2010–2019
พระวิญญาณบริสุทธิ์
เมษายน 2016


14:31

พระวิญญาณบริสุทธิ์

ข้าพเจ้าแสดงความรักและความสำนึกคุณพระบิดาบนสวรรค์สำหรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ทรงเปิดเผยพระประสงค์ของพระองค์และสนับสนุนเราในชีวิต

พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าพูดกับท่านวันนี้ในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้าและในฐานะคุณทวดเช่นกัน ถึงท่านและลูกหลานที่รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสอนและแสดงประจักษ์พยานถึงของประทานอันล้ำเลิศแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์

ข้าพเจ้าขอเริ่มโดยกล่าวถึงแสงสว่างของพระคริสต์ที่ประทานแก่ “ทุกคนที่มาในโลก”1 เราทุกคนได้ประโยชน์จากแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์นี้ซึ่ง “อยู่ในสิ่งทั้งปวงและผ่านสิ่งทั้งปวง”2 และช่วยให้เราแยกแยะสิ่งถูกจากสิ่งผิด3

แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ต่างจากแสงสว่างของพระคริสต์ พระองค์คือสมาชิกองค์ที่สามของพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ มีรูปกายที่แตกต่างโดยเป็นวิญญาณที่มีความรับผิดชอบอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นหนึ่งเดียวในจุดประสงค์กับพระบิดาและพระบุตร4

ในฐานะสมาชิกศาสนจักร เราอาจมีประสบการณ์การเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยผ่านฐานะปุโรหิตที่ได้รับการฟื้นฟูของพระผู้เป็นเจ้า เรารับบัพติศมาโดยลงไปในน้ำทั้งตัวเพื่อการปลดบาปและได้รับการยืนยันเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ในศาสนพิธีนี้เราได้รับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยการวางมือบนศีรษะจากผู้ดำรงฐานะปุโรหิต5 หลังจากนั้น เราสามารถรับและยังคงความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดตลอดเวลา การรักษาพระบัญญัติของพระองค์ การกลับใจจากบาปของเรา และรับส่วนศีลระลึกอย่างมีค่าควรในวันสะบาโต

พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานการเปิดเผยส่วนตัวเพื่อช่วยเราตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตเช่น การศึกษา การเป็นผู้สอนศาสนา อาชีพ การแต่งงาน ลูกๆ สถานที่อยู่อาศัยกับครอบครัวของเรา และอื่นๆ ในเรื่องเหล่านี้ พระบิดาบนสวรรค์ทรงคาดหวังให้เราใช้สิทธิ์เสรี ศึกษาสถานการณ์ในความคิดของเราตามหลักธรรมพระกิตติคุณ และเสนอการตัดสินใจต่อพระองค์ในการสวดอ้อนวอน

การเปิดเผยส่วนตัวเป็นสิ่งจำเป็น แต่นี่เป็นเพียงงานส่วนหนึ่งของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น ดังที่พระคัมภีร์ยืนยันว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานถึงพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาด้วย6 พระองค์ทรงสอนเราถึง “สิ่งที่ส่งเสริมความสงบสุขของอาณาจักร”7 และเป็นเหตุให้เรา “เปี่ยมด้วยความหวัง”8 พระองค์ทรง “นำ [เรา]ให้ทำดี … [และ]พิพากษาอย่างชอบธรรม”9 พระองค์ประทาน “แก่มนุษย์ทุกคน … ของประทาน[ทางวิญญาณ] … เพื่อคนทั้งปวงจะได้ประโยชน์จากการนั้น”10 พระองค์ทรง “ให้ความรู้ [แก่เรา] ”11 และทรง “ทำให้ [เรา] ระลึกถึงทุกสิ่ง”12 โดยผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ เรา “ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์”13 และรับ “การปลดบาป [ของเรา]”14 พระองค์ทรงเป็น “พระผู้ปลอบโยน” พระองค์เดียวกันกับที่ “สัญญาไว้กับสานุศิษย์ [ของพระผู้ช่วยให้รอด]”15

ข้าพเจ้าขอเตือนเราทุกคนว่าพระองค์ไม่ได้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์มาควบคุมเรา พวกเราบางคนแสวงหาการนำทางอย่างไม่ฉลาดในการตัดสินใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทุกเรื่องในชีวิต การทำเช่นนี้บั่นทอนความสำคัญในบทบาทอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงให้เกียรติหลักธรรมแห่งสิทธิ์เสรี พระองค์ตรัสในความนึกคิดและจิตใจเราอย่างอ่อนโยนเกี่ยวกับเรื่องสำคัญหลายเรื่อง16

เราแต่ละคนอาจรู้สึกถึงอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์แตกต่างกันไป การกระตุ้นเตือนของพระองค์จะรู้สึกได้ในระดับที่แตกต่างกันตามความจำเป็นและสภาวการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน

ในยุคสุดท้ายนี้ เรายืนยันว่ามีเพียงศาสดาพยากรณ์เท่านั้นที่ได้รับการเปิดเผยผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์สำหรับศาสนจักรโดยรวม บางคนลืมสิ่งนี้ ดังเช่นเมื่ออาโรนและมีเรียมพยายามโน้มน้าวให้โมเสสเห็นด้วยกับพวกเขา แต่พระเจ้าทรงสอนพวกเขาและเราว่า พระองค์ตรัสว่า

“ถ้าจะมีผู้เผยพระวจนะขึ้นในพวกเจ้า เรา ยาเวห์จะสำแดงตัวต่อคนนั้น …

“เราพูดกับเขาซึ่งๆหน้า” 17

บางครั้งปฏิปักษ์ลวงเราด้วยความคิดผิดๆ ซึ่งทำให้เราสับสนกับอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าความซื่อสัตย์ในการเชื่อฟังพระบัญญัติและรักษาพันธสัญญาของเราจะปกป้องเราจากการถูกหลอก โดยผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราสามารถเล็งเห็นศาสดาพยากรณ์ปลอมผู้สอนบัญญัติของมนุษย์เป็นหลักคำสอน18

เมื่อเรารับการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ไว้กับตัวเรา เป็นการฉลาดที่จะจดจำว่าเราไม่สามารถรับการเปิดเผยแทนคนอื่น ข้าพเจ้ารู้จักชายหนุ่มคนหนึ่งที่บอกกับหญิงสาวคนหนึ่งว่า “ผมฝันว่าคุณจะมาเป็นภรรยาของผม” หญิงสาวพิจารณาคำพูดนั้นในใจและตอบกลับว่า “เมื่อฉันฝันแบบเดียวกัน ฉันค่อยมาคุยกับคุณ”

เราทุกคนอาจถูกล่อลวงให้ความปรารถนาส่วนตัวมีชัยเหนือการนำทางจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธร้องขอต่อพระบิดาบนสวรรค์เพื่อพระองค์จะทรงอนุญาตให้มาร์ติน แฮร์ริสยืมงานแปล 116 หน้าแรกของพระคัมภีร์มอรมอน โจเซฟ สมิธคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี ในตอนแรกพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ทรงยืนยันความรู้สึกท่าน ในที่สุดพระเจ้าทรงอนุญาตโจเซฟให้ยืมงานแปลนั้น และมาร์ติน แฮร์ริสทำหาย ชั่วระยะเวลาหนึ่ง พระเจ้าทรงถอนของประทานแห่งการแปลจากศาสดาพยากรณ์ โจเซฟได้เรียนรู้บทเรียนอันเจ็บปวดแต่มีคุณค่าที่ส่งผลต่อการรับใช้ตลอดทั้งชีวิตของท่าน

พระวิญญาณบริสุทธิ์คือศูนย์กลางของการฟื้นฟู ในวัยเยาว์เมื่อโจเซฟ สมิธอ่าน ยากอบ 1:5 ท่านเล่าว่า “ไม่เคยมีข้อความใดในพระคัมภีร์มาสู่จิตใจมนุษย์ด้วยพลังได้มากไปกว่าข้อความนี้ที่ขณะนั้นมาสู่จิตใจข้าพเจ้า”19 พลังที่โจเซฟ สมิธบรรยายถึงคืออิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผลที่ตามมาคือ โจเซฟ เข้าไปในป่าใกล้บ้านท่านและคุกเข่าลงทูลถามพระผู้เป็นเจ้า ภาพนิมิตแรกที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาที่สวยงามและน่าจดจำอย่างแท้จริง แต่หนทางที่นำไปสู่การมาเยือนด้วยพระองค์เองของพระบิดาและพระบุตรเริ่มต้นด้วยการกระตุ้นเตือนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้สวดอ้อนวอน

การเปิดเผยความจริงของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูมาโดยผ่านรูปแบบของการแสวงหาด้วยการสวดอ้อนวอน และจากนั้นเป็นการรับและตามด้วยการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอให้พิจารณาตัวอย่างเหล่านี้ การแปลพระคัมภีร์มอรมอน การฟื้นฟูฐานะปุโรหิตและศาสนพิธี—เริ่มต้นด้วยบัพติศมา การจัดตั้งศาสนจักร และอื่นๆ ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าทุกวันนี้ การเปิดเผยจากพระเจ้าสู่ฝ่ายประธานสูงสุดและอัครสาวกสิบสองมาในรูปแบบที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน นี่คือรูปแบบอันศักดิ์สิทธิ์เดียวกันที่นำมาสู่การเปิดเผยส่วนตัว

เราสรรเสริญทุกท่านที่ทำตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการยอมรับพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู เริ่มต้นจากสมาชิกครอบครัวของโจเซฟ สมิธ เมื่อเด็กหนุ่มโจเซฟบอกบิดาของท่านเกี่ยวกับการมาเยือนของโมโรไน บิดาท่านได้รับพยานยืนยันด้วยตัวท่านเอง ในทันทีนั้น บิดาของท่านอนุญาตให้โจเซฟละจากงานในฟาร์มและกระตุ้นให้ท่านทำตามการนำทางของเทพ

ในฐานะบิดามารดาและผู้นำ ขอให้เราทำเช่นเดียวกัน ขอให้เรากระตุ้นให้ลูกหลานของเราและคนอื่นๆทำตามการนำทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขณะเราทำเช่นนั้น ขอให้เราทำตามแบบอย่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยการนำด้วยความอ่อนโยน ความสุภาพอ่อนน้อม ความเมตตา ความอดกลั้น และความรักที่ไม่เสแสร้ง20

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นสื่อกลางให้งานของพระผู้เป็นเจ้า ในครอบครัวและทั่วทั้งศาสนจักร ด้วยความเข้าใจเช่นนี้ ข้าพเจ้าขอแบ่งปันตัวอย่างเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตข้าพเจ้าและการรับใช้ศาสนจักร ข้าพเจ้าบอกเล่าเรื่องเหล่านี้เป็นคำพยานส่วนตัวว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานพรเราทุกคน

หลายปีก่อน ซิสเตอร์เฮลส์กับข้าพเจ้าวางแผนเลี้ยงอาหารเย็นมื้อพิเศษให้เพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าที่บ้านเรา ระหว่างทางจากสำนักงานไปบ้าน ข้าพเจ้าได้รับการกระตุ้นเตือนให้แวะบ้านของหญิงม่ายคนหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าเป็นผู้สอนประจำบ้าน เมื่อข้าพเจ้าเคาะประตูบ้านของเธอ เธอพูดว่า “ดิฉันสวดอ้อนวอนมาตลอดว่าคุณจะมา” การกระตุ้นเตือนนั้นมาจากไหน จากพระวิญญาณบริสุทธิ์

ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเป็นผู้ควบคุมการประชุมสเตคแห่งหนึ่งหลังจากป่วยหนัก เพื่อให้ร่างกายมีเวลาพักฟื้นข้าพเจ้าวางแผนออกจากอาคารประชุมทันทีหลังภาคฐานะปุโรหิตจบ อย่างไรก็ตาม หลังจากสวดอ้อนวอนปิด พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสกับข้าพเจ้า “เจ้าจะไปไหน” ข้าพเจ้าได้รับการดลใจให้จับมือกับทุกคนขณะพวกเขาออกจากห้อง เมื่อเอ็ลเดอร์หนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมา ข้าพเจ้าได้รับการกระตุ้นเตือนให้กล่าวข้อความพิเศษแก่เขา เขาก้มหน้าไม่สบตา และข้าพเจ้ารอให้เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตาข้าพเจ้า และข้าพเจ้ากล่าวว่า “สวดอ้อนวอนพระบิดาบนสวรรค์ ฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำตามการกระตุ้นเตือนที่ท่านได้รับ และทุกอย่างจะดีในชีวิตคุณ” หลังจากนั้น ประธานสเตคบอกข้าพเจ้าเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนั้นว่า เขาเพิ่งกลับจากสนามเผยแผ่ก่อนเวลา ประธานสเตคได้รับการดลใจที่ชัดเจนและสัญญากับบิดาของชายหนุ่มว่า หากเขาพาลูกชายมายังการประชุมฐานะปุโรหิต “เอ็ลเดอร์เฮลส์จะพูดกับเขา” ทำไมข้าพเจ้าจึงแวะจับมือกับทุกคน ทำไมข้าพเจ้าหยุดพูดกับชายหนุ่มที่พิเศษคนนี้ ข้าพเจ้าได้รับคำปรึกษาจากที่ใด คำตอบเรียบง่ายมาก จากพระวิญญาณบริสุทธิ์

เมื่อต้นปี 2005 ข้าพเจ้าได้รับการนำทางในการเตรียมคำพูดสำหรับการประชุมใหญ่สามัญเกี่ยวกับผู้สอนศาสนาอาวุโส หลังการประชุม พี่น้องชายคนหนึ่งเล่าว่า “ขณะเราฟังการประชุม…ในทันใดนั้นพระวิญญาณของพระเจ้าสัมผัสจิตวิญญาณผม…คำพูดนั้นชัดเจนสำหรับตัวผมและภรรยาสุดที่รักของผม เราต้องรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา และตอนนี้คือเวลาที่ถูกต้อง เมื่อผม…มองไปที่ภรรยา ผมตระหนักว่าเธอได้รับการกระตุ้นเตือนเช่นเดียวกันจากพระวิญญาณ”21 อะไรก่อให้เกิดการตอบสนองที่ฉับพลันและชัดเจนอย่างนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์

ถึงลูกหลานของข้าพเจ้าและผู้ที่กำลังฟังเสียงข้าพเจ้า ข้าพเจ้าแสดงประจักษ์พยานถึงการเปิดเผยส่วนตัวและการนำทางทุกวันอย่างต่อเนื่อง การตักเตือน การให้กำลังใจ ความเข้มแข็ง การชำระทางวิญญาณ การปลอบโยน และสันติสุขที่มาสู่ครอบครัวเราผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราประสบกับ “ความอเนกอนันต์แห่งพระเมตตาอันละเอียดอ่อนของ [พระคริสต์]”22 และปาฏิหาริย์จะไม่หมดไป23

ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานพิเศษว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงพระชนม์ ข้าพเจ้าแสดงความรักและความสำนึกคุณพระบิดาบนสวรรค์สำหรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ทรงเปิดเผยพระประสงค์ของพระองค์และสนับสนุนเราในชีวิต ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน