ตัวแทนของพระองค์
การถ่ายทอดการอบรม S&I ประจำปี 2022 กับประธานบัลลาร์ด
วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2022
ครั้งหนึ่งผมยืนต่อแถวอยู่ที่สนามบินหลังผู้นำศาสนายิว คนอยู่ข้างหน้าเขาเป็นชายถือหนังสือเดินทางเม็กซิโก เดินทางมากับลูกสาว และข้างหน้าเขาเป็นคนอเมริกันสวมเสื้อยืดกับหมวกทีมกีฬาที่เขาชื่นชอบ ผมเริ่มสงสัยว่าในสามคนนี้ผมเหมือนใครมากที่สุด? ตอนแรกคิดว่าน่าจะเหมือนคนอเมริกัน เราอาจจะมีประสบการณ์เติบโตคล้ายกันมาก เราทั้งคู่อาจใช้เวลามากเกินไปกับการคิดถึงทีมโปรดของเรา แล้วผมก็พิจารณาคนที่สองในแถว เพราะผมรักเม็กซิโก จึงเป็นไปได้ว่าเราอาจจะชอบอาหารและวงดนตรีเหมือนๆ กัน แต่ยิ่งไปกว่านั้น ผมรู้สึกผูกพันกับเขาขณะดูเขาปฏิสัมพันธ์กับลูกสาวและคิดถึงการเป็นพ่อของลูกสาวหกคนของผม สุดท้าย ผมคิดถึงผู้นำศาสนายิว คนส่วนใหญ่ที่เห็นเราต่อแถวคงไม่คิดว่าเรามีหลายอย่างเหมือนกัน แต่เขากับผมมีพันธะร่วมกันในความปรารถนาจะอุทิศชีวิตรับใช้พระผู้เป็นเจ้า เรียนรู้และสอนพระวจนะ และพยายามเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์
ขณะขึ้นเครื่องผมยังคงขบคิดคำถามนั้น ผมดึงกระดาษออกมาแผ่นหนึ่งและเริ่มเขียน เริ่มด้วยคำง่ายๆ ว่า “ผมเป็น … ” แล้วก็เขียนทุกอย่างที่นึกออก ผมเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า สานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ สามี ผมจดลักษณะนิสัย ความสัมพันธ์ การเรียกในศาสนจักร และหน้าที่การงาน ผมเขียนสิ่งที่ชอบด้วยเช่น “ผมเป็นแฟนเพลงแนวโมทาวน์และชอบกินชีสราเคล็ตต์” ก่อนจบผมเขียนวิธีตอบคำถามว่า “ผมเป็นใคร?” ได้เกือบ 300 วิธี แล้วก็จัดลำดับคำตอบ คำตอบไหนสำคัญที่สุดในการกำหนดจุดโฟกัสและลำดับความสำคัญในชีวิตผม อย่างเช่น ผมเป็นทั้งปู่ และ นักกอล์ฟที่น่าผิดหวัง แต่การจัดลำดับให้การเป็นปู่อยู่อับดับต้นๆ และความกระตือรือร้นเรื่องกอล์ฟอยู่อันดับท้ายๆ เตือนผมว่าผมต้องใช้เวลาและพลังงานกับเรื่องใดและต้องเลือกอะไรถ้าบทบาทเหล่านั้นเกิดขัดแย้งกัน
ต่อมาผมเข้าใจดีขึ้นว่าทำไมประสบการณ์นี้จึงมีความหมายต่อผมเมื่อผมอ่านที่ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์พูดไว้ “วิธีที่คุณตอบคำถามว่าคุณเป็นใครจะกำหนดแทบทุกอย่าง” 1
เมื่อเร็วๆ นี้ผมไตร่ตรองคำถามนี้และคิดถึงนักเรียนของเรา ผมดึงกระดาษอีกแผ่นออกมาและเริ่มเขียน—คราวนี้เริ่มด้วยคำง่ายๆ ว่า “นักเรียนของเราเป็น … ”
ผมเชื่อว่านักเรียนเป็นคนที่ศาสดาพยากรณ์เคยบอกไว้ พวกเขาเป็นลูกที่รักของพ่อแม่บนสวรรค์ ผู้เลือกทำตามแผนของพระบิดาและเอาชนะปฏิปักษ์โดยศรัทธาในพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้าและพลังประจักษ์พยานของพวกเขา 2 พระเจ้าทรงสงวนพวกเขา ตามที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าว ให้มาแผ่นดินโลก “ในเวลานี้โดยเฉพาะ เวลาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก” 3 พระองค์ทรงเลือก พวกเขา ให้ “ช่วยเตรียมคนของโลกนี้ให้พร้อมรับการปกครองมิลเลเนียม [ของพระผู้ช่วยให้รอด]” 4 [พวกเขา] เป็นความหวังของอิสราเอล ลูกหลานของวันที่สัญญาไว้’ [“ความหวังอิสราเอล, เพลงสวด, บทเพลงที่ 121]”! 5
พวกเขา “หิวกระหายเรื่องของพระวิญญาณ … สนใจจะเรียนพระกิตติคุณ และต้องการพระกิตติคุณตรงไปตรงมา ไม่เจือจาง … พวกเขาไม่ใช่คนช่างสงสัยแต่เป็นคนช่างซักถาม คนชอบแสวงหาความจริง …
[พวกเขา] กระหาย … ศรัทธา … [และ] ต้องการให้ตัวเองสามารถใช้ศรัทธาทำงาน” 6
จริงด้วยที่บางคนลืมอัตลักษณ์ของตนในฐานะลูกของพระผู้เป็นเจ้าหรือจดจ่ออยู่กับคุณลักษณะชั่วคราวหรือสำคัญรองลงไป ซาตานเป็นตัวขโมยอัตลักษณ์ที่เก่งกาจ คำหลอกลวงของเขาทำให้บางคนสับสนหรือเขวตามโลกที่ปั่นป่วนและเปลี่ยนแปลง โลกที่ดูถูกศรัทธาและคุณธรรม ข้อมูลมีอยู่ทุกที่แต่ปัญญาหายาก—วันที่พยากรณ์ไว้เมื่อผู้คนจะ “ร่ำเรียนอยู่เสมอ แต่ไม่สามารถเข้าใจหลักความจริงได้เลย” 7 โลกที่เรียก “ความชั่วว่าดี, และความดีว่าชั่ว” 8 ที่คนมากมาย “เดินอยู่ในความสว่างของไฟ [ตนเอง] และในประกายไฟซึ่ง [พวกเขา] ก่อไว้” 9 ขณะปฏิเสธองค์ความสว่างของโลก 10
แต่เรารู้อีกอย่างเกี่ยวกับเยาวชนและคนหนุ่มสาวของเรา พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า:
“เจ้าทั้งหลายเป็นลูกหลานของศาสดาพยากรณ์; และเจ้าเป็นของเชื้อสายแห่งอิสราเอล; … ในพงศ์พันธุ์ของเจ้าทุกตระกูลของแผ่นดินโลกจะได้รับพร.
“พระบิดาโดยที่ทรงยกเราขึ้นมาให้แก่เจ้าก่อน, และทรงส่งเรามาให้พรเจ้าในการทำให้เจ้าทุกคนหันหลังให้ความชั่วช้าสามานย์ของตน; และนี่เพราะเจ้าเป็นลูกหลานแห่งพันธสัญญา” 11
พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงเอื้อมพระหัตถ์มาช่วยพวกเขาให้รอดไม่ใช่ในบาปแต่ช่วยให้รอดจากบาป 12 นั่นคือสาเหตุที่เราจำเป็นต้องช่วยให้นักเรียนได้รู้จักพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ มีความเข้าใจถูกต้องในเรื่องแผนนิรันดร์ของพระบิดาและหลักคำสอนแท้จริงของพระผู้ช่วยให้รอด พวกเขาต้องรู้ว่าตนเป็นใครและพระเจ้าทรงประสงค์ให้พวกเขาทำอะไร 13 —และทำอย่างไร
ผมเชื่อว่าการช่วยให้นักเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการรู้ว่าเราซึ่งเป็นคนสอน รับใช้ และให้การสนับสนุนในเซมินารีและสถาบันเป็นใคร ความคิดนี้ทำให้ผมต้องเขียนรายการที่สามและรายการสุดท้าย ผมหยิบกระดาษออกมาเขียนลักษณะนิสัยและคุณลักษณะที่ผมชื่นชอบและชื่นชมในคุณทุกคนทีละแผ่น ขณะเขียนผมนึกถึงแนวคิดสำคัญมากอย่างหนึ่ง ผมเชื่อว่าคำตอบสำคัญที่สุดของคำถามว่าเราเป็นใครคือเราถูกขอให้เป็นตัวแทนของพระเยซูคริสต์ 14
จุดโฟกัสของงานเราคือช่วยให้เยาวชนและคนหนุ่มสาวมารู้จักพระเยซูคริสต์และพึ่งพระองค์และการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ เรามองพระองค์เป็นตัวอย่างและพึ่งพระคุณเพื่อทำตามพระประสงค์ของพระองค์ แม้มีความท้าทายและอุปสรรคแต่เราดำเนินชีวิตด้วยความหวังและมองในแง่ดี เพราะเรากลับใจอยู่เสมอ เราจึงลิ้มรสความรักและพระเมตตาของพระองค์ และขยายความเมตตานั้นให้ผู้อื่นขณะที่เราสอนจากใจที่สำนึกคุณและเปลี่ยนแปลงแล้ว เราพูดถึงพระองค์บ่อยๆ เป็นพยานถึงพระองค์ ชื่นชมยินดีในพระคุณความดีและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และช่วยให้ผู้อื่นรู้ “ว่าพวกเขาจะมองหาแหล่งใดเพื่อการปลดบาปของพวกเขา” 15 แต่ละวันเราพยายามเป็นตัวแทนของพระองค์
สมัยเป็นผู้สอนศาสนาวัยหนุ่มผมเรียนรู้ความสำคัญของแนวคิดนี้ตอนผมกับคู่เคาะประตูตามบ้าน ที่บ้านหลังหนึ่งผมเริ่มพูด “สวัสดีครับ เราเป็นตัวแทนของพระเยซูคริสต์” ก่อนจะพูดต่อ ชายคนนั้นพูดแทรกขึ้นมาว่า “ไม่ คุณไม่ได้เป็น คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมายถึงอะไร” เขาอธิบายว่าตัวแทนคือคนที่ยืนอยู่ในตำแหน่งของอีกคน พูดและทำสิ่งที่บุคคลนั้นจะพูดและทำถ้าตัวเขาเองอยู่ที่นั่น ชายคนนั้นสรุปโดยพูดว่า “ถ้าคุณเป็นตัวแทนของพระองค์แล้วละก็ คุณต้องบอกผมว่าพระองค์จะตรัสอะไรกับผมถ้าพระองค์อยู่ที่นี่” ผมตั้งใจฟังและเห็นด้วยกับชายคนนี้ว่าความเข้าใจของเขาเรื่องตัวแทนนั้นถูกต้อง ผมขอบคุณเขาและถามว่าตามความเข้าใจนี้ผมจะเริ่มอีกครั้งได้หรือเปล่า แล้วผมก็พูดว่า “สวัสดีครับ นี่เอ็ลเดอร์อรันดาและผมเอ็ลเดอร์เว็บบ์ครับ เราเป็นตัวแทนของพระเยซูคริสต์ เรามาแบ่งปันข่าวสารจากพระองค์กับคุณ”
เราแต่ละคนได้รับความไว้วางใจอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเราสวดอ้อนวอนหรือจบการสอนและประจักษ์พยานของเราในพระนามของพระองค์ เรากำลังอ้างว่าสิ่งที่พูดไปแล้วเป็นพระดำริและพระประสงค์ของพระองค์ เพื่อซื่อสัตย์ต่อความไว้วางใจนั้นเราต้องมีความรักลึกซึ้งต่อพระกิตติคุณ เข้าใจพระกิตติคุณ และเต็มใจจ่ายราคาเพื่อรู้พระคัมภีร์และหลักคำสอนที่พระคัมภีร์สอนให้ถ่องแท้ เพราะเราเข้าใจว่าพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้ามี “ผลอันมีพลัง [ยิ่งกว่า] สิ่งใด 16 และมีคำตอบให้กับคำถามของชีวิตจริงๆ พระคัมภีร์จึงเป็นแหล่งหลักของประสบการณ์กับนักเรียนของเรา ขณะคิดค้นวิธีสอนให้เชื่อมโยงกับนักเรียนมากขึ้น เราต้องไม่คิดค้นให้ห่างจากการหยั่งรากลึกในพระคัมภีร์
สำคัญเท่ากันคือต้องตรึงจิตและใจเราไว้กับผู้รับใช้ที่พระเจ้าทรงเลือก—โดยเฉพาะสมาชิกคนปัจจุบันของฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสอง—อย่าขออภัยในคำสอนของพวกท่าน อธิบายให้ผ่านๆ ไป หรือแย้งคำสอนเหล่านั้นด้วย “ปรัชญา [ของเราเอง] ไม่ว่าจะมาจากแหล่งใดหรือน่าพอใจหรือมีเหตุผลเพียงใดก็ตาม” 17 ในโลกที่มีเสียงดึงดูดใจและวาระทางสังคมมากมาย การรู้พระดำริของพระผู้เป็นเจ้าผ่านศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่นับเป็นพรอันเหลือเชื่อ เมื่อเราทำให้การสอน ความภักดี และลำดับความสำคัญของเราอยู่แนวเดียวกับพระเจ้าและศาสดาพยากรณ์ เราย่อมอยู่บนฐานมั่นคงและเหมือนกิ่งของเถาองุ่นแท้ เราจะมีพลังทำให้เกิดผลมาก 18
บางครั้งการสอนความจริงและการแสดงความรักอาจดูเหมือนขัดแย้งกัน นั่นเพราะทั้งสองอย่างมีของปลอม ซึ่งทำให้เราสับสนได้ คุณอาจรู้สึกว่าตนอยู่แนวหน้ากำลังพยายามช่วยตอบคำถามยากๆ และซับซ้อน และถ้าคุณพูดความจริง บางคนอาจสะเทือนใจหรือขุ่นเคือง เพื่อตอบด้วยความรักและอารี เราต้องใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์ทรงกำกับดูแลศาสนจักรผ่านคนที่พระองค์ทรงแต่งตั้งให้นำ เราต้องสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือและกระตุ้นนักเรียนให้หันไปพึ่งพระบิดาบนสวรรค์หากมีคำถามและความสงสัย พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแสงสว่างให้กับคนที่นั่งอยู่ในความสับสนและความมืด ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีพร้อมของการสอนชัดเจนเรื่องการเชื่อฟัง แต่ก็เป็นยารักษาในกิเลอาดให้กับคนที่กำลังทนทุกข์จากผลความผิดพลาดของตน พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีพร้อมของคนที่เราพยายามจะเป็นในฐานะครูสอนความจริงด้วยความรัก
เหตุผลหนึ่งที่สำคัญมากจนเราต้องสะท้อนความรักของพระผู้ช่วยให้รอด 19 คือการตรงกันข้ามที่นักเรียนประสบ การศึกษาระยะยาวครั้งล่าสุดเกี่ยวกับเยาวชนวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเผยให้เห็นว่าคนที่มุมานะยึดมั่นศรัทธาและแข็งขันในศาสนจักรปกติจะประสบความท้าทายหนึ่งในสามอย่างนี้หรือมากกว่านั้น:
-
พวกเขารู้สึกถูกตัดสินเพราะสภาวการณ์ของตนเปลี่ยนไป เช่น การหย่าร้างของพ่อแม่หรือสมาชิกครอบครัวออกจากศาสนจักร
-
พวกเขารู้สึกผิดและสิ้นหวังเพราะความผิดพลาดที่เคยทำ
-
หรือพวกเขาไม่เชื่อว่าตนเคยมีประสบการณ์ทางวิญญาณ 20
เมื่อเราพยายามรักเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดทรงรัก เราจะสามารถช่วยให้นักเรียนควบคุมสถานการณ์แต่ละอย่างนี้ได้
คุณจะช่วยนักเรียนอย่างไรผู้รู้สึกว่าตนถูกตัดสิน? 21 อาจเริ่มโดยเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในความสัมพันธ์และสภาวการณ์อาจก่อให้เกิดวิกฤตด้านอัตลักษณ์ได้ ทำให้นักเรียนสงสัยว่าตนเป็นใครและจะเข้าพวกได้อย่างไร ในช่วงเวลาเหล่านี้คุณสามารถช่วยให้พวกเขาระลึกถึงความสัมพันธ์อันไม่เปลี่ยนแปลงกับพระบิดาในสวรรค์ ผมรู้จักเยาวชนหญิงคนหนึ่งที่เห็นคุณค่าของตนตามสภาวการณ์และสิ่งที่คนอื่นคิดกับเธอ เธอรู้สึกอ้างว้างไม่รู้ว่าตนเป็นใคร เธอเริ่มสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ วันหนึ่งเธอมีความรู้สึกชัดเจนว่าถ้าเธออยากรู้ว่าตนเป็นใคร เธอจะต้องรู้จักพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดก่อน ความคิดนี้เริ่มทำให้เธอแสวงหา เธอเริ่มศึกษาพระคัมภีร์ สวดอ้อนวอน และรับใช้ โดยเน้นที่การได้รู้จักพระผู้เป็นเจ้า ตลอดช่วงเวลานั้นพระเจ้าเริ่มเปิดเผยพระองค์ต่อเธอ เธอรู้สึกถึงความรัก การปลอบโยน และความเข้าพระทัยของพระองค์ เมื่อเธอได้รู้จักพระบิดาบนสวรรค์ เธอได้รู้จักตัวเองและเข้าใจความสัมพันธ์ของเธอกับพระองค์ เธอเรียนรู้อัตลักษณ์และคุณค่าอันสูงส่งของตนในฐานะลูกของพระผู้เป็นเจ้า ความเข้าใจนี้ทำให้เธอเปี่ยมด้วยแสงสว่างและปีติ
คุณสามารถช่วยนักเรียนที่ประสบความท้าทายโดยช่วยให้พวกเขารู้ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรักพวกเขา คุณแสดงความรักต่อพวกเขาได้ด้วยเวลา ความเห็นใจ และการยินดีรับฟังของคุณ คุณอาจจะขอให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงช่วยให้คุณมองพวกเขาเป็นปัจเจกและยอมรับความท้าทาย โอกาส และความต้องการเฉพาะด้านของพวกเขา เมื่อพวกเขามีคำถามหรือดิ้นรนกับประจักษ์พยานของตน คุณสามารถช่วยให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและรู้ว่าพวกเขาหันมาพึ่งคุณและพระเจ้าได้
เราจะช่วยคนที่รู้สึกผิดและสิ้นหวังเพราะความผิดพลาดของตนอย่างไร? เหมือนพระผู้ช่วยให้รอด เราไม่หมดหวังในตัวพวกเขา เรายกย่องที่พวกเขาอุตส่าห์พยายามทำสิ่งถูกต้องในโลกที่ยาก เราสอนพวกเขาว่าการมีค่าควรไม่ใช่การไร้ที่ติ 22 เราช่วยให้พวกเขาอยู่บนเส้นทางพันธสัญญาโดยเป็นพยานถึงปีติของการกลับใจ ช่วยให้พวกเขารู้ว่านั่นสำคัญต่อแผนของพระบิดาบนสวรรค์ เราช่วยให้พวกเขารู้ว่าพระองค์ยังคงรักพวกเขาและพร้อมจะช่วยเหลือพวกเขา
ผมชอบทเรียนที่สอนใน โมเสส 4 ซึ่งเราทุกคนศึกษาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากอาดัมกับเอวาล่วงละเมิด ดวงตาของพวกท่านเปิด และเห็นตนเปลือยเปล่า สิ่งแรกที่พวกท่านพยายามทำเพื่อปกปิดความเปลือยเปล่าคือเย็บใบมะเดื่อ เมื่อได้ยินสุรเสียงของพระเจ้าในสวนพวกท่านตัดสินใจ “ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้กลางสวนให้พ้นจากพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้า (โมเสส 4:14)” น่าสนใจตรงที่ใครบอกให้พวกท่านซ่อนตัวจากพระผู้เป็นเจ้า ผมไม่อยากมองข้ามเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้จะมีผลอย่างไร? คุณนึกภาพออกไหมครับ พระบิดาในสวรรค์ทรงประสบความสำเร็จผ่านงานสร้างนับไม่ถ้วน ทรงทำให้เกิดระบบสุริยะนี้ ดาวเคราะห์ดวงนี้ และสวนแห่งนั้น และไม่สามารถหาอาดัมกับเอวาท่ามกลางต้นไม้ได้? ณ จุดนั้นพระเจ้าตรัสถามพวกท่านว่า “เจ้าไปไหนหรือ?” (โมเสส 4:15) หรือจากพันธสัญญาเดิม “เจ้าอยู่ที่ไหน?” (ปฐมกาล 3:9) คุณคิดว่าเป็นไปได้หรือที่พระองค์ไม่ทราบจริงๆ? แล้วพระองค์ตรัสถามว่าอย่างไร? อาจเป็นทำนองนี้ เพราะเจ้าล่วงละเมิด เจ้าจะไปไหนหรือ? เจ้าจะซ่อนตัวจากเรา หรือเจ้าจะมาหาเราและให้เราปกปิดเจ้า? คำว่า การชดใช้ ในภาษาฮีบรูดั้งเดิมคือ kippur ซึ่งหมายถึง “ปกปิด” 23 พระบิดาในสวรรค์ทรงมีวิธีปกปิดบาปของเราดีกว่าใบมะเดื่อและต้นไม้มาก แต่ปฏิปักษ์กระซิบคำเท็จเพื่อทำให้เราอยากซ่อนตัวจากพระผู้เป็นเจ้า เขาพยายามโน้มน้าวใจเราว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงรักเราและพระองค์จะไม่ทรงให้อภัยเราเพราะเราควรรู้ดีกว่านั้น หรือเพราะบาปของเราร้ายแรงเกินไป
ผมเคยชวนเยาวชนหญิงคนหนึ่งไปพระวิหารกับเยาวชนกลุ่มหนึ่ง คำตอบของเธอคือเธอไม่มีค่าควรเข้าไปในพระวิหาร ผมบอกเธอว่าเราแค่เดินรอบๆ พระวิหารและผมอยากให้เธอไปกับเราด้วย คำตอบของเธอคือ “ยังค่ะ หนูไม่อยากให้พระผู้เป็นเจ้าสังเกตเห็นหนูตอนนี้” เมื่อเราทำผิดพลาด เรามักไม่อยากสวดอ้อนวอน อ่านพระคัมภีร์ หรือไปโบสถ์ เราอาจจะหวังไม่ให้พระผู้เป็นเจ้าสังเกตเห็นเรา
โปรดช่วยให้นักเรียนของคุณรู้ว่าเมื่อพวกเขาทำผิดพลาด พวกเขาจะพบการให้อภัยและสันติสุขโดยไปหาพระพาหุแห่งความรักที่กางออกของพระบิดาบนสวรรค์ ผู้ทรงเตรียมทางไว้ปกปิดเรา พระองค์ทรงเตรียมทางไว้เพื่อไถ่เรา
คุณจะช่วยเหลือนักเรียนที่รู้สึกว่าเธอไม่เคยมีประสบการณ์ทางวิญญาณอย่างไร? บางครั้งเยาวชนได้ยินเรื่องราวที่เหมือนปาฏิหาริย์และไม่ตระหนักว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสกับพวกเขาแบบเรียบง่ายหลายๆ แบบด้วย เช่นเมื่อพวกเขามีคำถามที่ได้รับการดลใจหรือเมื่อพวกเขาคิดจะทำเครื่องหมายในพระคัมภีร์ จงช่วยให้พวกเขาเรียนรู้วิธีที่พระเจ้าทรงสื่อสารกับพวกเขาเป็นรายตัวและไม่บอกว่าวิธีที่พระเจ้าตรัสกับเราเป็นวิธีเดียวที่พระองค์จะตรัสกับพวกเขา จงระวังอย่าบอกนักเรียนว่าเมื่อใดพวกเขากำลังรู้สึกถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพียงเพราะครูอย่าง เรา อาจรู้สึกถึงพระวิญญาณก็ไม่จำเป็นต้องหมายความว่านักเรียนทุกคนจะรู้สึกเหมือนกันในช่วงเวลาเดียวกัน เราควรเข้าใจด้วยว่าผู้ประสบความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าจะรู้สึกมีประสบการณ์เหล่านี้ได้ยาก แต่พระเจ้าไม่ทรงถูกจำกัดตามความเจ็บป่วยทางจิต พระองค์ทรงรู้และเข้าพระทัยพวกเขา ทรงสามารถหาวิธีถ่ายทอดความรักและการนำทางของพระองค์ มีไม่กี่อย่างที่เราทำได้มากกว่าการช่วยให้พวกเขาฝึกรับและทำตามการเปิดเผยส่วนตัว
ผมเพิ่งได้ฟังเรื่องเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่จะเข้ามหาวิทยาลัยมีชื่อทางตะวันออกของสหรัฐ เขาลงทะเบียนเรียนวิชาตรรกวิทยาที่ยากมาก เพราะอยากได้คะแนนดีเขาจึงตัดสินใจจ้างครูสอนพิเศษ เขาได้จ้างคนที่เคยเป็นผู้ช่วยอาจารย์และเคยสอนวิชานั้นที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ครูสอนพิเศษช่วยได้มาก แต่เด็กหนุ่มยังกังวลกับการสอบปลายภาค อาจารย์บอกนักศึกษาว่าข้อสอบจะยากสุดๆ เขาจึงอนุญาตให้นักศึกษานำกระดาษหนึ่งแผ่นมาวางอะไรก็ได้บนนั้นที่คิดว่าพวกเขาอาจต้องการ นักศึกษาเริ่มใช้แว่นขยายจดและอ่านสิ่งที่อาจต้องใช้ตอนสอบลงบนกระดาษให้ตัวเล็กที่สุด วันสอบปลายภาคมาถึง เด็กหนุ่มคนนั้นเข้าห้องเรียน มีครูสอนพิเศษอยู่ข้างๆ อาจารย์ถามว่าพวกเขากำลังทำอะไร เด็กหนุ่มดึงกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่งออกมาวางบนพื้น แล้วครูสอนพิเศษก็ขึ้นไปยืนบนนั้น เด็กหนุ่มอธิบายว่า “อาจารย์บอกว่าผมจะวางอะไรก็ได้บนกระดาษแผ่นนี้ ผมอยากวางครูสอนพิเศษครับ” เด็กหนุ่มได้รับอนุญาตให้ทำข้อสอบโดยมีครูสอนพิเศษอยู่ข้างๆ คอยกระซิบคำตอบข้างหูเขา
ในฐานะสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ผู้ได้รับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว ทำไมเราจึงทำข้อสอบในชีวิตโดยไม่ใช้ความช่วยเหลือที่มีให้เรา? ขอบคุณที่พยายามมีค่าควรรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตทุกด้านและแสวงหาอิทธิพลของพระองค์ในทุกสิ่งที่คุณทำ
ผมสวดอ้อนวอนขอให้เยาวชนและคนหนุ่มสาวของเราได้รู้จักพระบิดาในสวรรค์และโดยรู้ว่า พระองค์ เป็นใคร พวกเขาย่อมเข้าใจว่าตนเป็นใคร เพราะเดชานุภาพการให้อภัย พวกเขาจึงสะอาดได้ เพราะเดชานุภาพการเยียวยาพวกเขาจึงหายดีได้ และเพราะเดชานุภาพการขัดเกลา พวกเขาจึงเป็นเหมือนพระองค์ได้ ในฐานะตัวแทนของพระเยซูคริสต์—ผู้สอนหลักคำสอนและแบ่งปันความรักของพระองค์—คุณจะสามารถช่วยให้พวกเขารับรู้อัตลักษณ์นิรันดร์ของตน ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสมบูรณ์แบบเสมอ ไม่จำเป็น ขณะคุณพยายามสอนพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู—โดยให้พระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นที่นักเรียน และหยั่งรากในพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า—พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานชีวิต ความเกี่ยวโยงกัน และพยานถึงความจริงของพระวจนะ ผมเป็นพยานว่าคุณ ครอบครัวคุณ และนักเรียนของคุณเป็นลูกแห่งคำสัญญา ความหวังของอิสราเอล และที่รักของพระผู้เป็นเจ้า ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน