“ทักษะ: ช่วยนักเรียนตัดสินใจว่าจะใช้วิธีศึกษาพระคัมภีร์วิธีใดโดยจัดเตรียมวิธีศึกษาพระคัมภีร์หลายๆ วิธีให้พวกเขาพิจารณา” แหล่งช่วยการสนับสนุนและการอบรมครู (2024)
เป้าหมายการศึกษาพระคัมภีร์
ทักษะ: ช่วยนักเรียนตัดสินใจว่าจะใช้วิธีศึกษาพระคัมภีร์วิธีใดโดยจัดเตรียมวิธีศึกษาพระคัมภีร์หลายๆ วิธีให้พวกเขาพิจารณา
ความเข้าใจหรือความสามารถเบื้องต้นของฉันคืออะไร? (การประเมินผล):
ท่านเคยพิจารณาหรือไม่ว่าการศึกษาพระคัมภีร์มีกี่วิธี? ท่านคิดว่านักเรียนของท่านคุ้นเคยกี่วิธี?
สิ่งนั้นคืออะไรและเหตุใดจึงสําคัญ? (นิยาม):
ประธานเนลสันกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอแนะนําให้ท่านปรับรูปแบบการศึกษาให้เหมาะกับท่าน” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ให้พระคัมภีร์นําทางชีวิตท่าน,” เลียโฮนา, ม.ค. 2001) เมื่อนักเรียนเลือกวิธีศึกษาพระคัมภีร์ที่ตรงกับความต้องการของแต่ละคน พวกเขามีแนวโน้มจะมีแรงจูงใจและตื่นเต้นมากขึ้นที่จะบรรลุเป้าหมายการศึกษาพระคัมภีร์และรู้สึกถึงพลังของการศึกษาพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิต ครูไม่ควรพยายามชี้นํานักเรียนไปยังวิธีศึกษาพระคัมภีร์ที่เฉพาะเจาะจง แต่ขณะกระตุ้นให้นักเรียนตั้งเป้าหมายการศึกษาส่วนตัว พวกเขาควรช่วยนักเรียนประเมินว่าวิธีใดดีที่สุดสําหรับตน วิธีหนึ่งที่ทําได้คือให้นักเรียนมีวิธีศึกษาพระคัมภีร์หลายวิธีให้เลือก การเชื้อเชิญนักเรียนที่ค้นพบวิธีศึกษาพระคัมภีร์ที่มีประสิทธิภาพให้แบ่งปันกับเพื่อนร่วมชั้นอาจมีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน
ใครหรืออะไรเป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้? (ตัวอย่าง):
เมื่อบราเดอร์บิลลิงส์เชื้อเชิญให้นักเรียนเริ่มไตร่ตรองว่าเป้าหมายการศึกษาพระคัมภีร์ของพวกเขาคืออะไร เขาจัดเตรียมเอกสาร “ข้อความเกี่ยวกับวิธีและทักษะการศึกษาพระคัมภีร์” ให้พวกเขา (ด้านล่าง) เขาให้เวลานักเรียนห้านาทีในการอ่านเอกสารและอ่านส่วนที่พวกเขาประทับใจ โดยมองหาสิ่งที่พวกเขาอาจต้องการทดลองทํา หลังจากผ่านไปห้านาที เขาถามคําถามต่อไปนี้:
-
หลังจากทบทวนรายการนี้ ท่านคิดว่าวิธีใดจะเป็นประโยชน์ที่ท่านจะใช้ตอนนี้?
-
มีวิธีใดที่ท่านไม่อยากลองทําหรือทําต่อหรือไม่?
ขณะนักเรียนเสนอสิ่งที่ไม่ได้ระบุไว้ในเอกสารแจก บราเดอร์บิลลิงส์เขียนสิ่งเหล่านั้นบนกระดาน หลังจากสนทนากันแล้ว เขากระตุ้นให้นักเรียนตัดสินใจว่าวิธีใดจะดีที่สุดสําหรับเป้าหมายการศึกษาพระคัมภีร์ของพวกเขาและสนับสนุนพวกเขาในเป้าหมายที่ตั้งไว้
ฉันจะฝึกใช้ทักษะนี้หรือประยุกต์ใช้หลักธรรมนี้ได้อย่างไร? (ฝึกปฏิบัติ)
ทบทวนหน้าแหล่งช่วย “ข้อความเกี่ยวกับวิธีและทักษะการศึกษาพระคัมภีร์” (ด้านล่าง) และตั้งคําถามอย่างน้อยหนึ่งข้อที่ท่านสามารถถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาระบุวิธีศึกษาพระคัมภีร์ที่เหมาะกับพวกเขา
ไตร่ตรองหรือสนทนา:
ท่านคิดว่าวิธีศึกษาพระคัมภีร์ของนักเรียนส่งผลต่อวิธีที่พวกเขาเรียนรู้จากพระคัมภีร์อย่างไร?
ฉันจะรวมสิ่งนี้อย่างไรและเมื่อใด?
กําหนดวิธีที่ท่านจะให้ทางเลือกแก่นักเรียนเกี่ยวกับวิธีศึกษาและทักษะที่พวกเขาสามารถใช้ได้ ตัดสินใจเกี่ยวกับคําถามที่ท่านจะใช้เพื่อช่วยพวกเขาระบุวิธีที่จะสนองตอบความต้องการของพวกเขาได้ดีที่สุด (ท่านอาจต้องการพิจารณาใช้สิ่งนี้ร่วมกับทักษะการตั้งเป้าหมายพระคัมภีร์อื่นๆ เช่น ระบุพรของการศึกษาพระคัมภีร์ กระตุ้นให้พวกเขาสวดอ้อนวอนในการตั้งเป้าหมายศึกษาพระคัมภีร์ หรือตัดสินใจว่าจะศึกษาเมื่อใดและที่ใด เป็นต้น)
หมายเหตุ: นักเรียนบางคนจะพร้อมตัดสินใจระหว่างชั้นเรียนว่าต้องการศึกษาพระคัมภีร์ด้วยวิธีใด คนอื่นๆ อาจต้องไตร่ตรองและสวดอ้อนวอนเล็กน้อยก่อนตัดสินใจ การติดตามผลและช่วยเหลือนักเรียนเป็นระยะๆ จะเป็นประโยชน์
ข้อความเกี่ยวกับวิธีและทักษะการศึกษาพระคัมภีร์
มองหาพระผู้ช่วยให้รอดและคําสอนของพระองค์ |
“สอง ข้าพเจ้าเชิญชวนให้ท่านอ่านพระคัมภีร์มอรมอนตั้งแต่ตอนนี้จนถึงสิ้นปี … เมื่อท่านศึกษาร่วมกับการสวดอ้อนวอน ข้าพเจ้าสัญญาว่าฟ้าสวรรค์จะเปิดให้ท่าน พระเจ้าจะทรงอวยพรท่านด้วยการดลใจและการเปิดเผยเพิ่มขึ้น ขณะที่ท่านอ่าน ข้าพเจ้าขอให้ท่านทําเครื่องหมายแต่ละข้อที่พูดถึงหรืออ้างถึงพระผู้ช่วยให้รอด จากนั้น ให้ตั้งใจพูดถึงพระคริสต์ ชื่นชมยินดีในพระคริสต์ และสั่งสอนเรื่องพระคริสต์กับครอบครัวและมิตรสหายของท่าน ท่านและพวกเขาจะเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นผ่านกระบวนการนี้ และการเปลี่ยนแปลง แม้ปาฏิหาริย์ จะเริ่มเกิดขึ้น” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การมีส่วนร่วมของพี่น้องสตรีในการรวบรวมอิสราเอล,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 69–70) “เมื่อเราขานรับพระดํารัสเชื้อเชิญที่อ่อนโยนของพระเจ้าให้ ‘เรียนจากเรา’ เรากลายเป็นผู้รับส่วนในเดชานุภาพของพระองค์” (โธมัส เอส. มอนสัน, “เรียนจากเรา,” เลียโฮนา, มี.ค. 2016, 6) “จงเรียนรู้จากเรา, และฟังถ้อยคําของเรา; จงเดินด้วยความสุภาพอ่อนน้อมแห่งพระวิญญาณเรา, และเจ้าจะมีสันติสุขในเรา” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 19:23) |
---|---|
ระบุพรที่สัญญาไว้ซึ่งมาจากการศึกษาพระคัมภีร์ |
