ถวิลหาบ้าน
จงหันจิตวิญญาณท่านไปทางแสงสว่าง เริ่มการเดินทางกลับบ้านอันแสนวิเศษของท่าน เมื่อท่านทำดังนั้น ชีวิตของท่านจะดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น และมีจุดประสงค์มากขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่เราพบกับประธานโธมัส เอส. มอนสัน ท่านบอกกับเราอย่างจริงจังและด้วยสีหน้าที่มีความสุข ว่าท่านรักพระเจ้าเพียงใดและทราบว่าพระเจ้าทรงรักท่าน พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบว่าประธานมอนสันสำนึกคุณอย่างยิ่งสำหรับความรัก คำสอนอ้อนวอน และการอุทิศตนที่ท่านมีต่อพระเจ้าและพระกิตติคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
บอบบี้ สุนัขมหัศจรรย์
เกือบหนึ่งศตวรรษมาแล้ว ครอบครัวหนึ่งจากออริกอนไปพักร้อนที่อินเดียนา—ไกลออกไปกว่า 2,000 ไมล์ ( 3,200 กม.)—เมื่อบอบบี้ สุนัขที่รักของพวกเขาหายไป ครอบครัวที่ตื่นตระหนกค้นหาสุนัขทุกหนทุกแห่งแต่ก็ไม่สำเร็จ พวกเขาไม่พบบอบบี้
หัวใจแตกสลาย พวกเขาเดินทางกลับบ้าน แต่ละไมล์ยิ่งทำให้พวกเขาห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงที่พวกเขารักมากขึ้น
หกเดือนต่อมา ครอบครัวนี้ถึงกับตกตะลึงเมื่อพบบอบบี้ที่หน้าประตูบ้านของพวกเขาในออริกอน “สกปรก ผอมแห้ง เท้าแตกถึงกระดูก—ดูเหมือนว่า [มัน] เดินตลอดระยะทางทั้งหมด … ด้วยตนเอง”1 เรื่องราวของบอบบี้เป็นที่สนใจของผู้คนทั่วสหรัฐ ใครๆ ก็รู้จัก บอบบี้ สุนัขมหัศจรรย์
บอบบี้ไม่ได้เป็นเพียงสัตว์ตัวเดียวที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์งงงันกับประสาทสัมผัสด้านทิศทางอันน่าอัศจรรย์และสัญชาตญาณที่รู้ว่าบ้านอยู่ที่ไหน ฝูงผีเสื้อจักรพรรดิบางฝูงพากันบินอพยพ 3,000 ไมล์ ( 4,800 กม.) ในแต่ละปีไปยังถิ่นที่เอื้อต่อการมีชีวิตรอด เต่ามะเฟืองเดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจากอินโดนีเซียไปยังชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย วาฬหลังค่อมว่ายจากผืนน้ำเย็นเฉียบของขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ไปยังเส้นศูนย์สูตรและว่ายกลับ ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นคือ นกนางนวลอาร์กติกบินจากวงกลมอาร์กติกไปยังแอนตาร์กติกาและบินกลับทุกปี เป็นระยะทาง 60,000 ไมล์ (97,000 กม.)
เมื่อนักวิทยาศาสตร์ศึกษาพฤติกรรมที่เหลือเชื่อนี้ พวกเขาถามคำถามเช่น “พวกมันรู้ได้อย่างไรว่าจะไปที่ไหน” และ “รุ่นต่อมาแต่ละรุ่นเรียนรู้พฤติกรรมนี้ได้อย่างไร”
เมื่อข้าพเจ้าอ่านเรื่องสัญชาตญาณอันทรงพลังนี้ในสัตว์ต่างๆ ข้าพเจ้าอดสงสัยไม่ได้ว่า “เป็นไปได้ไหมที่มนุษย์จะมีความถวิลหาแบบเดียวกันนี้—ข้าพเจ้าขอเรียกว่าระบบนำทางภายใน—ที่ดึงพวกเขามาหาบ้านบนสวรรค์”
ข้าพเจ้าเชื่อว่าชาย หญิง และเด็กทุกคนเคยรู้สึกถึงเสียงเรียกจากสวรรค์ ณ ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต ลึกลงไปในใจเรามีความโหยหาที่จะเอื้อมผ่านม่านและโอบกอดพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ซึ่งครั้งหนึ่งเราเคยรู้จักและรักใคร่
บางคนอาจข่มความถวิลหานี้และทำให้จิตวิญญาณเย็นชาต่อเสียงเรียกดังกล่าว แต่ผู้ที่ไม่ได้ดับไฟในตนเองสามารถเริ่มการเดินทางอันน่าอัศจรรย์—การอพยพอันน่าพิศวงสู่แดนดินถิ่นสวรรค์
พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกท่าน
ข่าวสารอันประเสริฐของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายคือพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเรา พระองค์ทรงห่วงใยเรา และมีวิธีกลับไปหาพระองค์
พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกท่าน
พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบความคิด ความโศกเศร้า และความหวังอันยิ่งใหญ่ที่สุดทั้งหมดของท่าน พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบทุกครั้งที่ท่านแสวงหาพระองค์ ทุกครั้งที่ท่านรู้สึกปีติยินดีอย่างไร้ขีดจำกัด ทุกครั้งที่ท่านร้องไห้ในความเดียวดาย ทุกครั้งที่ท่านรู้สึกสิ้นหวัง สับสน หรือโกรธ
กระนั้น ไม่ว่าท่านเคยทำอะไรหรือประสบอะไรมา—หากท่านสะดุดล้ม ล้มเหลว ใจสลาย ขมขื่น ถูกทรยศ หรือถูกทำร้าย—จงรู้ว่าท่านไม่เดียวดาย พระผู้เป็นเจ้ายังทรงเรียกท่าน
พระผู้ช่วยให้รอดทรงยื่นพระหัตถ์มาให้ท่าน และดังที่พระองค์ทรงทำต่อชาวประมงเหล่านั้นซึ่งยืนอยู่บนชายฝั่งทะเลกาลิลีเมื่อนานมาแล้ว ด้วยความรักอันหาที่สุดมิได้พระองค์ตรัสกับท่านว่า “จงตามเรามา”2
หากท่านจะฟังพระองค์ พระองค์จะตรัสกับท่านในวันนี้
เมื่อท่านเดินตามเส้นทางแห่งการเป็นสานุศิษย์—เมื่อท่านเคลื่อนเข้าหาพระบิดาบนสวรรค์—มีบางสิ่งภายในท่านที่จะยืนยันว่าท่านเคยได้ยินพระสุรเสียงเรียกจากพระผู้ช่วยให้รอดและใจท่านมุ่งไปหาแสงสว่าง สิ่งนี้จะบอกท่านว่าท่านอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง และท่านกำลังกลับบ้าน
นับตั้งแต่กาลเริ่มต้น ศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าได้กระตุ้นให้ผู้คนในสมัยของท่าน “ฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน … รักษาพระบัญญัติและกฎเกณฑ์ของพระองค์ … [และ] หันกลับมาหา [พระองค์] พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน”3
พระคัมภีร์สอนเราถึงเหตุผลนับพันข้อว่าเหตุใดเราควรทำสิ่งนี้
วันนี้ ข้าพเจ้าขอนำเสนอเหตุผลสองประการว่าเหตุใดเราควรหันไปหาพระเจ้า
หนึ่ง ชีวิตของท่านจะดีขึ้น
สอง พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้ท่านเพื่อทำให้ชีวิตของผู้อื่นดีขึ้น
ชีวิตของท่านจะดีขึ้น
ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเมื่อเราเริ่มออกเดินทางหรือดำเนินต่อไปในการเดินทางอันเหลือเชื่อที่นำไปสู่พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตของเราจะดีขึ้น
นี่ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะไม่มีความทุกข์โศกอีกต่อไป เราทุกคนรู้เรื่องราวของผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของพระคริสต์ซึ่งทนทุกข์กับเรื่องเศร้าและความอยุติธรรม—พระเยซูคริสต์พระองค์เองทรงทนทุกข์มากกว่าใคร เช่นเดียวกับที่พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ “ดวงอาทิตย์ … ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน” พระองค์ทรงปล่อยให้มีความทุกข์ยากเพื่อทดสอบคนชอบธรรมและคนอธรรม4 อันที่จริง บางครั้งดูเหมือนว่าชีวิตเราลำบากกว่าเดิม เพราะ เรากำลังพยายามดำเนินชีวิตตามความเชื่อของเรา
การติดตามพระผู้ช่วยให้รอดจะไม่นำเอาการทดลองทั้งหมดของท่านออกไป แต่จะนำเอากำแพงกั้นระหว่างท่านกับความช่วยเหลือที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงประสงค์จะให้ท่านออกไป พระผู้เป็นเจ้าจะทรงอยู่กับท่าน พระองค์จะทรงกำกับดูแลก้าวย่างของท่าน พระองค์จะทรงดำเนินเคียงข้างท่านและทรงอุ้มท่านในยามที่ท่านต้องการมากที่สุด
ท่านจะประสบกับผลอันประเสริฐของพระวิญญาณ ซึ่งได้แก่ “ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี [และ] ความซื่อสัตย์”5
ผลทางวิญญาณเหล่านี้ไม่ใช่ผลผลิตของความเจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จ หรือโชคลาภทางโลก ผลเหล่านี้มาจากการติดตามพระผู้ช่วยให้รอด และสามารถเป็นผู้ปรนนิบัติที่ซื่อสัตย์ของเราได้แม้ท่ามกลางพายุที่มืดมนที่สุด
เปลวเพลิงและความโกลาหลของชีวิตมรรตัยอาจคุกคามและข่มขวัญ แต่คนที่น้อมใจของพวกเขาไปหาพระผู้เป็นเจ้าจะแวดล้อมด้วยสันติสุขของพระองค์ ปีติของพวกเขาจะไม่เสื่อมสลาย พวกเขาจะไม่ถูกทอดทิ้งหรือถูกลืม
“จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า” พระคัมภีร์สอน “และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้าแล้วพระองค์เองจะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น”6
คนที่เอาใจใส่เสียงเรียกภายในและแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า คนที่สวดอ้อนวอน เชื่อ และเดินบนเส้นทางที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเตรียมไว้—แม้พวกเขาจะสะดุดล้มตามทางเป็นครั้งคราว—จะได้รับการยืนยันปลอบใจว่า “สิ่งทั้งปวงจะร่วมกันส่งผลเพื่อความดีของ [พวกเขา]”7
เพราะพระผู้เป็นเจ้า “ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ยและผู้ไม่มีพลังนั้นพระองค์ทรงให้มีเรี่ยวแรงมาก”8
“เพราะคนชอบธรรมล้มลงเจ็ดครั้งแล้วก็ลุกขึ้นอีก”9
และพระเจ้าในพระคุณความดีของพระองค์ตรัสถาม:
ท่านต้องการประสบปีติที่ยั่งยืนหรือไม่
ท่านถวิลหาความรู้สึกในใจท่านถึงสันติสุขที่เกินความเข้าใจหรือไม่10
ฉะนั้นจงหันจิตวิญญาณท่านไปทางแสงสว่าง
เริ่มการเดินทางกลับบ้านอันแสนวิเศษของท่าน
เมื่อท่านทำดังนั้น ชีวิตของท่านจะดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น และมีจุดประสงค์มากขึ้น
พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้ท่าน
ในการเดินทางกลับสู่พระบิดาบนสวรรค์ ไม่นานท่านจะตระหนักว่าการเดินทางนี้ไม่ได้เป็นเพียงการมุ่งความสำคัญที่ชีวิตของท่านเอง ไม่เลย เส้นทางนี้จะนำท่านไปสู่การเป็นพรในชีวิตบุตรธิดาคนอื่นๆ ของพระผู้เป็นเจ้า—พี่น้องของท่าน และสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเดินทางนี้คือขณะที่ท่านรับใช้พระผู้เป็นเจ้า และขณะที่ท่านเอาใจใส่และช่วยเพื่อนมนุษย์ ท่านจะเห็นความก้าวหน้าใหญ่หลวงในชีวิตของท่านเอง ในวิธีที่ท่านนึกไม่ถึงเลย
บางทีท่านอาจคิดว่าตนเองไม่ได้มีประโยชน์มากนัก บางทีท่านอาจคิดว่าตนเองไม่ได้เป็นพรในชีวิตของคนอื่น บ่อยครั้งเมื่อเรามองดูตัวเราเอง เราเห็นแต่ข้อจำกัดและความบกพร่องของเรา เราอาจคิดว่าเราต้องเป็นบางสิ่ง “มากขึ้น” เพื่อพระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้เรา—ฉลาดมากขึ้น รวยมากขึ้น มีเสน่ห์มากขึ้น มีพรสวรรค์มากขึ้น และมีความเข้มแข็งทางวิญญาณมากขึ้น พรจะมาไม่ใช่เพราะความสามารถของท่านแต่มาเพราะการเลือกของท่าน และพระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลจักรวาลจะทรงทำงานภายในท่านและผ่านท่าน ขยายความพยายามอันนอบน้อมถ่อมตนของท่านเพื่อจุดประสงค์ของพระองค์
งานของพระองค์ก้าวหน้าด้วยหลักธรรมสำคัญนี้เสมอ “จากสิ่งเล็กน้อยบังเกิดเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่”11
เมื่ออัครสาวกเปาโลเขียนถึงวิสุทธิชนในโครินธ์ ท่านสังเกตว่ามีเพียงไม่กี่คนที่นับว่าฉลาดตามมาตรฐานของโลก แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ เพราะ “พระเจ้า … ได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้พวกที่แข็งแรงอับอาย”12
ประวัติการทำงานของพระผู้เป็นเจ้าเต็มไปด้วยผู้คนที่คิดว่าตนเองไม่คู่ควร แต่พวกเขารับใช้อย่างนอบน้อมถ่อมตน โดยพึ่งพาพระคุณของพระผู้เป็นเจ้าและคำสัญญาของพระองค์ที่ว่า “แขนของพวกเขาจะเป็นแขนของเรา, และเราจะเป็นโล่ของพวกเขา … , และพวกเขาจะต่อสู้เพื่อเราอย่างลูกผู้ชาย … เราจะปกปักรักษาพวกเขา”13
ฤดูร้อนที่ผ่านมานี้ครอบครัวของเรามีโอกาสพิเศษที่ได้ไปเยี่ยมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของศาสนจักรยุคแรกๆ บางแห่งในฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ในวิธีพิเศษ เราหวนระลึกถึงประวัติศาสตร์ของช่วงเวลานั้น ผู้คนที่ข้าพเจ้าเคยอ่านเรื่องราวของพวกเขามากมาย—อาทิ มาร์ติน แฮร์ริส, ออลิเวอร์ คาวเดอรี และ โธมัส บี. มาร์ช—มีตัวตนมากขึ้นสำหรับข้าพเจ้าขณะเราเดินอยู่ในบริเวณที่พวกเขาเคยเดินและไตร่ตรองถึงการเสียสละที่พวกเขาทำเพื่อสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า
พวกเขามีลักษณะนิสัยดีๆ หลายอย่างที่ช่วยให้พวกเขามีส่วนสำคัญต่อการฟื้นฟูศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ แต่พวกเขาก็เป็นมนุษย์เช่นกัน มีความอ่อนแอและผิดพลาดได้—เช่นเดียวกับท่านและข้าพเจ้า บางคนพบว่าตนเองไม่เห็นด้วยกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและตกไปจากศาสนจักร ต่อมาภายหลัง คนเหล่านั้นหลายคนกลับใจ นอบน้อมถ่อมตน และแสวงหาจนพบสัมพันธภาพกับวิสุทธิชนอีกครั้ง
เราอาจมีนิสัยชอบตัดสินพี่น้องชายเหล่านี้และสมาชิกคนอื่นๆ เหมือนพวกเขา เราอาจพูดว่า “ฉันจะไม่มีวันทอดทิ้งศาสดาพยากรณ์โจเซฟ”
นั่นอาจเป็นเรื่องจริง แต่เราไม่รู้เลยว่าการดำเนินชีวิตในสมัยนั้นเป็นอย่างไร ในสภาวการณ์เหล่านั้น ไม่เลย พวกเขาไม่ได้ดีพร้อม แต่ช่างมีกำลังใจเหลือเกินที่รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงใช้พวกเขาได้อยู่ดี พระองค์ทรงทราบถึงความเข้มแข็งและความอ่อนแอของพวกเขา พระองค์ประทานโอกาสพิเศษให้พวกเขาเขียนเนื้อร้องหนึ่งข้อหรือโน้ตหนึ่งตัวในบทเพลงสรรเสริญอันเลื่องลือของการฟื้นฟู
ช่างมีกำลังใจเหลือเกินที่รู้ว่า แม้ เรา จะไม่ดีพร้อม หากเราหันใจเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงเอื้อเฟื้อและทรงมีพระเมตตาใช้เราเพื่อจุดประสงค์ของพระองค์
คนที่รักและรับใช้พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์ คนที่มีส่วนร่วมในงานของพระองค์อย่างนอบน้อมถ่อมตนและแข็งขัน จะเห็นสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นในชีวิตพวกเขาและในชีวิตคนที่พวกเขารัก
ประตูที่ดูเหมือนปิดอยู่จะเปิดออก
ทวยเทพจะไปข้างหน้าพวกเขาและเตรียมทาง
ไม่ว่าท่านจะมีตำแหน่งอะไรในชุมชนหรือในศาสนจักร พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้ท่าน หากท่านเต็มใจ พระองค์จะทรงขยายความปรารถนาที่ชอบธรรมของท่านและเปลี่ยนการกระทำอันเมตตาที่ท่านหว่านไว้เป็นผลแห่งความดีอันอุดมสมบูรณ์
เราไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ด้วยเครื่องยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
เราแต่ละคนเป็น “คนแปลกถิ่นและคนต่างด้าว”14 ในโลกนี้ ในหลายๆ ทาง เราห่างไกลจากบ้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องรู้สึกหลงทางหรือเดียวดาย
พระบิดาในสวรรค์ที่รักของเราประทานแสงสว่างของพระคริสต์แก่เรา และลึกลงไปภายในตัวเราแต่ละคน แรงกระตุ้นจากสวรรค์ดลใจให้เราหันดวงตาและใจของเราไปหาพระองค์ขณะที่เราเดินทางกลับสู่บ้านซีเลสเชียลของเรา
สิ่งนี้เรียกร้องความพยายาม ท่านไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้โดยไม่พยายามเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์ เข้าใจคำสอนของพระองค์ ประยุกต์ใช้คำสอนเหล่านั้นอย่างจริงจัง และก้าวเท้าข้างหนึ่งไปข้างหน้าเท้าอีกข้างหนึ่ง
ไม่เลย ชีวิตไม่ใช่รถยนต์ที่ขับเอง ไม่ใช่เครื่องบินที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ท่านไม่สามารถทำแค่ลอยอยู่ในผืนน้ำแห่งชีวิตและวางใจว่ากระแสน้ำจะพัดพาท่านไปยังที่ใดก็ตามซึ่งท่านหวังจะไปสักวันหนึ่ง การเป็นสานุศิษย์เรียกร้องให้เราเต็มใจว่ายทวนน้ำยามจำเป็น
ไม่มีใครอื่นรับผิดชอบต่อการเดินทางส่วนตัวของท่าน พระผู้ช่วยให้รอดจะทรงช่วยท่านและเตรียมทางเบื้องหน้าท่าน แต่คำมั่นสัญญาที่จะติดตามพระองค์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ต้องมาจากท่าน นั่นคือภาระอย่างเดียวของท่าน สิทธิพิเศษอย่างเดียวของท่าน
นี่คือการผจญภัยครั้งใหญ่ของท่าน
ขอให้ท่านสดับฟังเสียงเรียกของพระผู้ช่วยให้รอด
จงติดตามพระองค์
พระเจ้าทรงสถาปนาศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเพื่อช่วยท่านในคำมั่นสัญญานี้ที่จะรับใช้พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์ จุดประสงค์ของศาสนจักรคือเพื่อส่งเสริม สอน ยกระดับ และสร้างแรงบันดาลใจ ศาสนจักรที่ดีเยี่ยมแห่งนี้ให้โอกาสท่านใช้ความเมตตากรุณา เอื้อมออกไปหาผู้อื่น ต่อและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ ศาสนจักรออกแบบมาเพื่อเป็นพรแก่ชีวิตท่าน ช่วยปรับปรุงบ้าน ชุมชน และประเทศชาติของท่าน
มาเถิด มาร่วมกับเราและวางใจพระเจ้า ให้พรสวรรค์ของท่านช่วยเหลืองานอัศจรรย์ของพระองค์ จงเอื้อมออกไป ให้กำลังใจ เยียวยา และสนับสนุนทุกคนที่ปรารถนาจะสัมผัสและใส่ใจถวิลหาบ้านบนสวรรค์ของเรา ขอให้เราพร้อมใจกันมาร่วมเดินทางสู่แดนดินถิ่นสวรรค์
พระกิตติคุณคือข่าวสารอันล้ำเลิศของความหวัง ความสุข และปีติ คือเส้นทางที่นำเรากลับบ้าน
ขณะที่เราน้อมรับพระกิตติคุณด้วยศรัทธาและการกระทำ ทุกวันทุกเวลา เราจะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นทีละนิด ชีวิตของเราจะดีขึ้น และพระเจ้าจะทรงใช้เราในวิธีอันน่าอัศจรรย์เพื่อเป็นพรแก่ผู้คนรอบข้างเราและทำให้จุดประสงค์นิรันดร์ของพระองค์บรรลุผลสำเร็จ ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงสิ่งนี้และฝากพรของข้าพเจ้าไว้กับท่านในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน