว้าพระคัมภีร์ การอดอาหาร และการสวดอ้อนวอน ผู้สอนศาสนาที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ “จึงมีวิญญาณแห่งการพยากรณ์, และวิญญาณแห่งการเปิดเผย”26

งานของพวกเขาในบรรดาชาวเลมันมีอิทธิพลลึกซึ้งต่อวิถีแห่งประวัติศาสตร์ของชาวนีไฟกับชาวเลมัน เป็นครั้งแรกในรอบ 500 ปีที่ “[ชาวเลมัน] หลายพันคนมาเข้าถึงความรู้เรื่องพระเจ้า, … และพวกเขาได้รับการสอนถึงบันทึกและคำพยากรณ์”27 คำบรรยายของมอรมอนเกี่ยวกับประสบการณ์นี้เป็นคำสัญญาที่พยากรณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทำตามแบบอย่างของการเปิดเผยส่วนตัวผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์: “มากเท่าที่พวกท่านนำเขามาเข้าถึงความรู้เรื่องความจริง, โดยผ่านการสั่งสอนของแอมันกับพี่น้องท่าน, ตามวิญญาณแห่งการเปิดเผยและการพยากรณ์, และเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าที่ทำปาฏิหาริย์ในคนเหล่านั้น … เปลี่ยนใจเลื่อมใสมาหาพระเจ้า, จะไม่เคยตกเลยฉันนั้น”28

พี่น้องทั้งหลาย นี่คือพยานและอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เสริมสร้างศรัทธาในพระเยซูคริสต์และทำให้การเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระองค์ลึกซึ้งขึ้น

ศาสดาพยากรณ์ผู้เป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และต่อต้านความชั่ว

แบบอย่างที่สามของการเปิดเผยส่วนตัวคือศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ผู้ได้รับการประสาทพรด้วยพลังอำนาจและสิทธิอำนาจให้พูด “พระเจ้าตรัสไว้ดังนี้” ในเวลาจริงกับคนทั้งปวง นี่คือแบบอย่างของการพยากรณ์อันสำคัญยิ่งที่เราเห็นในพระคัมภีร์มอรมอนตลอดทั้งเล่ม นั่นคือ ศาสดาพยากรณ์กล่าวคำพยานถึงพระเยซูคริสต์ สอนพระกิตติคุณ ขอให้ผู้คนกลับใจ เตือนและต่อต้านความชั่วในสมัยของท่านเหล่านั้น29 โดยผ่านการเปิดเผย โดยเฉพาะจากเหล่าเทพ ศาสดาพยากรณ์ในพระคัมภีร์มอรมอนให้ข้อคิดที่ลึกซึ้งและยอดเยี่ยมมากมายแก่เราเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ หลักคำสอน และการชดใช้ของพระองค์30

ศาสดาพยากรณ์กล้าหาญและเฉียบขาดในการเรียกให้ผู้คนกลับใจ ด้วยเหตุนี้ ในพระคัมภีร์มอรมอนจึงมีคำสอนที่วิเศษยิ่งเรื่องการกลับใจของนีไฟ เจคอบ กษัตริย์เบ็นจามิน แอลมา อมิวเล็ค พวกบุตรของโมเซยาห์ แม่ทัพโมโรไน มอรมอน และโมโรไน31 ศาสดาพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้สอนด้วยความชัดเจน ความเฉียบขาด ความรัก และความหวัง คำสอนของท่านเหล่านั้นยังก้องอยู่ในหูเราโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์

  • “ท่านเกิดทางวิญญาณจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือ?”32

  • “หากท่านรู้สึกอยากร้องเพลงสดุดีความรักที่ไถ่, ท่านรู้สึกเช่นนั้นขณะนี้ได้หรือไม่?”33

  • “ดูเถิด, ท่านถอดความจองหองออกแล้วหรือ?”34

  • “จงกลับใจ, จงกลับใจเถิด, เพราะพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้ารับสั่งเรื่องนี้! … พระองค์ทรงส่งคำเชิญมาถึงมนุษย์ทั้งปวง, เพราะพระพาหุแห่งพระเมตตายื่นมาให้พวกเขา, และพระองค์ตรัส : จงกลับใจ, และเราจะรับเจ้าไว้”35

ศาสดาพยากรณ์ของพระคัมภีร์มอรมอนยืนหยัดต่อต้านคนชั่วผู้หมายมั่นดึงผู้คนไปจากพระเยซูคริสต์และทำลายศาสนจักรของพระองค์ คนอย่างเชเร็ม นีฮอร์ แอมลิไซ คอริฮอร์ อแมลิไคยาห์ และอีกหลายคนที่ปฏิปักษ์ทำให้สับสนและหลอกด้วยความชำนาญยิ่ง36 พวกเขามีความรู้มากในเรื่องภาษา ใช้แผนหรือข้อโต้แย้งแบบมีชั้นเชิงทำให้ความดีดูเหมือนความชั่วและความชั่วดูเหมือนความดี

