การประชุมใหญ่สามัญ
เรียกหา อย่าล้ม
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2024


9:58

เรียกหา อย่าล้ม

หากเราเรียกหาพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเราจะไม่ล้ม

วันนี้ข้าพเจ้าอยากเริ่มต้นด้วยการเป็นพยานถึงความแน่นอนในใจว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของเราและตอบคำสวดอ้อนวอนในแบบเป็นส่วนตัว

ในโลกที่กำลังเผชิญกับช่วงเวลาของความไม่แน่นอน ความเจ็บปวด ความผิดหวัง และใจสลาย เราอาจรู้สึกอยากจะพึ่งพาความสามารถและความพึงพอใจส่วนบุคคลมากขึ้น ตลอดจนความรู้และความปลอดภัยที่มาจากโลกนี้ ซึ่งอาจทำให้เราไม่สนใจที่มาที่แท้จริงของความช่วยเหลือและการสนับสนุนที่สามารถตอบโต้ความท้าทายของชีวิตมรรตัยนี้

ห้องโรงพยาบาล

ข้าพเจ้าจำเหตุการณ์ครั้งหนึ่งเมื่อเข้ารักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากอาการป่วย ข้าพเจ้านอนไม่ค่อยหลับ เมื่อปิดไฟและห้องมืดลง ข้าพเจ้าเห็นป้ายสะท้อนแสงบนเพดานตรงหน้าว่า “เรียก อย่าล้ม” ข้าพเจ้าประหลาดใจที่วันรุ่งขึ้นก็สังเกตเห็นข้อความเดิมซ้ำๆ ในหลายส่วนของห้อง

ป้าย “เรียก อย่าล้ม”

ทำไมข้อความนั้นจึงสำคัญ? เมื่อถามพยาบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอบอกว่า “เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่อาจทำให้คุณเจ็บปวดมากขึ้น”

โดยธรรมชาติแล้วชีวิตนี้นำมาซึ่งประสบการณ์อันเจ็บปวด บ้างก็เกิดจากร่างกายของเรา บ้างก็เนื่องมาจากความอ่อนแอหรือความทุกข์ของเรา บ้างก็เนื่องมาจากวิธีที่ผู้อื่นใช้สิทธิ์เสรีของพวกเขา และบ้างก็เนื่องมาจากการใช้สิทธิ์เสรีของเรา

มีคำสัญญาใดที่มีพลังมากกว่าพระสัญญาที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงทำไว้เมื่อพระองค์ทรงประกาศว่า “จงขอแล้วจะได้ จงหาและจะพบ จงเคาะ” หรือเรียก “แล้วจะเปิดให้แก่พวกท่าน”?

การสวดอ้อนวอนเป็นวิธีสื่อสารกับพระบิดาบนสวรรค์ที่ยอมให้เรา “เรียกและไม่ล้ม” อย่างไรก็ตาม มีสถานการณ์ที่เราอาจคิดว่าการเรียกนั้นไม่มีใครได้ยิน เนื่องจากเราไม่ได้รับการตอบกลับในทันทีหรือไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเรา

บางครั้งสิ่งนี้นำไปสู่ความวิตกกังวล ความเศร้า หรือความผิดหวัง แต่จงจำการแสดงศรัทธาของนีไฟในพระเจ้าเมื่อเขาพูดว่า “แล้วไฉนพระองค์จะทรงสอนข้าพเจ้า, ให้ข้าพเจ้าต่อเรือไม่ได้เล่า?” บัดนี้ ข้าพเจ้าขอถามท่านว่า แล้วไฉนพระเจ้าจะทรงสอนท่าน ให้ท่านไม่ล้มไม่ได้เล่า?

ความมั่นใจในคำตอบของพระผู้เป็นเจ้าสื่อความถึงการยอมรับว่าวิถีของพระองค์ไม่ใช่วิถีของเรา และว่า “สิ่งทั้งปวงต้องบังเกิดขึ้นในเวลาของมัน”

ความรู้ที่แน่นอนว่าเราเป็นลูกของพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักความเมตตาควรเป็นแรงจูงใจให้ “เรียกหา” ในการสวดอ้อนวอนอย่างมีศรัทธาด้วยเจตคติของการ “สวดอ้อนวอนเสมอ, และไม่ท้อถอย; … เพื่อการกระทำของ [เรา] จะเป็นไปเพื่อความผาสุกของจิตวิญญาณ [เรา]” ลองนึกภาพความรู้สึกของพระบิดาบนสวรรค์เมื่อเราสวดอ้อนวอนแต่ละครั้งในพระนามของพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ข้าพจ้าเชื่อว่าพลังและความอ่อนโยนจะแสดงออกมาเมื่อเราทำเช่นนั้น!

พระคัมภีร์เต็มไปด้วยตัวอย่างคนที่เรียกหาพระผู้เป็นเจ้าเพื่อพวกเขาจะไม่ล้ม ฮีลามันและกองทัพของเขาเรียกหาพระผู้เป็นเจ้าขณะเผชิญความทุกข์ โดยทุ่มเทจิตวิญญาณในการสวดอ้อนวอน พวกเขาได้รับความมั่นใจ สันติสุข ศรัทธา และความหวัง ได้รับความกล้าหาญและความมุ่งมั่นจนกระทั่งบรรลุเป้าหมาย

ลองนึกภาพว่าโมเสสเรียกหาและร้องทูลพระเจ้าอย่างไรเมื่อพบตนเองอยู่กลางทะเลแดงและชาวอียิปต์กำลังใกล้เข้ามาโจมตี หรืออับราฮัมเมื่อเชื่อฟังพระบัญชาให้ถวายอิสอัคบุตรชายเป็นเครื่องพลีบูชา

ข้าพเจ้ามั่นใจว่าทุกท่านเคยมีและจะมีประสบการณ์ซึ่งการเรียกหาจะเป็นคำตอบให้ไม่ล้ม

สามสิบปีก่อน ขณะที่ข้าพเจ้ากับภรรยากำลังเตรียมการแต่งงานทางกฎหมายและการแต่งงานในพระวิหาร เราได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าการแต่งงานทางกฎหมายถูกยกเลิกเนื่องจากการนัดหยุดงาน เราได้รับโทรศัพท์สามวันก่อนวันพิธีที่กำหนดไว้ หลังจากพยายามที่สำนักงานอื่นหลายครั้งและไม่พบการนัดหมายที่ว่าง เราเริ่มรู้สึกเป็นทุกข์และสงสัยว่าเราจะได้แต่งงานตามที่วางแผนไว้จริงๆ หรือเปล่า

ข้าพเจ้ากับคู่หมั้น “เรียกหา” พระผู้เป็นเจ้าด้วยสุดจิตวิญญาณในการสวดอ้อนวอน ในที่สุด ก็มีคนบอกเราเกี่ยวกับสำนักงานแห่งหนึ่งในเมืองเล็กๆ ชานเมืองซึ่งมีคนรู้จักเป็นนายกเทศมนตรี โดยไม่รีรอเราแวะไปถามเขาว่าจะแต่งงานให้เราได้ไหม เราดีใจมาที่เขายินยอม เลขานุการของเขาย้ำกับเราว่าเราต้องได้รับใบรับรองในเมืองนั้นและนำส่งเอกสารทั้งหมดก่อนเที่ยงวันรุ่งขึ้น

วันรุ่งขึ้นเราเดินทางไปยังเมืองเล็กๆ แห่งนั้น และไปที่สถานีตำรวจเพื่อขอเอกสารที่จำเป็น เราแปลกใจมากที่เจ้าหน้าที่บอกว่าจะไม่ให้เราเพราะคู่รักหนุ่มสาวหลายคู่หนีครอบครัวไปแต่งงานกันอย่างลับๆ ในเมืองนั้น ซึ่งไม่ใช่กรณีของเราแน่นอน อีกครั้งที่ความกลัวและความเศร้าครอบงำเรา

ข้าพเจ้าจำได้ว่าข้าพเจ้าเรียกหาพระบิดาบนสวรรค์ในใจเพื่อไม่ให้ล้ม ข้าพเจ้าเกิดความรู้สึกชัดเจนในใจ พูดซ้ำๆ ว่า “ใบรับรองพระวิหาร ใบรับรองพระวิหาร” ข้าพเจ้าหยิบใบรับรองพระวิหารออกมาทันทีแล้วมอบให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งทำให้คู่หมั้นของข้าพเจ้างง

เราแปลกใจมากเมื่อได้ยินเจ้าหน้าที่พูดว่า “ทำไมคุณไม่บอกผมว่าคุณมาจากศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย? ผมรู้จักศาสนจักรของคุณดี” แล้วเขาก็เริ่มเตรียมเอกสารทันที เรายิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเจ้าหน้าที่ออกจากสถานีไปโดยไม่พูดอะไรเลย

ห้าสิบนาทีผ่านไปและเขาก็ไม่กลับมา ตอนนี้เป็นเวลา 11.55 น. และเรามีเวลาจนถึงเที่ยงเท่านั้นในการส่งเอกสาร ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวพร้อมกับลูกสุนัขน่ารักตัวหนึ่ง และบอกเราว่าเป็นของขวัญแต่งงานและมอบให้เราพร้อมกับเอกสาร

เรารีบตรงไปที่สำนักงานนายกเทศมนตรีพร้อมด้วยเอกสารและสุนัขตัวใหม่ของเรา แล้วเราก็เห็นรถราชการมุ่งมาทางเรา ข้าพเจ้าหยุดอยู่หน้ารถ รถหยุด และเราเห็นเลขานุการนั่งอยู่ข้างใน พอมองเห็นเรา เธอพูดว่า “ขอโทษนะคะ ดิฉันบอกคุณว่าตอนเที่ยง ดิฉันต้องรีบไปทำธุระอื่น”

ข้าพเจ้าถ่อมใจในความเงียบ เรียกหาพระบิดาบนสวรรค์สุดใจ ขอความช่วยเหลืออีกครั้งเพื่อจะ “ไม่ล้ม” ทันใดนั้น ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เลขานุการบอกเราว่า “คุณมีสุนัขที่สวยมากจริงๆ ดิฉันจะหาแบบนี้ให้ลูกชายได้ที่ไหน?”

“มันเป็นของคุณครับ” เราตอบทันที

เลขานุการมองมาที่เราด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า “โอเค เรากลับไปเตรียมเรื่องที่ออฟฟิศกัน”

สองวันต่อมา แครอลกับข้าพเจ้าแต่งงานกันตามกฎหมายตามที่วางแผนไว้ แล้วรับการผนึกในพระวิหารลิมา เปรู

แน่นอนว่า เราต้องจำไว้ว่าการเรียกหาเป็นเรื่องของศรัทธาและการกระทำ—ศรัทธาที่จะรับรู้ว่าเรามีพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงตอบคำสวดอ้อนวอนของเราตามพระปรีชาญาณอันไม่มีขอบเขตของพระองค์ จากนั้นลงมือกระทำตามสิ่งที่เราขอ การสวดอ้อนวอน—การเรียกหา—อาจเป็นสัญญาณถึงความหวังของเรา แต่การกระทำหลังการสวดอ้อนวอนเป็นสัญญาณว่าศรัทธาของเราจริง—ศรัทธาที่ถูกทดสอบในยามเจ็บปวด หวาดกลัว หรือผิดหวัง

ขอแนะนำให้ท่านพิจารณาดังต่อไปนี้:

  1. คิดเสมอว่าพระเจ้าทรงเป็นทางเลือกแรกสำหรับความช่วยเหลือ

  2. เรียกหา อย่าล้ม หันไปหาพระผู้เป็นเจ้าด้วยการสวดอ้อนวอนอย่างจริงใจ

  3. หลังจากสวดอ้อนวอนแล้ว ให้ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ได้รับพรที่ท่านสวดอ้อนวอนขอ

  4. จงถ่อมใจยอมรับคำตอบในเวลาและวิธีของพระองค์

  5. อย่าหยุด! ก้าวไปข้างหน้าบนเส้นทางพันธสัญญาในขณะที่ท่านรอคำตอบ

บางทีเวลานี้อาจมีใครบางคนที่รู้สึกเหมือนกำลังจะล้มเนื่องจากสภาวการณ์ และอยากจะเรียกหาเหมือนที่โจเซฟ สมิธทำเมื่อเขาร้องออกมาว่า: “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า, พระองค์ประทับอยู่ที่ใดเล่า? … อีกนานเท่าใดเล่าที่พระหัตถ์ของพระองค์จะทรงยั้งไว้?”

แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ จงสวดอ้อนวอนด้วย “แรงขับเคลื่อนทางวิญญาณ” ดังที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอน เพราะจะทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของท่านเสมอ!

จงจำเพลงสวดนี้ :

ก่อนเจ้าละจากเหย้าเช้าวันนี้

สวดอ้อนวอนหรือเปล่า?

ในนามพระคริสต์พระผู้ช่วยเรา

เจ้าขอพระประทานรักเมตตา

เพื่อเป็นโล่หรือเปล่า?

สวดอ้อนวอนบรรเทาความเหนื่อยยาก!

จะเปลี่ยนราตรีเป็นทิวา

เมื่อชีวิตมืดมนและลำบาก

อย่าลืมสวดอ้อนวอน9

ขณะที่เราสวดอ้อนวอน เราจะสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดของพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงส่งพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระองค์มาแบ่งเบาภาระของเรา เพราะหากเราเรียกหาพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเราจะไม่ล้ม ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน