ถ้างานเผยแผ่ของท่านสิ้นสุดก่อนกำหนด อย่ายอมแพ้
ผู้เขียนอาศัยอยู่ในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา
การกลับจากงานเผยแผ่ก่อนกำหนดไม่ได้ทำให้คุณค่าของท่านลดลง
ถ้าท่านกำลังอ่านเรื่องนี้ ท่านอาจจะรู้แล้วว่าการกลับจากงานเผยแผ่ก่อนกำหนดช่างยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด คนหนุ่มสาวที่รับใช้อาจประสบการบาดเจ็บทางกาย ปัญหาสุขภาพจิต ภาวะคับขันของบ้านเมือง ข้อกังวลเรื่องความมีค่าควร ความขัดแย้งรุนแรงกับผู้อื่น หรือการไม่เชื่อฟังกฎคณะเผยแผ่ อันส่งผลให้พวกเขาต้องออกจากงานเผยแผ่ก่อนวันปลด
ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงต้องการให้ความล้มเหลวนี้ปล่อยให้บุตรธิดาคนใดของพระองค์ทุพพลภาพทางวิญญาณ ด้วยเหตุนี้ผู้สอนศาสนาที่กลับบ้านก่อนกำหนดจะก้าวหน้าจากการเปลี่ยนผ่านที่ไม่น่าพึงใจนี้ได้อย่างไร บิดามารดา ผู้นำศาสนจักร และบุคคลที่พวกเขารักจะช่วยได้อย่างไร
ผู้สอนศาสนาในพระคัมภีร์มอรมอน
เรื่องหนึ่งจากหนังสือแอลมาให้ตัวอย่างที่เป็นประโยชน์แก่เรา แอลมาศาสดาพยากรณ์ชาวนีไฟไปทำงานเผยแผ่ในบรรดาชาวโซรัมที่ชั่วร้ายพร้อมกับบุคคลที่ไว้ใจได้จำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือโคริแอนทอนบุตรชายของเขา โคริแอนทอน “ทิ้งการปฏิบัติศาสนกิจ, และข้ามไปแผ่นดินแห่งไซรอนซึ่งอยู่ในเขตแดนของชาวเลมัน, เพื่อติดตามอิสะเบ็ลหญิงโสเภณี” (แอลมา 39:3) ด้วยเหตุนี้แอลมาจึงตำหนิโคริแอนทอนอย่างรุนแรงและขอให้เขากลับใจโดยกล่าวว่า “พ่อไม่อยากพูดถึงความผิดของลูกอีกต่อไป, อันจะทรมานจิตวิญญาณลูก, หากไม่ใช่เพื่อความดีของลูก” (แอลมา 39:7)
โคริแอนทอนรับการตีสอนจากบิดาอย่างนอบน้อม กลับใจจากบาปของเขา และกลับไปรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาในบรรดาชาวโซรัมเพื่อ “ประกาศพระวจนะด้วยความจริงและความมีสติ” (แอลมา 42:31) เรื่องราวดำเนินต่อไปเพื่อบอกว่าหลังจากแอลมาพูดกับบุตรชายแล้ว “บุตรของแอลมา [ทั้งชิบลันและโคริแอนทอน] ออกไปในบรรดาผู้คน, เพื่อประกาศพระวจนะแก่พวกเขา” (แอลมา 43:1)
กลับมาพร้อมศักยภาพ
เราเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ หนึ่ง ผู้สอนศาสนาที่กลับก่อนกำหนด—แม้ด้วยเหตุผลที่ป้องกันได้—ก็ยังสามารถทำสิ่งสำคัญยิ่งได้สำเร็จ โคริแอนทอนอาจทำความผิดพลาดร้ายแรง แต่เขายังคงออกไปทำงานใหญ่ให้สำเร็จ ในทำนองเดียวกัน แม้แต่ผู้สอนศาสนาที่กลับบ้านเนื่องจากการกระทำของตนเองก็ไม่ควรรู้สึกประหนึ่งพวกเขาได้ทำลายศักยภาพทางวิญญาณของตน โคริแอนทอนเรียนรู้จากความผิดพลาดของเขาและมาสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างน่ามหัศจรรย์ และความสามารถเดียวกันนั้นอยู่กับทุกคนไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกเหมือนตนล้มเหลวเพียงใดก็ตาม
สอง เราเรียนรู้ว่าผู้อื่นมีบทบาทอันสำคัญยิ่งในการฟื้นสภาพทางวิญญาณให้ผู้สอนศาสนาที่กลับบ้านก่อนกำหนด แอลมา—บิดาและผู้นำฐานะปุโรหิตของโคริแอนทอน—แนะนำโคริแอนทอนด้วยความเฉียบขาดแต่ด้วยความเชื่อมั่นว่าเขาจะยังสามารถบรรลุศักยภาพทางวิญญาณของตนได้ เช่นเดียวกับโคริแอนทอน ผลของการไม่เชื่อฟังเมื่อเป็นผู้สอนศาสนาต้องเกิดขึ้น แต่ควรลงโทษด้วยความรัก การให้อภัย และความเมตตา (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:41–44)
กลับมาเยียวยา
ข่าวสารแห่งความหวังเดียวกันนี้สำหรับผู้สอนศาสนาที่กลับบ้านก่อนกำหนดถูกกล่าวย้ำในปัจจุบัน มาร์แชลล์ผู้กลับก่อนกำหนดเนื่องจากปัญหาทางร่างกายและจิตใจ บางครั้งรู้สึกเสียใจที่อุปสรรคด้านสุขภาพและความบกพร่องส่วนตัวทำให้เขาไม่ได้เป็นผู้สอนศาสนาที่ทำงานอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าการรับใช้ของเขาคุ้มค่าอย่างยิ่ง
“ในฐานะผู้สอนศาสนา เราไม่ดีพร้อม” มาร์แชลล์กล่าว “เรายังอยู่ภายใต้การล่อลวง เรายังทำบาป แต่ความบกพร่องของคุณอาจจะเป็นสิ่งที่ซาตานต้องการให้คุณให้ความสำคัญ—ให้รู้สึกเหมือนพระเจ้าไม่ทรงยอมรับเครื่องถวายของคุณเพราะเวลาเหล่านั้นคุณไม่ได้เป็นผู้สอนศาสนาที่ดีที่สุด”
มาร์แชลล์เชื่อว่าพระเจ้าทรงต้องการให้ผู้สอนศาสนารู้ว่าพระองค์พอพระทัยกับการรับใช้ที่พวกเขาให้ แม้ไม่ได้รับใช้อย่างสมบูรณ์เพราะการเลือกหรือสภาวการณ์บางอย่าง
มาร์แชลล์เรียนรู้ว่าต้องเผชิญและเยียวยาโดยทำสุดความสามารถเพื่ออยู่ใกล้ชิดพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์
กลับมาเพื่อกลับใจ
ผู้สอนศาสนาอีกคนหนึ่งที่รับใช้ในรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกาถูกส่งกลับบ้านเพราะเหตุผลด้านวินัยและถูกปัพพาชนียกรรมจากศาสนจักร แต่เขารับบัพติศมาใหม่ในเวลาต่อมา “การกลับบ้านเป็นเรื่องยาก” เขากล่าว “ผมรู้สึกหมดหวังและว่างเปล่า บางครั้งส่วนที่ยากที่สุดของการกลับบ้านคือ [การหา] แรงจูงใจให้ไปโบสถ์ อ่านพระคัมภีร์ และสวดอ้อนวอนต่อไป เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากที่สุด”
แต่เขาพบพลังในการสนับสนุนจากเพื่อนๆ ครอบครัว และในการพยายามกลับใจ
“การตั้งเป้าหมาย พบกับอธิการ และไปพระวิหารเมื่อผมมีค่าควรเป็นกุญแจให้เราสามารถใกล้ชิดพระบิดาบนสวรรค์มากขึ้น” เขาเสริม “ผมจำได้ขณะที่ผมไม่สามารถพบกับอธิการหรือบรรลุเป้าหมายบางข้อ ปฏิปักษ์คอยล่อลวงผมตลอดเวลา”
เขากลับมาเหมือนเดิมได้เพราะ “ระลึกเสมอว่าผมมีพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักผมและทรงต้องการให้ผมมีความสุข การมีประจักษ์พยานในการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดและการกลับใจมักจะทำให้เราใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นไม่ว่าเราจะรู้สึกห่างไกลเพียงใดก็ตาม”
“เมื่อนึกถึงงานเผยแผ่ของผม” เขาพูดถึงหลายเดือนที่เขารับใช้ก่อนเกิดเหตุที่ทำให้เขาต้องถูกส่งกลับบ้าน “ผมยังรู้สึกเหมือนเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดประสบการณ์หนึ่งที่ผมเคยมี ผมเรียนรู้เยอะมาก และถึงแม้ไม่ได้เป็นอย่างที่วางแผนไว้ แต่ผมก็ยังสามารถมองเห็นชีวิตเปลี่ยนเพราะพระกิตติคุณ ผมทำผิดพลาดบางอย่าง แต่ประจักษ์พยานของผมเติบโตขึ้นมากเมื่อผมพยายามกลับใจและเดินหน้าต่อไป”
เขาต้องการให้คนที่กลับบ้านก่อนกำหนดเพราะการเลือกของตนได้รู้ว่า “โลกไม่ได้จบสิ้น การกลับบ้านเป็นก้าวแรกสู่การกลับใจ ทันทีที่คุณผ่านขั้นตอนนี้ของการกลับใจ คุณจะได้รับมาก ภาระหนักนั้นจะถูกยกออกไป ไม่มีความรู้สึกใดดีไปกว่าการรู้ว่าคุณถูกต้องในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า”
รักคนที่กลับก่อนกำหนด
ผู้สอนศาสนาที่กลับบ้านก่อนกำหนดทั้งสองคนนี้เน้นว่าสำคัญอย่างยิ่งที่เพื่อนๆ และครอบครัวของผู้สอนศาสนาที่กลับบ้านก่อนกำหนดจะรักและสนับสนุนพวกเขา
“ให้อิสระพวกเขา” มาร์แชลล์กล่าว “แต่คุณต้องอยู่ใกล้ๆ เพราะพวกเขาอาจจะซึมเศร้าเล็กน้อย จงเป็นเพื่อนพวกเขา” โดยฟังพระวิญญาณเราจะสามารถประเมินความต้องการของพวกเขาและรู้ว่าเมื่อใดต้องยื่นมือช่วยและเมื่อใดต้องเคารพความเป็นส่วนตัวของพวกเขา
“แค่รักพวกเขาก็พอ” ผู้สอนศาสนาที่รับใช้ในโคโลราโดกล่าว “กระตุ้นให้พวกเขาระลึกถึงการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ตลอดเวลา”
วิธีที่ผู้อื่นปฏิบัติต่อผู้สอนศาสนาที่กลับบ้านก่อนกำหนดจะช่วยสร้างความแตกต่างระหว่างพวกเขาตกไปด้วยความอายหรือเดินหน้าด้วยศรัทธา จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องโอบกอดพวกเขาโดยไม่ตัดสิน
เหมือนโคริแอนทอน ผู้สอนศาสนาที่กลับบ้านก่อนกำหนดมีศักยภาพที่จะลุกขึ้นจากสภาพเปราะบางในปัจจุบันของพวกเขาขึ้นมาเป็นเครื่องมืออันทรงพลังของพระเจ้า
พบความหวังในแผนของพระผู้เป็นเจ้า
เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวคำปลอบโยนผู้สอนศาสนาที่กลับบ้านก่อนกำหนด “เมื่อมีคนถามว่าท่านเคยรับใช้งานเผยแผ่ไหม ท่านตอบได้เลยว่าเคย” ท่านกล่าว “… จงชื่นชมการรับใช้ที่ท่านให้ จงสำนึกคุณต่อโอกาสที่เคยเป็นพยาน เคยออกไปในพระนามของพระเจ้า เคยติดป้ายชื่อผู้สอนศาสนา … ได้โปรด ได้โปรดอย่าหมกมุ่นครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น อย่าคิดว่าท่านไม่ดีพอหรือล้มเหลว”1
สำหรับคนที่กลับบ้านก่อนกำหนดเนื่องจากบาป จงจดจำถ้อยคำเหล่านี้จากซิสเตอร์จอย ดี. โจนส์ประธานปฐมวัยสามัญ “หากเราทำบาป เรามีค่าควรน้อยลง แต่เราจะไม่มีวันไร้ค่า!”2 เธอยืนยันว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยเราพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองในช่วงมืดมิดที่สุดถ้าเราจะหันไปหาพระองค์
ข่าวสารจากพระคัมภีร์มอรมอน จากผู้สอนศาสนาที่กลับบ้านก่อนกำหนดสมัยนี้ และจากผู้นำศาสนจักรเป็นข่าวสารเดียวกันคือ อย่าสิ้นหวัง เพราะพระผู้เป็นเจ้ายังคงมีแผนให้ท่านใหญ่กว่าที่ท่านจินตนาการได้ สำหรับคนที่ผู้สอนศาสนาเหล่านี้รัก ท่าทีของท่านต่อการกลับบ้านของพวกเขาจะช่วยให้พวกเขาเยียวยาและบรรลุศักยภาพของตนได้มากทีเดียว จำไว้ว่าการชดใช้ของพระเยซูคริสต์สามารถเยียวยาบาดแผลได้ทั้งหมด—รวมทั้งบาดแผลของคนที่กลับจากงานเผยแผ่ก่อนกำหนดด้วย