ผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์
2. การวางระเบียบและกิจกรรมผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์


“2. การวางระเบียบและกิจกรรมผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์,” มาตรฐานผู้สอนศาสนาสำหรับสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์—งานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ (2021)

“2. การวางระเบียบและกิจกรรมผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์,” มาตรฐานผู้สอนศาสนาสำหรับสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์—งานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

ภาพ
การดูแลคนขัดสนในครอบครัวของเรา

2

การวางระเบียบและกิจกรรมผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์

2.0

บทนำ

พระเจ้าตรัสว่า “เจ้าจะวางระเบียบตัวเจ้าและกำหนดสิ่งที่อยู่ในความพิทักษ์ให้ชาย [และหญิง] ทุกคน” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 104:11) มาตรฐานผู้สอนศาสนาหมวดนี้พูดถึงการวางระเบียบงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ นอกจากนี้ยังอธิบายว่าท่านจะสามารถรับใช้ผู้อื่นด้วยความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์ขณะมีส่วนร่วมในงานมอบหมายและกิจกรรมงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ให้ดีที่สุดได้อย่างไร (ดู โมโรไน 7:44–47).

คำว่า หัวหน้าผู้สอนศาสนา หมายถึงผู้สอนศาสนาที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำ เช่น หัวหน้าดิสตริกท์และหัวหน้าซิสเตอร์ คำว่า ผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ หมายถึงผู้นำที่มีหน้าที่รับผิดชอบวันต่อวันสำหรับท่านและผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ ในเขตที่ท่านได้รับมอบหมาย (ดู 2.1.1)

ในคู่มือเล่มนี้คำว่า ประธานสเตค อธิการ สเตค และ วอร์ด หมายถึงประธานท้องถิ่น ประธานสาขา ท้องถิ่น และสาขา ด้วย

2.1

การเป็นผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

หน้าที่รับผิดชอบสำคัญที่สุดของท่าน ไม่ว่าจะมีงานมอบหมายใดในการเป็นผู้นำ คือการเป็นผู้สอนศาสนาที่ซื่อสัตย์และอุทิศตน ท่านจะได้รับพรขณะทำตามคำแนะนำจากผู้นำและขณะท่านพัฒนาความสัมพันธ์ที่เปี่ยมด้วยรักกับพวกเขา

2.1.1

ผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

พระเจ้าทรงอวยพรผู้สอนศาสนาของพระองค์โดยการเรียกผู้สอนศาสนาสามีภรรยาบำเพ็ญประโยชน์มาเป็นผู้นำพวกเขา ผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ของท่านรับใช้ด้วยกันในฐานะผู้นำร่วมภายใต้การกำกับดูแลของผู้นำฐานะปุโรหิตในท้องที่ พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกพวกเขาให้ได้รับการวางมือมอบหน้าที่ให้นำผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์ในเขตที่ท่านได้รับมอบหมาย พวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อ รัก รับใช้ และช่วยให้ท่านบรรลุจุดประสงค์การเป็นผู้สอนศาสนา โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับประธานสเตคของท่าน พวกเขาช่วยระบุโอกาสในการับใช้สำหรับท่าน พวกเขาช่วยพัฒนาตารางงานและงานมอบหมายผู้สอนศาสนาที่ปรับให้เหมาะสมของท่าน นอกจากนี้พวกเขายัง:

  • พบกับท่านและสัมภาษณ์ท่านอย่างสม่ำเสมอ

  • ประเมินและช่วยเรื่องความก้าวหน้าของท่าน

  • สนับสนุนและให้กำลังใจท่าน

  • รับฟังข้อกังวล ตอบคำถามของท่าน รวมทั้งให้คำปรึกษาด้วย

  • ใช้การดลใจและการเปิดเผยเพื่อช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จในการเป็นผู้สอนศาสนา

กล่าวโดยย่อ พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบวันต่อวันที่จะทำงานกับท่านเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์งานเผยแผ่ที่เปลี่ยนชีวิต

เมื่อท่านมีการสัมภาษณ์กับผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ ท่านอาจเชิญบิดามารดาหรือผู้สอนศาสนาผู้สนับสนุนท่านในที่ทำงานมาอยู่ในการสัมภาษณ์ด้วย การตัดสินใจเชิญบางคนเข้าร่วมการสัมภาษณ์กับท่านไม่ทำให้ผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ รักท่าน เป็นห่วงท่าน หรือชื่นชมท่านน้อยลง

