ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาว
3 วิธีเพื่อทําให้ชีวิตท่านสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการให้เราทําอะไร?
สองสามปีที่ผ่านมา ดิฉันสงสัยว่า
“สิ่งใดคือพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของฉัน”
“ฉันจะทําให้ความประสงค์ของฉันสอดคล้องกับของพระองค์ได้อย่างไร”
ดิฉันตามหาคำตอบของคำถามเหล่านี้มาเป็นเวลานาน—แต่ก็ยังรู้สึกว่ายังไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ดิฉันค้นพบความจริงสามประการที่ช่วยให้ดิฉันเข้าใจวิธีนําทางชีวิตตามแนวทางที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการให้ดิฉันทํา
1. ให้พระวิญญาณสถิตกับท่าน
ในการทำตามพระประสงค์ของพระบิดาบนสวรรค์ ส่วนที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การแสวงหาและรับฟังการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณตรัสกับเราได้หลายทาง แต่เป็นหน้าที่รับผิดชอบของเราที่จะดําเนินชีวิตอย่างมีค่าควรกับการเป็นสหายของพระองค์และเรียนรู้วิธีที่พระองค์ตรัสกับเราโดยเฉพาะ
สําหรับดิฉัน พระวิญญาณตรัสผ่านความคิดของดิฉัน แต่บางครั้งอาจเป็นเรื่องยากที่จะแยกความต่างระหว่างความรู้สึกส่วนตัวของดิฉันและการนําทางของพระผู้เป็นเจ้า
สิ่งหนึ่งที่ดิฉันชอบทําคือไตร่ตรองว่าความคิดที่ฉันมีนั้นดีหรือไม่ ดังที่ศาสดาพยากรณ์โมโรไนสอน “สิ่งที่ดีทั้งปวงมาจากพระผู้เป็นเจ้า” (โมโรไน 7:12) หากความคิดใดบอกให้ดิฉันทำความดีเพื่อผู้อื่น เชิญให้ดิฉันเชื่อมสัมพันธ์กับพระบิดาบนสวรรค์ หรือกระตุ้นให้ดิฉันเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้น ดิฉันจะรู้ว่าความคิดนั้นมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
วันแล้ววันเล่า ดิฉันพยายามให้พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เคียงข้างเสมอ ฟังพระดํารัสเชิญของพระองค์ และเต็มใจที่จะปฏิบัติตาม สิ่งนี้ช่วยให้ดิฉันปรับชีวิตให้สอดคล้องกับพระบิดาบนสวรรค์
ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์ ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดย้ำเตือนเราว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์กําลังถูกส่งมายังสมาชิกแห่งพันธสัญญาที่ซื่อสัตย์ของศาสนจักรแห่งพระเยซูคริสต์ ทีนี้ ประสบการณ์ของท่านจะไม่เหมือนใคร และพระวิญญาณจะทรงนำทางในวิธีที่เหมาะกับศรัทธาและความสามารถของท่านมากที่สุดในการรับการเปิดเผยสำหรับตัวท่านและสำหรับคนที่ท่านรักและรับใช้”
2. ระลึกถึงอัตลักษณ์อันสูงส่งของท่าน—และช่วยให้ผู้อื่นระลึกถึงอัตลักษณ์ของพวกเขา
พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ตรัสให้ “รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”—นั่นคือพระบัญญัติข้อสําคัญข้อสอง (ดู มัทธิว 22:39) เราจะรู้สึกรักและเห็นใจตนเองและผู้อื่นมากขึ้นเมื่อเรารู้และให้เกียรติอัตลักษณ์อันสูงส่งของเรา
พระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการให้เรามองเห็นตัวเราอย่างที่เราเป็น—บุตรธิดาที่รักของพระองค์ที่มีศักยภาพไม่สิ้นสุด เพราะพระองค์ทรงรักเรา พระองค์จึงทรงปรารถนาให้เรารักผู้อื่นและช่วยเตือนพวกเขาว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นใคร
เอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู.กองแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเตือนเราด้วยความรักว่า “ศรัทธา การรับใช้ และการเสียสละดึงเราให้เข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากกว่าตัวเรา ยิ่งการรับใช้และการเสียสละของเรามีความเห็นอกเห็นใจ เปี่ยมศรัทธา และไม่คำนึงถึงตนเองในพระองค์มากเท่าใด เราจะยิ่งเริ่มเข้าใจความสงสารและพระคุณแห่งการชดใช้ที่พระเยซูคริสต์ทรงมีต่อเรามากขึ้นเท่านั้น”
ฉันคิดว่าหากเรามองตนเองดังที่พระบิดาทรงมองเรา เราจะเห็นพระหัตถ์ของพระองค์ในชีวิตเราได้ง่ายขึ้น
3. วางใจในจังหวะเวลาของพระองค์
ส่วนที่เป็นพื้นฐานของการทําสิ่งต่างๆ ตามแนวทางของพระผู้เป็นเจ้าคือวางใจในจังหวะเวลาของพระองค์ ฉันรู้ว่ามีหลายช่วงเวลาในชีวิตที่การรอคอยคือสิ่งสุดท้ายที่เราต้องทำ บางทีเราอาจหวังพรต่างๆ เช่น การพบคู่ครอง การมีเงินพอซื้อบ้าน การได้งานที่มีรายได้ดี การเยียวยาทางกายภาพหรือทางจิตใจ หรือเรื่องอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน
แต่บางครั้งพรเหล่านี้ไม่ได้มาในเวลาที่เราต้องการ อันที่จริง บางครั้งชีวิตอาจรู้สึกเหมือนเรากําลังหลงทางอยู่ในทะเลทรายกว้างใหญ่ที่ซึ่งพรต่างๆ แห้งเหือดไปหมด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเรากําลังรอคอยพระบิดาบนสวรรค์ เราสามารถดูเรื่องราวของชาวเจเร็ดในพระคัมภีร์มอรมอนได้ (ดู อีเธอร์ 2) เมื่อพวกเขาเดินทางไปยังดินแดนแห่งคำสัญญา พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงต้องการให้พวกเขาหยุดพักอยู่ในแดนทุรกันดาร (ดู ข้อ 7) พระองค์ทรงต้องการให้พวกเขาเดินทางต่อไป ในทํานองเดียวกัน พระบิดาก็มิได้ทรงต้องการให้เราหยุดอยู่ในแดนทุรกันดารในแบบของเราเช่นกัน พระองค์ทรงต้องการให้เราก้าวหน้าต่อไปด้วยศรัทธาจนกว่าเราจะได้รับพรที่สัญญาไว้
พระองค์ทรงต้องการให้ดิฉันดําเนินต่อไปด้วยศรัทธา รักษาพระบัญญัติของพระองค์ และรอคอยพระองค์ด้วยความอดทน
อาจมีหลายครั้งที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดเราต้องอดทนกับความท้าทายบางอย่างหรือเหตุใดเราต้องรอจังหวะเวลาของพระองค์ บางสิ่งที่ดิฉันได้เรียนรู้คือไม่ว่าจะยากแค่ไหน ทุกสิ่งสามารถเป็นไปเพื่อประโยชน์ของเราได้ เสมอ หากเราคอยสร้างสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระบิดาบนสวรรค์ไว้เสมอ (ดู หลักคําสอนและพันธสัญญา 122:7)
ฉันรู้ว่าเมื่อเราพยายามดำเนินชีวิตตามแนวทางของพระบิดาบนสวรรค์ เราจะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตอยู่เคียงข้างเราและสัมผัสได้ถึงความรักของพระองค์ทุกวัน ถ้าเราวางใจในพระบิดาบนสวรรค์ แม้ในยามยากลําบาก เราจะพบความเข้มแข็งที่เราต้องการ หากท่านกําลังประสบเรื่องที่ยากลำบาก ให้คุกเข่าและทูลสนทนากับพระองค์ ฉันรู้ว่าพระบิดาบนสวรรค์จะทรงรับฟังท่าน และพระองค์จะประทานการปลอบโยนและการนําทางที่ท่านต้องการ
ความยากลําบากของท่านอาจไม่หายไปหลังจากสวดอ้อนวอน แต่พระบิดาจะประทานพลังให้ท่านสามารถก้าวเดินต่อไปได้—และพระองค์จะทรงอยู่บนเส้นทางนั้นกับท่าน