เซมินารีเป็นพรแก่ชีวิตข้าพเจ้า
การถ่ายทอดการอบรม S&I ประจำปี 2022 กับประธานบัลลาร์ด
วันศุกร์ที่ 21 มกราคม ค.ศ. 2022
อรุณสวัสดิ์ ท่านได้รับการสอนอย่างดีเช้าวันนี้ และข้าพเจ้าสนับสนุนทุกสิ่งที่ท่านได้ยินมาและสวดอ้อนวอนว่าพระเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าเสริมการประชุมพิเศษที่เรากำลังเข้าร่วมกับท่านผู้มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ข้าพเจ้ายินดีอย่างยิ่งที่ได้อยู่กับท่าน ข้าพเจ้าขอแสดงความรักต่อทุกท่านและหวังว่าท่านจะส่งต่อความรักถึงสมาชิกครอบครัวท่าน ข้าพเจ้านำความรักจากฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสอง เราซาบซึ้งใจสำหรับความพยายามเป็นพิเศษของท่านมาโดยตลอดในการสอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ซึ่งจะเป็นพรแก่ชีวิตและเสริมสร้างประจักษ์พยานของสมาชิกวัยเยาว์ของศาสนจักร
ข้าพเจ้าอยากเริ่มด้วยการบอกท่านว่าเซมินารีเป็นพรแก่ชีวิตข้าพเจ้าอย่างไร สิ่งนี้ได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งประจักษ์พยานในพระกิตติคุณและช่วยข้าพเจ้าเตรียมงานเผยแผ่ตลอดจนโอกาสในการเป็นผู้นำ
ดังที่ท่านอาจทราบ ข้าพเจ้าเป็นบุตรของเหลนของไฮรัม สมิธ พี่ชายของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ จูเนียร์ คุณแม่ข้าพเจ้าเป็นตระกูลสมิธ และข้าพเจ้าเป็นเหลนของประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธ ประธานศาสนจักรคนที่หก ข้าพเจ้าเป็นหลานชายของอัครสาวกสองคนด้วย—เอ็ลเดอร์ไฮรัม แม็ค สมิธ คุณตาข้าพเจ้า และเมลวิน เจ. บัลลาร์ด คุณปู่ข้าพเจ้า
เมื่อมีคนเหล่านี้เป็นบรรพบุรุษ ท่านอาจคิดว่าข้าพเจ้าจะมีพระกิตติคุณหยั่งลึกในใจเมื่อเป็นวัยรุ่น แต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอเล่าเพิ่มเติมเล็กน้อยเกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่และชีวิตข้าพเจ้าซึ่งนำไปสู่การรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา
คุณพ่อข้าพเจ้าเป็นเจ้าของกิจการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ในปี 1929 เมื่อข้าพเจ้าอายุได้เพียง 10 เดือน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนำไปสู่ความโชคร้ายสำหรับคุณพ่อคุณแม่และครอบครัวเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อ เนื่องจากท่านหมกมุ่นอยู่กับการดิ้นรนหาเลี้ยงครอบครัวในช่วงเวลายากลำบากนั้น จึงทำให้ท่านไม่แข็งขันในศาสนจักร
ต่อมา เมื่อข้าพเจ้าอายุมากขึ้น และฐานะการเงินของเรามั่นคง คุณพ่อซื้อที่ดินบางส่วนบนภูเขาทางตะวันออกของซอลท์เลคซิตี้ ท่านใช้เวลาในวันอาทิตย์สร้างกระท่อม และเราทุกคนทำงานร่วมกับท่าน เราไม่ได้เข้าร่วมการประชุมศาสนจักรเป็นครอบครัว