“พี่น้องที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนร่วมกับการสวดอ้อนวอน ทุกวัน ท่านจะตัดสินใจได้ดีขึ้น—ทุกวัน ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านไตร่ตรองสิ่งที่ศึกษา หน้าต่างฟ้าสวรรค์จะเปิด และท่านจะได้รับคําตอบให้คําถามของท่านและการนําทางในชีวิตท่าน ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านใฝ่ใจศึกษาพระคัมภีร์มอรมอน ท่านจะมีภูมิคุ้มกันความชั่วของยุคสมัย แม้แต่โรคระบาดของสื่อลามกและการเสพติดอื่นๆ ที่ทําให้ความคิดด้านชา” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พระคัมภีร์มอรมอน: ชีวิตท่านจะเป็นอย่างไรหากปราศจากพระคัมภีร์เล่มนี้” เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 62–63) “การไตร่ตรองข้อความในพระคัมภีร์สามารถเป็นกุญแจไขการเปิดเผยและการนำทางและการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระคัมภีร์สามารถปลอบจิตวิญญาณที่ร้อนรุ่ม ให้สันติสุข ความหวัง และฟื้นความเชื่อมั่นว่าตนสามารถเอาชนะความท้าทายในชีวิต พระคัมภีร์มีพลังเยียวยาปัญหาทางอารมณ์เมื่อมีศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอด พระคัมภีร์สามารถเร่งการเยียวยาทางร่างกายเช่นกัน” (ริชาร์ด จี. สก็อตต์, “พลังแห่งพระคัมภีร์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 6) “ข้าพเจ้ากล่าวแก่พวกเขาว่าราวเหล็กนั้นคือพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า; และผู้ใดที่สดับฟังพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า, และยึดมั่นในพระวจนะนั้นแล้ว, พวกเขาจะไม่พินาศเลย; ทั้งสิ่งล่อลวงและลูกศรเพลิงของปฏิปักษ์ก็ไม่อาจครอบงําพวกเขาไปสู่ความมืดบอด, เพื่อชักจูงพวกเขาไปสู่ความพินาศได้” (1 นีไฟ 15:24) |
ช่วยนักเรียนตัดสินใจว่าจะใช้วิธีหรือวิธีศึกษาพระคัมภีร์แบบใด |
“ต่อไปข้าพเจ้าขอแนะนําให้ท่านปรับรูปแบบการศึกษาให้เหมาะกับท่าน วิธีหนึ่งคืออ่านหนังสือพระคัมภีร์ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย วิธีนี้ให้มุมมองโดยรวมที่ดี แต่วิธีอื่นก็มีข้อดีเช่นกัน การให้ความสนใจกับหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งหรือหัวข้อเฉพาะเจาะจง เสริมด้วยการใช้เชิงอรรถอ้างโยงและแนวทางศึกษาจะช่วยเปิดแสงสว่างแห่งความเข้าใจในหลักคําสอน” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ให้พระคัมภีร์นําทางชีวิตท่าน,” เลียโฮนา, ม.ค. 2001) “ท่านควรสนใจเวลาที่ใช้ไปกับพระคัมภีร์นั้นมากกว่าปริมาณที่อ่านได้ในเวลาเดียวกัน บางครั้งข้าพเจ้ามองเห็นภาพว่าท่านกําลังอ่านพระคัมภีร์สองสามข้อ แล้วหยุดไตร่ตรอง อ่านข้อเดิมอีกครั้งอย่างครุ่นคิด และขณะที่ท่านคิดถึงความหมายอยู่นั้น สวดอ้อนวอนเพื่อความเข้าใจด้วย โดยถามข้อสงสัยที่มีอยู่ในใจ รอคอยความประทับใจทางวิญญาณให้เกิดขึ้นจริงๆ และบันทึกความประทับใจและความเข้าใจอันลึกซึ้งนั้นไว้เพื่อจะทบทวนและเรียนรู้ได้มากขึ้นภายหลัง โดยการศึกษาแบบนี้ท่านอาจอ่านพระคัมภีร์ได้ไม่กี่บทไม่กี่ข้อในเวลาครึ่งชั่วโมง แต่ท่านกําลังทําให้พระคําของพระผู้เป็นเจ้ามีที่อยู่ในใจและขณะนั้นพระองค์กําลังตรัสกับท่าน” (ดี. ทอดด์ คริฟทอฟเฟอร์สัน “เมื่อท่านได้หันกลับแล้ว,” เลียโฮนา, พ.ค. 2004, 13) “และจงดูว่าทําสิ่งทั้งหมดนี้ด้วยปัญญาและระเบียบ; เพราะไม่จําเป็นที่คนจะวิ่งไปเร็วเกินกําลังของตน และอนึ่ง, สมควรที่เขาจะขยันหมั่นเพียร, เพื่อโดยการนั้นเขาจะชนะรางวัล; ฉะนั้น, ทุกสิ่งต้องทําไปตามระเบียบ” (โมไซยาห์ 4:27) |
