เสมือนหน้าต่าง สู่จิตวิญญาณของคุณ

โดย ริชาร์ด เอ็ม. รอมนีย์

นิตยสารศาสนจักร

เมื่อพวกเขาร้องเพลงกับคณะนักร้องประสานเสียงวอร์ดของพวกเขาในเทศกาลดนตรีระหว่างศาสนา วัยรุ่นเหล่านี้เรียนรู้ว่าดนตรีนำผู้ที่มีความเชื่อทั้งหมดมารวมกันได้อย่างไร

เมแกน ซี., อีธาน เอ็ม., และโรมี ซี. มีสิ่งที่เหมือนกันคือ พวกเขารักดนตรีที่แสดงถึงความเคารพ พวกเขาชอบวิธีที่ดนตรีสร้างความเบิกบานและสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาในวิธีที่ทำให้พวกเขารู้สึก และพวกเขาชอบที่จะเห็นว่าดนตรีสร้างความเบิกบานและสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ได้อย่างไร

เมแกน อายุ 18 ปี, อีธาน อายุ 19 ปี, และโรมี อายุ 17 ปี ยังมีสิ่งอื่นที่เหมือนกันอีกคือ ทุกคนร้องเพลงในคณะนักร้องประสานเสียงวอร์ดที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา และเมื่อไม่นานมานี้ คณะนักร้องประสานเสียงให้โอกาสที่ดีขึ้นแก่พวกเขาได้แบ่งปันความรักที่มีต่อดนตรีโดยการเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีระหว่างศาสนา

“ชุมชนของเรามีความร่วมมือระหว่างศาสนาซึ่งช่วยรวมผู้คนที่มีศรัทธาต่างกันเข้าไว้ด้วยกัน” อีธานอธิบาย ตัวอย่างเช่น กลุ่มนี้เป็นเจ้าภาพการสนทนาในวงอาหารค่ำแบบอิฟตาร์ (มื้อค่ำเมื่อชาวมุสลิมจบการอดอาหารประจำวันระหว่างเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์) จัดโครงการบำเพ็ญประโยชน์ต่างๆ เช่น จัดเตรียมสิ่งของสำหรับเด็กๆ ที่ขัดสนลงในกระเป๋านักเรียน และจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ทุกคนนำอาหารมาร่วมกันหลายมื้อ โดยมีผู้คนที่ไม่รู้จักกันนั่งข้างกันที่โต๊ะเดียวกันและพูดคุยเกี่ยวกับอาหาร ประเพณี และความเชื่อที่น่ายินดีในวัฒนธรรมของพวกเขา

สมาชิกของคณะนักร้องประสานเสียงเพลิดเพลินไปกับการรับประทานอาหารมื้อค่ำ และรับใช้ผู้นับถือศาสนาอื่นๆ

เป็นเพื่อนกันนะ

แน่นอนว่าเป้าหมายของความร่วมมือคือการช่วยให้ผู้คนจากภูมิหลังที่แตกต่างกันมาเป็นเพื่อนกัน

“มีครอบครัวชาวตุรกีที่ฉันมักพบเห็นที่อาหารมื้อค่ำระหว่างศาสนา และพวกเขาก็ตรงดิ่งเข้าหาฉันแล้วพูดว่า ‘เรามีความสุขมากที่ได้พบคุณอีก!” โรมีกล่าว “ในโลกที่มีการกดขี่ข่มเหงทางศาสนาและศรัทธามากมาย เป็นเรื่องดีที่เราทุกคนสามารถมารวมตัวกันและพูดคุยกันได้” ในระหว่างโครงการบำเพ็ญประโยชน์งานหนึ่ง “สุภาพสตรีในศาสนจักรอีกแห่งหนึ่งน่ารักมาก” เธอกล่าว “พวกเขาไม่สนใจเรื่องศาสนาของใคร พวกเขาอยู่ที่นั่นเพียงเพื่อให้ความช่วยเหลือ น่าชื่นใจมาก”

“เราอาจเชื่อในสิ่งที่แตกต่างกัน” เมแกนกล่าว “แต่ฉันเคารพในความเชื่อของผู้อื่นเสมอและเป็นเรื่องดีที่จะเชื่อมความสัมพันธ์กับพวกเขาในสถานที่ที่เราทุกคนต้องการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน”

“ศาสนจักรของเราเป็นหนึ่งในสมาชิกใหม่ของกลุ่มความร่วมมือ” อีธานกล่าว “ดังนั้นผมจึงซาบซึ้งมากที่พวกเขาช่างใจดีและให้การยอมรับเรามาก ผมรู้ว่าผู้คนเข้าใจศาสนจักรผิดไปในบางที่ ดังนั้น ผมจึงรู้สึกซาบซึ้งเสมอเมื่อผู้อื่นสามารถยอมรับความแตกต่างของกันและกันและมองหาสิ่งที่เรามีร่วมกันได้”

พร้อมใจกัน

และหนึ่งในสิ่งที่กลุ่มศาสนามีเหมือนกันคือดนตรี เทศกาลดนตรีระหว่างศาสนาถือเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมสำหรับผู้มีความเชื่อ ในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า คณะนักร้องประสานเสียงวอร์ดน่าจะเป็นหนึ่งในหลายกลุ่มที่เป็นตัวแทนของการประชุมนมัสการทั่วเมือง

“มีกระดิ่งมือ, นักร้องคู่, วงนักร้องประสานเสียงขนาดใหญ่, วงนักร้องประสานเสียงขนาดเล็ก, คู่ฟลุตและเปียโน และอื่นๆ อีกมากมาย” เมแกนอธิบาย “ทุกกลุ่มมีผู้ขอให้แสดงสองเพลง”

เมแกนกล่าวต่อไปว่า “เราต้องการให้แน่ใจว่าเพลงที่เราร้องจะทำให้ผู้คนรู้ว่าเราเชื่อในพระเยซูคริสต์และเราเชื่อในพระบิดาบนสวรรค์ด้วย เราต้องการสร้างความรู้สึกแห่งการนมัสการ”

คณะนักร้องประสานเสียงตัดสินใจเลือกสองบทเพลงที่พวกเขาเคยแสดงก่อนหน้านี้ “Great Things and Small Things,” (“สิ่งยิ่งใหญ่และสิ่งเล็กน้อย”) โดย สตีเวน คาปป์ เพอร์รี และ “Sacraments and Symbols” (“ศีลระลึกและสัญลักษณ์”)โดย เจนิซ คาปป์, สตีเวน คาปป์ เพอร์รี และ ลินน์ เพอร์รี่ คริสทอฟฟ์เฟอร์สัน

“เพลงแรกสนุกสนานรื่นเริง ให้ความมั่นใจว่าโดยผ่านพระผู้เป็นเจ้า คุณสามารถทำอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือสำคัญมาก” อีธานกล่าว “เพลงที่สองมีความคารวะที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง แทบจะเหมือนการสวดมนต์ และสร้างความรู้สึกที่แท้จริงของการนมัสการ”

ฝึกฝน ฝึกฝน ฝึกฝน

ขณะพวกเขาเตรียมร้องเพลง อีธานใช้วิธีที่เขาเคยใช้มาก่อน “ผมพยายามจัดลำดับความสำคัญเพื่อฟังและฝึกร้องเพลง” เขากล่าว “ผมพบว่าเมื่อผมสามารถใส่ใจกับความหมายของเพลง ผมจะเพลิดเพลินไปกับเพลงได้มากขึ้น แน่นอนว่าผมต้องแน่ใจว่าผมร้องเพลงได้อย่างถูกต้อง แต่ผมพบว่ามันง่ายกว่าสำหรับผมที่จะทำเช่นนั้นเมื่อผมเข้าใจข้อความที่จะสื่อออกมา ผมชอบให้ความสำคัญกับการเตรียมทางวิญญาณ”

“เรายังต้องร้องเพลงในการประชุมศีลระลึกและฝึกเพื่องานอื่นๆ อีกด้วย” เมแกนกล่าว “แต่เราทราบถึงความสำคัญของเทศกาลระหว่างศาสนา เราจึงต้องแน่ใจว่าเพลงนั้นพร้อมแล้ว เราซ้อมอย่างหนัก”

สำหรับเพลงที่สอง สมาชิกคณะนักร้องประสานเสียง 14 คนจะลดลงเหลือแปดคน “เราจะฝึกซ้อมวันอังคาร ต่อหน้าเยาวชนชายและเยาวชนหญิง” เมแกนกล่าว “นั่นทำให้ฉันนึกถึงเพลงนี้ตลอดทั้งสัปดาห์ ทั้งเดือนเลยจริงๆ โดยปกติฉันไม่ได้ทำแบบนี้ แต่ฉันเจอเพลงนี้บนยูทูปและเล่นซ้ำไปเรื่อยๆ ฉันต้องการพัฒนาขึ้น ฉันอยากให้เราร้องเพลงได้ดีจนสามารถสร้างความรู้สึกให้ผู้อื่นได้”

อีธาน เมแกน และโรมีเห็นด้วยว่าการฝึกซ้อมทั้งหมดมีประโยชน์เพิ่มขึ้น “เมื่อคุณฟังเพลงซ้ำไปซ้ำมา” โรมีกล่าว “ข้อความของเพลงจะอยู่ในความคิดและในใจของคุณ”

คณะนักร้องประสานเสียงแสดงที่เทศกาลดนตรีระหว่างศาสนา

ในความคิด ในใจ

การอยู่ในความคิดและใจของพวกเขาปรากฏชัดในขณะที่สมาชิกร้องเพลงประสานเสียง “ทั้งสองเพลงไพเราะมาก” โรมีกล่าว “ผู้ชมเงียบงันและทุกคนรู้สึกถึงพระวิญญาณขณะเราร้องเพลงทั้งสองเพลงนั้น พวกเราทุกคนรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน”

“เพลงแรกเป็นเพลงที่มีความสุขสำหรับฉันเสมอ” เมแกนกล่าว “ฉันรู้สึกว่าเพลงมีอิทธิพลกับผู้คนในเทศกาล ฉันสนุกเวลาร้องเพลงนั้นและหวังว่าทุกคนจะชอบเช่นกัน ส่วนเพลงที่สอง เสียงผสมผสานกันอย่างลงตัวมาก ฉันคิดว่าทุกคนที่ฟังรู้สึกได้ถึงเจตนารมณ์ของความเคารพและความยำเกรงพระผู้เป็นเจ้า”

ในช่วงเย็น เมแกนพูดต่อไป “เราสามารถพูดคุยกับผู้ร่วมงานและผู้ชมได้ ฉันทราบดีว่าผู้คนต่างถามผู้อำนวยการของคณะนักร้องประสานเสียงเกี่ยวกับเพลงที่เราร้อง ’ว่าเป็นดนตรีประเภทไหน?’ หรือ ‘คุณหาทำนองมาจากไหน?’ เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันและพูดคุยเกี่ยวกับเพลงที่เราทุกคนแบ่งปันกัน ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันสามารถเข้าใจพวกเขาได้มากขึ้นผ่านเพลงของเขา และพวกเขาก็เข้าใจเราได้ดีขึ้นเพราะเพลงของเรา เพลงเป็นเสมือนหน้าต่างสู่จิตวิญญาณของคุณ”

ความหมายของเพลงต่อฉัน

เมแกน : “มีเหตุผลที่เรามีเพลงสวด และมีเหตุผลที่เรามีดนตรีโดยทั่วไป ฉันคิดว่านั่นเป็นเพราะพระเจ้าทรงต้องการให้เรารู้สึกสันติกับพระองค์ หนึ่งในช่วงเวลาสำคัญที่ฉันรู้สึกได้ถึงพระวิญญาณคือเวลาที่ฉันนึกถึงเพลงสวดศีลระลึก นั่นช่วยให้เราระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดและทุกอย่างที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา”

อีธาน : “ดนตรีเป็นเรื่องเกี่ยวกับการส่งผ่านอารมณ์ที่อยู่เบื้องหลังข้อความ มีความแตกต่างระหว่างการพูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยผมผ่านการทดลองได้’ ซึ่งเป็นเรื่องดีและเป็นจริง กับการร้องเพลงสวดโดยมีข้อความเดียวกันนี้ คุณต้องมีความพยายามมากขึ้นอีกหน่อยในฐานะนักร้อง ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจและเชื่อมโยงกับข้อความนั้นได้ลึกซึ้งขึ้นจริงๆ ดนตรีทำหน้าที่ขยายสิ่งที่คุณต้องการพูดกับใครก็ตามที่กำลังฟัง”

โรมี: “เมื่อฉันฟังเพลงศักดิ์สิทธิ์ ฉันรู้สึกใกล้ชิดกับพระเยซูคริสต์มากขึ้น ฉันรู้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงนำดนตรีมาสู่โลกนี้เพื่อให้เราชื่นชมยินดีและนำผู้อื่นมาสู่พระองค์ เมื่อฉันต้องการรู้สึกถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ ฉันจะร้องเพลงสวดอยู่ในใจและในความคิด นี่คือหนึ่งในวิธีโปรดของฉันในการชื่นชมยินดี”