ดิจิทัลเท่านั้น
หาที่หลบภัยในช่วงภัยธรรมชาติ
ในการรับมือกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงในประเทศบ้านเกิดของพวกเขา วิสุทธิชนยุคสุดท้ายแสดงให้เห็นว่าการพึ่งพาพระเยซูคริสต์สามารถให้สันติสุขในยามทุกข์ใจได้อย่างไร
พระผู้ช่วยให้รอดทรงพยากรณ์ว่าในยุคสุดท้าย “จะเกิดการกันดารอาหาร โรคระบาด และแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ” (มัทธิว 24:7) เราเห็นคำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นรอบตัวเรามากขึ้นทุกปีโดยมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นทั่วโลก
สมาชิกที่ซื่อสัตย์หลายคนของศาสนจักรได้รับการทดสอบจากผลกระทบของพลังทำลายล้างของธรรมชาติ ทว่าความสามารถในการปรับตัวและศรัทธาของพวกเขาทั้งอ่อนน้อมถ่อมตนและเป็นแรงบันดาลใจขณะพวกเขา “รอคอยพระเจ้า” (อิสยาห์ 40:31) และวางใจในพรที่ทรงสัญญาไว้
ในการรับมือกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงในประเทศบ้านเกิดของพวกเขา วิสุทธิชนยุคสุดท้ายแสดงให้เห็นว่าการพึ่งพาพระเยซูคริสต์สามารถให้สันติสุขในยามทุกข์ใจได้อย่างไร
รอคอยด้วยศรัทธา
ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 พายุเฮอริเคนเอตาและไอโอตาได้ทำลายล้างหลายประเทศในอเมริกากลาง การทำลายล้างที่เกิดจากพายุนั้นท่วมท้น ในฐานะประธานภาคของภาคอเมริกากลาง เอ็ลเดอร์ไบรอัน เค. เทย์เลอร์แห่งสาวกเจ็ดสิบได้รับข้อความที่ยากจะลืมเลือนจากประธานสเตคในฮอนดูรัส ครอบครัวของประธานสเตคอาศัยอยู่ในที่พักชั่วคราวหลังจากพายุทำให้พวกเขาต้องออกจากบ้าน ข้อความของเขาอ่านว่า: “เราดำเนินต่อไปด้วยศรัทธาและความหวังเดียวกันว่าเราจะแข็งแกร่งขึ้นจากประสบการณ์นี้: ถ่อมตนมากขึ้น เต็มใจช่วยเหลือมากขึ้น — และเต็มใจยอมทำตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า”1.
เป็นเรื่องง่ายที่จะท้อแท้และสิ้นหวังใน “วันยากลำบาก” ของยุคสมัยใหม่นี้ (นาฮูม 1:7) แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวในการดิ้นรนและความทุกข์ทรมานของเรา คำตอบของพระบิดาบนสวรรค์ต่อคำวิงวอนที่สิ้นหวังของโจเซฟ สมิธจากส่วนลึกของคุกลิเบอร์ตี้ก็ใช้ได้กับเราแต่ละคนเช่นกัน “สันติสุขจงมีแก่จิตวิญญาณเจ้า; ความยากลำบากของเจ้าและความทุกข์ของเจ้าจะอยู่เพียงชั่วครู่ และจากนั้น, หากเจ้าอดทนมันด้วยดีพระผู้เป็นเจ้าจะยกเจ้าให้สูงส่งสู่เบื้องบน” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:7–8)
พระเจ้าสัญญากับเราว่าพระองค์จะทรงแก้ไขทุกสิ่งให้ถูกต้องหากเราอดทนต่อความยากลำบากของเราด้วยศรัทธา เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์ แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า
“ด้วยเหตุนี้ขณะที่เราลงมือทำและรอคำตอบการสวดอ้อนวอนบางอย่างด้วยกัน ข้าพเจ้าให้สัญญาในฐานะอัครสาวกว่าพระองค์ทรงได้ยินและทรงตอบ แม้อาจจะไม่ตอบในเวลาหรือวิธีที่เราต้องการ แต่ทรงตอบ เสมอ ในเวลาและในวิธีที่บิดามารดาผู้รอบรู้และมีเมตตานิรันดร์ควรตอบ”2
ขอบคุณแผนแห่งความสุขของพระบิดาบนสวรรค์ เราจำได้ว่า “ยามโลกไร้สันติสุข สันติในพระองค์”3
การรับใช้ผู้อื่น
ในฐานะประธานสมาคมสงเคราะห์สเตคในญี่ปุ่น ซิสเตอร์จุนโกะ โยชิดะทำงานกับสมาชิกของสมาคมสงเคราะห์สเตคเพื่อรวบรวมผ้าเช็ดตัว 1,000 ผืนสำหรับผู้อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรุนแรงในต้นเดือนกรกฎาคม 2020 ซิสเตอร์โยชิดะกล่าวว่า “ฉันต้องการช่วยเหลือผู้คน … ฉันรีบไปทำงานทันที … [เรามี] ผ้าเช็ดตัวและผ้าขี้ริ้วประมาณ 1,000 ผืนมารวมกันในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณสี่วัน”4.
การรับใช้แบบพระคริสต์ในลักษณะเดียวกันนี้แสดงให้เห็นในเดือนธันวาคม 2021 เมื่อพายุทอร์นาโดรุนแรงพัดถล่มภาคตะวันตกตอนกลางของสหรัฐ ทำให้คนไร้บ้านจำนวนมากและผู้คนหลายหมื่นคนไม่มีไฟฟ้าใช้ แทนที่จะปล่อยให้ความหายนะในบ้านของพวกเขาทำให้ร่างกายอ่อนแอ สมาชิกทั่วทั้งรัฐที่ได้รับผลกระทบทำงานรับใช้และช่วยเหลือชุมชนของตนในทันที เควิน ดี. เรลฟอร์ด ประธานสเตคในเฮนเดอร์สันวิลล์ รัฐเทนเนสซี กล่าวว่าเขา “ประทับใจอย่างยิ่งกับการรับใช้ที่เปี่ยมด้วยเมตตากรุณาและเหมือนพระคริสต์ที่สมาชิกของเราได้แสดงให้กันและกัน ต่อเพื่อนบ้านของพวกเขา … สมาชิกโอบกอด [เพื่อนบ้าน] และทำให้แน่ใจว่าพวกเขามีที่พักและได้รับการสนับสนุนที่พวกเขาต้องการ”5.
เอ็ลเดอร์มอยเซส วิลลานูเอวาแห่งสาวกเจ็ดสิบสอนว่า “พระเยซูคริสต์ทรงแสดงให้เราเห็นว่าในระหว่างการทดลองและความทุกข์ยาก เราสามารถรับรู้ถึงความลำบากของผู้อื่น ด้วยความการุณย์ เราสามารถช่วยเหลือและยกคนเหล่านั้นขึ้น และเมื่อเราทำเช่นนั้น เราจะถูกยกขึ้นเช่นกันจากการที่เรารับใช้แบบพระคริสต์ ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์เคยกล่าวว่า “ยาถอนพิษความกังวลที่ดีที่สุดที่ข้าพเจ้ารู้จักคือการทำงาน ยารักษาความสิ้นหวังที่ดีที่สุดคือการรับใช้ วิธีแก้ความเหนื่อยล้าที่ดีที่สุดคือความท้าทายในการช่วยคนที่เหนื่อยยิ่งกว่า”6
ค้นพบสันติสุข
เรื่องราวเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่สำคัญของการให้ชีวิตเรามีพระผู้ช่วยให้รอดเป็นศูนย์กลางไม่เพียงช่วยให้เราพบสันติสุขในยามทุกข์ใจเท่านั้นแต่ยังช่วยให้เราเป็นแหล่งสันติสุขแก่ผู้อื่นด้วย
พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย” (ยอห์น 14:27)
พระเยซูคริสต์ เจ้าชายแห่งสันติ ทรงรู้จักเรา เราสามารถวางใจพระองค์ในการทำให้ภาระของเราเบาลง (ดู มัทธิว 11:28–30) ไม่ว่าพายุที่เราเผชิญในชีวิตนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเป็นการเปรียบเทียบก็ตาม “พระผู้ช่วยให้รอดทรงสามารถให้ความคุ้มครองและสันติสุขเพื่อนำทางท่านไปสู่ความปลอดภัยและที่พักพิงจากพายุแห่งชีวิตในที่สุด”7