2021
กลยุทธ์ 3 ข้อสำหรับการเดินทางผ่านการเปลี่ยนแปลงของชีวิต
พฤศจิกายน 2021


คนหนุ่มสาว

กลยุทธ์ 3 ข้อสำหรับ การเดินทาง ผ่านการเปลี่ยนแปลงของชีวิต

การเปลี่ยนแปลงในชีวิตสามารถทำให้เกิดความเครียดและความกังวลได้มากมาย แต่ฉันพบว่ากลยุทธ์ 3 ข้อเหล่านี้สามารถช่วยท่านได้

woman holding a map

นี่คือหนึ่งในเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นเครื่องมือที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าคอมพิวเตอร์เครื่องใด และเปลี่ยนแปลงตามสิ่งที่เรียนรู้เกี่ยวกับโลก เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ว่าจะมีความมั่งคั่งหรือสถานะใดก็มีสิทธิ์เข้าถึง และท่านไม่สามารถหาซื้อได้ในร้านค้าหรือทางออนไลน์ เป็นสิ่งที่ซับซ้อนกว่าที่เรารู้ และฉันมีข่าวดีสำหรับท่าน:

ท่านก็มีเครื่องมือนั้น พระบิดาบนสวรรค์ทรงมอบให้ท่าน นั่นคือสมองของท่าน

สมองมนุษย์ช่างน่าอัศจรรย์ ตัวอย่างเช่น ลองนึกถึงเวลาที่ท่านแปรงฟัน ฉันมีลูกที่ยังเล็กที่ฉันยังพยายามสอนให้แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ แต่ตัวฉันเองมีความชำนาญแล้ว ฉันทำได้โดยไม่มีใครคอยเตือนเพราะสมองของฉันตั้งโปรแกรมให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของฉัน เมื่อฉันแปรงฟัน ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ Google เพื่อหาว่าต้องบีบยาสีฟันไว้ที่มุมใดของแปรงสีฟัน สมองของฉันสั่งให้บีบไว้ที่ปลายแปรงโดยอัตโนมัติ ฉันสามารถแปรงฟันได้ในขณะที่ฟังพ็อดแคสต์ ต่อรองกับลูกๆ หรืออ่านหนังสือ เพราะสมองของฉันรู้ว่าต้องทำอะไรโดยอัตโนมัติ

ความสามารถในการทำงานประหนึ่งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติช่วยเราได้เกือบทุกเวลา แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรากำลังผ่านการเปลี่ยนแปลงที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต? บางครั้งเราอาจพบความเปลี่ยนแปลงที่เราไม่ได้วางแผนไว้ เช่น การหย่าร้างหรือการเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดของคนที่เรารัก แต่แม้ชีวิตจะดำเนินไปอย่างถูกต้อง เราก็ยังต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น เมืองใหม่ งานใหม่ การเรียนจบมหาวิทยาลัย การแต่งงาน มีลูก และอื่นๆ อีกมากมาย

ความจริงก็คือ สมองไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต้องใช้พลังงานอย่างมาก เพราะเราไม่สามารถดำเนินชีวิตโดยไม่ใช้จิตใต้สำนึกเหมือนกับที่เราคุ้นเคย เมื่อผสมผสานสิ่งนี้เข้ากับอารมณ์ต่างๆ ที่มักจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง บางครั้งก็อาจทำให้รู้สึกว่าเกินจะทน

โชคดีที่เราสามารถนำสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับสมองและทำงานกับสมองเพื่อลดความกังวลและความรู้สึกหนักใจ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฉันพบกลยุทธ์สามข้อที่ช่วยให้คนเราผ่านพ้นความวิตกกังวลและการเปลี่ยนแปลงซึ่งฉันอยากแบ่งปันกับท่าน

กลยุทธ์ที่ 1: จำกัดมุมมองของท่านให้แคบลง

การเปลี่ยนแปลงหมายถึงสิ่งที่ไม่รู้จัก บางครั้งสมองจะรับไม่ไหวหากมีสิ่งที่ไม่รู้มากเกินไป สมองกลัวสิ่งที่ไม่รู้จักเพราะเชื่อว่าอาจมีอันตรายอยู่ข้างหน้าก็เป็นได้

ขอบคุณสมองที่ช่วยให้เรายังมีชีวิตอยู่

วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ฉันค้นพบ คือการจำกัดมุมมองของท่านให้แคบลงเหลือเพียงสิ่งที่ท่านรู้ ยิ่งการเปลี่ยนแปลงมีความสุดโต่งและเกี่ยวข้องกับอารมณ์มากเท่าใด มุมมองของท่านก็ยิ่งจำเป็นต้องแคบลงเท่านั้น หากท่านสูญเสียงานโดยไม่คาดคิด สมองของท่านอาจต้องการคิดทุกสิ่งให้ออก ท่านจะชำระใบแจ้งหนี้ได้อย่างไร? ท่านจะหางานใหม่ได้อย่างไร? ท่านจะหางานใหม่ได้เมื่อใด? กระบวนการนั้นจะลำบากมากน้อยเพียงใด? ผู้คนจะคิดอย่างไร?

เรายังไม่มีคำตอบให้กับคำถามจำนวนมากเหล่านี้ในขณะนี้ แต่อันที่จริงเราไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ ทำอย่างไรต่อจากนี้? ท่านจะใช้ชีวิตไปจนถึงสิ้นสัปดาห์นี้ได้หรือไม่? นั่นคือสิ่งที่ท่านจำเป็นต้องรู้ทั้งหมดในตอนนี้

บางครั้งเมื่อเราอยู่ในภาวะที่มีความรู้สึกเจ็บปวดทางอารมณ์อย่างลึกซึ้ง เราจำเป็นต้องมุ่งเน้นทีละวัน ท่านจะกินอะไรเป็นอาหารเช้า? เรามาเริ่มกันที่ตรงนั้นดีกว่า

จำกัดมุมมองของท่านให้แคบลงเพื่อให้มีความสุข และจากจุดนั้นท่านจะพบคำตอบ พระองค์จะทรงนำทางท่าน หากท่านแสวงหาพระองค์และวางใจพระองค์ “เจ้าจงอ่อนน้อมถ่อมตน; และพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าจะทรงจูงมือนำเจ้าไป, และให้คำตอบคำสวดอ้อนวอนของเจ้าแก่เจ้า.” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 112:10)

woman looking through a camera

กลยุทธ์ที่ 2: มุ่งเน้นที่อนาคต ไม่ใช่อดีต

สมองของท่านชอบย้อนกลับไปในอดีตเพราะมีความทรงจำที่จะดึงเอามาใช้ แต่อนาคตของท่านจะแตกต่างจากในอดีตและนั่นคือสิ่งที่ดี การไตร่ตรองว่าสิ่งใดที่ผิดพลาดไปหรือแม้แต่การหวนระลึกถึง “วันเก่าๆ ที่งดงาม” ด้วยการเสียเวลาในปัจจุบันนั้นทำได้ง่ายแต่ไม่เป็นประโยชน์

ตอนที่ฉันเพิ่งคลอดลูกคนแรก ฉันดีใจอย่างยิ่งที่จะมีเด็กตัวเล็กๆ อยู่ในบ้านของฉันและไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันรักเขามากเพียงใด แต่ฉันก็รู้สึกหนักใจว่าเขาต้องได้รับการดูแลมากเพียงใดและการที่ฉันไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระเหมือนเมื่อก่อน ฉันคอยคิดแต่ว่าชีวิตเคยมีความเรียบง่ายมากกว่านี้ ฉันคิดว่าฉันเคยสามารถอาบน้ำและทำผมทุกเช้า ฉันคิดว่าฉันเคยชอบร่างกายของฉันมากกว่านี้ ฉันคิดว่าฉันเคยมีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่มากกว่านี้และจึงสนุกมากกว่านี้ ฉันรู้สึกแย่มากเมื่อฉันจดจ่อกับอดีตของฉันเช่นนี้

ในที่สุดฉันก็ตระหนักว่าฉันไม่สามารถหาคำตอบจากอดีต ฉันต้องให้ความสำคัญกับอนาคต ฉันต้องเริ่มจินตนาการตัวเองที่จะทำสิ่งต่างๆ ที่ฉันต้องการในชีวิต เพียงแต่ฉันต้องทำสิ่งเหล่านั้นกับลูก ฉันต้องปรับไปสู่คนที่ฉันต้องการจะเป็น ไม่ใช่คนที่ฉันเคยเป็น ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปแต่ก็ทำได้หากท่านเต็มใจที่จะเปิดใจรับความเป็นไปได้

พระเจ้าทรงบอกเราว่า:

“เจ้าเป็นเด็กน้อย, และเจ้ายังไม่เข้าใจว่าพระบิดาทรงมีพรสำคัญยิ่งเพียงใดในพระหัตถ์ของพระองค์เองและทรงเตรียมไว้ให้เจ้า;

“และเจ้าไม่อาจทนทุกสิ่งได้ขณะนี้; กระนั้นก็ตาม, จงรื่นเริงเถิด, เพราะเราจะนำทางเจ้าไป. อาณาจักรเป็นของเจ้าและพรที่นั่นเป็นของเจ้า, และความมั่งคั่งแห่งนิรันดรเป็นของเจ้า.” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 78:17–18)

กลยุทธ์ที่ 3: จงเห็นอกเห็นใจตนเอง

การเปลี่ยนแปลงสามารถทำให้ส่วนที่แกร่งที่สุดของเราเสียหลักได้ ท่านอาจรับรู้ถึงอารมณ์มากมาย สิ่งที่เป็นพิษที่สุดบางอย่างที่เราบอกกับตนเองได้คือความคิดต่างๆ เช่น “ฉันหวังว่าฉันจะไม่ใช้อารมณ์มากอย่างนี้ ฉันควรจัดการกับสิ่งนี้ให้ดีกว่านี้” หรือ “ฉันเสียใจที่ฉันไม่เข้มแข็งกว่านี้”

การหวังว่าท่านจะใช้อารมณ์น้อยลงไม่ได้ทำให้การเปลี่ยนแปลงง่ายขึ้น แต่กลับยิ่งเพิ่มความอับอายหรือความรู้สึกผิดต่อความท้าทายอื่นๆ ที่ท่านกำลังเผชิญอยู่แล้ว ความเห็นอกเห็นใจตนเองคือกุญแจสำคัญ

ความเห็นอกเห็นใจกล่าวว่า “แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก! ความลำบากเป็นเรื่องธรรมดา” และ “ไม่ว่าอย่างไรฉันก็รักคุณ” โปรดพูดสิ่งเหล่านี้กับตนเอง อย่าเพิ่มความเจ็บปวดด้วยการคิดว่าท่านไม่ควรเจ็บปวด

พระบิดาบนสวรรค์ทรงส่งเรามายังโลกเพื่อช่วยให้เราเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น ซึ่งฉันพอจะสามารถจินตนาการได้เพียงว่าเราต้องการเติบโตอย่างยิ่งยวด หากฉันต้องการสร้างกล้ามเนื้อของฉัน ฉันต้องยกน้ำหนักอย่างหนัก แรงต้านของน้ำหนักเหล่านั้นทำให้กล้ามเนื้อของฉันทลายลงได้มากพอที่จะได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแกร่งมากกว่าเดิม

วิญญาณของเราก็เช่นเดียวกัน เราต้องการแรงต้านพอประมาณเพื่อให้เราสามารถกลับมาแข็งแกร่งกว่าที่เราเคยเป็นมา

พระเจ้าทรงอธิบายดังนี้: “ผู้คนของเราต้องรับการทดลองในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง, เพื่อพวกเขาจะพร้อมรับรัศมีภาพที่เรามีไว้ให้พวกเขา, แม้รัศมีภาพของไซอัน; และคนที่จะไม่ทนการตีสอนก็ไม่คู่ควรกับอาณาจักรของเรา.” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 136:31)

การเปลี่ยนแปลงเป็นวิธีหนึ่งที่ชีวิตหล่อหลอมเราเพื่อให้เราสามารถเป็นเหมือนพระบิดาบนสวรรค์ของเรา จงใจดีกับตนเองในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง บางครั้งการเป็นมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่ยากเย็นเหลือเกิน ◼