2.1.2

ประธานสเตค

เนื่องจากท่านเป็นสมาชิกของสเตค ประธานสเตคของท่านมีหน้าที่รับผิดชอบฐานะปุโรหิตต่อท่าน โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ เขากำหนดความคาดหวังทางวิญญาณและด้านพฤติกรรมในงานเผยแผ่ของท่านและให้ความเห็นชอบต่อประสบการณ์ผู้สอนศาสนาที่กำหนดเองสำหรับงานบำเพ็ญประโยชน์ของท่าน

ประธานสเตคของท่านมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการสัมภาษณ์ความมีค่าควรของท่าน เขาพึงแน่ใจว่าท่านกำลังทำตามมาตรฐานงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ โดยปรึกษากับผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ เขาทบทวนตารางงานและงานมอบหมายของท่าน เมื่อสิ้นสุดงานเผยแผ่ของท่าน เขาจะเป็นคนให้ท่านพ้นหน้าที่และขอบคุณสำหรับการเป็นผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์ของท่าน

ในบางกรณีระยะทางไกลอาจทำให้เป็นการยากลำบากที่ประธานสเตคจะมาพบท่านเป็นประจำ หากเป็นเช่นนั้น เขาอาจมอบหมายผู้เชี่ยวชาญสเตคหรือผู้นำฐานะปุโรหิตคนอื่นให้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสนับสนุนท่านและช่วยให้แน่ใจว่าท่านได้รับประสบการณ์ผู้สอนศาสนาที่เปลี่ยนชีวิต

2.1.3

การวางระเบียบการเป็นผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

ผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ของท่านใช้การดลใจและการเปิดเผยในการวางระเบียบงาน พวกเขาอาจมอบหมายให้ผู้สอนศาสนาเป็นผู้นำในเขตของผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์ (ตัวอย่างเช่น หัวหน้าดิสตริกท์หรือหัวหน้าซิสเตอร์) ท่านอาจได้รับมอบหมายให้นำหรือจัดการฝึกอบรมการปฏิบัติงานหรืองานมอบหมายชุมชนของท่าน

2.1.4

ความรับผิดชอบของหัวหน้าผู้สอนศาสนา

เช่นเดียวกับผู้สอนศาสนาทุกคน หัวหน้าผู้สอนศาสนาทำตามคำแนะนำของพระเยซูคริสต์ที่จะ “รับใช้ [พระผู้เป็นเจ้า] ด้วยสุดใจ, พลัง, ความนึกคิด และพละกำลัง [ของพวกเขา]” และ “นึกถึงศรัทธา, คุณธรรม, ความรู้, ความยับยั้งตน, ความอดทน, ความกรุณาฉันพี่น้อง, ความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า, จิตกุศล, ความนอบน้อม, ความขยันหมั่นเพียร” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 4:2, 6) การมอบหมายให้เป็นผู้นำไม่ได้บ่งบอกถึงการยอมรับเป็นพิเศษหรือการเลื่อนตำแหน่งหรือสะท้อนคุณค่าของผู้สอนศาสนา

หัวหน้าผู้สอนศาสนามีความรับผิดชอบในการ:

  • เป็นแบบอย่างตามมาตรฐานพฤติกรรมของผู้สอนศาสนา (ดู บทที่ 3)

  • ช่วยฝึกอบรมผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ โดยการกำกับดูแลของผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

  • รักและผูกมิตรกับผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ

  • ช่วยให้ผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ เห็นคุณค่าความพยายามของตน

  • รับฟังข้อกังวลของผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ และบอกความต้องการกับผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

  • รายงานหน้าที่ความเป็นผู้นำของพวกเขาแก่ผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

  • ช่วยวางระเบียบและนำการประชุม การประชุมย่อย และกิจกรรม ภายใต้การกำกับดูแลของผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

เอ็ลเดอร์และซิสเตอร์ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำควรฝึกการเป็นผู้นำเหมือนพระคริสต์เฉกเช่นผู้สอนศาสนาทุกคน หากความประพฤติของผู้สอนศาสนาคนใด รวมทั้งหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว ดูเหมือนไม่สอดคล้องกับพระบัญญัติและมาตรฐานผู้สอนศาสนา ให้สนทนาเรื่องนี้กับผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ของท่านเท่านั้นและห้ามสนทนาเรื่องนี้กับผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ บิดามารดา หรือเพื่อน

