“6–12 ธันวาคม หลักแห่งความเชื่อและข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1 และ 2: ‘เราเชื่อ’” จงตามเรามา—สำหรับบุคคลและครอบครัว: หลักคำสอนและพันธสัญญา 2021 (2020)
“6–12 ธันวาคม หลักแห่งความเชื่อและข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1 และ 2” จงตามเรามา—สำหรับบุคคลและครอบครัว: 2021
6–12 ธันวาคม
หลักแห่งความเชื่อ และ ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1 และ 2
“เราเชื่อ”
ขณะที่ท่านศึกษา หลักแห่งความเชื่อ และ ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1 และ 2 ให้พิจารณาผลที่มีต่อศาสนจักร ท่านประทับใจอะไรเกี่ยวกับความจริงที่สอนในนั้น?
บันทึกความประทับใจของท่าน
ใน 200 ปีนับตั้งแต่นิมิตแรกของโจเซฟ สมิธ พระผู้เป็นเจ้าประทาน “การเปิดเผยมาเติมการเปิดเผย, ความรู้มาเติมความรู้” แก่ผู้นำศาสนจักรมาตลอด (หลักคำสอนและพันธสัญญา 42:61) ในบางกรณี การเปิดเผยนั้นบัญชาให้ผู้นำศาสนจักรทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายและแนวทางปฏิบัติของศาสนจักร “ตามที่พระเจ้าต้องประสงค์, ให้เหมาะกับพระเมตตาของพระองค์ตามสภาพของลูกหลานมนุษย์” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 46:15) ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1 และ 2 เป็นการเปิดเผยแบบนี้—ข้อประกาศหนึ่งให้ยุติการแต่งภรรยาหลายคน และข้อประกาศสองทำให้ทุกเชื้อชาติได้รับพรของฐานะปุโรหิต รวมทั้งพรพระวิหาร การเปลี่ยนแปลงทำนองนี้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่หมายถึงการมี “ศาสนจักรที่แท้จริงและดำรงอยู่” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:30) พร้อมด้วยศาสดาพยากรณ์ที่แท้จริงและมีชีวิตอยู่
แต่มีสิ่งที่ไม่เปลี่ยนด้วย นั่นคือความจริงพื้นฐานที่เป็นนิรันดร์ และบางครั้งจุดประสงค์ของการเปิดเผยคือให้ความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับความจริงเหล่านี้ โดยช่วยให้เราเห็นความจริงชัดขึ้น หลักแห่งความเชื่อ—ถ้อยแถลงที่สั้นกระชับ 13 ข้อของโจเซฟ สมิธเกี่ยวกับสิ่งที่วิสุทธิชนยุคสุดท้ายเชื่อ—ดูเหมือนจะใช้หลักแห่งความเชื่ออธิบายจุดประสงค์ให้ชัดขึ้น การเปิดเผยทั้งสองแบบชี้นำและเป็นพรแก่ศาสนจักร ศาสนจักรที่มีฐานมั่นบนความจริงนิรันดร์แต่สามารถเติบโตและเปลี่ยนแปลงขณะพระเจ้าทรงเพิ่มความเข้าใจของเราเพื่อช่วยเราเผชิญความท้าทายในปัจจุบัน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ “เราเชื่อทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยมาแล้ว, ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงเปิดเผยขณะนี้, และเราเชื่อว่าพระองค์จะยังทรงเปิดเผยเรื่องสำคัญและยิ่งใหญ่อีกหลายเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า” (หลักแห่งความเชื่อ ข้อ 9)
แนวคิดสำหรับการศึกษาพระคัมภีร์เป็นส่วนตัว
หลักแห่งความเชื่อ ประกอบด้วยความจริงพื้นฐานของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู
วิธีหนึ่งที่ท่านสามารถศึกษา หลักแห่งความเชื่อ คือเขียนรายการความจริงที่พบในแต่ละข้อแล้วหาข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับความจริงเหล่านี้ พระคัมภีร์เหล่านี้ทำให้ท่านเข้าใจความจริงใน หลักแห่งความเชื่อ มากขึ้นอย่างไร?
ดู คู่มือพระคัมภีร์ “หลักแห่งความเชื่อ” scriptures.ChurchofJesusChrist.org; แอล. ทอม เพอร์รีย์, “หลักคำสอนและหลักธรรมที่มีอยู่ในหลักแห่งความเชื่อ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2013, 46–48; “บทที่ 38: จดหมายเวนท์เวิร์ธ” ใน คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ, 469–479 ด้วย
หลักแห่งความเชื่อ 1:9; ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1 และ 2
ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์มีการเปิดเผยชี้นำ
“เราเชื่อว่า [พระผู้เป็นเจ้า] จะยังทรงเปิดเผยเรื่องสำคัญและยิ่งใหญ่อีกหลายเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า” (หลักแห่งความเชื่อ 1:9) แม้เมื่อสิ่งเหล่านั้นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายและแนวทางปฏิบัติของศาสนจักร นึกถึงหลักธรรมนี้ขณะทบทวน ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1 และ 2 มองหาคำและวลีที่เสริมสร้างศรัทธาของท่านในการเปิดเผยต่อเนื่อง ตัวอย่างการเปิดเผยต่อเนื่องต่อศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าที่ท่านนึกออกมีอะไรอีกบ้าง? การเปิดเผยเหล่านี้มีผลต่อชีวิตท่านอย่างไร? และทำให้งานในอาณาจักรของพระบิดาบนสวรรค์ก้าวหน้าอย่างไร?
