2021
วิธีเชิญสิ่งอัศจรรย์มาสู่ชีวิตท่าน
มิถุนายน 2021


อย่าพลาดการให้ข้อคิดทางวิญญาณครั้งนี้

วิธีเชิญสิ่งอัศจรรย์มาสู่ชีวิตท่าน

จากคำปราศรัยกับนักศึกษาที่ Ensigh College ในซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 2020 อ่าน บทความเต็ม ที่ ensign.edu

ตัดสินใจในวันนี้เพื่อรับรู้ เป็น และคุกเข่าให้แก่สิ่งอัศจรรย์ แล้วพรที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยจะรอคอยท่านอยู่แน่นอน

ภาพ
ภาพระยะใกล้ของแหวนแต่งงาน

วันนี้ข้าพเจ้าอยากกล่าวถึงองค์ประกอบที่เป็นจุดเด่นของการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ซึ่งก็คือ:

สิ่งอัศจรรย์

แต่แทนที่จะเล่าซ้ำถึงสิ่งอัศจรรย์อันมากมายเหลือคณานับของพระองค์ทั้งในโลกเก่าและโลกใหม่ ข้าพเจ้าอยากเชื่อมโยงกับสิ่งอัศจรรย์ส่วนตัวที่ข้าพเจ้าเป็นพยานเมื่อหลายปีก่อน ด้วยหวังว่าจะได้เปิดตาของท่านให้เห็นสิ่งอัศจรรย์ที่อยู่รอบตัวท่านในทุกๆ วัน

สิ่งอัศจรรย์เคยเป็นและจะเป็นส่วนและชุดขับเคลื่อนของพระผู้เป็นเจ้าและพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาเสมอ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ จงคาดหวังที่จะเห็นสิ่งอัศจรรย์ในชีวิตท่าน

สิ่งใดที่ทำให้เหตุการณ์ในชีวิตเป็นสิ่งอัศจรรย์แทนที่จะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ? โลกนิยามสิ่งอัศจรรย์ว่าเป็น “เหตุการณ์พิเศษในโลกกายภาพที่เหนือกว่ากำลังของมนุษย์หรือธรรมชาติ และเกิดจากสาเหตุที่เหนือธรรมชาติ” “ผลกระทบหรือเหตุการณ์ที่ปรากฏหรือได้รับการพิจารณาว่าเป็นผลงานของพระผู้เป็นเจ้า” “สิ่งมหัศจรรย์ [หรือ] สิ่งวิเศษ” 1

บรรทัดหนึ่งในปิตุพรของข้าพเจ้าเขียนว่า “และท่านจะได้เห็นพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตท่าน … และท่านจะเห็นสิ่งอัศจรรย์” บรรทัดดังกล่าวยังถือว่าน้อยกว่าความเป็นจริง จากที่ข้าพเจ้ามีชีวิตมา 60 กว่าปีและใกล้พบกับความตายแต่ก็ยังรู้สึกอัศจรรย์กับพระคุณความดีของพระผู้เป็นเจ้ามาตลอด ข้าพเจ้าจะเป็นประจักษ์พยานต่อท่านว่าข้าพเจ้าเห็นพระหัตถ์อันแสนมหัศจรรย์และเปี่ยมด้วยพระเมตตาของพระเจ้าในชีวิตข้าพเจ้าทุกวัน

ข้าพเจ้าเคยเห็นสิ่งอัศจรรย์จริงๆ

ข้าพเจ้าขอเกริ่นไว้ล่วงหน้าว่า ข้าพเจ้าสามารถประกาศยืนยันด้วยความแน่วแน่ว่าพวกท่านทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์หรือสภาวการณ์ใด จะประสบกับสิ่งอัศจรรย์ทุกวันแม้ว่าท่านอาจจะยังไม่ตระหนักในสิ่งอัศจรรย์เหล่านั้นหลายเรื่อง

ปัญหาของเราในฐานะวิสุทธิชนมิใช่ความขาดแคลนพร ปัญหาของเราคือเราในฐานะผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้ามีหน้าต่างฟ้าสวรรค์ที่เปิดกว้างด้วยพรที่พรั่งพรูออกมาข้างหน้า เราได้รับพรอย่างอุดมสมบูรณ์จนในบางครั้งสิ่งอัศจรรย์อันมากมายเหลือคณานับรอบตัวเรากลับกลายเป็นสิ่งที่จืดชืดหรือแม้แต่ล่องหนในชีวิตเรา น่าเสียดายที่ความอุดมสมบูรณ์อันท่วมท้นกลับไม่ได้รับความสนใจจากเราอย่างเต็มที่ หรือแม้แต่ความซาบซึ้งใจที่ควรจะได้รับ บางครั้งเราไม่ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่และพลังของสิ่งอัศจรรย์รอบตัวเรา ที่เป็นดั่งลมพัดอยู่ด้านหลังเรา

วันนี้ข้าพเจ้าอยากเชื่อมโยงหนึ่งสิ่งอัศจรรย์เล็กๆ ที่ได้รับความสนใจจากข้าพเจ้าอย่างสมบูรณ์และเต็มเปี่ยม สิ่งอัศจรรย์ที่ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืม

แหวนที่หายไป

ไม่นานหลังกลับมาถึงบ้านจากการฮันนีมูนในช่วงต้นเดือนมิถุนายนเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เอมีบุตรสาวของข้าพเจ้าและเชสผู้เป็นลูกเขยอาศัยอยู่กับเราเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะเดินทางไปยังบ้านหลังใหม่ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ระหว่างสัปดาห์นั้น พวกเขาวางแผนที่จะเปิดของขวัญแต่งงานทุกชิ้น เขียนข้อความขอบคุณ และเก็บของขึ้นรถยนต์

ไม่ต้องบอกก็คงทราบดีว่าสัปดาห์นั้นเป็นสัปดาห์ที่โกลาหลมาก

แต่ในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเปิดของขวัญ เอมีพบว่านอกจากแหวนแต่งงานจะไม่อยู่ที่นิ้วของเธอแล้ว แหวนก็ไม่ได้อยู่ในที่วางแหวนที่เธอวางไว้เป็นประจำทุกคืนอีกด้วย เธอพยายามจะไม่ตื่นตระหนก เธอรู้ว่าเธอต้องวางมันไว้ที่ไหนสักแห่งในบ้านและเริ่มหามัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด เธอมั่นใจว่าเธอจะหาพบ แต่หลังจากค้นหาจนทั่วและไม่พบ เธอก็รีบบอกเชส ตามมาด้วยข้าพเจ้ากับภรรยา จากนั้นเราแต่ละคนก็เริ่มค้นหาด้วยตนเอง มองซ้ำในสิ่งที่อาจถูกมองข้าม โดยรู้ดีว่าเราคนใดคนหนึ่งจะพบแหวน เพียงแต่เราไม่พบ

สิ่งที่เหนือกว่าค่าใช้จ่ายในการหาแหวนใหม่มาแทนที่ คือคุณค่าทางจิตใจของแหวนอันล้ำค่าและเป็นสัญลักษณ์อันสูงส่ง แหวนแสดงถึงความรัก การเสียสละ การทำงานหนัก ความมุ่งมั่นที่มีต่อกัน และเป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์นิรันดร์

เชสเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ทำงานหนักและเก็บหอมรอมริบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อซื้อแหวนวงนั้นให้เธอ และระยะเวลาแปดเดือนที่ทั้งสองหมั้นกัน เอมีเห็นคุณค่าลักษณะอันเป็นสัญลักษณ์ของแหวนวงนั้นและความเป็นนิรันดร์ในพันธะของทั้งคู่ที่แทนด้วยแหวนวงนั้น

เช้าวันต่อมามีคำถามมากขึ้น มีการสวดอ้อนวอนเงียบๆ มากขึ้น และความตั้งใจมากขึ้นเมื่อพวกเราเข้าสู่สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียกว่าการค้นหาเร่งด่วน “ระดับที่สอง” ครั้งนี้เราเสาะหาทุกกระเบียดนิ้วในแต่ละห้องของบ้านซึ่งเอมีอาจเข้าไปแต่ลืม ทั้งคุกเข่าและคลานหา เราค้นใต้เก้าอี้ยาวแต่ละตัว และใต้เบาะทุกใบของเก้าอี้ยาวเหล่านั้น แต่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราไม่พบอะไรเลย

เมื่อถึงวันที่พวกเขาต้องออกเดินทาง ข้าพเจ้าหัวใจสลายที่เห็นมือซ้ายอันเปลือยเปล่าของลูกสาวข้าพเจ้าและใบหน้าของเธอที่แสดงออกถึงความขาดหายที่เข้าใจได้ ถึงกระนั้นแม้ทั้งสองจะเสียใจอย่างยิ่ง แต่ข้าพเจ้าก็ประหลาดใจที่เห็นพวกเขาจากไปโดยมีความหวังอันเต็มเปี่ยมว่าจะต้องพบแหวนเป็นแน่แท้ ข้าพเจ้ารับรู้ถึงความหวังของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ความเป็นผู้ที่มองโลกตามความเป็นจริงของข้าพเจ้าได้ข้อสรุปข้อเดียวหลังจากการค้นหาที่ไม่เป็นผลมาห้าวัน นั่นคือแหวนวงนี้หายไปแล้ว

โดยต่อต้านทุกเหตุผลและหลักตรรกะ ทั้งเอมีและเชสต่างก็ยังมองโลกในแง่ดีและเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่าจะสามารถหาแหวนจนพบ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญในการก่อตัวของสิ่งอัศจรรย์เมื่อพวกเขามีหลักยึดมั่นด้วยศรัทธาและความหวังอันแน่วแน่ ไม่ว่าอุปสรรคจะคงอยู่นานเพียงใด และแทนที่จะใช้เวลาไปกับการเลือกซื้อแหวนอีกวง พวกเขาใช้เวลาคุกเข่าอยู่ในพระวิหาร

ถึงแม้ศรัทธาของพวกเขาจะไม่ปรากฎเป็นรางวัลในรูปแบบที่พวกเขาต้องการ แต่พวกเขาไม่กังขา พวกเขาวางใจพระเจ้าด้วยสุดใจและไม่พึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง (ดู สุภาษิต 3:5–6) พวกเขาปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อสิ่งที่เจ อาร์. อาร์. โทลคีนประพันธ์ไว้ในหนังสืออมตะของเขาชื่อ มหันตภัยแห่งแหวน ซึ่งเขาเขียนว่า:

“ผู้ไร้ศรัทธาคือเขาผู้บอกลาเมื่อหนทางมืดลง”2

เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนเต็มโดยยังไม่มีวี่แววของโชค และไม่เพียงหนทางจะมืดลงเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าจะถึงทางตันอีกด้วย ทุกคนล้มเลิกความตั้งใจแล้วยกเว้นเอมีกับเชส

แล้วคืนหนึ่งหลังจากการทำงาน ซึ่งเป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังจากที่แหวนหายไป ข้าพเจ้าได้รับข้อความจากเมแกนเด็กสาวที่เป็นช่างตัดผมของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอ่านประโยคหนึ่งที่ทำให้หัวใจของข้าพเจ้าพองโต ข้อความเขียนว่า:

“สรุปแล้วคุณหาแหวนของเอมีพบไหม?”

เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน ข้าพเจ้าพูดกับเมแกนว่าเราโศกเศร้าเพียงใดกับการสูญเสียแหวนของเอมี แต่ข้าพเจ้าไม่อาจจินตนาการได้ว่าเหตุใดเธอจึงส่งข้อความหาข้าพเจ้า เว้นแต่เธอจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยมือที่สั่นไหว ข้าพเจ้าพิมพ์ข้อความตอบกลับไปสั้นๆ ว่า:

“ยังไม่พบ” ข้าพเจ้าตอบ

“คุณช่วยส่งภาพแหวนของเธอมาให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

ภาพหรือ? เหตุใดเมแกนจึงต้องการรูปภาพ? นั่นไม่สำคัญ ข้าพเจ้ารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นข้าพเจ้าจึงส่งภาพไปแล้วรอการตอบกลับ แค่สี่คำที่บอกว่า

“ฉันเจอแหวนเธอ”

ข้าพเจ้าโทรหาเมแกนทันที เธอขอให้ข้าพเจ้าไปรับแหวน “คุณแน่ใจหรือ?” ข้าพเจ้าพูด “หมายถึง คุณแน่ใจจริงๆ หรือ?” เธอหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “มาดูด้วยตนเองจะดีกว่า นี่คือสิ่งอัศจรรย์ที่คุณต้องไม่เชื่อแน่ๆ”

ข้าพเจ้ากำลังจะเป็นพยานถึงสิ่งอัศจรรย์ที่เอมีและเชสมีคุณสมบัติจะได้รับตามที่บริคัม ยังก์ เคยกล่าวไว้ ประธานยังก์กล่าวว่า:

“สิ่งอัศจรรย์ หรือการแสดงให้ประจักษ์ที่ไม่ธรรมดาของอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ สิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อปลอบโยนวิสุทธิชน เพื่อเพิ่มพลังและทำให้ศรัทธาของผู้ที่รัก เกรงกลัว และรับใช้พระผู้เป็นเจ้าได้เข้มแข็งยิ่งขึ้น”3

ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเล่าส่วนที่เหลือของเรื่องราวอันมหัศจรรย์นี้ให้ท่านฟัง ข้าพเจ้าอยากจะถามท่านว่า: ท่านเคยทำรายการคลังสิ่งอัศจรรย์ส่วนตัวแล้วหรือยัง? ท่านเคยนับพระพรของท่านนับดูทีละอันหรือไม่? ท่านเคยนับพระพรดูสิ่งพระเจ้ากระทำหรือไม่?4.

หากไม่เคย ข้าพเจ้าขอแนะนำสามวิธีที่จะช่วยให้ท่านระบุสิ่งอัศจรรย์มากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตท่าน

1. รับรู้ถึงสิ่งอัศจรรย์

ประการแรก ท่านต้อง “รับรู้ถึงสิ่งอัศจรรย์” ข้าพเจ้ารับรู้ถึงสิ่งอัศจรรย์เล็กๆ ได้โดยง่าย แต่ท่านรับรู้ถึงสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นรอบตัวท่านทุกวันหรือไม่? ความจริงที่ว่าหัวใจของท่านซึ่งหากท่านมีอายุประมาณ 20 ปี ได้สูบฉีดโลหิตทั่วร่างกายของท่านไปมากกว่า 840 ล้านครั้ง หรือว่าท่านเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของท่าน ซึ่งมีพลังประมวลผลสูงกว่ากำลังของคอมพิวเตอร์ที่พามนุษย์ไปลงจอดบนดวงจันทร์เมื่อ 50 ปีก่อนถึง 100,000 เท่า และสิ่งอัศจรรย์ที่ควรยกย่องที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดคือ ท่านอยู่ท่ามกลางประชากรร้อยละ 0.2 ของประชากรโลกที่มีพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู รวมทั้งพรที่เกี่ยวข้องและพรอันสูงส่ง

2. จงเป็นสิ่งอัศจรรย์

ข้าพเจ้าขอใช้ความกล้าและแนะนำท่านว่า แทนที่จะรอสิ่งอัศจรรย์ของท่าน ท่านสามารถตัดสินใจที่จะเป็นผู้สร้างสิ่งอัศจรรย์ด้วยตนเอง พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการตอบคำสวดอ้อนวอนของท่าน แต่บางทีก็อาจตอบคำสวดอ้อนวอนของผู้อื่นผ่านท่านเช่นกัน ประธานโธมัส เอส. มอนสัน (1927–2018) กำชับว่า : “ข้าพเจ้าวิงวอนให้ท่านโปรดอย่าสวดอ้อนวอนของานเท่ากับพลังของท่าน แต่จงสวดอ้อนวอนขอพลังให้เท่ากับงานของท่าน แล้วการทำงานของท่านจะไม่เป็นสิ่งอัศจรรย์อีกต่อไป แต่ท่านจะเป็นสิ่งอัศจรรย์เสียเอง”5. ทำตามการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้วให้พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยตอบคำสวดอ้อนวอนของผู้อื่นผ่านท่าน โดยแท้แล้ว เมื่อท่าน “อยู่ในการรับใช้เพื่อนมนุษย์ของท่าน ท่านก็อยู่ในการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าของท่านนั่นเอง” (โมไซยาห์ 2:17)

3. คุกเข่าให้แก่สิ่งอัศจรรย์

นั่นหมายความว่าในทางกายภาพ เราต้องมีความแม่นยำในมุม 90 องศาของข้อต่อระหว่างต้นขากับขาส่วนล่างของเรา ขณะที่เราร้องขออย่างอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพระผู้เป็นเจ้าเพื่อการแทรกแซงอันศักดิ์สิทธิ์ที่เราแสวงหาเมื่อกล่าวในทางวิญญาณ จำไว้ว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราคือพระผู้เป็นเจ้าแห่งปาฏิหาริย์ และการทำงานของพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ของเราเป็น “การปฏิบัติศาสนกิจแห่งปาฏิหาริย์”

จำไว้ว่าพระองค์ทรงสร้างโลกและทุกสิ่งบนนั้น พระองค์ทรงเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นเหล้าองุ่น เปลี่ยนผู้สงสัยให้เป็นผู้เชื่อ พระองค์ทรงดำเนินบนน้ำ ทรงรักษาผู้ป่วย และชุบชีวิตคนตาย พระดำรัสเตือนเราทั้งหลายในวันนี้คือ การร้องขอสิ่งอัศจรรย์จากพระองค์ในคำสวดอ้อนวอน แต่จงมีความอดทนที่จะรอคอยตามพระประสงค์และจังหวะเวลาของพระองค์

ดังที่พระเยซูทรงเตือนเราด้วยพระดำรัสอันล้ำเลิศในหลักคำสอนและพันธสัญญาว่า “ฉะนั้น, จงชำระตนเองให้บริสุทธิ์เพื่อให้ความคิดของเจ้าเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้าอย่างเดียว, และวันเวลาจะมาถึงเมื่อเจ้าจะเห็นพระองค์; เพราะพระองค์จะทรงเปิดผ้าคลุมพระพักตร์พระองค์แก่เจ้า, และจะเป็นในเวลาของพระองค์เอง, และในวิธีการของพระองค์เอง, และตามพระประสงค์ของพระองค์เอง.” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:68)

พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ในรายละเอียด

แล้วสิ่งอัศจรรย์ของเอมีเกิดขึ้นได้อย่างไร? ต่อไปนี้คือส่วนที่เหลือของเรื่อง “รับรู้ เป็น และคุกเข่าให้แก่สิ่งอัศจรรย์”

ผู้หญิงชื่อจิลดากำลังขับรถกลับบ้านพร้อมกับลูกสามคนและสามีหลังจากไปเยี่ยมพ่อแม่ของเธอ ในบรรดาสิ่งต่างๆ ที่ลูกๆ ของเธอชื่นชอบในการเดินทางครั้งนั้น สิ่งที่เด่นชัดที่สุดคือมัฟฟินกล้วยที่คุณยายเป็นคนทำ หลังจากการรบเร้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากลูกๆ บนรถยนต์ จิลดาจึงสัญญาว่าเธอจะทำมัฟฟินให้พวกเขาเมื่อกลับถึงบ้าน “แต่ฉันจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?” เธอคิดกับตนเอง “ฉันไม่มีแม่พิมพ์มัฟฟินด้วยซ้ำ” และด้วยความคิดนั้น เธอก็หลับไปขณะที่สามีเป็นคนขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอตื่นขึ้นมาขณะที่รถกำลังมุ่งหน้าไปถึงทางออกของทางด่วนที่คุ้นเคย ตอนนั้นเองที่เธอนึกขึ้นมาได้ว่า ร้านขายอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านที่เธอโปรดปรานอยู่เลยทางออกนั้นไปนิดเดียว แน่นอนว่าร้านนั้นต้องมีแม่พิมพ์มัฟฟิน เธอรีบขอให้สามีลงจากทางด่วนและไปที่ร้านนั้น เธอเดินตรงเข้าไปในชั้นขายอุปกรณ์ทำขนมอบ และเธอก็เริ่มดูแม่พิมพ์มัฟฟินที่เธอต้องการ

ขณะที่เธอคว้าแม่พิมพ์มัฟฟินที่ชั้นบนสุด เธอได้ยินเสียงกริ๊งเบาๆ เมื่อดูในแม่พิมพ์ เธอเห็นว่ามีชิ้นหนึ่งที่วางซ้อนกันไม่พอดี เธอแยกมันออกแล้วจึงรู้สาเหตุ: สิ่งที่อยู่ในแม่พิมพ์คือแหวนเพชรส่องประกายวาววับ เธอไม่ต้องการให้มันตกอยู่ในมือคนไม่ดี เธอจึงตัดสินใจเก็บมันไว้ในกระเป๋าและเริ่มค้นหาเจ้าของทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน

จิลดานำแหวนมาที่ร้านทำผมที่เธอทำงานอยู่ ตลอดทั้งวันเธอเล่าเรื่องราวที่เธอพบแหวนให้แก่ช่างทำผมและลูกค้าคนอื่นๆ ขณะที่เธอถามบุคคลเหล่านั้นถึงวิธีนำแหวนกลับไปคืนเจ้าของที่ถูกต้อง ในขณะเดียวกันหลังจากที่เมแกนดัดผม ทำสี และตัดผมลูกค้าหลายราย เธอพร้อมที่จะกลับบ้านอย่างยิ่ง แต่เธอสังเกตเห็นช่างทำผมหลายคนล้อมรอบจิลดาที่อีกมุมหนึ่งของร้านทำผม

เธอรู้สึกถึงการกระตุ้นเตือน เธอจึงเดินไปที่กลุ่มคนเหล่านั้นเพื่อดูว่ามีเหตุอะไร ขณะที่จิลดาชูแหวนขึ้นมา เมแกนตกตะลึง จากนั้นเธออุทานโดยไม่ลังเลว่า “ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วว่านั่นเป็นแหวนของใคร” นั่นคือตอนที่เธอส่งข้อความหาข้าพเจ้า และตอนนี้ท่านก็รู้เรื่องราวที่เหลือของแหวนอัศจรรย์แล้ว

การเชื่อมโยงที่ซับซ้อนของเรื่องนี้เกือบมากเกินกว่าจะทำความใจ ดังที่เยเรมีย์พร่ำเตือนเราว่า “นี่‍แน่ะเราคือยาห์‌เวห์ พระ‍เจ้าของมนุษย์และสัตว์ทั้ง‍สิ้น มีสิ่ง‍ใดที่ยากเกินสำหรับเราหรือ?” (เยเรมีย์ 32:27)

ต่อมา เอมีลูกสาวข้าพเจ้าเขียนถึงประสบการณ์นี้ว่า:

“ขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงพิสูจน์ให้เห็นมากกว่าที่เคยเป็นมาว่า พระองค์ทรงมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในรายละเอียดชีวิตของเราและทรงสามารถทำให้สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกลับเกิดขึ้นได้! เป็นสิ่งเตือนความจำอันน่าชื่นใจเกี่ยวกับความจริงที่ว่า ไม่ว่าปัญหาของเราจะเล็กเพียงใด พระองค์จะทรงรับฟังคำสวดอ้อนวอนของเราเสมอ หากสิ่งนั้นสำคัญต่อเรา ก็สำคัญต่อพระองค์เช่นกัน!”

พระเจ้าทรงตระหนักถึงสิ่งอัศจรรย์ที่เรากำลังแสวงหา

ทีนี้ แม้เรื่องอัศจรรย์นี้ช่างเลิศเลอยิ่งนัก แล้วสิ่งอัศจรรย์ที่ไม่เป็นรูปธรรมจะเป็นเช่นไร? แล้วเหตุใดแหวนที่น่าขันวงนั้นจึงมีความสำคัญ? มีทั้งเหตุการณ์ทั่วโลกที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างอย่างโควิด-19 หรือเหตุการณ์เล็กๆ อย่างสิ่งที่ท่านอาจกำลังสวดอ้อนวอนอย่างอับจนหนทางอยู่ขณะนี้ในชีวิตท่าน และคำตอบคือ ข้าพเจ้าไม่ทราบ

แต่ข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงทราบ และข้าพเจ้าวางใจพระองค์ ข้าพเจ้ายังรู้ด้วยว่าหากพระองค์ทรงทราบว่านกกระจอกจะตกลงมาเมื่อใด พระองค์ก็ทรงทราบด้วยว่าน้ำตาทุกหยดของท่านจะไหลรินเมื่อใด ข้าพเจ้ามีศรัทธาอย่างไร้ข้อสงสัยเช่นกันว่าพระองค์ทรงเป็น “ผู้ทรงอานุภาพที่จะช่วยให้รอด” (2 นีไฟ 31:19), และดังที่เปาโลสอนว่า “เหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” (โรม 8:28)

นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าสามารถบอกท่านได้: ขณะที่รอสิ่งอัศจรรย์ของท่าน อย่าพลาดสิ่งวิเศษที่อยู่รอบตัวท่านในทุกๆ วัน เช่น สิ่งอัศจรรย์จากการได้พบเห็นผู้ที่น้อมรับพระกิตติคุณอย่างสมบูรณ์และมีการเปลี่ยนแปลงของใจ ใครสักคนที่เลือกละทิ้งบาปและเปลี่ยนชีวิตของตนโดยสิ้นเชิง รวมทั้งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเขาด้วย หรือเป็นเพียงสิ่งอัศจรรย์ในทุกสัปดาห์จากศีลระลึก การผนึก และพลังการเยียวยาของศาสนพิธีพระวิหาร ตลอดจนพรอื่นๆ ทุกประการจากพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู และโปรดอย่าลืม “สิ่งอัศจรรย์สูงสุด” การชดใช้และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์

เอ็ลเดอร์โรนัลด์ เอ. ราสแบนด์ แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า

“ท่านควรจะมองหาอะไรในชีวิตท่าน? ปาฏิหาริย์อะไรของพระผู้เป็นเจ้าที่เตือนให้ท่านรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้โดยตรัสว่า ‘เราอยู่ตรงนี้’? ลองนึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้น บางวัน เมื่อพระเจ้าทรงดำเนินการในชีวิตท่าน—จากนั้นทรงดำเนินการอีกครั้ง จงถือว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่พระเจ้าทรงแสดงความเชื่อมั่นในตัวท่านและในการเลือกของท่าน แต่จงยอมให้พระองค์ทรงทำให้ท่านเป็นมากกว่าที่ท่านจะทำให้ตนเองเป็นได้ จงเห็นค่าความเกี่ยวข้องของพระองค์”6

และไม่ใช่แค่เห็นค่า แต่จงแสวงหาอย่างไม่ลดละ จำไว้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทำได้ทุกสิ่งและทุกอย่างที่อยู่ระหว่างนั้น พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของสิ่งทั้งปวง

พี่น้องทั้งหลาย ตัดสินใจในวันนี้เพื่อรับรู้ เป็น และคุกเข่าให้แก่สิ่งอัศจรรย์ แล้วพรที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยจะรอคอยท่านอยู่แน่นอน เช่นเดียวกับเอมีและเชส ท่านสามารถใช้ศรัทธาอย่างเต็มที่โดยทราบว่าท่านจะได้รับพรไม่ว่าช่วงเวลาแห่งสิ่งอัศจรรย์จะเกิดขึ้นหรือไม่ วางใจจังหวะเวลาของพระเจ้า จงรุดหน้าไปด้วยความสำนึกคุณและเห็นค่าของสิ่งที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตท่าน และจงจำถ้อยคำของโยบว่า “ข้าจะแสวงหาพระเจ้า และข้าจะมอบเรื่องของข้าไว้กับพระเจ้า: ผู้ทรงทำการใหญ่เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ และการอัศจรรย์นับไม่ถ้วน” (โยบ 5:8–9)

อ้างอิง

  1. Dictionary.com, s.v. “miracle,” dictionary.com/browse/miracle

  2. J. R. R. Tolkien, The Fellowship of the Ring (New York: Houghton Mifflin, 1993), 294

  3. Discourses of Brigham Young, จอห์น เอ. วิดท์โซ (1998), 341; และดู Dallin H. Oaks, “Miracles,” Ensign, June 2001, 10 ด้วย

  4. ดู “นับพระพรท่าน,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 118

  5. Thomas S. Monson, ใน Gerry Avant, “‘Learn, Serve, Thank, Pray,’ Graduates Told,” Church News, 4 พฤษภาคม, 1991, thechurchnews.com

  6. โรนัลด์ เอ. ราสแบนด์, “ตามแผนอันศักดิ์สิทธิ์,” เลียโฮนา พ.ย. 2017, 56

พิมพ์