2.1.5

ความรับผิดชอบส่วนตัว

จง “ขยายตำแหน่ง [ของท่าน] แด่พระเจ้า” (เจคอบ 1:19) พึ่งพาตนเองทางวิญญาณ และ “กระทำด้วย [ตัวท่านเอง]” (2 นีไฟ 2:16) โดยวางใจพระเจ้าและทำตามพระวิญญาณ

เมื่อท่านมีคำถามหรือข้อกังวลให้:

  • ประยุกต์ใช้คำสอนที่ว่า “ศึกษาไตร่ตรองในความคิดของเจ้า; จากนั้น … ถามเราว่ามันถูกต้องหรือไม่” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 9:8)

  • แสวงหาการนำทางผ่านการเปิดเผยส่วนตัว การสวดอ้อนวอน และการศึกษาพระคัมภีร์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระคัมภีร์มอรมอน) คำสอนของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ และมาตรฐานผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์

พูดคุยกับอธิการหรือประธานสเตคของท่านเกี่ยวกับปัญหาความมีค่าควร พูดคุยกับผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ของท่านเกี่ยวกับข้อกังวลปัจจุบันทันด่วนเรื่องความปลอดภัย รวมถึงการล่วงละเมิดหรือการกระทำทารุณกรรม หรือปัญหาอื่นๆ

อาจมีหลายครั้งในช่วงงานเผยแผ่เมื่อท่านพบว่ายากจะจดจ่อกับงานมอบหมายด้านบำเพ็ญประโยชน์เนื่องจากความท้าทายในขณะนั้น เรื่องส่วนตัวหรือเรื่องครอบครัว หรือแม้กระทั่งประสบการณ์ในอดีต อย่าลังเลที่จะบอกข้อกังวลของท่านกับผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

จงจดจำพระดำรัสเชื้อเชิญของพระผู้ช่วยให้รอดที่ว่า “จงดูที่เราในความนึกคิดทุกอย่าง; อย่าสงสัย, อย่ากลัว จงดูแผลถูกแทงที่สีข้างเรา, และรอยตะปูที่มือและเท้าของเราด้วย; จงซื่อสัตย์, รักษาบัญญัติของเรา, และเจ้าจะสืบทอดอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นมรดก เอเมน” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:36–37)

2.2

รับใช้ด้วยกัน

บางครั้งท่านอาจได้รับมอบหมายให้ทำงานกับผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์คนอื่นๆ ในสถานที่เดียวกัน การทำงานด้วยกันในฐานะผู้สอนศาสนา ท่านควร:

  • เป็นหนึ่งเดียวกันในการทำงานและรับใช้ดังที่พระผู้ช่วยให้รอดจะทรงทำ

  • สนับสนุนความผาสุกทางกาย ทางอารมณ์ และทางวิญญาณของกันและกัน

  • ขณะรับใช้ด้วยกัน จงคำนึงถึงความปลอดภัยของกันและกัน

  • จงรับภาระรับผิดชอบต่อกันในการรักษามาตรฐานผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์

2.2.1

คู่

ผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์อาจมอบหมายให้มีคู่ผู้สอนศาสนาเพื่อพัฒนาการศึกษาพระกิตติคุณแบบมีโครงสร้างและการปฏิสัมพันธ์ด้านสังคมในระหว่างประสบการณ์งานเผยแผ่ของท่าน อาจมอบหมายคู่ผู้สอนศาสนาข้ามเขตผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์ ที่สถานที่บำเพ็ญประโยชน์ หรือเพื่อกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ที่จำเพาะเจาะจง

จงนึกถึงเรื่องต่อไปนี้ตลอดเวลาที่ท่านมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์คนอื่นๆ :

  • รัก เคารพ และเสริมสร้างความเข้มแข็งต่อผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ

  • อ่อนน้อมถ่อมตนและรับรู้ข้อดีของกันและกัน

  • ปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่ท่านต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อท่าน

  • หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์และความขัดแย้ง และรับรู้คุณงามความดีของผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ

  • หลีกเลี่ยงการพูดถึงกันในแง่ลบกับผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ สมาชิกศาสนจักร หรือครอบครัวและเพื่อนๆ

หากสังเกตเห็นสถานการณ์หรือพฤติกรรมไม่เหมาะสมใดๆ ให้พูดคุยเรื่องนี้กับผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ของท่าน

2.3

การประชุม การประชุมใหญ่ และการประชุมสภา

ในฐานะผู้สอนศาสนา ท่านหารือกันขณะให้และรับการอบรม ขณะวางแผนและประสานงานการบำเพ็ญประโยชน์ของท่าน การประชุมย่อย การประชุม และสภาควรอัญเชิญพระวิญญาณของพระเจ้าและควรเป็นเวลาสำหรับดลใจและการเปิดเผย (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:32) นอกจากนี้ การมารวมกันในฐานะผู้สอนศาสนาจะเปิดโอกาสให้สนับสนุนกันและชื่นชมยินดีด้วยกัน (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 43:8; 50:22)

การประชุมที่จัดโดยหัวหน้าผู้สอนศาสนาภายใต้การกำกับดูแลของผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ ได้แก่:

  • การประชุมดิสตริกท์ตามปกติ

  • การประชุมประจำสัปดาห์หรือการประชุมรายเดือน

  • การประชุมใหญ่

  • การประชุมสภาผู้นำ

2.4

งานมอบหมายและตารางงาน

จงซื่อสัตย์และขยันหมั่นเพียงในการทำตามงานมอบหมายและตารางงานผู้สอนศาสนาของท่าน

2.4.1

งานมอบหมายที่กำหนดเอง

พระเจ้าทรงเรียกท่านเป็นผู้สอนศาสนา ท่านได้รับมอบหมายให้รับใช้ในประสบการณ์งานเผยแผ่ที่กำหนดเองโดยเลือกตามแบบเฉพาะตัวให้เหมาะสมกับพรสวรรค์ ทักษะและของประทานของท่าน ในช่วงเวลางานเผยแผ่ของท่าน ท่านอาจรับใช้ในงานมอบหมายหลายแบบรวมถึง งานในองค์กรการกุศลที่ได้รับความเห็นชอบ การปฏิบัติงานของศาสนจักร พระวิหาร และโอกาสในการบำเพ็ญประโยชน์ที่สเตคมอบหมาย

ท่านอาจรับใช้ในสถานที่มากกว่าหนึ่งแห่งระหว่างสัปดาห์ ในแต่ละสถานที่ ท่านจะรายงานต่อผู้ดูแลที่ให้การอบรม เครื่องมือ และการสนับสนุนที่จำเป็นต่อการทำหน้าที่รับผิดชอบของท่านให้ลุล่วง เข้าไปถึงงานมอบหมายให้ตรงเวลาและเตรียมพร้อมที่จะรับใช้อย่างดี จงเป็นคนที่น่าเชื่อถือและพึ่งพาได้ จงทำตามการกำกับดูแลของผู้ดูแลอย่างรอบคอบและครบถ้วน จงพยายามสุดความสามารถที่จะอุทิศตนต่องานในวิธีที่มีความหมาย จงเป็นอิทธิพลที่ดีและยกระดับจิตใจคนที่ท่านรับใช้และปฏิสัมพันธ์ด้วย จงทำงานอย่างปลอดภัย และพยายามพัฒนาอยู่เสมอ

2.4.2

การโอนย้ายงานมอบหมาย

โดยทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด ประธานสเตคและผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ของท่านอาจปรับงานมอบหมายด้านบำเพ็ญประโยชน์ในช่วงเวลางานเผยแผ่ของท่าน

2.4.3

ตารางงานประจำวัน

โดยทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด พร้อมข้อมูลจากท่าน ผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ของท่านจะสร้างตารางงานผู้สอนศาสนาประจำวันขึ้น ประธานสเตคของท่านจะให้ความเห็นชอบตารางงานดังกล่าว ตารางงานนี้อาจรวมถึงงานและกิจกรรมที่วางอยู่ในขอบเขตของพัฒนาการด้านต่างๆ คือ

  • ด้านวิญญาณ

  • ด้านสังคม

  • ด้านร่างกาย

  • ด้านสติปัญญา

จงทำตามตารางงานผู้สอนศาสนาประจำวันของท่านอย่างสม่ำเสมอและน่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้ท่านมีการเจริญเติบโตที่รุดหน้ากว่าและได้รับพรทางวิญญาณระหว่างการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาของท่าน

ตารางงานประจำวันของท่านอาจรวมถึง:

  • การกำหนดและทบทวนเป้าหมายของท่านในการเป็นผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์

  • การเตรียมและการทำให้งานมอบหมายแต่ละวันของท่านเสร็จสมบูรณ์

  • ศึกษาพระคัมภีร์ (โดยเฉพาะ พระคัมภีร์มอรมอน), คำสอนของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกที่มีชีวิตอยู่, Adjusting to Service Missionary Life, หมวดที่เกี่ยวข้องของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา, และแหล่งช่วยอื่นๆ ที่ได้รับอนุมัติ (ดู 2.4.5)

2.4.4

ตัวอย่างตารางงานประจำวัน

เขียนตารางงานแบบทั่วไป โดยทำงานนี้ร่วมกับผู้นำและบิดามารดาหรือผู้ปกครอง ให้มีเวลาทำงานมอบหมายของท่านและช่วงเวลาที่ท่านใช้สิทธิ์เสรีพิจารณาวิธีที่ท่านจะรับใช้ พัฒนา และเติบโต (เรียกว่า “ช่วงเวลาแห่งสิทธิ์เสรี”) ทบทวนและทำตามแผนของท่านในแต่ละวัน

ตารางงานประจำวันสำหรับงานเผยแผ่ของท่านอาจมีลักษณะคล้ายตัวอย่างต่อไปนี้

เช้า:

[เวลาเริ่ม]

ตื่นและสวดอ้อนวอน

[เวลาเริ่ม]

ออกกำลังกาย 30 นาที (ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพของท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพและสภาวการณ์ทางร่างกายของท่าน)

[เวลาเริ่ม]

อาบน้ำ รับประทานอาหารเช้า และเตรียมตัวสำหรับวันนั้นให้เสร็จ

[เวลาเริ่ม]

มีส่วนในการให้ข้อคิดทางวิญญาณและการศึกษาพระกิตติคุณ

[เวลาเริ่ม]

รายงานตัวเข้าทำงานมอบหมายตรงเวลา (เข้าร่วมการประชุมสวดอ้อนวอนหรือการให้ข้อคิดทางวิญญาณก่อนการบำเพ็ญประโยชน์ของท่านถ้ากำหนดไว้ในตารางงาน)

บ่าย:

[เวลาเริ่ม]

รับประทานอาหารกลางวัน

[เวลาเริ่ม]

ทำงานรับใช้จนเวลาทำงานมอบหมายของท่านสิ้นสุดลง

เย็น:

[เวลาเริ่ม]

รับประทานอาหารเย็น

[เวลาเริ่ม]

ทำตามแผนกิจกรรมส่วนตัวของท่านจากตารางงานประจำวัน ทั้งนี้ควรรวมถึงเวลาศึกษาพระกิตติคุณส่วนตัวหนึ่งชั่วโมงด้วย นอกจากนี้อาจรวมถึงการเข้าพระวิหาร ชั้นเรียนสถาบัน กิจกรรรมหนุ่มสาวโสด และงานบ้านของครอบครัว

[เวลาเริ่ม]

บันทึกความรู้สึกและประสบการณ์พิเศษของท่านไว้ในบันทึกประจำวัน

[เวลาเริ่ม]

เตรียมเข้านอน สวดอ้อนวอนแล้วเข้านอน

แม้ในช่วงเวลาที่ท่านไม่อยู่ในการรับใช้ในสถานที่ทำงานมอบหมาย ท่านยังคงเป็นผู้สอนศาสนา ความประพฤติ ความคิด และการกระทำของท่านควรสะท้อนให้เห็นสถานะการเป็นผู้สอนศาสนาของท่าน

2.4.5

ช่วงเวลาศึกษากับผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์คนอื่นๆ

เมื่อทำได้ ให้ศึกษากับผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์อีกคนหนึ่ง ผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ของท่านอาจมอบหมายบางคนให้กับท่าน การศึกษาด้วยกันนี้อาจทำแบบพบกันต่อหน้าหรือแบบออนไลน์ก็ได้

มุ่งเน้นไปที่พระคัมภีร์ (โดยเฉพาะ พระคัมภีร์มอรมอน), คำสอนของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกที่มีชีวิตอยู่, Adjusting to Service Missionary Life, หมวดที่เกี่ยวข้องของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา, และมาตรฐานงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ แหล่งข้อมูลที่ได้รับอนุมัติเหล่านี้จะทำให้ความรู้ของท่านแน่นขึ้นและประจักษ์พยานของท่านเข้มแข็งขึ้นในพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์และช่วยท่านเตรียมตอบรับความต้องการของคนที่ท่านรับใช้

2.5

การจัดงาน กิจกรรม และการเตรียมตัวที่อยู่นอกงานมอบหมายด้านการบำเพ็ญประโยชน์

ตารางงานผู้สอนศาสนาของท่านอาจรวมถึงช่วงเวลาระหว่างสัปดาห์ที่จะเข้าร่วมในเรื่องจำเป็นและการเตรียมพร้อมส่วนตัวของท่าน เช่น การทำงานบ้านที่บ้าน การนัดหมายกับแพทย์ ช่วงเวลาครอบครัว และนันทนาการ เรื่องนี้อาจใช้เวลาทั้งวันหรือไม่ถึงวันก็ได้ “จงวางระเบียบตนเอง; เตรียมสิ่งที่จำเป็นทุกอย่าง, และสถาปนา[บ้าน], แม้ … บ้านแห่งการสวดอ้อนวอน” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 109:8)

โปรดจดจำพระดำรัสเตือนของพระเจ้าที่เหมาะกับยุคสมัย: “อย่าวิ่งเร็วหรือทำงานเกินพละกำลังที่เจ้ามี” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 10:4) และ “เข้านอนแต่หัวค่ำ, เพื่อเจ้าจะไม่เหนื่อยอ่อน; ตื่นแต่เช้า, เพื่อร่างกายเจ้าและความคิดเจ้าจะกระปรี้กระเปร่า” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:124) การพักจากงานเพื่อพักผ่อนและเตรียมตนเองให้พร้อมจะช่วยรักษาความสามารถของท่านในการรับใช้ผู้อื่น

2.6

กิจกรรมในวันสะบาโต

วางแผนกิจกรรมในวันสะบาโตที่ช่วยให้จุดประสงค์ในการเป็นผู้สอนศาสนาของท่านสำเร็จนั่นคือการช่วยให้ผู้อื่นมาหาพระคริสต์โดยรับใช้พวกเขาอย่างที่พระผู้ช่วยให้รอดจะทรงรับใช้ จงจดจำพระดำรัสสอนของพระเจ้าเกี่ยวกับวันสะบาโตใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 59:13-19

โดยปรึกษากับผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ ผู้นำฐานะปุโรหิตในท้องที่ของท่านอาจให้การเรียกวอร์ดหรือสเตคที่ไม่ขัดต่อตารางงานและงานมอบหมายในงานเผยแผ่แก่ท่าน ท่านอาจรับใช้เป็นบราเดอร์หรือซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจได้ด้วย

2.7

การบำเพ็ญประโยชน์ในชุมชน

วิธีหนึ่งที่จะเรียนรู้การเป็นสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์คือการรับใช้ดังที่พระองค์ทรงรับใช้ ผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์จะช่วยระบุโอกาสที่ท่านจะรับใช้คนอื่นๆ ในชุมชน “เพื่อท่านจะเรียนรู้ว่าเมื่อท่านอยู่ในการรับใช้เพื่อนมนุษย์ของท่าน ท่านก็อยู่ในการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าของท่านนั่นเอง” (โมไซยาห์ 2:17)

ท่านควรรับใช้ด้วยความปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างจริงใจ โดยไม่หวังผลตอบแทน จำไว้ว่า ท่านไม่ได้รับการเรียกมาเพื่อสอนพระกิตติคุณด้วยถ้อยคำของท่าน ท่านแสดงออกถึงความรักที่ท่านมีต่อพระผู้เป็นเจ้า ผ่านแบบอย่างการรับใช้เหมือนพระคริสต์ของท่าน อย่าสอนศาสนาขณะรับใช้ในองค์กรการกุศล

งานมอบหมายบางอย่างจำเป็นต้องมีการฝึกอบรมหรือการดูแลเพิ่มเติม เว้นเสียแต่ว่าองค์กรการกุศลที่ท่านกำลังรับใช้อยู่นั้นส่งแผนการฝึกอบรมที่เจาะจงมายังผู้นำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ของท่าน ท่านไม่ควรเข้าไปมีส่วนในกิจกรรมใดๆ ที่มีข้อจำกัดดังต่อไปนี้

  • การปฏิสัมพันธ์กับเด็กหรือผู้ใหญ่ที่เปราะบาง

  • ปฏิบัติงานกับเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือยานพาหนะ

  • การจัดการเงินสดหรือของมีค่าใดๆ

  • การให้ความเห็นด้านวิชาชีพ

พิมพ์