ดิจิทัลเท่านั้น
น้ำที่สูงขึ้น
ผู้เขียนอาศัยอยู่ในยูทาห์ สหรัฐอเมริกา
น้ำเกือบท่วมศีรษะลูกชายของฉันแล้ว แต่ไม่มีใครที่จะช่วยฉันพาเขาขึ้นมา
“แม่! หนาวมาก!”
เจคอบ หนึ่งในลูกแฝดวัยเจ็ดขวบของฉัน ยืนอยู่ที่แม่น้ำโดยมีน้ำซัดสาดข้อเท้าของเขา
ลูกอีกสามคนของฉันมีท่าทีคล้ายกัน เมื่อสามีของฉันออกไปล่าสัตว์ ฉันจึงเข้าร่วมกับครอบครัวใหญ่เพื่อไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งฉันหวังให้เป็นการเดินทางที่สนุกสนาน จนถึงตอนนี้ น้ำพุไม่ได้ “ร้อน“ สมชื่อของมัน
ไอน้ำลอยขึ้นมาจากสระน้ำเล็กๆ เหนือแม่น้ำ ฉันเดินเข้าไปใกล้ขึ้นและรู้สึกถึงความอบอุ่น “นี่สิ คงเป็นน้ำพุร้อน” ฉันคิดในใจ
“เราว่ายน้ำที่นี่ได้ไหมคะ?” ฉันถามคุณป้าของฉัน ซึ่งลูกๆ ของเธออยู่ในแม่น้ำด้วย
“ป้าไม่แน่ใจ”
เรามองหาป้ายที่อาจบอกว่าสระนี้มีไว้เพื่ออะไร แต่เราไม่พบ เด็กๆ ที่ตัวสั่นของเราเดินจากแม่น้ำที่หนาวเย็นไปยังสระน้ำทีละคน ฉันกับคุณป้ายืนอยู่บนฝั่ง คอยมองดูและพูดคุยกันขณะพวกเขาเล่น
เด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ ขอบสระ “ผมกำลังจะปล่อยน้ำลงสระครับ” เขาร้องบอก เขาหมุนวงล้อใหญ่ และน้ำก็หลั่งไหลลงไปในสระน้ำ
เด็กๆ ร้องด้วยความตื่นเต้นเมื่อสายน้ำไหลลงสู่สระ ฉันนึกขอบคุณที่ตัวเองยืนกรานให้พวกเขาสวมเสื้อชูชีพ ฉันยิ้มขณะกระแสน้ำที่เพิ่มขึ้นพัดพาพวกเขาไปฝั่งซ้ายของสระน้ำ
เจคอบลอยห่างจากกลุ่มเด็กๆ พยายามสู้กับกระแสน้ำเพื่อว่ายไปทางขวาของสระน้ำ เขาหยุดและมีสีหน้าประหลาดใจอย่างจริงจังปรากฏบนใบหน้า “แม่ครับ ผมติดอยู่!”
โดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น ฉันกระโดดเข้าไปและจับแขนเขาดึงขึ้นไปยังที่ปลอดภัย แต่เขาไม่ขยับ เขาติดอยู่กับอะไรบางอย่างหรือ? ฉันคอยดึงแต่ไม่สามารถทําให้เขาเป็นอิสระได้ ระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ทุกคน เขาติดอยู่! ใครก็ได้ ช่วยด้วย!” แต่ฉันรู้ว่าพวกเขาอยู่ไกลเกินไป
มีเสียงน้ำกระเซ็นดังขึ้น และลุงของฉันก็ปรากฏตัวจากที่ไหนไม่รู้ เขาคว้าตัวเจคอบ ฉุดและดึงขึ้นมา
น้ำเกือบท่วมศีรษะเจคอบแล้ว เสื้อชูชีพติดกับอะไรบางอย่างหรือเปล่า? ฉันจับสายของมันด้วยมือที่สั่นเทา เมื่อฉันปลดเข็มขัดของเจคอบได้เส้นหนึ่ง น้ำก็ท่วมมิดศีรษะเจคอบแล้ว “ช่วยที!” ฉันสวดอ้อนวอน
คุณลุงของฉันดึงไปข้างหลังสุดกำลัง เจคอบหลุดออกมา แล้วคุณลุงก็นำเขาขึ้นฝั่ง
ฉันรีบไปอยู่ข้างๆ เจคอบและโอบกอดเขา
“มีท่อระบายน้ำ” ลุงของฉันพูด ชี้ไปที่ท่อขนาด 24 นิ้วที่เราไม่เห็นมาก่อน น้ำถูกดันผ่านท่อเข้าไปสู่แม่น้ำอย่างรุนแรง เสื้อชูชีพของเจคอบน่าจะเป็นสิ่งที่หยุดยั้งเขาจากการถูกลากผ่านเข้าไปได้
ฉันกับลุงตื่นตระหนกหันไปทางครอบครัวเราที่เหลือ “ทุกคน ออกไป!”
ขณะที่เด็กๆ ปีนออกมา ฉันถอดเสื้อชูชีพของเจคอบแล้วมองดูเขา เขาไม่ได้กลืนน้ำเข้าไปมากเกิน และไม่มีรอยถลอกหรือฟกช้ำ
“ลูกกล้าหาญมากจ้ะ ลูกรัก ลูกกลัวไหม?”
“ไม่ครับ ผมแค่กลั้นหายใจไปเรื่อยๆ” เขาตอบ ทันใดนั้นฉันรู้สึกสำนึกคุณ ที่เขาใช้เวลาฝึกกลั้นหายใจในสระว่ายน้ำ
“คุณลุงทราบได้อย่างไรคะว่าต้องมา?” ฉันถามคุณลุงขณะที่คุณลุงมาร่วมวงกับเราบนโขดหิน
“ลุงรู้สึกถึงการกระตุ้นเตือนให้มาดูว่าทุกคนกําลังทําอะไรกัน” คุณลุงบอก “ลุงก็เลยมา”
เมื่อคนอื่นๆ ตามมาสมทบกับเรา เรามองไปที่ขอบสระน้ำอีกครั้ง และครั้งนี้เราเห็นป้ายเตือนที่หล่นลงมา ซึ่งปะปนกลืนไปกับก้อนหินและดินที่ข้างสระน้ำ
ทุกคนตกใจมาก ฉันจึงพาเด็กๆ กลับไปที่รถพ่วงแคมป์ ”เรามาขอบพระทัยพระบิดาบนสวรรค์ที่ทรงช่วยเรากันเถอะ” ฉันบอก ขณะลูกๆ สวดอ้อนวอนกับฉัน ความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบใจฉัน
ฉันรู้ว่ามีคนอื่นๆ ในสถานการณ์เดียวกันที่เผชิญกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายและแตกต่างออกไปมาก ฉันไม่รู้ว่าทำไมเจคอบถึงพ้นภัย แต่ฉันรู้ว่านั่นคือปาฏิหาริย์ ขณะดึงลูกๆ เข้ามาใกล้ ฉันสํานึกคุณต่อเวลาที่ฉันมีให้พวกเขาและพรของครอบครัวนิรันดร์ของเรา ฉันรู้ว่าพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงรู้จักเรา พระองค์ทรงส่งปาฏิหาริย์มาเมื่อเราพลาดสัญญาณเตือนถึงอันตราย