การถอนตัวจากความแข็งขันในศาสนจักรของคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้กีดกันข้าพเจ้าให้ไปร่วมนมัสการกับเพื่อนๆ ที่ดีเมื่อครอบครัวอยู่ที่บ้าน หรือสวดอ้อนวอนกับคุณแม่ผู้อ่อนโยน แต่ข้าพเจ้าไม่ได้เข้าชั้นเรียนเซมินารี
เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นนักเรียนมัธยมต้น เนดรา มอร์เทนเซน เพื่อนข้าพเจ้าถามว่าทำไมไม่มาเรียนเซมินารีตอนเช้าตรู่ วันรุ่งขึ้นก็ข้าพเจ้าเริ่มเข้าเรียนทุกวันตั้งแต่นั้นมา เซมินารีเช้าตรู่เริ่มเวลา 06.30 น. ถือว่าเช้ามากสำหรับโรงเรียนมัธยม—อย่างน้อยก็สำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจำได้ว่าไปเข้าเรียนในเช้าอันหนาวเหน็บของฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะ และเมื่อถึงปีสุดท้าย ข้าพเจ้าได้รับเลือกเป็นประธานเซมินารีโรงเรียนมัธยมอีสต์
การเข้าเรียนเซมินารีของข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องสำหรับชีวิต ในเซมินารี ใจข้าพเจ้าตื้นตัน และเมล็ดพันธุ์แห่งประจักษ์พยานได้หว่านลงในจิตวิญญาณ ข้าพเจ้าจำทุกสิ่งที่ครูสอนไม่ได้ แต่จำได้ว่าข้าพเจ้ารู้สึกอย่างไรเมื่ออยู่ที่นั่น ข้าพเจ้ายังจำความรู้สึกราวกับว่าข้าพเจ้าอยู่ที่นั่น
ข้าพเจ้าสำนึกคุณสำหรับครูเซมินารีที่อุทิศเวลามากเช่นเดียวกับท่านเพื่อเตรียมบทเรียนที่มีความหมายซึ่งอัญเชิญพระวิญญาณ
ข้าพเจ้ายังรู้สึกขอบคุณครูแต่ละคนที่สอนลูกข้าพเจ้า เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น เราศึกษาพระกิตติคุณเป็นครอบครัว แต่คำแนะนำเพิ่มเติมที่พวกเขาได้รับในเซมินารีเป็นพรแก่ชีวิตพวกเขาในเวลานั้น—และยังคงเป็นพรแก่ชีวิตพวกเขาต่อไป ในฐานะปู่และทวด—เราเพิ่งมีเหลนคนที่ 100—ขอขอบคุณครูที่ได้สอนและกำลังสอนลูกหลานข้าพเจ้า ในนามของพ่อแม่และปู่ย่าตายายทุกคนทั่วศาสนจักร ข้าพเจ้าขอบคุณสำหรับการเสียสละที่ท่านทำเพื่อเตรียม สอน รัก และเชื้อเชิญบุตรธิดาแต่ละคนของพระบิดาบนสวรรค์ให้มาหาพระบุตรของพระองค์ พระเจ้าพระเยซูคริสต์
พี่น้องทั้งหลาย ท่านสำคัญต่อพระเจ้าและแผนของพระองค์ ท่านแต่ละคนมีส่วนในการสัมผัสใจคนหนุ่มสาวที่มีค่าเหล่านี้ งานและความพยายามของท่านมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้อนุชนรุ่นหลังและต่อการสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า โปรดทราบว่าเราซาบซึ้งอย่างยิ่งที่ท่านเต็มใจรับใช้และสำหรับความพยายามอย่างซื่อสัตย์ของท่านในการสอนและบริหารงานของโปรแกรมเซมินารีและสถาบันทั่วโลก
ข้าพเจ้าขอขอบคุณเอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์และคณะกรรมการบริหาร เอ็ลเดอร์คลาร์ก กิลเบิร์ต ในฐานะกรรมาธิการ บราเดอร์แชด เว็บบ์ ในฐานะผู้ดูแลระบบ ตลอดจนหัวหน้าแผนก พนักงาน และครูทุกคน เรารักท่าน เราชื่นชมท่าน และเราขอบคุณทุกคนที่อุทิศตนเพื่อการศึกษาทางศาสนา
ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ การเข้าชั้นเรียนเซมินารีช่วยให้ข้าพเจ้าได้รับประจักษ์พยานและก้าวหน้าบนเส้นทางพันธสัญญา ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงสามารถช่วยให้พ่อแม่กลับมาแข็งขัน ข้าพเจ้ารับใช้งานเผยแผ่ ซึ่งคงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนๆ ที่ดีที่ข้าพเจ้ารู้จักในเซมินารี ผู้แนะนำให้ข้าพเจ้ารับใช้งานเผยแผ่
เมื่อข้าพเจ้าพูดในการประชุมศีลระลึกก่อนไปเป็นผู้สอนศาสนา คุณพ่อมาฟังข้าพเจ้าพูด นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าพเจ้าจำได้ว่าคุณพ่อไปโบสถ์ด้วยกัน เมื่อกลับบ้านจากงานเผยแผ่ ข้าพเจ้าพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ถึงความสำคัญของการเข้าร่วมการประชุมของศาสนจักร คุณพ่อคุณแม่ของข้าพเจ้าเลือกกลับไปแข็งขันในศาสนจักร พวกท่านยอมรับการเรียกและงานมอบหมายต่างๆ ตลอดชีวิตที่เหลือ
เมื่อไม่นานมานี้ ศาสนจักรทำการวิเคราะห์เยาวชนในยูทาห์ ตัวชี้วัดอย่างหนึ่งที่ทำให้มีโอกาสสูงที่เยาวชนจะเข้มแข็งในศาสนจักรในอีกห้าปีข้างหน้าคือถ้าพวกเขาเข้าเรียนเซมินารีและมีใบรับรองพระวิหาร 1
แผนกวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ของศาสนจักรศึกษาผลกระทบของเซมินารี สถาบัน และวิทยาลัยต่างๆ ของศาสนจักรด้วย การศึกษาของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าเซมินารีเป็นอิทธิพลสำคัญต่อความเข้มแข็งในศาสนจักร ประจักษ์พยาน ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง การรู้สึกถึงพระวิญญาณ การอุทิศตนส่วนตัว และการอุทิศตนของครอบครัว 2
พี่น้องทั้งหลาย ท่านกำลังสร้างความแตกต่าง วิญญาณอันทรงพลังของการอุทิศตนแผ่ออกมาจากท่านในฐานะสานุศิษย์ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ขอบคุณที่มีวิญญาณนั้นตลอดชีวิตและนำวิญญาณนั้นมาไว้ในห้องเรียนของท่าน ขอบคุณที่สัมผัสใจเยาวชนและคนหนุ่มสาวของเรา
เมื่อข้าพเจ้านึกถึงความรับผิดชอบของเราในการสอนและสัมผัสใจพวกเขา ข้าพเจ้านึกถึงประสบการณ์ที่ข้าพเจ้ามีในพระวิหารซอลท์เลคเมื่อหลายปีก่อน ในการประชุมแสดงประจักษ์พยานบนชั้นสี่ของพระวิหารซอลท์เลค ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์เป็นพยานถึงความสำคัญของคนที่ซึมซับพระกิตติคุณจนฝังใจและยึดมั่นในพระกิตติคุณ ท่านกล่าวว่าเพื่อให้ผู้คนซึมซับจนฝังใจ พวกเขาต้องการมากกว่าการเปลี่ยนใจเลื่อมใสทางความคิด—พวกเขาต้องการการเปลี่ยนใจเลื่อมใสทางวิญญาณ ท่านกล่าวว่าเราต้องสามารถซาบซึ้งต่อพระกิตติคุณตั้งแต่ความคิดลงไปจนถึงในใจเรา ขอบคุณที่ช่วยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับนักเรียนของท่าน
วันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2015 เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนได้รับเรียกเป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองและขณะรับใช้เป็นประธานสภาบริหารผู้สอนศาสานา ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันพูดในการสัมมนาผู้นำคณะเผยแผ่ปี 2015 ท่านสอนเกี่ยวกับว่าผู้สอนศาสนาเป็นสาส์นของพระเจ้า ท่านกล่าวว่า: “เราในฐานะตัวแทนของพระเจ้า มีสิทธิพิเศษที่จะสั่งสอนพระกิตติคุณของพระองค์ อัครสาวกเปาโลสอนแนวคิดที่น่าทึ่ง ท่านประกาศว่าตัวแทนแต่ละคน สาวกแต่ละคน ใช่ ผู้สอนศาสนาแต่ละคน สามารถเป็น ‘สาส์นของพระคริสต์ … ไม่ได้เขียนด้วยน้ำหมึก แต่ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ … [ฝัง] ไว้ในแผ่นดวงใจ’ [2 โครินธ์ 3:3]” 3 ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระกิตติคุณสามารถสัมผัสใจนักเรียนแต่ละคนเมื่อพวกเขาเข้าเรียนเซมินารี พวกเขาสามารถเขียนพระกิตติคุณไว้บนแผ่นดวงใจของตนเอง
ขอบคุณสำหรับการเตรียมส่วนตัวในการทำสิ่งที่ท่านทำได้ดีมาก นั่นคือ สอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เพื่อที่พระวิญญาณจะทรงสัมผัสใจบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์
ในโลกที่ขัดแย้งกันทุกวันนี้ คนหนุ่มสาวเหล่านี้ต้องการปีติและสันติสุขที่พระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ประทานผ่านพระกิตติคุณของพระองค์ พวกเขาต้องรู้สึกในใจถึงความรักที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงมีต่อพวกเขาแต่ละคน
ข้าพเจ้าขอพูดเกี่ยวกับการสร้างผู้นำในอนาคต ท่านรู้ว่าเยาวชนคนหนุ่มสาวในปัจจุบันเป็นผู้นำในอนาคตของเรา พวกเขาจะเป็นผู้นำ—หรือกำลังเป็นผู้นำ—ครอบครัวตนเอง พวกเขาจะมีอิทธิพลต่อเพื่อนบ้านและชุมชนตนเอง ทุกคนจะเป็นผู้นำขณะที่พวกเขาสอน—ในศาสนจักร บ้าน โรงเรียน หรือชุมชน บางคนจะรับใช้ในปฐมวัย เยาวชนหญิง หรือสมาคมสงเคราะห์—และแม้ในฝ่ายประธาน บางคนจะรับใช้ในฝ่ายอธิการ เป็นประธานสเตค หรือผู้นำคณะเผยแผ่ บางคนจะนำศาสนจักรทั่วโลกใน 20 ถึง 30 ปีนับจากนี้ ท่านกำลังสอนคนหนุ่มสาวที่มีจุดหมายอนาคตที่ท่านไม่รู้หรือเข้าใจในเวลานี้ ในชั้นเรียนหนึ่งของท่านอาจจะมีสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองในอนาคตก็เป็นได้ ท่านไม่รู้เรื่องนั้น แต่ขอพระเจ้าอวยพรให้ท่านสอนราวกับท่านรู้
เพื่อจะเป็นผู้นำศาสนจักรที่ดี เยาวชนของเราต้องเป็นผู้นำที่ดีในบ้านของตนเองก่อน จงสอนพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนชายว่า “ไม่มีอำนาจหรืออิทธิพลใดสามารถหรือจะธำรงไว้ได้โดยอาศัยฐานะปุโรหิต, นอกจากโดยการชักชวน, โดยความอดกลั้น, โดยความสุภาพอ่อนน้อมและความอ่อนโยน, และโดยความรักที่ไม่เสแสร้ง; โดยความกรุณา, และความรู้บริสุทธิ์, ซึ่งจะขยายจิตวิญญาณออกไปอย่างกว้างขวางโดยปราศจากความหน้าซื่อใจคด, และปราศจากมารยา” 4
ในฐานะครู โปรดจดจ่อและเป็นประโยชน์ในชีวิตคนที่ท่านสอน ท่านไม่เพียงเตรียมพวกเขาให้พร้อมรับใช้งานเผยแผ่หรือไปเรียนวิทยาลัย ท่านกำลังเตรียมพวกเขาให้เป็นพ่อแม่ที่ดี ท่านกำลังเตรียมพวกเขาให้เป็นสมาชิกและผู้นำที่ดีของศาสนจักร ท่านกำลังเตรียมพวกเขาให้ประสบความสำเร็จในความมานะบากบั่นในอนาคตทั้งหมด ขณะมองดูนักเรียนแต่ละคน ให้นึกภาพว่าพวกเขาจะทำอะไรใน 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี จากนั้นแสวงหาการดลใจจากสวรรค์เพื่อให้รู้ว่าท่านจะช่วยพวกเขาเตรียมรับเวลานั้นได้อย่างไร
ให้โอกาสพวกเขาเป็นผู้นำ ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าเป็นประธานเซมินารีโรงเรียนมัธยมอีสต์ในปีสุดท้าย ครูข้าพเจ้าเสี่ยงกับข้าพเจ้าโดยยอมให้ข้าพเจ้าเป็นประธาน ข้าพเจ้าไม่ได้เริ่มเรียนเซมินารีจนกระทั่งชั้นมัธยมห้า ข้าพเจ้าไม่ใช่นักเรียนเซมินารีที่มีประวัติการเข้าชั้นเรียนหลายปี ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะจับตาดูเยาวชนหญิงหรือเยาวชนชายที่มีศักยภาพและให้โอกาสเขา ช่วยนักเรียนแต่ละคนขยายศักยภาพสักนิด อย่าเพิ่งปล่อยพวกเขาและคาดหวังให้พวกเขาเป็นผู้นำ แต่สอนพวกเขาถึงวิธีนำ แล้วปล่อยให้พวกเขานำ จากนั้นจึงสอนพวกเขาต่อไปให้ทำดีขึ้นกว่าเดิม
ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการเรียกสาวกเจ็ดสิบเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่คนใหม่ เราให้โอกาสในการสอนและในการให้ความรู้ก่อนส่งพวกเขาไปยังงานมอบหมายของแต่ละคนในโลก เราพาพวกเขาไปปฏิบัติภารกิจกับเรา ชายเหล่านี้เป็นชายที่มีประสบการณ์การเป็นผู้นำศาสนจักรที่สำคัญ แต่เรายังคงสอนพวกเขาต่อไปก่อนที่จะปล่อยพวกเขาไป หลายครั้งตลอดทั้งปี สมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองเข้าร่วมการประชุมของสาวกเจ็ดสิบเพื่อให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้พวกเขาเสริมสร้างประจักษ์พยานและเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้าพเจ้าขอเสริมว่าเราใช้บางโอกาสในการสอนกันในโควรัมอัครสาวกสิบสอง เดินทางด้วยกัน และเรียนรู้จากกัน ท่านอาจจะคิดว่าเพราะเราทำงานมอบหมายของเรามานาน เราจะรู้ทุกอย่าง ไม่ใช่เลย โลกเปลี่ยนแปลงและความต้องการของผู้คนก็แตกต่าง—โดยเฉพาะในส่วนต่างๆ ในโลก ดังนั้นเราในฐานะสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง จึงเฝ้ารอและคาดหวังที่จะสอนกันถึงวิธีที่ดีกว่าในการทำหน้าที่รับผิดชอบของเราในฐานะอัครสาวกของพระเจ้าพระเยซูคริสต์
ข้าพเจ้าขอให้ท่านช่วยผู้นำในอนาคตของเรา หลายคนกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ความเป็นผู้นำของท่าน เวลาของท่านกับพวกเขาในฐานะนักเรียนเซมินารีและสถาบันนั้นสั้น แต่จงมองหาช่วงเวลาที่ท่านสามารถมีอิทธิพลต่อแต่ละคน
ข้าพเจ้าขอกล่าวถึงความจำเป็นในการตอบคำถามอย่างถูกต้อง เราทุกคนทราบดีว่าการถามคำถามเป็นวิธีที่ดีมากสำหรับนักเรียนในการเรียนรู้ คำถามส่วนใหญ่แสดงความปรารถนาที่จะเรียนรู้ โปรดกระตุ้นให้นักเรียนถามคำถามแล้วช่วยให้พวกเขาเรียนรู้วิธีหาคำตอบผ่านการศึกษาและการสวดอ้อนวอน พระกิตติคุณให้คำตอบสำหรับคำถามส่วนใหญ่ในชีวิต อย่างไรก็ตาม จะมีบางส่วนที่ไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากเราขาดข้อมูลที่จำเป็นสำหรับคำตอบที่เหมาะสม ในสถานการณ์เหล่านั้นอย่าคาดเดา ไม่เป็นไรที่จะพูดว่า “ผมไม่รู้” หรือ “เราไม่รู้” เราจะปลอดภัยและได้รับการปกป้องเสมอเมื่อเราสอนความจริง เมื่อเราสอนสิ่งที่เรารู้ อย่าหลงทางจากความจริงและคาดเดาสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจ ในเกือบทุกกรณี ท่านสามารถตีความพระคัมภีร์ หลักคำสอนพระกิตติคุณ ประวัติศาสนจักร หรือหัวข้ออื่นๆ ที่เข้าใจได้อย่างแม่นยำ รอบคอบ และถูกต้อง ข้าพเจ้าสนับสนุนให้ท่านอยู่ใกล้ชิดกับหลักสูตรที่จัดวางให้และใช้แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
ทำให้เรียบง่าย ข้าพเจ้าใช้วลีนั้นมากมาตลอดชีวิตจนลูกๆ นำคำกล่าวนั้นไปจารึกไว้บนแผ่นหินหน้าหลุมฝังศพภรรยาข้าพเจ้า และสักวันข้าพเจ้าจะอยู่เคียงข้างเธอที่นั่น และที่อยู่บนแผ่นหินหน้าหลุมฝังศพนั้นคือ “ทำให้เรียบง่าย” เมื่อข้าพเจ้าจากไป ข้าพเจ้าหวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่านั่นเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดว่าสำคัญ ทำให้พระกิตติคุณเรียบง่าย พระกิตติคุณสวยงาม ชัดเจน และพิเศษ ขณะที่ท่านสอนพระกิตติคุณ จงทำให้เรียบง่ายและเป็นพยานบ่อยๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติศาสนกิจและพันธกิจแห่งสวรรค์ของพระผู้ช่วยให้รอดของเราพระเยซูคริสต์
พึงระลึกว่านีไฟยกย่องในความแจ้งชัด 5 ท่านสอนว่า “เราพูดถึงพระคริสต์, เราชื่นชมยินดีในพระคริสต์, เราสั่งสอนเรื่องพระคริสต์, เราพยากรณ์ถึงพระคริสต์, และเราเขียนตามคำพยากรณ์ของเรา, เพื่อลูกหลานของเราจะรู้ว่าพวกเขาจะมองหาแหล่งใดเพื่อการปลดบาปของพวกเขา.” 6 ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเมื่อท่านสอน สั่งสอน และเป็นพยานถึงพระคริสต์ นักเรียนของท่านจะรู้สึกถึงประจักษ์พยานของท่านและจะชื่นชมยินดีในความดีงามของพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์
ข้าพเจ้าเป็นหลานชายของเอ็ลเดอร์เมลวิน เจ. บัลลาร์ด ท่านรับใช้เป็นอัครสาวก 20 ปี ข้าพเจ้าอายุ 11 ปีเมื่อท่านถึงแก่กรรม แต่มีหลายคน—เมื่อข้าพเจ้าโตพอจะรู้ว่าคุณปู่เคยรับใช้เป็นอัครสาวก—ที่เคยได้ยินท่านเทศนา เคยได้ยินท่านสอน ข้าพเจ้าเฝ้าถามครั้งแล้วครั้งเล่า—หลายคนในหลากหลายสถานที่ทั่วโลกที่เคยได้ยินท่านสอนและเทศนาเกี่ยวกับพระกิตติคุณ และข้าพเจ้าได้คำตอบเกือบทุกครั้งเสมอว่า: “ฉันจำไม่ได้ว่าท่านพูดว่าอะไร” คนจะบอกข้าพเจ้า “แต่ฉันจะไม่มีวันลืมความรู้สึก” ขอให้คนที่เราสอน—พวกเขาอาจจะจำคำของเราไม่ได้ แต่ขออย่าให้พวกเขาลืมความรู้สึกขณะที่เรากำลังสอนหลักคำสอนที่เรียบง่ายและสวยงามของพระเยซูคริสต์
ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงความสำคัญของความรับผิดชอบในฐานะครูและผู้ดูแล ความรับผิดชอบเหล่านั้นมีความสำคัญและจำเป็น อย่างไรก็ตาม ความรับผิดชอบของท่านในครอบครัวของท่านเองยิ่งใหญ่กว่านั้น เราอยู่บนโลกนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวขยาย และมีความสามารถในการสร้างและตั้งตนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเหล่านั้น สภาวการณ์ครอบครัวเราแต่ละคนต่างกัน ไม่ว่าสภาวการณ์ของท่านจะเป็นอย่างไร โปรดหล่อเลี้ยงและสร้างสัมพันธ์เหล่านั้นในครอบครัว สำหรับผู้ที่แต่งงานแล้ว จงใช้เวลากับคู่สมรสของท่าน ขอคำแนะนำจากคู่สมรสของท่านและปฏิบัติตาม ข้าพเจ้าเป็นบิดา สามี และผู้นำศาสนจักรที่ดีขึ้นเพราะคำแนะนำที่กรุณาและเปี่ยมด้วยความรักของบาร์บาราภรรยาที่รัก สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ให้ขอคำแนะนำจากพ่อแม่ สมาชิกในครอบครัว หรือคนที่ท่านไว้วางใจ เราทุกคนควรสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวของเราเพราะพวกเขาจะคงอยู่ต่อไปหลังจากชีวิตนี้ ความรับผิดชอบหรือการเรียกเป็นครูในโปรแกรมนี้จะสิ้นสุดลง แต่ความสัมพันธ์ในครอบครัวของท่านจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์
ขณะข้าพเจ้าจบคำพูด ข้าพเจ้านึกถึงปีติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานสำคัญและเรืองโรจน์นี้กับท่าน ข้าพเจ้ารู้สึกปีติแบบเดียวกับที่แอมันรู้สึกเมื่อท่านพูดกับพี่น้องและสหายของท่านว่า
“เรามีเหตุผลใหญ่หลวงเพียงใดที่จะชื่นชมยินดี … ?
“… ทำให้เราเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อนำมาซึ่งงานอันสำคัญยิ่งนี้. …
“ขอพระนามพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงเจริญด้วยพระสิริเถิด; ขอให้เราร้องเพลงสรรเสริญพระองค์, แท้จริงแล้ว, ขอให้เราน้อมขอบพระทัยแด่พระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์, เพราะพระองค์ทรงทำงานชอบธรรมตลอดกาล. …
“… ปีติของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม, แท้จริงแล้ว, ใจข้าพเจ้าปริ่มด้วยปีติ, และข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า.” 7
พี่น้องและเพื่อนครูที่รักของข้าพเจ้า—และข้าพเจ้าบอกว่าเพื่อนครูเพราะหน้าที่รับผิดชอบหลักของสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองคือการสอน ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าในฐานะบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ เราสามารถประสบปีติและสันติสุขของพระกิตติคุณเมื่อเราดำเนินชีวิตและสอน เมื่อเราเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า และเมื่อเราเดินในความจริง
พระชนม์ชีพ การปฏิบัติศาสนกิจ และพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ให้ปีตินั้น ในพันธสัญญาใหม่ พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “เราบอกสิ่งเหล่านี้กับพวกท่านแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของพวกท่านเต็มเปี่ยม” 8
ศาสดาพยากรณ์ลีไฮประสบปีติจากผลของพระกิตติคุณและปรารถนาให้ครอบครัวของท่านรับส่วนด้วย ท่านกล่าวว่า “และขณะที่พ่อรับส่วนผลของต้นไม้นั้นจิตวิญญาณของพ่อเต็มไปด้วยความปรีดียิ่งนัก; ดังนั้น, พ่อเริ่มปรารถนาให้ครอบครัวของพ่อได้รับส่วนของผลนั้นด้วย; เพราะพ่อรู้ว่ามันเป็นที่พึงปรารถนาเหนือผลอื่นใดทั้งหมด.” 9
ข้าพเจ้าแน่ใจว่าเราแต่ละคนรู้สึกเหมือนกับอัครสาวกยอห์นเมื่อเขากล่าวว่า “ไม่มีอะไรทำให้ข้าพเจ้ายินดียิ่งไปกว่านี้ คือที่ได้ยินว่าลูกๆ ของข้าพเจ้าประพฤติตามความจริง” 10
โลกทุกวันนี้ไม่สงบด้วยความผิดหวัง ความขัดแย้ง ความไม่พอใจ การเลือกปฏิบัติ การดูหมิ่น ความท้อแท้ และความทุกข์ยาก พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์สามารถพาเราผ่านช่วงเวลายากลำบากเหล่านี้ได้ ศาสดาพยากรณ์ลีไฮสอนหลักธรรมเรียบง่ายที่พระเจ้าทรงเปิดเผย ท่านสอนว่า “มนุษย์เป็นอยู่, เพื่อพวกเขาจะมีปีติ” 11
ในพระนามของพระเจ้าและด้วยและโดยทางความเป็นอัครสาวกอันศักดิ์สิทธิ์ ข้าพเจ้าขอพระเจ้าทรงอวยพรท่านแต่ละคนให้พบปีติในครอบครัว ปีติในพระกิตติคุณ และปีติในหน้าที่รับผิดชอบในฐานะครูหรือผู้บริหารในโปรแกรมเซมินารีและสถาบันของศาสนจักร ข้าพเจ้าขอแสดงความรักต่อทุกท่านและนักเรียนของท่านอีกครั้ง
ข้าพเจ้าแสดงและฝากประจักษ์พยานว่าพระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์—และนี่คือศาสนจักรของพระองค์ และนี่คือพระกิตติคุณของพระองค์ ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน เพื่อนครูที่รัก ที่เราจะเอื้อมออกไปด้วยสุดพลังจากใจเราที่จะไม่เพียงแค่สัมผัสจิตใจแต่หัวใจของบุตรธิดาของพระบิดามากขึ้น ผู้ที่ต้องการรู้ว่าพระเยซูคือพระคริสต์ ว่าพระองค์ทรงอุ้มชูศาสดาพยาการณ์ แม้โจเซฟ และฟื้นฟูความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณนิรันดร์ และทุกสิ่งที่จำเป็นในการค้นพบสันติสุขและปีติในชีวิตนี้ได้รับการเปิดเผยอีกครั้งและพบได้ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ข้าพเจ้าขอพรแทนฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองให้ท่านและครอบครัวท่าน และทำด้วยความนอบน้อมในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ เอเมน