เปรียบพระคัมภีร์กับชีวิตส่วนตัวท่าน |
“เราเริ่มด้วยความมุ่งมั่นที่จะ ‘เปรียบพระคัมภีร์ทั้งหมดกับเรา … [เพื่อ] เป็นประโยชน์และเป็นการเรียนรู้ของเรา’ [1 นีไฟ 19:23] หากเรา ‘มุ่งหน้า, ดื่มด่ำพระวจนะของพระคริสต์, และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่แล้ว … [เรา] จะมีชีวิตนิรันดร์’ [2 นีไฟ 31:20] … เมื่อท่านไตร่ตรองและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับหลักธรรมคําสอน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะตรัสกับความคิดและใจท่าน [หลักคําสอนและพันธสัญญา 8:2] จากเหตุการณ์ที่ถ่ายทอดไว้ในพระคัมภีร์ ความเข้าใจใหม่จะเกิดขึ้นและหลักธรรมที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของท่านจะกลั่นลงมาในใจท่าน ท่านฝึกฝนประสบการณ์ของการเปิดเผยนั้นโดยการดําเนินชีวิตตามความสว่างที่ท่านได้รับ และโดยการค้นคว้าพระคัมภีร์ด้วยแรงผลักดันที่บริสุทธิ์—ด้วยเจตนาแท้จริงเพื่อ ‘มาสู่พระคริสต์’ [เจคอบ 1:7] เมื่อท่านทําเช่นนั้น ความมั่นใจของท่านจะ ‘แข็งแกร่งขึ้นในการประทับอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า’ และพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นเพื่อนที่ยั่งยืนของท่าน [หลักคําสอนและพันธสัญญา 121:45–46]” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ให้พระคัมภีร์นําทางชีวิตท่าน,” เลียโฮนา, ม.ค. 2001) “จงทำความคุ้นเคยกับบทเรียนที่พระคัมภีร์สอน เรียนรู้ภูมิหลังและเหตุการณ์แวดล้อมในอุปมาของพระอาจารย์และคำตักเตือนของศาสดาพยากรณ์ ศึกษาพระคัมภีร์ประหนึ่งพระคัมภีร์แต่ะข้อกําลังพูดกับท่าน เพราะนั่นคือความจริง” (Thomas S. Monson, “A Time to Choose,” Ensign, May 1995) |
จัดเวลาศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจําทุกวัน |
“เวลาศึกษาพระคัมภีร์ต้องมีตารางเวลาที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นพรที่มีค่าที่สุดจะเป็นเพียงการเสียสละเพื่อบางสิ่งที่มีค่าน้อยที่สุด” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ให้พระคัมภีร์นําทางชีวิตท่าน,” เลียโฮนา, ม.ค. 2001) “การอ่านรวดเดียวจบไม่มีประสิทธิผลเท่าการอ่านทุกวันและประยุกต์ใช้พระคัมภีร์ในชีวิตเรา” (โธมัส เอส. มอนสัน, “เป็นตัวของตัวเองให้ดีที่สุด,” เลียโฮนา, พ.