ดู อาโมส 3:7; 2 นีไฟ 28:30 ด้วย
งานของพระผู้เป็นเจ้าต้องเดินหน้าต่อไป
ใน “ข้อความที่คัดลอกมาจากสุนทรพจน์สามเรื่องโดยประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์เกี่ยวข้องกับคำแถลงนโยบาย” (อยู่ท้าย ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1) ศาสดาพยากรณ์ให้เหตุผลอะไรที่พระเจ้าทรงยุติการปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคน? สิ่งนี้สอนอะไรท่านเกี่ยวกับงานของพระผู้เป็นเจ้า?
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของ ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1 ใน “The Messenger and the Manifesto” (Revelations in Context, 323–331) และ “Plural Marriage and Families in Early Utah” (Gospel Topics, topics.ChurchofJesusChrist.org)
เราสามารถวางใจพระเจ้าแม้เมื่อความเข้าใจของเราไม่สมบูรณ์
พระคัมภีร์สอนให้เราวางใจพระเจ้า (ดู สุภาษิต 3:5) และนั่นเป็นสิ่งที่สมาชิกศาสนจักรเชื้อสายแอฟริกันหลายคนทำเมื่อศาสนจักรไม่ให้พวกเขารับฐานะปุโรหิตและศาสนพิธีพระวิหาร ถึงแม้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีนโยบายนี้—และรู้สึกเจ็บช้ำบ่อยครั้งกับคำอธิบายที่สอนในเวลานั้นซึ่งปัจจุบันศาสนจักรไม่ยอมรับ—แต่สมาชิกเชื้อสายแอฟริกันที่ภักดีจำนวนมากวางใจพระเจ้าและซื่อสัตย์ตลอดชีวิตพวกเขา ขณะที่ท่านอ่าน ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2 ให้ไตร่ตรองว่าท่านได้เรียนรู้ที่จะวางใจพระเจ้าแม้ในเวลาที่มีความเข้าใจไม่สมบูรณ์อย่างไร
การเรียนรู้เกี่ยวกับศรัทธาของสมาชิกผิวสีของศาสนจักรจะสร้างแรงบันดาลใจให้ท่านได้ เรื่องราวของพวกเขาบางเรื่องต่อไปนี้มีอยู่ที่ history.ChurchofJesusChrist.org:
-
“Jane Elizabeth Manning James” (Church History Topics)
-
“In My Father’s House Are Many Mansions” (เรื่องของกรีน เฟลค)
-
“You Have Come at Last” (เรื่องของแอนโธนี โอบินนา)
-
“Break the Soil of Bitterness” (เรื่องของจูเลีย มาวิมเบลา)
-
“I Will Take It in Faith” (เรื่องของจอร์จ ริคฟอร์ด)
ดู “Witnessing the Faithfulness,” Revelations in Context, 332–341; Gospel Topics, “Race and the Priesthood,” topics.ChurchofJesusChrist.org; Ahmad Corbitt, “A Personal Essay on Race and the Priesthood,” parts 1–4, history.ChurchofJesusChrist.org; BeOne.ChurchofJesusChrist.org ด้วย
แนวคิดสำหรับการศึกษาพระคัมภีร์กับครอบครัวและการสังสรรค์ในครอบครัว
-
หลักแห่งความเชื่อพิจารณาว่าครอบครัวท่านจะสร้าง “บทเรียนขนาดย่อม” สำหรับ หลักแห่งความเชื่อ ได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น ตลอดสัปดาห์สมาชิกครอบครัวจะเลือกหลักแห่งความเชื่อคนละข้อและหาพระคัมภีร์ รูปภาพ เพลงสวด หรือเพลงสำหรับเด็กที่เกี่ยวข้องหรือเล่าประสบการณ์ส่วนตัว
หรือสมาชิกครอบครัวจะผลัดกันถามคำถามเกี่ยวกับศาสนจักรและความเชื่อของเรา แล้วใช้หลักแห่งความเชื่อตอบคำถามเหล่านั้น
-
ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1 และ 2ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1 และ 2 ช่วยให้เราเข้าใจบทบาทของการเปิดเผยยุคปัจจุบันในศาสนจักร ขณะครอบครัวท่านอ่านด้วยกัน ท่านอาจจะสนทนาว่าศาสดาพยากรณ์นำเรา “โดยการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ” อย่างไร (ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1) ข้อประกาศทั้งสองนี้เสริมสร้างศรัทธาของเราในพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ผู้ทรงนำทางศาสนจักรด้วยพระองค์เองอย่างไร? เราเห็นพระหัตถ์ของพระองค์ในงานของศาสนจักรทุกวันนี้อย่างไร? ท่านอาจจะตัดสินใจสำรวจแหล่งข้อมูลบางแหล่งใน “แนวคิดสำหรับการศึกษาพระคัมภีร์เป็นส่วนตัว” ข้างต้นด้วยกัน
ดูแนวคิดเพิ่มเติมสำหรับสอนเด็กได้จาก โครงร่างของสัปดาห์นี้ ใน จงตามเรามา—สำหรับปฐมวัย
เพลงที่แนะนำ: “รักษาพระบัญญัติ” หนังสือเพลงสำหรับเด็ก, 68–69