“พระเจ้าทรงค้ำจุนฉันตลอดมา”
ในปี 1970 ศรีลักษณา สุนทรหุตได้รับเชิญให้อยู่ในคณะกรรมการควบคุมดูแลการแปลพระคัมภีร์มอรมอนเป็นภาษาไทย ตอนเป็นเด็กเธอเคยอาศัยอยู่กับพระราชินีของประเทศไทยและได้รับการศึกษาดีเยี่ยมทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย เธอกลายเป็นคนที่ทีมควบคุมดูแลขาดไม่ได้และไม่นานก็ได้เป็นผู้แปลหลัก
คืนหนึ่งขณะศรีลักษณานอนพักอยู่บนพื้นหลังจากแปล อำนาจชั่วเข้ามาในห้อง ตรึงเธอไว้ และพลิกตัวเธอให้นอนคว่ำ มีบางอย่างหนักมากวางอยู่บนหลังส่วนล่างของเธอ เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ลุกไม่ขึ้น และต้องนอนอยู่บนพื้นจนมีคนมาช่วยในตอนเช้า อาการปวดหลังที่เกิดขึ้นเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการแปลจนกระทั่งศรีลักษณาได้รับพรจากบรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง ในอีกไม่กี่วันเธอมีอาการดีขึ้นจนสามารถกลับไปแปลพระคัมภีร์มอรมอนได้ แต่เธอทรมานกับอาการปวดหลังตลอดชีวิต
ปีต่อมา ศรีลักษณาประสบภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตจากการผ่าตัด แพทย์ส่งเธอกลับบ้านเพราะไม่ทราบว่าจะทำอะไรให้เธอได้อีก ความเจ็บปวดรุนแรงมากจนเธอนอนไม่หลับ หลับตาไม่ลง หรือแม้กระทั่งพูดไม่ได้ เธอคิดว่าคงจะตายอีกไม่นาน เธอเล่าว่า จากนั้น “ประตูห้องนอนเปิด ชายร่างสูงสามคนในชุดเสื้อคลุมสีขาวเข้ามาในห้อง มายืนอยู่ข้างเตียงของฉัน ศีรษะของพวกท่านขาวโพลนด้วย พวกท่านวางมือบนศีรษะฉัน หนึ่งในนั้นเรียกชื่อฉันและพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘เรา เหล่าเอ็ลเดอร์ของอิสราเอล …’ ขณะพวกท่านเริ่มประกาศพร” ศรีลักษณารู้สึกประหนึ่ง “ถูกไฟฟ้าช็อต” และ “หมดกำลังด้วยความสุข” เมื่อตื่นขึ้นมา เธอพบว่าตนเองพูดได้อีกครั้ง สามวันต่อมา เธอกลับไปแปลพระคัมภีร์มอรมอนตามเดิม
ความยากอย่างหนึ่งของการแปลพระคัมภีร์มอรมอนคือไม่มีคำภาษาไทยตรงกับแนวคิดตามศาสนาคริสต์ คำว่า “priesthood” ยากเป็นพิเศษ แม้จะอดอาหารและสวดอ้อนวอนมาหนึ่งปี ศรีลักษณาก็ยังไม่สามารถหาคำมาแทนแนวคิดนั้นในภาษาไทยได้ คืนหนึ่งเธอสวดอ้อนวอนอีกครั้ง “โปรดช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด โปรดช่วยให้ข้าพระองค์คิดคำนี้ออก” จากนั้น เธอเล่าว่า “ฉันมองเพดานห้อง และเห็นมือข้างหนึ่งกำลังเขียนตัวหนังสือภาษาไทย” เธอรู้ทันทีว่านี่คือคำว่าฐานะปุโรหิต” ศรีลักษณาค้นพบว่าคำนั้นไม่มีอยู่ในพจนานุกรมภาษาไทยเล่มใดเลย
ในปี 2000 กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ ประธานศาสนจักรตั้งข้อสังเกตว่าซาตานพยายามหลายครั้งเพื่อขัดขวางไม่ให้มีการจัดพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอนภาษาไทย ทั้งยังทำให้ศรีลักษณามีปัญหาทางร่างกายด้วย ศรีลักษณาเป็นพยานด้วยว่า “ราวกับว่ามีคนที่ฉันมองไม่เห็นกำลังพยายามลากฉันออกไป ฉันมีปัญหายากๆ ทุกด้านกับครอบครัวและสุขภาพ พระเจ้าทรงค้ำจุนฉันตลอดมาและฉันรู้ว่าพระองค์ทรงยืนเคียงข้างฉันและทรงดูแลฉัน”