2010–2019
สานุศิษย์ที่แท้จริงของพระผู้ช่วยให้รอด
การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2019


2:3

สานุศิษย์ที่แท้จริงของพระผู้ช่วยให้รอด

เราจะรู้สึกถึงปีติอันยั่งยืนเมื่อพระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณของพระองค์กลายเป็นโครงสร้างของชีวิตเรา

สิ่งที่ซ่อนอยู่ในหนังสือฮักกัยของพันธสัญญาเดิมคือคำบรรยายถึงคนกลุ่มหนึ่งที่น่าจะใช้คำแนะนำของเอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์ พวกเขาผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งพระคริสต์ไว้เป็นศูนย์กลางของชีวิตและการรับใช้ของพวกเขา ฮักกัยสร้างภาพพจน์กระตุ้นความคิดบางภาพซึ่งพระองค์ทรงตำหนิผู้คนเหล่านี้ที่อยู่ในบ้านสุขสบายแทนที่จะสร้างพระวิหารของพระเจ้า:

“นี่‍เป็นเวลาที่พวก‍เจ้าเองอาศัยอยู่ในบ้านที่มีไม้บุ แต่พระ‍นิ‌เวศนี้ถูกทิ้งให้พัง‍ทลายหรือ?

“เพราะ‍ฉะนั้น บัด‍นี้พระ‍ยาห์‌เวห์จอม‍ทัพจึงตรัสว่า จงพิจาร‌ณาความเป็นอยู่ของพวก‍เจ้า

“พวก‍เจ้าหว่านมาก แต่เก็บ‍เกี่ยวน้อย พวก‍เจ้ารับ‍ประ‌ทาน แต่ไม่เคยอิ่ม พวก‍เจ้าดื่ม แต่ก็ไม่หยุดกระ‌หาย พวก‍เจ้านุ่ง‍ห่ม แต่ก็ไม่อบอุ่น คนที่ได้ค่า‍จ้าง ก็ได้ค่า‍จ้างมาใส่ถุงที่มีรู‍รั่ว

“พระ‍ยาห์‌เวห์จอม‍ทัพตรัสดัง‍นี้ว่า จงพิจาร‌ณา‍ดูความเป็นอยู่ของพวก‍เจ้า”1

เป็นคำบรรยายที่ดีทีเดียวถึงความเปล่าประโยชน์ของการให้เรื่องที่ไม่มีผลนิรันดร์มาก่อนเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า

ในการประชุมศีลระลึกครั้งล่าสุดที่ข้าพเจ้าเข้าร่วม อดีตผู้สอนศาสนาคนหนึ่งอ้างคำพูดบิดาผู้สรุปเรื่องนี้ไว้อย่างครบถ้วนเมื่อเขาพูดกับลูกของเขาว่า “สิ่งที่เราต้องการที่นี่คือ Wi-Fi (วายฟาย) น้อยลงและนีไฟมากขึ้น!”

ข้าพเจ้าอยู่ในแอฟริกาตะวันตกมาห้าปี จึงเห็นตัวอย่างมากมายของคนที่ให้พระกิตติคุณมาก่อนอย่างเป็นธรรมชาติและไม่อาย ตัวอย่างหนึ่งคือชื่อของธุรกิจตั้งศูนย์ถ่วงล้อและปะยางในกานา เจ้าของตั้งชื่อว่า “ตามแนวพระประสงค์”

เราจะรู้สึกถึงปีติอันยั่งยืน2 เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณของพระองค์กลายเป็นโครงสร้างของชีวิตเรา แต่ง่ายมากที่โครงสร้างนั้นจะกลายเป็นเรื่องทางโลกแทน ในขณะที่พระกิตติคุณกลายเป็นทางเลือกเสริมหรือเป็นเพียงการไปโบสถ์วันอาทิตย์สองชั่วโมง เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับเราใส่ค่าจ้างไว้ใน “ถุงที่มีรูรั่ว”

ฮักกัยกำลังบอกให้เรามุ่งมั่น—เป็นคนเหมือนกับที่เราพูดกันในออสเตรเลียว่า “fair dinkum (แฟร์ดิงคัม)” ในการดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ ผู้คนเป็นคน fair dinkum เมื่อพวกเขาเป็นอย่างที่พูดว่าตัวเองเป็น

ข้าพเจ้าเรียนรู้มาบ้างเกี่ยวกับการเป็นคน fair dinkum และการเป็นคนมุ่งมั่นจากการเล่นรักบี้ ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่าเมื่อข้าพเจ้าเล่นสุดฝีมือ ทุ่มสุดตัว ข้าพเจ้าจะสนุกกับเกมมากที่สุด

เอ็ลเดอร์วินสันกับทีมรักบี้ของท่าน

ฤดูกาลรักบี้ที่ข้าพเจ้าโปรดปรานคือปีหลังจบมัธยมปลาย ทีมที่ข้าพเจ้าเข้าร่วมมีทั้งพรสวรรค์และความมุ่งมั่น เราเป็นทีมแชมป์ปีนั้น แต่วันหนึ่งเราต้องแข่งกับทีมที่ด้อยกว่ามาก และหลังจบเกมเราทุกคนต้องพาคู่เดทไปงานเต้นรำประจำปีครั้งใหญ่ของมหาวิทยาลัย ข้าพเจ้าคิดว่าเพราะการแข่งครั้งนี้คงจะง่าย จึงควรพยายามป้องกันไม่ให้ตนเองบาดเจ็บเพื่อจะได้สนุกกับงานเต้นรำอย่างเต็มที่ ในการแข่งครั้งนั้น เราไม่เต็มที่เท่าที่ควรเมื่อมีการปะทะกัน และเราแพ้ ที่แย่กว่านั้นคือ เมื่อจบการแข่งขันปากข้าพเจ้าบวมช้ำมากจนดูไม่ดีสำหรับการออกเดทครั้งสำคัญ บางทีข้าพเจ้าอาจต้องเรียนรู้อะไรบางอย่าง

ประสบการณ์ที่ต่างจากนั้นมากเกิดขึ้นในการแข่งครั้งต่อมาซึ่งข้าพเจ้ามุ่งมั่นเต็มที่ ณ จุดหนึ่งเมื่อข้าพเจ้าตั้งใจพุ่งเข้าไปปะทะ ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บที่หน้า คุณพ่อสอนข้าพเจ้าว่าไม่ควรปล่อยให้คู่ต่อสู้รู้ว่าเราเจ็บ ข้าพเจ้าจึงเล่นต่อจนจบเกม คืนนั้น ขณะพยายามกินอาหาร ข้าพเจ้ารู้สึกตัวว่ากัดไม่ได้ เช้าวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าไปโรงพยาบาล ผลเอกซเรย์ยืนยันว่ากรามหัก ข้าพเจ้าต้องใส่ลวดมัดฟันติดต่อกันหกสัปดาห์

มีหลายบทเรียนให้เรียนรู้จากอุปมาเรื่องปากบวมและกรามหักนี้ แม้จะจำได้ถึงความไม่สมหวังของการอยากกินอาหารแข็งในช่วงหกสัปดาห์ที่กินได้แต่อาหารเหลว แต่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกเสียใจเลยเรื่องกรามหักเพราะนั่นเกิดจากการทุ่มสุดตัวของข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าเสียใจเรื่องปากบวมเพราะมันเป็นสัญลักษณ์ถึงความลังเลของข้าพเจ้า

เมื่อเราทุ่มสุดตัวไม่ได้หมายความว่าเราจะมีพรห่อหุ้มตลอดเวลาหรือมีความสำเร็จเสมอ แต่หมายความว่าเราจะมีปีติ ปีติไม่ใช่ความพอใจชั่วประเดี๋ยวหรือความสุขชั่วครู่ ปีติยั่งยืนและเกิดขึ้นเมื่อความพยายามของเราเป็นที่ยอมรับจากพระเจ้า3

ตัวอย่างของการยอมรับเช่นนั้นคือเรื่องราวของออลิเวอร์ เกรนเจอร์ ดังที่ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์กล่าวว่า “เมื่อวิสุทธิชนถูกขับออกจากเคิร์ทแลนด์ … ออลิเวอร์ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเพื่อขายทรัพย์สินของพวกเขาในราคาเท่าที่เขาจะขายได้ มีโอกาสไม่มากที่เขาจะประสบความสำเร็จ และเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จจริงๆ!”4 เขาได้รับมอบหมายจากฝ่ายประธานสูงสุดให้ทำภารกิจที่ยาก หรืออาจทำไม่ได้เลย แต่พระเจ้าทรงชมเชยเขาสำหรับความพยายามที่เห็นชัดว่าไม่สำเร็จดังนี้:

“เรานึกถึงผู้รับใช้ของเรา ออลิเวอร์ เกรนเจอร์; ดูเถิด, ตามจริงแล้ว เรากล่าวแก่เขาว่าชื่อเขาจะมีอยู่ในความทรงจำอย่างศักดิ์สิทธิ์จากรุ่นสู่รุ่น, ตลอดกาลและตลอดไป, พระเจ้าตรัส.

“ฉะนั้น, ให้เขาแข็งขันอย่างจริงจังเพื่อการไถ่ฝ่ายประธานสูงสุดแห่งศาสนจักรของเรา, … และเมื่อเขาตกเขาจะลุกขึ้นอีก, เพราะการเสียสละของเขาจะศักดิ์สิทธิ์ต่อเรายิ่งกว่าการเพิ่มพูนของเขา, พระเจ้าตรัส.”5

นั่นอาจใช้ได้กับเราทุกคน—สิ่งที่สำคัญต่อพระเจ้าไม่ใช่ความสำเร็จของเรา แต่คือการเสียสละและความพยายามของเราต่างหาก

อีกตัวอย่างหนึ่งของสานุศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์คือเพื่อนรักของเราในสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ แอฟริกาตะวันตก ซิสเตอร์ที่ซื่อสัตย์ท่านนี้ถูกสามีทำร้ายจิตใจอย่างมากและถูกทำร้ายร่างกายบ้างตลอดระยะเวลาหนึ่ง พวกเขาหย่าร้างกันในที่สุด ศรัทธาและความดีของเธอไม่สั่นคลอน แต่เพราะสามีโหดร้ายต่อเธอ เธอจึงเจ็บปวดมากเป็นระยะเวลานาน เธออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยคำพูดต่อไปนี้

“แม้ดิฉันพูดว่าให้อภัยเขา แต่ดิฉันหลับไปพร้อมกับบาดแผลเสมอ ดิฉันอยู่กับบาดแผลนั้นตลอดเวลา เป็นเหมือนไฟสุมทรวง หลายครั้งดิฉันสวดอ้อนวอนพระเจ้าให้ทรงนำบาดแผลนั้นออกไป แต่มันเจ็บปวดมากจนดิฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าดิฉันจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือกับบาดแผลนั้น มันเจ็บปวดกว่าการสูญเสียคุณแม่เมื่อดิฉันยังเด็ก เจ็บปวดกว่าเมื่อดิฉันสูญเสียคุณพ่อ และแม้กระทั่งลูกชาย ดูเหมือนบาดแผลขยายใหญ่จนปิดทับหัวใจดิฉัน จนดิฉันรู้สึกว่าจะตายได้ทุกเมื่อ

“บางครั้งดิฉันถามตนเองว่าพระผู้ช่วยให้รอดจะทรงทำอย่างไรในสถานการณ์ของดิฉัน และดิฉันอยากจะพูดว่า ‘พระเจ้า มันเจ็บปวดเกินไป’

“แต่แล้วเช้าวันหนึ่งดิฉันมองหาความเจ็บปวดอันเกิดจากสาเหตุทั้งหมดนี้ในใจ และมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของตนเอง ไม่มีความเจ็บปวดนั้นอีกแล้ว ดิฉันรีบนึกทบทวนเหตุผลทั้งหมดที่ [ทำให้] ดิฉันรู้สึกเจ็บปวด แต่ดิฉันไม่รู้สึกเจ็บปวด ดิฉันรอดูทั้งวันว่าจะรู้สึกเจ็บปวดในใจหรือไม่ ดิฉันไม่รู้สึก แล้วดิฉันก็คุกเข่าขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงทำให้การพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระเจ้าเกิดผลกับดิฉัน”6

ปัจจุบันซิสเตอร์ท่านนี้รับการผนึกอย่างมีความสุขกับชายผู้ซื่อสัตย์ที่รักเธออย่างสุดซึ้ง

ฉะนั้นเจตคติของเราควรเป็นเช่นไรถ้าเราเป็นสานุศิษย์ที่แท้จริงของพระคริสต์? และพระกิตติคุณมีค่าอย่างไรต่อเราเมื่อเรา “พิจารณาดูความเป็นอยู่ [ของเรา]” ตามที่ฮักกัยแนะนำ?

ข้าพเจ้าชอบแบบอย่างเจตคติที่ถูกต้องที่บิดาของกษัตริย์ลาโมไนแสดงออกมา ท่านคงจำได้ว่าตอนแรกเขาโกรธเมื่อพบว่าบุตรชายมากับแอมันชาวนีไฟ—กลุ่มคนที่ชาวเลมันเกลียด เขาชักดาบออกมาสู้กับแอมันและไม่นานก็พบว่าดาบของแอมันจ่ออยู่ที่คอของเขา “บัดนี้กษัตริย์, โดยที่กลัวจะสูญเสียชีวิตตน, จึงกล่าวว่า : หากท่านจะละเว้นข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะให้ท่านไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่ท่านจะขอ, แม้ถึงครึ่งหนึ่งของอาณาจักร.”7

ลองสังเกตข้อเสนอของเขา—ครึ่งหนึ่งของอาณาจักรเพื่อแลกกับชีวิต

แต่ต่อมา หลังจากเข้าใจพระกิตติคุณ เขามีข้อเสนออีกอย่าง “กษัตริย์กล่าว: ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตนิรันดร์ซึ่งท่านพูดถึงนี้? แท้จริงแล้ว, ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรเพื่อจะเกิดจากพระผู้เป็นเจ้า, โดยขุดเอารากของวิญญาณชั่วร้ายนี้ออกจากอกข้าพเจ้า, และได้รับพระวิญญาณของพระองค์, เพื่อข้าพเจ้าจะเปี่ยมด้วยปีติ, เพื่อจะไม่ถูกขับออกในวันสุดท้าย? ดูเถิด, [เขา] กล่าว, ข้าพเจ้าจะสละสิ่งทั้งปวงที่ข้าพเจ้าเป็นเจ้าของ, แท้จริงแล้ว, ข้าพเจ้าจะละทิ้งอาณาจักรของข้าพเจ้า, เพื่อจะรับความปรีดียิ่งนี้”8

คราวนี้ เขาพร้อมสละ ทั้ง อาณาจักร เพราะพระกิตติคุณมีค่ามากกว่าทั้งหมดที่เขามี! เขา fair dinkum กับพระกิตติคุณ

ดังนั้น คำถามสำหรับเราแต่ละคนคือ เรา fair dinkum กับพระกิตติคุณหรือไม่? เพราะคนเหลาะแหละไม่ใช่คน fair dinkum! และเป็นที่ทราบกันว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงยกย่องคนอุ่นๆ9

ไม่มีทรัพย์สมบัติใด งานอดิเรกใด สถานะใด สื่อสังคมใด วิดีโอเกมใด กีฬาใด การคบหาใดๆ กับคนมีชื่อเสียง หรือสิ่งใดบนโลกนี้มีค่ามากกว่าชีวิตนิรันดร์ ดังนั้นพระดำรัสแนะนำของพระเจ้าสำหรับทุกคนคือ “จงพิจารณาดูความเป็นอยู่ของพวกเจ้า”

คำพูดของนีไฟบอกความรู้สึกของข้าพเจ้าได้ดีที่สุด: “ข้าพเจ้าปลาบปลื้มในความแจ้งชัด; ข้าพเจ้าปลาบปลื้มในความจริง; ข้าพเจ้าปลาบปลื้มในพระเยซูของข้าพเจ้า, เพราะพระองค์ทรงไถ่จิตวิญญาณข้าพเจ้าจากนรก.”10

เราเป็นผู้ติดตามที่แท้จริงของพระองค์ผู้ทรงทุ่มสุดตัวเพื่อเราหรือไม่? ผู้ทรงเป็นพระผู้ไถ่และพระผู้วิงวอนพระบิดาแทนเรา? ผู้ทรงมุ่งมั่นสุดพระทัยในการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ มุ่งมั่นสุดพระทัยในความรัก ความเมตตา และความปรารถนาของพระองค์ให้เรามีปีตินิรันดร์? ข้าพเจ้าขอวิงวอนทุกท่านที่ได้ยินและอ่านถ้อยคำเหล่านี้ ได้โปรดอย่าหน่วงเหนี่ยวความมุ่งมั่นทั้งหมดของท่านจนท่านอาจไม่มีอนาคตให้ใช้ความมุ่งมั่นนั้น จง fair dinkum ตั้งแต่บัดนี้และรู้สึกถึงปีติ! ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน