2020
บทบาทสำคัญของฐานะปุโรหิตในการฟื้นฟู
มิถุนายน 2020


บทบาทสำคัญของฐานะปุโรหิต ในการฟื้นฟู

หากไม่นำฐานะปุโรหิตกลับมาแผ่นดินโลก การฟื้นฟูคงเกิดขึ้นไม่ได้

ภาพ
statue of Joseph Smith

เมื่อถึงเดือนเมษายนปี 1829 โจเซฟ สมิธได้รับการเยือนจากสวรรค์มาแล้วเกือบหนึ่งทศวรรษ พระบิดาและพระบุตรทรงปรากฏต่อท่านในปี 1820 ในป่าใกล้บ้านเมื่อท่านอายุ 14 ปี (ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:5–17)1 การเยือนครั้งแรกของเทพโมโรไนเกิดขึ้นในปี 1823 ตามด้วยการเยือนปีละครั้งซึ่งระหว่างนั้นโมโรไนสอนและแนะนำโจเซฟจนถึงปี 1827 เมื่อท่านได้รับบันทึกโบราณที่เขียนไว้บนแผ่นจารึกซึ่งจะกลายเป็นพระคัมภีร์มอรมอน (ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:30–54)

อย่างไรก็ตาม เป็นเวลา 18 เดือนหลังจากได้รับแผ่นจารึก โจเซฟแปลบันทึกลำบากมากเพราะการก่อกวนจากคนในท้องที่ การเปลี่ยนคนจดคำแปลหลายครั้ง และการสูญเสียต้นฉบับบางส่วน ช่วงนั้นโจเซฟท้อแท้และเจ็บปวด (ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:58–62; หลักคำสอนและพันธสัญญา 3)

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปในเดือนเมษายนปี 1829 เมื่อครูสอนหนังสือชื่อออลิเวอร์ คาวเดอรีมาเป็นคนจดคำแปลเต็มเวลาให้โจเซฟ ส่งผลให้การแปลพระคัมภีร์มอรมอนต่อจากนั้นเร็วขึ้นมาก

หลังจากใช้เวลาไปมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1828 ทำฟาร์มของท่านในฮาร์โมนีย์ เพนซิลเวเนียเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว โจเซฟหันกลับมาเอาใจใส่เต็มที่ต่อการแปลพระคัมภีร์มอรมอนในปี 1829 เอ็มมา ภรรยาของโจเซฟกับแซมิวเอลน้องชายของท่านทำหน้าที่เป็นคนจดคำแปลในช่วงสั้นๆ ระหว่างนั้นออลิเวอร์ คาวเดอรีพักอยู่ที่บ้านบิดามารดาของโจเซฟ สมิธในนิวยอร์ก

พอทราบเรื่องแผ่นจารึกและการแปล ออลิเวอร์เกิดความสนใจและปรารถนาจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มาจากพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่ “คืนหนึ่งหลังจากเข้านอนเขาทูลถามพระเจ้าเพื่อรู้ว่าสิ่งเหล่านี้จริงหรือไม่” โจเซฟบันทึก “และพระเจ้าทรงแสดงให้ประจักษ์ต่อเขาว่าจริง”2

ออลิเวอร์เดินทาง 140 ไมล์ (225 กิโลเมตร) มาพบโจเซฟที่ฮาร์โมนีย์ทันที ออลิเวอร์เป็นคำตอบการสวดอ้อนวอนของโจเซฟ สองวันหลังจากพบกันในเดือนเมษายน การแปลพระคัมภีร์มอรมอนดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็วจนเกือบเสร็จสมบูรณ์อย่างน่าประหลาดในวันทำงานประมาณ 60 ถึง 65 วัน การแปลทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ราววันที่ 30 มิถุนายน

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟอาจเห็นว่างานทั้งหมดของท่านใกล้เสร็จสมบูรณ์โดยทำตามคำสั่งของทูตสวรรค์ให้แปลและจัดพิมพ์บันทึกโบราณ เวลานั้นท่านศาสดาพยากรณ์ไม่รู้ว่าท่านยังทำงานไม่เสร็จแต่เพิ่งเริ่มบทบาทพื้นฐานของท่านในการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

มีเพียงไม่กี่เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สำคัญเทียบเท่าสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปี 1829 ออลิเวอร์พูดถึงช่วงเวลาอันน่าทึ่งนี้ของการฟื้นฟูว่าเขา “จะไม่มีวันลืมเวลาเหล่านั้นเลย” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:71 หมายเหตุ) นอกจากปาฏิหาริย์ของการแปลพระคัมภีร์มอรมอนแล้ว ไม่นานนักเหล่าเทพมาปรากฏและประสาทสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตให้โจเซฟกับออลิเวอร์ ช่วงการเปิดเผยนี้ของการแปลและการฟื้นฟูเปลี่ยนทิศทางและขยายทัศนะของโจเซฟและปูทางให้จัดตั้งศาสนจักรอย่างเป็นทางการในอีกหนึ่งปีต่อมา

ภาพ
Joseph baptizing Oliver

โจเซฟ สมิธให้บัพติศมาออลิเวอร์ คาวเดอรี, โดย เดล พาร์สัน

การฟื้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน

ขณะแปลพระคัมภีร์มอรมอน โจเซฟและออลิเวอร์พบข้อความหลายข้อเกี่ยวกับบัพติศมาและสิทธิอำนาจ โจเซฟทราบมาก่อนแล้วว่า “พระเจ้า [จะ] ทรงมอบฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์ให้บางคน”3 วันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1829 โจเซฟกับออลิเวอร์ปลีกตัวเข้าไปในที่เงียบสงัดในสวนเมเปิลใกล้บ้านเพื่อ “สวดอ้อนวอนทูลถามพระเจ้าเกี่ยวกับพระประสงค์ที่ทรงมีต่อข้าพเจ้า”4

ขณะสวดอ้อนวอน สุรเสียงของพระผู้ไถ่รับสั่งปลอบประโลมท่านทั้งสอง “ขณะที่ม่านเปิดและเทพของพระผู้เป็นเจ้า, ห่อหุ้มด้วยรัศมีภาพลงมา, และมอบข่าวสารที่รอคอยด้วยใจจดจ่อ, และกุญแจทั้งหลายของพระกิตติคุณแห่งการกลับใจ” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:71 หมายเหตุ) เทพแนะนำตัวท่านว่าคือยอห์น “คนเดียวกับที่เรียกว่ายอห์นผู้ถวายบัพติศมาในภาคพันธสัญญาใหม่, และว่าท่านกระทำภายใต้การนำของเปโตร, ยากอบ และยอห์น” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:72)

โจเซฟกับออลิเวอร์คุกเข่าขณะยอห์นผู้ฟื้นคืนชีวิตแล้ววางมือบนศีรษะท่านทั้งสองและประสาทฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน “ซึ่งถือกุญแจทั้งหลายแห่งการปฏิบัติของเหล่าเทพ, และของพระกิตติคุณแห่งการกลับใจ, และของบัพติศมาโดยลงไปในน้ำทั้งตัวเพื่อการปลดบาป” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:69; ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 13:1 ด้วย) ท่านทั้งสองได้รับสัญญาว่าจะประสาทสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตให้พวกท่านเพิ่มเติม “ในเวลาที่ถูกต้อง” โจเซฟถูกกำหนดให้เป็น “เอ็ลเดอร์คนแรกของศาสนจักร, และ เขา (ออลิเวอร์ คาวเดอรี) คนที่สอง” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:72) ยอห์นบอกท่านทั้งสองให้บัพติศมากัน—โจเซฟให้บัพติศมาออลิเวอร์ก่อน จากนั้นออลิเวอร์ให้บัพติศมาโจเซฟ

วันนั้นทั้งสอง “ไปที่น้ำ” ริมฝั่งแม่น้ำซัสเควฮันนาเพื่อรับบัพติศมา และ “ถูกบังคับให้เก็บความลับเรื่องการที่ [พวกท่าน] ได้รับฐานะปุโรหิตและรับบัพติศมา, เนื่องจากวิญญาณของการข่มเหงซึ่งแสดงตนให้ประจักษ์แล้วในละแวกนั้น” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:74) แม่น้ำสายนั้นเป็นเส้นทางหลักสำหรับการพาณิชย์และการคมนาคมในช่วงน้ำขึ้นเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่มีเรือสัญจรไปมาไม่ขาดสาย เป็นไปได้ว่าโจเซฟกับออลิเวอร์รอจนหลังจากตะวันตกดินหรือฉวยโอกาสขณะกระแสน้ำขึ้นและพบสถานที่เงียบสงบบนที่ราบซึ่งน้ำท่วมถึง5

หลังจากให้บัพติศมากัน โจเซฟแต่งตั้งออลิเวอร์สู่ฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน ต่อจากนั้นออลิเวอร์แต่งตั้งโจเซฟตามที่เทพบัญชา ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธสอนว่าจำเป็นต้องยืนยันการแต่งตั้งครั้งแรกที่ได้รับภายใต้มือยอห์นผู้ถวายบัพติศมาอีกครั้งหลังทั้งสองรับบัพติศมาเพื่อ “ผนึก พรเหล่านั้นอีกครั้งตามลำดับที่ถูกต้อง”6

ภาพ
Joseph receiving the Melchizedek Priesthood

การฟื้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค, โดย วอเตอร์ เรน

การฟื้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค

เรามีรายละเอียดน้อยกว่าเกี่ยวกับการเยือนของเปโตร ยากอบ และยอห์นต่อโจเซฟและออลิเวอร์เพื่อฟื้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค การตีความไปต่างๆ นานาตามเรื่องราวจากความทรงจำทำให้คิดว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 1829 น่าจะปลายเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนจนถึงอีกหลายเดือนหลังจากนั้น7 โจเซฟและออลิเวอร์ไม่เคยระบุวันที่เปโตร ยากอบ และยอห์นมาปรากฏเหมือนระบุวันที่ยอห์นผู้ถวายบัพติศมาฟื้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน เป็นเพราะตอนแรกๆ พวกท่านอาจไม่เข้าใจถ่องแท้ถึงลักษณะแท้จริงของฐานะปุโรหิตหรือการแบ่งฐานะปุโรหิต ความเข้าใจของโจเซฟเรื่องฐานะปุโรหิตเพิ่มขึ้นทีละเล็กละน้อย

ตั้งแต่ปี 1830 ถึงปี 1835 ท่านได้รับความกระจ่างเรื่องตำแหน่งฐานะปุโรหิต และมีการจัดตั้งโควรัม สภา ฝ่ายประธาน และฝ่ายอธิการ แม้แต่คำว่า ฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค ก็ไม่ใช้เป็นชื่อสำหรับ “ฐานะปุโรหิตระดับสูง” หรือ “ฐานะปุโรหิตที่เหนือกว่า” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 107:9; 84:19) จนถึงปี 1835 (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 107:2–4)

แต่โจเซฟให้รายละเอียดคร่าวๆ เกี่ยวกับสถานที่ ในปี 1842 ท่านจำได้ว่าได้ยิน “เสียงของเปโตร, ยากอบ, และยอห์นในแดนทุรกันดารระหว่างฮาร์โมนีย์ … กับโคลสวิลล์ … บนฝั่งแม่น้ำซัสเควฮันนา, โดยประกาศตนว่าครอบครองกุญแจของอาณาจักร” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 128:20)

นี่บอกเป็นนัยว่าการฟื้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเคดเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งในระยะ 28 ไมล์ (45 กิโลเมตร) ของถนนระหว่างบ้านสมิธในฮาร์โมนีย์ เพนซิลเวเนียกับเมืองโคลสวิลล์ นิวยอร์กที่ครอบครัวโจเซฟ ไนท์อาศัยอยู่ ครอบครัวไนท์เป็นสมาชิกศาสนจักรรุ่นแรกๆ และเป็นเพื่อนที่ภักดีต่อโจเซฟ สมิธ พวกเขาจัดหากระดาษและสิ่งจำเป็นอื่นๆ ให้ในช่วงแปลพระคัมภีร์มอรมอนและต่อมาเป็นแกนหลักของสาขาโคลสวิลล์ของศาสนจักร

นอกจากรับฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคจากเปโตร ยากอบ และยอห์นแล้ว โจเซฟกับออลิเวอร์ยังได้รับแต่งตั้ง “เป็นอัครสาวก, และพยานพิเศษ” ของพระเจ้า (หลักคำสอนและพันธสัญญา 27:12) และได้รับกุญแจที่จำเป็นต่อการเริ่มต้นสมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา บัดนี้ทั้งสองมีสิทธิอำนาจในการประกอบศาสนพิธีฐานะปุโรหิตทั้งหมด รวมถึงการมอบของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์

อีกทั้งได้รับ “กุญแจทั้งหลายของพรทางวิญญาณทั้งปวงของศาสนจักร” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 107:18) ซึ่งจำเป็นต่อการจัดตั้งศาสนจักรในเดือนเมษายนปี 1830 และได้รับการเปิดเผยให้ฟื้นฟูสิ่งทั้งปวงตามลำดับที่ถูกต้อง พรทางวิญญาณประจักษ์ชัดผ่านปาฏิหาริย์ การเยียวยา และศาสนพิธีที่ประกอบโดยผู้มีสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต ในปี 1836 ทูตสวรรค์มามอบกุญแจฐานะปุโรหิตเกี่ยวกับการรวบรวมอิสราเอลและงานพระวิหาร (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 110)

ภาพ
woman taking the sacrament

นัยของการฟื้นฟูฐานะปุโรหิต

ประธานเดวิด โอ. แมคเคย์ (1873–1970) สอนว่าลักษณะเด่นที่สุดของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระผู้ช่วยให้รอดคือ “สิทธิอำนาจจากสวรรค์ด้วยการเปิดเผยโดยตรง”8 หากไม่นำฐานะปุโรหิตกลับมาแผ่นดินโลก การฟื้นฟูคงเกิดขึ้นไม่ได้ ฐานะปุโรหิตให้อำนาจประกอบศาสนพิธีและจัดเตรียมกรอบโครงสร้างสำหรับการปกครองศาสนจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก

โจเซฟจัดตั้งศาสนจักรอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 จัดตั้งฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองตลอดช่วงไม่กี่ปีต่อจากนั้น ภายใต้การกำกับดูแลของประธานศาสนจักร มีการมอบหมายกุญแจฐานะปุโรหิตให้ผู้นำระดับท้องที่ทั่วโลกเพื่อให้พระกิตติคุณ “รุดไปถึงสุดแดนแผ่นดินโลก” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 65:2)

การฟื้นฟูฐานะปุโรหิตเป็นหัวใจของการทรงเรียกโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์คนแรกของสมัยการประทานนี้ ในคำปรารภของพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญา พระเจ้าทรงอธิบายว่า “ดังนั้น, เรา พระเจ้า, โดยรู้ภัยพิบัติซึ่งจะเกิดขึ้นกับผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินโลก, จึงเรียกหาผู้รับใช้ของเรา โจเซฟ สมิธ, จูเนียร์, และพูดกับเขาจากสวรรค์, และให้บัญญัติเขา” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:17)

ก่อนการเยือนของยอห์นผู้ถวายบัพติศมาในเดือนพฤษภาคมปี 1829 โจเซฟจดจ่อกับการแปลพระคัมภีร์มอรมอน เนื่องด้วยการฟื้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนและฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค ท่านจึงตระหนักว่าการเรียกของท่านมีมากกว่านั้นมาก การได้รับสิทธิอำนาจจากสวรรค์เตรียมโจเซฟให้พร้อมแบกรับความรับผิดชอบของท่านมากขึ้นในฐานะ “ผู้หยั่งรู้, ผู้แปล, ศาสดาพยากรณ์, [และ] อัครสาวกของพระเยซูคริสต์” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:1)

เอ็ลเดอร์โรเบิร์ต ดี. เฮลส์ (1932–2017) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไรหากปราศจากฐานะปุโรหิต “หากอำนาจฐานะปุโรหิตไม่อยู่บนแผ่นดินโลก ปฏิปักษ์คงจะตระเวนไปทั่วและครอบงำไม่หยุดยั้ง จะไม่มีของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์นำทางและให้ความกระจ่างแก่เรา ไม่มีศาสดาพยากรณ์พูดในพระนามของพระเจ้า ไม่มีพระวิหารที่เราสามารถทำพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ไม่มีสิทธิอำนาจในการให้พรหรือให้บัพติศมา เยียวยาหรือปลอบโยน หากปราศจากอำนาจฐานะปุโรหิต ‘ทั้งแผ่นดินโลกจะร้างลงสิ้น’ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 2:1–3) จะไม่มีความสว่าง ไม่มีความหวัง—มีเพียงความมืด”9

การได้รับศาสนพิธีฐานะปุโรหิตเป็นหัวใจสำคัญต่องานของพระเจ้าในการ “ทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์” (โมเสส 1:39) บัพติศมาและการยืนยัน เอ็นดาวเม้นท์พระวิหาร และการผนึกเพื่อกาลเวลาและนิรันดรล้วนจำเป็นต่อความรอดของเรา ความสามารถในการผูกและผนึกครอบครัวในพระวิหารสำหรับคนทั้งสองด้านของม่านเกิดขึ้นได้ผ่านสิทธิอำนาจและกุญแจฐานะปุโรหิตตามการกำกับดูแลของประธานศาสนจักรเท่านั้น

ภาพ
family looking at phone

การฟื้นฟูต่อเนื่อง

สิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตจะเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูศาสนจักรอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร? เราอาจไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือการฟื้นฟูดำเนินต่อเนื่อง พระเจ้าไม่ได้ทรงเปิดเผยหลักคำสอนหรือศาสนพิธีทุกอย่างหรือประทานคำแนะนำทั้งหมดแก่โจเซฟในป่าศักดิ์สิทธิ์ผ่านโมโรไนบนคาโมราห์หรือที่การประชุมจัดตั้งศาสนจักร การฟื้นฟูไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่พระเจ้าทรงเปิดเผยสิ่งต่างๆ “บรรทัดมาเติมบรรทัด” (2 นีไฟ 28:30) ต่อโจเซฟเฉกเช่นพระองค์ยังทรงเปิดเผยต่อศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ในปัจจุบันตามจุดประสงค์และจังหวะเวลาของพระองค์

ศาสดาพยากรณ์ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่สมัยของโจเซฟ สมิธเป็นต้นมาได้พูดแทนพระเจ้าและยังคงทำให้เรารู้พระประสงค์ของพระองค์ ศาสดาพยากรณ์เห็นภาพกว้างกว่าเราและได้รับคำแนะนำเฉพาะเจาะจงสำหรับความท้าทายในสมัยของพวกท่าน ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันประกาศว่าเราทุกคนเป็น “พยานถึงขั้นตอนการฟื้นฟู หากท่านคิดว่าศาสนจักรได้รับการฟื้นฟูสมบูรณ์แล้ว ท่านเห็นเพียงแค่เริ่มต้น มีอีกมากจะตามมา”10

ภาพ
people serving food

การฟื้นฟูและท่าน

ขอให้เราแต่ละคนเต็มใจมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูพระกิตติคุณอย่างต่อเนื่องโดยน้อมรับและปฏิบัติสิ่งที่ได้เปิดเผยต่อศาสดาพยากรณ์สมัยปัจจุบันด้วยความกระตือรือร้น ตัวอย่างเช่นการดำเนินชีวิตตามกฎที่สูงกว่าและศักดิ์สิทธิ์กว่าของการปฏิบัติศาสนกิจต่อพี่น้องชายหญิงของเรา11 และขอให้เราแต่ละคนพบปีติอันยั่งยืนของพระกิตติคุณผ่านแผนงานที่มีบ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุนเพื่อเรียนรู้หลักคำสอน เสริมสร้างศรัทธา รักษาพระบัญญัติ และส่งเสริมการนมัสการส่วนตัวมากขึ้น รวมถึงยามค่ำที่บ้านเพื่อตอบสนองความต้องการของบุคคลและครอบครัว12

เราสามารถเตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอดได้โดยเร่งการรวบรวมอิสราเอลทั้งสองด้านของม่าน13 เราสามารถทำให้วันสะบาโตเป็นวันปีติยินดีมากขึ้นทั้งในการประชุมนมัสการวันอาทิตย์และที่บ้าน14 เราสามารถดำรงตนสอดคล้องกับพระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้นโดยทำงานทางวิญญาณที่จำเป็นต่อการได้รับการเปิดเผยส่วนตัวทุกวัน15

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าสวรรค์ยังเปิดเหมือนเดิมและมีอีกมากจะตามมาขณะพระเจ้าทรงเตรียมเราให้พร้อมรับวันอันน่าตื่นเต้นเบื้องหน้า การฟื้นฟูฐานะปุโรหิตช่วยให้บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าได้ประกอบและรับศาสนพิธีแห่งความรอด ให้อำนาจศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผยยุคปัจจุบันกำกับดูแลอาณาจักรของพระเจ้า

พรนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นกับศาสนจักรและสมาชิกทุกวันเพราะการเข้าถึงฐานะปุโรหิตของพระเจ้า ขอให้เราแสดงความสำนึกคุณทุกวันต่อการปรากฏของยอห์นผู้ถวายบัพติศมาและของเปโตร ยากอบ และยอห์น และต่อการนำฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนและฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคกลับมาในสมัยการประทานสุดท้ายและท้ายที่สุดนี้เพื่อเตรียมรับการเสด็จกลับของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา แม้พระเยซูคริสต์

อ้างอิง

  1. Joseph Smith, History, 1838–1856, vol. A-1 จัดทำวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1839 ถึง 24 สิงหาคม ค.ศ. 1843, หน้า 15, หอสมุดประวัติศาสนจักร.

  2. โจเซฟ สมิธ, ใน History of the Church, 1:35.

  3. ออลิเวอร์ คาวเดอรี, จดหมายถึง ดับเบิลยู. ดับเบิลยู. เฟลพ์ส, ใน Latter Day Saints’ Messenger and Advocate, Oct. 1835, 199.

  4. คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ (2007), หน้า 91. แม้ประเพณีที่ยึดถือมานานจะกำหนดว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นตามชายฝั่งแม่น้ำซัสเควฮันนา แต่บันทึกร่วมสมัยบ่งบอกว่าพวกท่านปลีกตัวเข้าไปในป่าเมเปิลทางเหนือสุดของที่ดิน (ดู Mark Lyman Staker, “Where Was the Aaronic Priesthood Restored? Identifying the Location of John the Baptist’s Appearance, May 15, 1829,” Mormon Historical Studies 12, no. 2 [Fall 2011]: 142–59).

  5. ดู Mark L. Staker, “Where Was the Aaronic Priesthood Restored?” 153.

  6. โจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ, Doctrines of Salvation, comp. Bruce R. McConkie (1955), 1:197.

  7. ดู Larry C. Porter, “Dating the Restoration of the Melchizedek Priesthood,” Ensign, June 1979, 5–9; Larry C. Porter, “The Restoration of the Aaronic and Melchizedek Priesthoods,” Ensign, Dec. 1996, 42–44.

  8. เดวิด โอ. แมคเคย์ “The Mission of the Church and Its Members,” Improvement Era, Nov. 1956, 781.

  9. โรเบิร์ต ดี. เฮลส์ “พรของฐานะปุโรหิต,” เลียโฮนา, ม.ค. 1996, หน้า 34.

  10. “Latter-day Saint Prophet, Wife and Apostle Share Insights of Global Ministry,” newsroom.ChurchofJesusChrist.org.

  11. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน “การปฏิบัติศาสนกิจด้วยพลังและสิทธิอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า” เลียโฮนา พ.ค. 2018, หน้า 68–70, 75; รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การปฏิบัติศาสนกิจ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, หน้า 100; เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “การปฏิบัติศาสนกิจที่ได้รับการดลใจ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, หน้า 61–64; จีน บี. บิงแฮม, “ปฏิบัติศาสนกิจดังที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงทำ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, หน้า 104–106.

  12. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “คำกล่าวเปิดการประชุม,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, หน้า 6–8; เควนทิน แอล. คุก, “การเปลี่ยนใจเลื่อมใสอันลึกซึ้งและยั่งยืนต่อพระบิดาบนสวรรค์และพระเจ้าพระเยซูคริสต์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, หน้า 8–12.

  13. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ความหวังอิสราเอล” (การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับเยาวชนทั่วโลก 3 มิ.ย., 2018) HopeofIsrael.ChurchofJesusChrist.org; รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การมีส่วนร่วมของพี่น้องสตรีในการรวบรวมอิสราเอล,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, หน้า 69–70.

  14. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “สะบาโตคือวันปีติยินดี,” เลียโฮนา, พ.ค. 2015, หน้า 129–132.

  15. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, หน้า 93–96.

พื้นหลังจาก Getty Images

พิมพ์