พวกเขาป้อยอผู้คน โดยใช้ความถือดี ความจองหอง ความกระหายอำนาจ และความปรารถนาจะสนองความอยากของตน พระคัมภีร์กล่าวว่าพวกเขามี “พลังแห่งวาทศิลป์ [มาก], ตามอำนาจของมาร”37 และ “ทวีความรุนแรงในคำพูด”38 แม้คำสอน ข้อโต้แย้ง และคำสัญญาเหล่านี้ล้วนเป็นเท็จ แต่ดึงดูดมนุษย์ปุถุชนอย่างยิ่งจนคนจำนวนมากแตกแยกไปจากศาสนจักรและหลงทางกระทั่งศาสดาพยากรณ์ยืนว่ากล่าวและต่อต้านความชั่ว39

บัดนี้เมื่อคำพูดไม่มากพอ คนชั่วจึงหันมาใช้ความหวาดกลัว ฆาตกรรม และโจรกรรม ตั้งการมั่วสุมลับเพื่อปกปิดการทำชั่วของตน40

ศาสดาพยากรณ์ต่อต้านความชั่วแบบนี้ด้วยพระดำรัสเรียบง่ายชัดเจนของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยประจักษ์พยานของพวกท่านโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และโดยปาฏิหาริย์อันเกิดจากพระหัตถ์ของพระเจ้า ดังที่เจคอบกล่าวถึงการเผชิญหน้ากับเชเร็มว่า “พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงเทพระวิญญาณของพระองค์เข้ามาในจิตวิญญาณข้าพเจ้า, ถึงขนาดที่ข้าพเจ้าหักล้างถ้อยคำทั้งปวงของเขา”41

ศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่พูดแทนพระเจ้าในสมัยของเรา เมื่อเราฟังถ้อยคำของท่านเหล่านั้นด้วยพระวิญญาณ เราจะรับการเปิดเผยส่วนตัวโดยตรง รวมถึงการเปิดเผยยืนยันสิ่งที่ศาสดาพยากรณ์กล่าวว่าเป็นความจริง42 เมื่อเราสอนให้นักเรียนค้นหาถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่เพื่อตอบคำถามของพวกเขา เท่ากับเรานำทางพวกเขาไปหาแหล่งพลังของความจริงที่เปิดเผย นักเรียนของเราเรียนรู้ว่าการเปิดเผยส่วนตัวหลั่งไหลเข้ามาในชีวิตพวกเขาเมื่อพวกเขาทำตามศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ผู้เป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และต่อต้านความชั่ว43

การเรียนรู้หลักธรรมของการเปิดเผยส่วนตัวให้ลึกซึ้ง

พี่น้องทั้งหลาย เราพิจารณาการเปิดเผยส่วนตัวด้วยกันแล้ว ผ่านบันทึกศักดิ์สิทธิ์ พยานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ซึ่งนำเสนออย่างมีพลังในพระคัมภีร์มอรมอน44 เราได้พิจารณาสิ่งเหล่านี้แยกกัน แต่เกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งสามแบบเป็นส่วนหนึ่งของ “[การรวบรวม] ทุกสิ่ง … ให้อยู่ในพระคริสต์”45 ในสมัยการประทานนี้

แบบอย่างของการเปิดเผยส่วนตัวทั้งสามแบบนี้ร่วมกันเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ เสริมสร้างศรัทธาในพระองค์ และทำให้การเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระองค์ลึกซึ้งขึ้น นักเรียนของเราจำเป็นต้องเรียนรู้หลักธรรมของการเปิดเผยส่วนตัวให้ลึกซึ้งเพื่อรู้และเข้าใจเรื่องนี้ในความคิดและในใจพวกเขา พวกเขาต้องรู้วิธีทำสิ่งชอบธรรมจนได้รับการเปิดเผยส่วนตัว และพวกเขาต้องเติบโตในหลักธรรมแห่งการเปิดเผย และเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์มากยิ่งขึ้น

บัดนี้ข้าพเจ้าขอเสนอแนะบางประการที่หวังว่าท่านจะสอนนักเรียนของท่านขณะพวกเขาหมายมั่นเรียนรู้หลักธรรมนิรันดร์ของการเปิดเผยส่วนตัวให้ลึกซึ้ง

หนึ่ง การเปิดเผยส่วนตัวเป็นเรื่องใกล้ตัว

ถ้านักเรียนของเราจะทำให้ใจและความคิดของพวกเขาจดจ่ออยู่ที่พระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู พวกเขาจะรู้สึกถึงความรักของพระองค์ ชื่นชมยินดีในพระกิตติคุณ และใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น ความปรารถนาจะฟังสุรเสียงของพระองค์และรับแสงสว่างของพระองค์จะเพิ่มขึ้นในพวกเขา การเปิดเผยส่วนตัวเป็นเรื่องใกล้ตัว! พระเจ้าทรงรู้จักนักเรียนของเราอย่างสนิมสนมเป็นส่วนตัว พระองค์จะตรัสกับพวกเขาเป็นส่วนตัวด้วยความรักที่สมบูรณ์ ความเข้าอกเข้าใจ และทรงทราบว่าพวกเขาต้องการอะไร การเปิดเผยมาทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่เป็นพระวจนะของพระเจ้า พระองค์ทรงรัก ตรัส ทรงนำทาง ทรงคุ้มครอง นี่เป็นเรื่องใกล้ตัว

สอง นักเรียนทุกคนของเราสามารถรับการเปิดเผยส่วนตัวได้

การเปิดเผยส่วนตัวเกิดขึ้นกับวิญญาณโดยพระวิญญาณ เป็นการสื่อสารจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ต่อวิญญาณนิรันดร์ของนักเรียน46 นักเรียนทุกคนของเรามีความสามารถอยู่ในตนเองที่จะรับการเปิดเผยส่วนตัวจากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งทำงานตามกฎสวรรค์ ต้องพยายามให้ได้มา—หมั่นแสวงหาการเปิดเผยในการสวดอ้อนวอน การอดอาหาร การศึกษา การฟัง เขียน และปฏิบัติด้วยศรัทธาในพระเยซูคริสต์ ความพยายามเช่นนี้—และความชอบธรรมส่วนตัว—จะเปิดช่องของการเปิดเผยส่วนตัวซึ่งพวกเขาทุกคนมี

สาม นักเรียนสามารถรับการเปิดเผยได้มากขึ้นและต้องมากขึ้น

ความสามารถในการรับการเปิดเผยส่วนตัวของนักเรียนเพิ่มขึ้นได้ โดยแท้แล้วต้องเพิ่มขึ้นถ้าพวกเขาต้องการอยู่รอดทางวิญญาณและรับชีวิตนิรันดร์ นั่นเป็นจริงสำหรับเราด้วย นี่คือสาเหตุที่ประธานเนลสันกระตุ้นและขอร้องพวกเขา (และเรา) ให้ “เพิ่มสมรรถภาพทางวิญญาณเพื่อรับการเปิดเผย”47 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธสอนว่า “โดยเรียนรู้พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าและเข้าใจ [นักเรียนของเรา] จะเติบโตไปสู่หลักธรรมแห่งการเปิดเผย จน [พวกเขา] ดีพร้อมในพระเยซูคริสต์”48

สุดท้าย อย่าประเมินพลังการเปิดเผยของการทำตามศาสดาพยากรณ์ต่ำเกินไป

นักเรียนของเราอยู่ในช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมทว่าท้าทาย พวกเขาจะได้รับความคุ้มครองและพร การเปิดเผยจะหลั่งไหลเข้ามาในชีวิตถ้าพวกเขาจะทำตามคำแนะนำและคำเชื้อเชิญจากศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้า ศาสดาพยากรณ์พูดแทนพระเจ้า ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างปัจจุบัน เมื่อกล่าวถึงนักเรียนของเรา ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเขียนว่า “การที่ท่านสามารถมีผลต่อโลกมากกว่าคนรุ่นก่อนล้วนขึ้นอยู่กับระดับการอุทิศตนของท่านต่อพระเยซูคริสต์ แต่ละท่านมีหน้าที่ช่วยสอนพระกิตติคุณในบ้านให้คนที่ท่านอยู่ด้วย เซมินารีและสถาบันจะช่วยท่านปรับเปลี่ยนบ้านให้เป็นสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งศรัทธา—สถานที่สอน เรียนรู้ ดำเนินชีวิต และรักพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์”49

พี่น้องทั้งหลาย โปรดช่วยให้นักเรียนของเราทำตามศาสดาพยากรณ์ สอนให้พวกเขาสนับสนุนบิดามารดาในการทำให้บ้านเป็นศูนย์กลางของการเรียนพระกิตติคุณ สอนให้พวกเขาแบ่งปันความรักที่มีต่อพระเจ้าและพระกิตติคุณให้กับครอบครัวและมิตรสหาย ขณะทำเช่นนั้น พวกเขาจะได้รับ “การเปิดเผยมาเติมการเปิดเผย … สิ่งนั้นที่นำมาซึ่งปีติ, สิ่งนั้นที่นำมาซึ่งนิรันดรแห่งชีวิต”50 พวกเขาจะเป็นเหมือนกองทัพของฮีลามัน เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนที่รู้จักพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในบ้านของพวกเขาเอง

พยาน

พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานถึงพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเรา พระองค์ทรงพระชนม์ พระเยซูคือพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา ข้าพเจ้าทราบว่าพระองค์ทรงพระชนม์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำงานในชีวิตเรา สวรรค์เปิด นี่เป็นยุคของปาฏิหาริย์ ยุคของการเปิดเผยโดยอำนาจของ “พระวิญญาณ … ส่งออกไปโดยพระประสงค์ของพระบิดาโดยทางพระเยซูคริสต์, พระบุตรของพระองค์”51 ข้าพเจ้าทราบว่าเป็นความจริง ขอให้เราแต่ละคนแสวงหาการเปิดเผยจากพระเจ้าเพื่อช่วยให้นักเรียนแต่ละคน ทุกๆ คนเรียนรู้หลักธรรมนี้อย่างลึกซึ้งและรับการเปิดเผยส่วนตัวในชีวิตพวกเขาเวลานี้และตลอดไป

ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. แบบอย่างทั้งสามแบบนี้เห็นได้ในครอบครัวของลีไฮระหว่างพวกเขาเดินทางไปแผ่นดินที่สัญญาไว้ ลีไฮเป็นศาสดาพยากรณ์และพยากรณ์ต่อครอบครัว: เขาเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ ขอให้ครอบครัวกลับใจ และต่อต้านความชั่วในบรรดาพวกเขา นีไฟแสวงหาการเปิดเผยส่วนตัวเช่นเดียวกับบิดา และได้รับการเปิดเผยนั้นในความฝันและในนิมิต ในสุรเสียงกระซิบของพระวิญญาณ ในสุรเสียงของพระเจ้า และในการปฏิบัติของเหล่าเทพ พวกเขามีบันทึกศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นจารึกทองเหลืองที่เป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์

  2. ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:19.

  3. นีไฟอธิบายชัดเจนว่าลีไฮบิดาของเขาเป็นคนชอบเรียนรู้และรักภาษา ตอนเริ่มบันทึกของเขา นีไฟกล่าวว่า “ข้าพเจ้า, นีไฟ, โดยที่เกิดจากบิดามารดาผู้ประเสริฐ, ฉะนั้นข้าพเจ้าได้รับการสอนมาบ้างในสิ่งเรียนรู้ทั้งหมดของบิดาข้าพเจ้า; … ข้าพเจ้าทำบันทึกในภาษาของบิดาข้าพเจ้า, ซึ่งประกอบด้วยสิ่งเรียนรู้ของชาวยิวและภาษาของชาวอียิปต์ … ข้าพเจ้า, นีไฟ, มิได้ทำเรื่องราวครบถ้วนเกี่ยวกับสิ่งซึ่งบิดาข้าพเจ้าเขียนไว้” (1 นีไฟ 1:1–2, 16)

    ลีไฮเป็นคนรอบรู้ผู้เขียนเรื่องราวความฝัน นิมิต และคำพยากรณ์ของเขา แต่พระเจ้าทรงบัญชาให้เขาส่งบุตรของเขากลับไปเยรูซาเล็มเพื่อเสาะหาบันทึกของชาวยิวที่เลบันเก็บรักษาไว้

  4. 1 นีไฟ 3:19–20.

  5. ดู 1 นีไฟ 19:10 สำหรับตัวอย่างงานเขียนของศาสดาพยากรณ์ในแผ่นจารึกทองเหลืองที่ไม่มีให้เราอ่านในพระคัมภีร์ไบเบิล

  6. ดู 1 นีไฟ 6:4; 19:1, 21. แผ่นจารึกทองเหลืองยังคงเป็นแหล่งข้อคิดและการเปิดเผยตลอดประวัติศาสตร์ชาวนีไฟ 1,000 ปีหลังจากลีไฮ โมโรไนเขียนอ้างอิงอิสยาห์จากแผ่นจารึกทองเหลืองเกี่ยวกับพันธสัญญาของพระบิดาและวิงวอนขอเดชานุภาพการไถ่ของพระเยซูคริสต์ว่า “จงตื่น, และลุกขึ้นจากภัสมธุลี, โอ้เยรูซาเล็ม; แท้จริงแล้ว, และสวมอาภรณ์งดงามของท่าน, โอ้ธิดาของไซอัน; … เพื่อพันธสัญญาของพระบิดานิรันดร์ซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้กับท่าน, โอ้เชื้อสายแห่งอิสราเอล, จะเกิดสัมฤทธิผล.

    “แท้จริงแล้ว, จงมาหาพระคริสต์, และได้รับการทำให้ดีพร้อมในพระองค์, และปฏิเสธตนจากความไม่เป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าทุกอย่าง” (โมโรไน 10:31–32)

  7. ดู 1 นีไฟ 6:4; 19:21.

  8. ความสำคัญของภาษาและการเรียนรู้—ความสามารถในการอ่านเขียนและจดบันทึก—ฝังแน่นในสังคมชาวนีไฟจนแม้แต่ผู้ไม่เชื่อก็ยังพัฒนาความสามารถนั้น ตัวอย่างเช่น อมิวลอนปุโรหิตชั่วร้ายคนหนึ่งของกษัตริย์โนอาห์กลายเป็นผู้สอนของชาวเลมัน เขาสอนคนเหล่านั้นให้อ่านเขียนและจดบันทึก แม้แต่กองโจรแกดิแอนทันก็อ่านและเขียนจดหมาย นอกจากนี้ การสร้างสังคมของนักจดบันทึก นักอ่าน และผู้สอนศาสนาสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาหลักนิติธรรมในบรรดาผู้คนชาวนีไฟระหว่างการปกครองของผู้พิพากษา บันทึกและการจดบันทึกเช่นเดียวกับการอ่านและการสอนเป็นวิธีสำคัญซึ่งพระเจ้าประทานพรแก่ผู้คนชาวนีไฟทั้งทางโลกและทางวิญญาณ ในประสบการณ์นั้นมีรูปแบบหนึ่งสำหรับเราในยุคสมัยของเรา

  9. เราเห็นการใช้บันทึกเหล่านั้นในคำปราศรัยของกษัตริย์เบ็นจามินเมื่อเขาให้เขียนถ้อยคำของเขาแจกจ่ายให้คนที่ไม่ได้ยินเขา เราเห็นเช่นกันเมื่ออบินาไดอ่านพระบัญญัติของพระเจ้าจากแผ่นจารึกทองเหลืองให้พวกปุโรหิตชั่วร้ายของกษัตริย์โนอาห์ฟัง เราเห็นเช่นกันในบรรดาคนเหล่านั้นในแอมันไนฮาห์ผู้เชื่อแอลมาและอเมิวเล็ค และผู้ “เริ่มกลับใจ, และค้นคว้าพระคัมภีร์” (แอลมา 14:1) ภรรยาและลูกๆ ของผู้เชื่อ พร้อมทั้ง “บันทึก … ซึ่งมีพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์” (แอลมา 14:8) ถูกโยนเข้าไปในไฟและถูกทำลาย

  10. ดู โมไซยาห์ 1:2–5.

  11. ดู แอลมา 18:36 ที่ซึ่งแอมัน “วางไว้ต่อหน้า [กษัตริย์ลาโมไน] ทั้งบันทึกและพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์.”

  12. ดู แอลมา 37:8–9.

  13. ดู 3 นีไฟ 11:8–17. ผู้คนท่วมท้นด้วยปีติและกล่าวคำพยานถึงพระเยซูคริสต์ในคืนนั้นและกับคนหลายรุ่นหลังจากนั้น นีไฟโหลนของแอลมาผู้บุตรบันทึกเหตุการณ์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นซึ่งประกอบด้วยคำพยานอันน่าทึ่งเกี่ยวกับการฟื้นคืนพระชนม์และการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า

  14. พระเจ้ารับสั่งกับโจเซฟว่าพระองค์ประทานอำนาจให้ท่านแปลพระคัมภีร์มอรมอนโดย “พระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:29). บั้นปลายชีวิตของนีไฟ ท่านเรียกร้องให้ทุกคนที่เข้าสู่เส้นทางพันธสัญญาสะสมพระวจนะของพระคริสต์ คำขอร้องนั้นดังก้องมาตลอดประวัติศาสตร์ชาวนีไฟหลายศตวรรษในบ้าน ในสถานศักดิ์สิทธิ์ และในคำสอนของศาสดาพยากรณ์ คำสัญญาที่สร้างแรงบันดาลใจในคำขอร้องนั้นส่งผลต่อจิตใจเรา “ดังนั้น, ท่านต้องมุ่งหน้าด้วยความแน่วแน่ในพระคริสต์, โดยมีความเจิดจ้าอันบริบูรณ์แห่งความหวัง, และความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อมนุษย์ทั้งปวง. ดังนั้น, หากท่านจะมุ่งหน้า, ดื่มด่ำพระวจนะของพระคริสต์, และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่แล้ว, ดูเถิด, พระบิดาตรัสดังนี้: เจ้าจะมีชีวิตนิรันดร์” (2 นีไฟ 31:20; เน้นตัวเอน)

  15. แอลมา 37:18; ดู แอลมา 37:14–19 ด้วย. โมโรไนปกปักรักษาและดูแลแผ่นจารึกทองเหลือง เดวิด วิตเมอร์เป็นพยานว่าจริงในการสัมภาษณ์เมื่อปี 1878 กับโจเซฟ เอฟ. สมิธและออร์สัน แพรทท์ในริชมอนด์ มิสซูรี: “โจเซฟ ออลิเวอร์ และตัวข้าพเจ้า เราไม่เพียงเห็นแผ่นจารึกของพระคัมภีร์มอรมอนเท่านั้น แต่เห็นแผ่นจารึกทองเหลือง แผ่นจารึกของหนังสืออีเธอร์ … และแผ่นจารึกอีกมากมายด้วย ข้อเท็จจริงคือเราเห็นประหนึ่งโจเซฟ ออลิเวอร์ และข้าพเจ้ากำลังนั่งอยู่บนขอนไม้ขณะที่แสงส่องเหนือเรา ไม่เหมือนแสงของดวงอาทิตย์ … แต่เจิดจ้าและสวยงามกว่า … ที่นั่นเราเห็นโต๊ะตัวหนึ่ง มีบันทีกหรือแผ่นจารึกมากมายวางอยู่ข้างๆ แผ่นจารึกของพระคัมภีร์มอรมอน ดาบของเลบัน เครื่องชี้ทางซึ่งคือวัตถุทรงกลมที่ลีไฮมี และเครื่องแปลความหมาย ข้าพเจ้าเห็นสิ่งเหล่านั้นชัดเท่าๆ กับเห็นเตียงนี้ … และข้าพเจ้าได้ยินสุรเสียงของพระเจ้าชัดเท่าๆ กับได้ยินสิ่งต่างๆ ในชีวิตประกาศว่าบันทึกของแผ่นจารึกพระคัมภีร์มอรมอนแปลโดยของประทานและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า” (เดวิด วิตเมอร์ ในจดหมายของโจเซฟ เอฟ. สมิธถึงจอห์น เทย์เลอร์ Sept. 17, 1878, Joseph F. Smith papers, 1854–1918, Church History Library, Salt Lake City, 8–9)

  16. 1 นีไฟ 10:17. ใน 2 นีไฟ นีไฟอธิบายว่าคนๆ หนึ่งจะมีคุณสมบัติคู่ควรรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างไรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำอะไร “ประตูซึ่งโดยทางนั้นท่านต้องเข้าไปคือ การกลับใจและบัพติศมาโดยน้ำ; และเมื่อนั้นการปลดบาปของท่านจะมาถึงโดยไฟและโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ … เมื่อนั้นท่านย่อมอยู่ในทางคับแคบและแคบนี้ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์ … ท่านรับพระวิญญาณบริสุทธิ์, ซึ่งเป็นพยานถึงพระบิดาและพระบุตร, เพื่อให้สัญญาซึ่งพระองค์ทรงทำไว้เกิดสัมฤทธิผล, คือหากท่านเข้าไปโดยทางนั้นท่านจะได้รับพระวิญญาณ” (2 นีไฟ 31:17–18)

    “หากท่านจะเข้าไปโดยทางนั้น, และรับพระวิญญาณบริสุทธิ์, พระองค์จะทรงแสดงแก่ท่านถึงสิ่งทั้งปวงที่ท่านควรทำ” (2 นีไฟ 32:5)

  17. 1 นีไฟ 2:16.

  18. 1 นีไฟ 2:16.

  19. 1 นีไฟ 2:19.

  20. แบบอย่างเช่นนี้ประจักษ์ชัดในประสบการณ์มากมายของการเปิดเผยส่วนตัวในพระคัมภีร์มอรมอน พึงพิจารณาดังนี้:

    ความปรารถนาจะรู้ด้วยตัวเราเอง

    ความปรารถนาจะรู้ความจริง ได้รับคำตอบ ได้รับการนำทางหรือการปลอบโยนหรือการให้อภัย ซึ่งบ่อยครั้งเกิดจากพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า ผลักดันให้แสวงหาการเปิดเผยส่วนตัว นีไฟมี “ความปรารถนามากที่จะรู้ความลี้ลับของพระผู้เป็นเจ้า” (1 นีไฟ 2:16) “จิตวิญญาณ [ของอีนัส] หิวโหย” การให้อภัย (อีนัส 1:4) แอลมาร้องทูลในใจว่า “ข้าแต่พระเยซู, พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า, ขอพระองค์ทรงเมตตาข้าพระองค์” (แอลมา 36:18) นี่คือความปรารถนาจะรับการเปิดเผยจากพระผู้เป็นเจ้าจริงๆ

    การสวดอ้อนวอนด้วยเจตนาแท้จริง

    ความปรารถนาที่แท้จริงนำไปสู่การสวดอ้อนวอน บ่อยครั้งในที่เงียบสงัด เราแสวงหาการเปิดเผยจากพระบิดาบนสวรรค์ และเราทำเช่นนั้นด้วยการสวดอ้อนวอนจากใจ เกิดจากความปรารถนาจะรู้ นั่นคือการสวดอ้อนวอนด้วยเจตนาแท้จริงที่จะปฏิบัติตามสิ่งที่เราได้รับ นีไฟ อีนัส แอลมา พวกบุตรของโมไซยาห์ และฮีลามันกับนักรบหนุ่มของเขาสวดอ้อนวอนเช่นนั้น (ดู 1 นีไฟ 2:16; อีนัส 1:4; แอลมา 17:3; แอลมา 58:10–12)

    ความขยันหมั่นเพียรในการแสวงหา

    การแสวงหาการเปิดเผยเรียกร้องความขยันหมั่นเพียรในการแสวงหา ลองนึกถึงแอลมาผู้ “อดอาหารและสวดอ้อนวอนมาหลายวันเพื่อ [เขา] จะรู้เรื่องเหล่านี้ด้วยตนเอง” (แอลมา 5:46) ความขยันหมั่นเพียรในการแสวงหาการเปิดเผยหมายถึงการค้นคว้าพระคัมภีร์ การไตร่ตรอง การสวดอ้อนวอน และการอดอาหารเกี่ยวกับสิ่งที่เราอ่านและเรียนรู้ หมายถึงการเข้าเฝ้าพระบิดาบนสวรรค์บ่อยๆ และวางใจในจังหวะเวลาของพระองค์

  21. ดังที่เจคอบสอน ของประทานแห่งการเปิดเผยส่วนตัวผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์นำมาซึ่งของประทานฝ่ายวิญญาณ เพิ่มพูนศรัทธาในพระเยซูคริสต์ และทำให้การเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระเจ้าลึกซึ้งขึ้น “ดังนั้น, เราค้นหาศาสดาพยากรณ์, และเรามีการเปิดเผยหลายเรื่องและวิญญาณแห่งการพยากรณ์; และโดยการมีพยานทั้งหมดนี้เราจึงได้รับความหวัง, และศรัทธาของเราไม่สั่นคลอน, ถึงขนาดที่เราบัญชาได้จริงในพระนามของพระเยซูและต้นไม้พวกนี้เชื่อฟังเรา, หรือภูเขา, หรือคลื่นในทะเล.

    “กระนั้นก็ตาม, พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้ายังทรงแสดงให้เราเห็นความอ่อนแอของเราเพื่อเราจะรู้ว่าโดยพระคุณของพระองค์, และพระจริยวัตรอันอ่อนน้อมหาที่สุดมิได้ของพระองค์ที่มีต่อลูกหลานมนุษย์, เราจึงมีพลังความสามารถทำสิ่งเหล่านี้” (เจคอบ 4:6–7).

  22. เป็นจริงกับทุกวิธีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสื่อสารกับผู้คนของพระองค์ ตัวอย่างเช่น การปฏิบัติของเหล่าเทพเกิดขึ้นทั่วไปในบรรดาคนชอบธรรม แอลมาประกาศว่า “ดูเถิด, เทพกำลังประกาศ [การกลับใจ ] แก่คนเป็นอันมากในแผ่นดินของเราขณะนี้” (แอลมา 13:24) ก่อนการประสูติของพระผู้ช่วยให้รอดไม่นาน “เทพปรากฏต่อมนุษย์, นักปราชญ์, และประกาศข่าวอันน่ายินดีแห่งความปรีดียิ่งแก่พวกเขา” (ฮีลามัน 16:14)

  23. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:85.

  24. แอลมา 5:45–46.

  25. เมื่อแอลมาสอนผู้คนของแอมันไนฮาห์ เขาสรุปพรอันน่าทึ่งที่ชาวนีไฟได้รับและลักษณะของชุมชนพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงตั้งขึ้นในบรรดาพวกเขา แอลมา 9:20–22 กล่าวว่าพวกเขาเป็น “ผู้ที่โปรดปรานอย่างมากของพระเจ้า” “ทุกสิ่งเป็นที่รู้แก่พวกเขา, ตามความปรารถนาของพวกเขา, และศรัทธาของพวกเขา, และการสวดอ้อนวอน, เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นมา, และที่เป็นอยู่, และที่จะมาถึง” “ได้รับการมาเยือนโดยพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า; … สนทนากับเทพ, และโดยสุรเสียงของพระเจ้ารับสั่ง [กับพวกเขา]” และมี “วิญญาณแห่งการพยากรณ์, และวิญญาณแห่งการเปิดเผย, และของประทานหลายอย่างด้วย.”

  26. แอลมา 17:3; ดู แอลมา 17:1–3 ด้วย.

  27. แอลมา 23:5; ดู แอลมา 23:5–7 ด้วย.

  28. แอลมา 23:6.

  29. ที่นี่เรามุ่งเน้นบทบาทของศาสดาพยากรณ์แต่รับรู้ว่าศาสดาพยากรณ์คือผู้หยั่งรู้และผู้เปิดเผยด้วย ดังที่แอมันสอน “ผู้หยั่งรู้จะรู้ถึงสิ่งที่ผ่านมา, และถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วย, และโดยเครื่องแปลความหมายเหล่านี้สิ่งทั้งปวงจะเปิดเผย, หรือ, ที่จริงแล้ว, สิ่งลี้ลับจะแสดงให้ประจักษ์, และสิ่งที่ซ่อนอยู่ก็จะมาสู่ที่แจ้ง, และสิ่งที่ยังไม่เป็นที่รู้จักจะทำให้เป็นที่รู้จักกันโดยเครื่องแปลความหมายเหล่านี้, และเครื่องแปลความหมายเหล่านี้จะทำให้สิ่งต่างๆ เป็นที่รู้จัก มิเช่นนั้นแล้วไม่สามารถเป็นที่รู้จักได้” (โมไซยาห์ 8:16–17)

  30. พวกเขาทำเช่นนั้นด้วยพลังทางวิญญาณจนข่าวสารส่งผลต่อจิตใจคนที่พร้อมรับฟัง ตลอดประวัติศาสตร์ 1,000 ปี เราอ่านเกี่ยวกับผู้คนที่ “เปี่ยมด้วยความปีติยินดี” (1 นีไฟ 5:1; โมไซยาห์ 4:3) “จิตวิญญาณพวกเขาได้รับความสว่างโดยแสงสว่างของพระวจนะอันเป็นนิจ” (แอลมา 5:7), และ “ได้รับการไถ่จากพระเจ้า; … เกิดจากพระวิญญาณ” (โมไซยาห์ 27:24) หลายครั้ง “ผู้คนหลายพันคนเข้าร่วมกับศาสนจักรและได้รับบัพติศมาสู่การกลับใจ” (ฮีลามัน 3:24) ดูตัวอย่างบทบาทของเหล่าเทพในการเปิดเผยต่อศาสดาพยากรณ์ที่ทำให้ความรู้ของเราในหลักคำสอนของพระคริสต์ลึกซึ้งขึ้นใน โมไซยาห์ 3

  31. ดู 2 นีไฟ 31; เจคอบ 2; โมไซยาห์ 3; แอลมา 5; แอลมา 18, แอลมา 34; แอลมา 46; โมโรไน 7; โมโรไน 8; โมโรไน 10.

  32. แอลมา 5:14.

  33. แอลมา 5:26.

  34. แอลมา 5:28.

  35. แอลมา 5:32–33.

  36. ดู เจคอบ 7:1–20 (เชเร็ม); แอลมา 1:3–15 (นีฮอร์); แอลมา 2:1–31 (แอมลิไซ); แอลมา 30:3–59 (คอริฮอร์); แอลมา 46:3–11 (อแมลิไคยาห์).

  37. ดู เจคอบ 7:4.

  38. ดู แอลมา 30:31.

  39. เมื่อใกล้เวลาประสูติของพระผู้ช่วยให้รอด คนชั่วทำความชั่วยิ่งกว่าเดิม—พวกเขาตั้งการมั่วสุมลับขึ้น (ฮีลามัน 1:9–12; ฮีลามัน 2:4–5) ในแนวทางปฏิบัติแต่โบราณย้อนกลับไปจนถึงสมัยของอาดัมกับเอวา คนชั่วเหล่านี้ตั้งกลุ่มที่มุ่งหมายให้ได้อำนาจ สะสมความมั่งคั่ง ทำลายศาสนจักรและการปกครองโดยกระทำฆาตกรรมและโจรกรรมอย่างลับๆ เครื่องมือของพวกเขาไม่ใช่คำพูดแต่เป็นกระบอง ดาบ และมีด พวกเขาได้รับความคุ้มครองจากคำปฏิญาณและพันธสัญญาที่ทำต่อกันว่าจะไม่แพร่งพรายการทำชั่วของพวกเขา หากใครแพร่งพรายคนนั้นจะต้องถูกลงโทษถึงตาย (ดู ฮีลามัน 6:20–33; 3 นีไฟ 1:27–30)

  40. ดู ฮีลามัน 1:9–12; ฮีลามัน 2:4–5; ฮีลามัน 6:20–33; 3 นีไฟ 1:27–30.

  41. ดู เจคอบ 7:8.

  42. เพื่อสนทนาหลักธรรมนี้ ให้ดู เฮนรีย์ บี. อายริงก์ “การเปิดเผยต่อเนื่อง,” เลียโฮนา, พ.ย. 2014, 70–73.

  43. นี่เป็นความหมายของข่าวสารจากพระเจ้าถึงศาสดาพยากรณ์โจเซฟ: “สิ่งซึ่งมาจากพระผู้เป็นเจ้าเป็นความสว่าง; และคนที่รับความสว่าง, และดำเนินอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าต่อไป, รับความสว่างมากขึ้น; และความสว่างนั้นเจิดจ้ายิ่งขึ้นๆ จนถึงวันที่สมบูรณ์” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 50:24) ถึงแม้ชาวนีไฟไม่ชอบธรรมเสมอไป และแม้มีคนคัดค้านอยู่เสมอ แต่ศาสดาพยากรณ์ทำให้เปลวไฟแห่งศรัทธาสว่างจ้าตลอดเวลา ด้วยความกล้าหาญและพลังของการเปิดเผย พวกท่านปลุกใจผู้มีศรัทธาที่ท้อแท้และถูกข่มเหง พวกท่านช่วยให้คนมากมายตรึงชีวิตอยู่กับพระผู้ช่วยให้รอดและรับการเปิดเผยส่วนตัวที่นำพวกเขากลับมาหาพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์

  44. นักเรียนของเราสามารถอ่านและดูว่าบันทึกศักดิ์สิทธิ์ การเปิดเผยส่วนตัว และศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตเป็นพรแก่ชาวนีไฟและชาวเลมันอย่างไร เวลาที่นักเรียนอ่านพรอันน่าอัศจรรย์เหล่านี้ พวกเขาจะประสบพรเหล่านี้ด้วยตนเองถ้าพวกเขาจะน้อมรับ โดยศึกษาและค้นคว้าพระคัมภีร์มอรมอน และสวดอ้อนวอนขอการชี้นำทางวิญญาณ นักเรียนของเราจะได้รับความรู้และความเข้าใจในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และแผนของพระบิดา พวกเขาจะรู้วิธีดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ และได้รับพยานว่าสิ่งที่พวกเขาอ่านเป็นความจริง—ทั้งหมดโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์

  45. ดู เอเฟซัส 1:10.

  46. โจเซฟ สมิธสอนว่าขณะที่เราอยู่ในความเป็นมรรตัย การเปิดเผยส่วนตัวมา “สู่วิญญาณเราประหนึ่งเราไม่มีร่างกายเลย” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007],511)

  47. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 96.

  48. คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ (2007), 141.

  49. เพจอินสตาแกรมของประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน โพสต์จาก 22 มีนาคม 2019 โพสต์นี้ประกาศว่าปฏิทินและหลักสูตรเซมินารีจะเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่เดือนมกราคม 2020

  50. หลักคำสอนและพันธสัญญา 42:61.

  51. หลักคำสอนและพันธสัญญา 50:27.