ค. 2009, 84) “วิธีเดียวที่คุณจะมั่นใจได้ว่างานที่รัดตัวอยู่จะไม่เบียดการศึกษาพระคัมภีร์ออกไปคือกําหนดเวลาประจําไว้ศึกษาพระคัมภีร์ … เมื่อผมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจทําตามรูปแบบดังกล่าวได้ ผมจะไม่สบายใจมาก เมื่อคุณเคยชินกับการศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจํา คุณจะคิดถึงมันถ้าคุณไม่ได้ศึกษา เหมือนกับอาหาร—คุณต้องรับประทาน ผมรู้ว่าผมต้องการพระคัมภีร์เช่นเดียวกับต้องการอาหาร ผมไม่พลาดอาหารประจํา และผมไม่พลาดการศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจํา” (เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “การอภิปรายเกี่ยวกับการศึกษาพระคัมภีร์,” เลียโฮนา, ก.ค. 2005, 10) “ตามจริงแล้ว, เรากล่าว [แก่ท่าน] ควรทํางานอย่างทุ่มเทในอุดมการณ์ดี, และทําสิ่งสารพันด้วยเจตจํานงอิสระ [ของท่าน]” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 58:27) “เลิกเกียจคร้าน; เลิกไม่สะอาด; เลิกจับผิดกัน; เลิกนอนนานเกินความจําเป็น; จงเข้านอนแต่หัวคํ่า, เพื่อเจ้าจะไม่เหนื่อยอ่อน; ตื่นแต่เช้า, เพื่อร่างกายเจ้าและความคิดเจ้าจะกระปรี้กระเปร่า” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 88:124) Scriptures: Ten Minutes a Day (New Era, September 2017, pp. 26-29) อาหารประจําวัน: แบบแผน (วีดิทัศน์ 2:51) |
สวดอ้อนวอนก่อน ระหว่าง หรือหลังการศึกษาพระคัมภีร์และทูลขอให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงสอนท่านผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ |
“เนื่องจากความจริงที่ประทานให้โดยการเปิดเผยจะเข้าใจได้ก็โดยการเปิดเผยเท่านั้น การศึกษาของเราจึงต้องเป็นไปโดยการสวดอ้อนวอนอน” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ให้พระคัมภีร์นําทางชีวิตท่าน,” เลียโฮนา, ม.ค. 2001) เราต้องเตรียมตนเองเพื่อรับการเปิดเผย ข้าพเจ้าพบในการศึกษาพระคัมภีร์ส่วนตัวว่าข้าพเจ้าควรสวดอ้อนวอนก่อนอ่านพระคัมภีร์เสมอ แล้วอดทน พระเจ้าประทานการเปิดเผยแก่เราในจังหวะเวลาของพระองค์ วิธีของพระองค์ และตามพระประสงค์ของพระองค์ ฉะนั้นบางครั้งเราเพียงต้องรอ มีอีกสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับการเปิดเผยส่วนตัวที่เราควรจําไว้คือ พระเจ้าไม่ทรงตะโกน พระองค์ทรงกระซิบ (ดู ฮีลามัน 5:30) บางคนคิดว่าพวกเขาไม่เคยได้รับการเปิดเผยเพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินเสียงดังหรือไม่เคยเห็นเทพ แต่พระเจ้าทรงกระซิบ ดังนั้นเมื่อท่านแสวงหาการเปิดเผย จงฟังเสียงกระซิบ” (Dallin H. Oaks, “You Can Do This,” New Era Apr. 2020, 13) “ข้าพเจ้าไม่รู้วิธีใดที่จะระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลาได้ดีไปกว่าการศึกษาพระคัมภีร์ทุกวัน” (David A. Bednar, “Understanding the Importance of Scripture Study,” [Brigham Young University–Idaho devotional, Jan. 6, 1998], byui.edu) “เมื่อเราต้องการพูดกับพระผู้เป็นเจ้า เราสวดอ้อนวอน และเมื่อเราต้องการให้พระองค์ตรัสกับเรา เราค้นคว้าพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะพระคำของพระองค์ตรัสผ่านศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ จากนั้นพระองค์จะทรงสอนเราขณะที่เราฟังการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์” (โรเบิร์ต ดี. เฮลส์, “พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์: อํานาจของพระผู้เป็นเจ้าอันไปสู่ความรอดของเรา,” เลียโฮนา, พ.ย. 2006, 32) |
ถามคําถามและค้นคว้าพระคัมภีร์เพื่อหาคําตอบให้กับคําถามพระกิตติคุณ |
ทําไมวันอาทิตย์จึงเป็นวันพักผ่อน? ในชีวิตฉันเป็นเหมือนเรื่องนี้อย่างไร? การให้เกียรติบิดามารดาของฉันสร้างความแตกต่างอย่างไร? “การตั้งคําถามที่เจาะจงจะช่วยให้การนําทางจากพระคัมภีร์บรรลุผลสําเร็จ [1 นีไฟ 10:19] ท่านอาจถามว่า ‘เราเรียนรู้หลักธรรมอะไรบ้างจากคําสอนของพระเจ้าข้อนี้?’” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ให้พระคัมภีร์นําทางชีวิตท่าน,” เลียโฮนา, ม.ค. 2001) “เพราะเขาผู้ที่แสวงหาอย่างขยันหมั่นเพียรจะพบ; และความลี้ลับของพระผู้เป็นเจ้าจะสําแดงแก่พวกเขา, โดยอํานาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์, เหมือนกันดังนี้ทั้งในสมัยนี้กับในสมัยโบราณ, และเหมือนกันดังนี้ทั้งในสมัยโบราณกับในสมัยที่จะมาถึง; ดังนั้น, วิถีของพระเจ้าจึงเป็นหนึ่งรอบนิรันดร์” (1 นีไฟ 10:19) |
สร้างรายการพระคัมภีร์ที่มีความหมายพิเศษต่อท่าน |
ท่านอาจเริ่มต้นด้วยข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์หรือรายการโปรดส่วนตัวบางข้อที่สร้างแรงบันดาลใจให้ท่านในอดีต ท่านอาจต้องการท่องจําสองสามข้อ ขณะที่ท่านอ่านข้อพระคัมภีร์พิเศษเหล่านี้ ให้ลองทําตามข้ออ้างโยงที่ให้ไว้ด้านล่างของหน้าและดูว่าข้อพระคัมภีร์เหล่านี้นําท่านไปที่ใดในการศึกษาของท่าน |
เริ่มจดสมุดบันทึกพระคัมภีร์ |
เมื่อท่านอ่านและไตร่ตรองพระคัมภีร์ เตรียมสมุดบันทึกและดินสอหรือปากกาให้พร้อม ท่านอาจคัดลอกข้อพระคัมภีร์ที่ดลใจท่าน จดสิ่งที่ท่านเรียนรู้ หรือบันทึกความประทับใจทางวิญญาณ ท่านอาจเขียนแนวคิดสำหรับการศึกษาในอนาคตได้เช่นกัน |
เรียนรู้บริบท |
“เรียนรู้ภูมิหลังและสภาวะแวดล้อมในอุปมาของพระอาจารย์และคําตักเตือนของศาสดาพยากรณ์” (โธมัส เอส. มอนสัน, “เป็นตัวของตัวเองให้ดีที่สุด,” เลียโฮนา, พ.ค. 2009, 68) |
เริ่มวันนี้! |
ไม่ว่าท่านเลือกศึกษาพระคัมภีร์อย่างไร การศึกษาของท่านจะช่วยเสริมสร้างประจักษ์พยานของท่านและเพิ่มความเข้าใจในพระกิตติคุณ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ไม่มีวิธีที่ถูกต้องในการศึกษาพระคัมภีร์ ดังนั้นอย่ากลัวที่จะแตกแขนงออกไปและลองวิธีใหม่ๆ กับวิธีที่ท่านอ่าน |
แหล่งช่วยเพิ่มเติม |
รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ให้พระคัมภีร์นําทางชีวิตท่าน,” เลียโฮนา, ม.ค. 2001 เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “การอภิปรายเกี่ยวกับการศึกษาพระคัมภีร์,” เลียโฮนา, ก.ค. 2005, 22–26 ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน, “พรจากพระคัมภีร์,” เลียโฮนา, พ.ค. 2010, 32–35 พรจากพระคัมภีร์ (วีดิทัศน์ 3:03) “Ten Scripture Study Tools,” Ensign, Sept. 2010, 31 คําสอนของศาสดาพยากรณ์ในยุคสุดท้ายเกี่ยวกับพรของการศึกษาพระคัมภีร์ ริชาร์ด จี. สก็อตต์, “พลังแห่งพระคัมภีร์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 6–9 |