2010–2019
ที่ใดซึ่งมีสองหรือสามคนมารวมกัน
เมษายน 2016


14:23

ที่ใดซึ่งมีสองหรือสามคนมารวมกัน

หากท่านฟังด้วยพระวิญญาณ ท่านจะพบว่าใจท่านอ่อนลง ศรัทธาของท่านเข้มแข็งขึ้น และท่านสามารถรักพระเจ้าได้มากขึ้น

พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า ขอต้อนรับท่านสู่การประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 186 ของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ข้าพเจ้ายินดีที่ได้อยู่กับท่าน ขอต้อนรับท่านอย่างอบอุ่น

ข้าพเจ้าสำนึกคุณที่ท่านมาการประชุมใหญ่เพื่อรู้สึกถึงการดลใจจากสวรรค์และรู้สึกใกล้ชิดพระบิดาบนสวรรค์และพระเจ้าพระเยซูคริสต์มากขึ้น

ผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ซึ่งถ่ายทอดไปทั่วโลกคือสานุศิษย์หลายล้านคนของพระเยซูคริสต์ผู้อยู่ใต้พันธสัญญาว่าจะระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลาและรับใช้พระองค์ โดยปาฏิหาริย์ของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ความต่างของเวลาและระยะทางหมดไป เราประชุมกันประหนึ่งเราอยู่ด้วยกันในหอประชุมใหญ่แห่งหนึ่ง

แต่ที่สำคัญกว่าการชุมนุมกันของเราคือเราชุมนุมกันในนามของใคร พระเจ้าทรงสัญญาว่าแม้จะมีสานุศิษย์ของพระองค์จำนวนมากบนแผ่นดินโลกทุกวันนี้ แต่พระองค์จะทรงอยู่ใกล้เราแต่ละคน พระองค์ตรัสกับสานุศิษย์กลุ่มเล็กในปี 1829 ว่า “ตามจริงแล้ว, ตามจริงแล้ว, เรากล่าวแก่เจ้า, … ที่ใดซึ่งมีสองหรือสามคนมารวมกันในนามของเรา, … ดูเถิด, ที่นั่นเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาฉันใด—แม้ฉันนั้นเราอยู่ท่ามกลางเจ้า” (คพ. 6:32)

ขณะนี้สานุศิษย์ของพระองค์จำนวนมากกว่าหนึ่งหรือสองคนมารวมกันในประชุมใหญ่นี้ และตามที่สัญญาไว้ พระเจ้าทรงอยู่ท่ามกลางพวกเรา เพราะพระองค์ฟื้นคืนพระชนม์แล้วและมีรัศมีภาพ พระองค์จึงไม่ประทับอยู่ทุกแห่งที่วิสุทธิชนมารวมกัน แต่โดยอำนาจของพระวิญญาณ เรารู้สึกได้ว่าพระองค์ทรงอยู่กับเราที่นี่ในวันนี้

เรารู้สึกถึงความใกล้ชิดของพระผู้ช่วยให้รอดที่ใดและเมื่อใดขึ้นอยู่กับเราแต่ละคน พระองค์ทรงแนะนำดังนี้

“และอนึ่ง, ตามจริงแล้วเรากล่าวแก่เจ้า, เพื่อนของเรา, เราฝากคำกล่าวเหล่านี้ไว้กับเจ้าให้ไตร่ตรองในใจเจ้า, ด้วยบัญญัตินี้ซึ่งเราให้แก่เจ้า, ว่าเจ้าจะเรียกหาเราเมื่อเราอยู่ใกล้—

“จงเข้ามาอยู่ใกล้เราและเราจะเข้ามาอยู่ใกล้เจ้า; จงแสวงหาเราอย่างขยันหมั่นเพียรและเจ้าจะได้พบเรา; ขอ, และเจ้าจะได้รับ; เคาะ, และจะเปิดมันให้เจ้า” (คพ. 88:62–63)

ข้าพเจ้ารู้จักอย่างน้อยสองคนที่ฟังอยู่วันนี้ผู้ต้องการพรนั้นสุดหัวใจ พวกเขาจะพยายามเข้ามาอยู่ใกล้พระเจ้าในช่วงการประชุมใหญ่นี้ ต่างคนต่างเขียนถึงข้าพเจ้า—จดหมายของพวกเขามาถึงห้องทำงานข้าพเจ้าในสัปดาห์เดียวกัน—โดยขอความช่วยเหลือแบบเดียวกัน

ทั้งคู่เป็นผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสสู่ศาสนจักรและได้รับประจักษ์พยานชัดเจนมาแล้วเกี่ยวกับความรักของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของโลก พวกเขารู้ว่าศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธจัดตั้งศาสนจักรโดยการเปิดเผยโดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้าและกุญแจของฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์ได้รับการฟื้นฟู แต่ละคนรู้สึกถึงพยานว่ากุญแจเหล่านั้นอยู่ในศาสนจักรทุกวันนี้ พวกเขาแสดงประจักษ์พยานที่จริงจังนั้นต่อข้าพเจ้าในจดหมาย

แต่ทั้งคู่รำพึงว่าความรู้สึกรักพระเจ้าและความรักที่พระองค์ทรงมีต่อพวกเขากำลังลดลง ทั้งคู่ต้องการสุดหัวใจให้ข้าพเจ้าช่วยพวกเขารู้สึกปีติอีกครั้งและรู้สึกถึงความรักที่เคยได้รับเมื่อครั้งเข้ามาในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งคู่เกรงว่าถ้าพวกเขาไม่รู้สึกรักพระผู้ช่วยให้รอดและศาสนจักรของพระองค์เหมือนเดิม สุดท้ายแล้วการทดลองและการทดสอบที่พวกเขาเผชิญจะทำให้พวกเขาหมดศรัทธา

ไม่เพียงพวกเขาเท่านั้นที่กังวลเรื่องนี้ และการทดสอบของพวกเขาไม่ใช่เรื่องใหม่ ในช่วงการปฏิบัติศาสนกิจขณะทรงเป็นมรรตัย พระผู้ช่วยให้รอดประทานอุปมาเรื่องเมล็ดพืชและผู้หว่าน เมล็ดพืชคือพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า ผู้หว่านคือพระเจ้า การอยู่รอดและการเติบโตของเมล็ดพืชขึ้นอยู่กับสภาพของดิน ท่านคงจำพระดำรัสของพระองค์ได้

“และเมื่อเขาหว่าน เมล็ดพืชก็ตกตามหนทางบ้าง แล้วนกก็มากินเสีย

“บ้างก็ตกในที่ซึ่งมีพื้นหิน มีเนื้อดินน้อย จึงงอกขึ้นอย่างเร็วเพราะดินไม่ลึก

“แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นมันก็ถูกแผดเผา จึงเหี่ยวไปเพราะรากไม่มี

“บ้างก็ตกกลางต้นหนาม ต้นหนามก็งอกขึ้นปกคลุมเสีย

“บ้างก็ตกที่ดินดี แล้วเกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง

“ใครมีหูจงฟังเถิด” (มัทธิว 13:4–9)

ขอย้ำว่า เมล็ดพืชคือพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า ดินคือใจของคนที่ได้รับเมล็ดพืช

เราทุกคนเหมือนกันมากกับผู้คนที่ยอดเยี่ยมผู้เขียนมาขอความช่วยเหลือและความมั่นใจใหม่จากข้าพเจ้า เราทุกคนมีเมล็ดพืชหรือพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าหว่านในใจเราครั้งหนึ่งแล้ว สำหรับบางคนมีเมล็ดนั้นในวัยเด็กเมื่อพ่อแม่เชื้อเชิญให้เรารับบัพติศมาและการยืนยันโดยผู้มีสิทธิอำนาจ พวกเราหลายคนได้รับการสอนจากผู้รับใช้ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียก แต่ละคนรู้สึกว่าเมล็ดดี แม้รู้สึกว่าเมล็ดพองในใจเรา และประสบปีติขณะที่ดูเหมือนใจและความคิดเราขยาย

เราทุกคนได้รับการทดสอบศรัทธามาแล้วจากพรอันมีค่าที่ล่าช้า การโจมตีที่เลวร้ายของคนเหล่านั้นผู้ต้องการทำลายศรัทธาของเรา การล่อลวงให้ทำบาป และความสนใจแต่ตัวเองที่บั่นทอนความพยายามของเราในการบ่มเพาะและฟูมฟักความลึกซึ้งทางวิญญาณของใจเรา

คนที่เศร้าเสียใจเพราะสูญเสียปีติที่เคยมีคือผู้ได้รับพร บางคนไม่เห็นความเหี่ยวเฉาของศรัทธาในตนเอง ซาตานฉลาด เขาบอกคนที่เขาประสงค์จะทำให้เศร้าหมองว่าปีติที่พวกเขาเคยรู้สึกคือการหลอกตัวเองแบบเด็กๆ

วันนี้ข่าวสารของข้าพเจ้าถึงเราทุกคนคือจะมีโอกาสล้ำค่าในอีกสองสามวันต่อจากนี้ให้เลือกทำให้ใจเราอ่อนลง ยอมรับและบำรุงเลี้ยงเมล็ดพืช เมล็ดพืชคือพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า จะพรั่งพรูมายังเราทุกคนที่ฟัง ดู และอ่านบันทึกการประชุมใหญ่ครั้งนี้ ผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าทูลขออย่างพากเพียรให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำพวกเขาในการเตรียมบทเพลง คำพูด และประจักษ์พยาน พวกเขาสวดอ้อนวอนนานขึ้นและ นอบน้อมมากขึ้นเมื่อวันประชุมใหญ่ใกล้เข้ามา

พวกเขาสวดอ้อนวอนขอให้มีพลังกระตุ้นให้ท่านเลือกสิ่งที่จะก่อให้เกิดดินดีในใจท่านเพื่อพระวจนะอันประเสริฐของพระผู้เป็นเจ้าจะเติบโตและออกผลดี หากท่านฟังด้วยพระวิญญาณ ท่านจะพบว่าใจท่านอ่อนลง ศรัทธาของท่านเข้มแข็งขึ้น และท่านสามารถรักพระเจ้าได้มากขึ้น

การเลือกสวดอ้อนวอนด้วยความตั้งใจเด็ดเดี่ยวจะเปลี่ยนประสบการณ์ของท่านในการประชุมใหญ่ภาคต่างๆ ตลอดจนในวันและเดือนหลังจากนั้น

หลายท่านได้เริ่มแล้ว ขณะที่เริ่มภาคนี้ท่านทำมากกว่าฟังคำสวดอ้อนวอน ท่านเพิ่มศรัทธาของท่านเข้ากับคำวิงวอนขอให้เราชื่นชมพรของการมีพระวิญญาณบริสุทธิ์หลั่งเทมายังท่าน ขณะท่านเพิ่มคำวิงวอนในใจในพระนามของพระเยซูคริสต์ ท่านใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น นี่เป็นการประชุมใหญ่ของพระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้นสามารถทำให้เกิดพรที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราได้รับ ในความรักที่ทรงมีต่อเราพระองค์ทรงสัญญาว่าเราจะรู้สึกดังนี้

“สิ่งใดก็ตามที่พวกเขาจะกล่าวเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจจะเป็นพระคัมภีร์, จะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า, จะเป็นพระดำริของพระเจ้า, จะเป็นพระคำของพระเจ้า, จะเป็นสุรเสียงของพระเจ้า, และเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าอันส่งผลสู่ความรอด.

“ดูเถิด, นี่คือสัญญาของพระเจ้าแก่เจ้า, โอ้เจ้าผู้รับใช้ของเรา.

“ดังนั้น, จงรื่นเริงเถิด, และอย่ากลัวเลย, เพราะเราพระเจ้าอยู่กับเจ้า, และจะยืนเคียงข้างเจ้า; และเจ้าจะกล่าวคำพยานถึงเรา, แม้พระเยซูคริสต์, ว่าเราคือพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์, ว่าเราเคยดำรงอยู่, ว่าเราดำรงอยู่, และว่าเราจะมา” (คพ. 68:4–6)

ท่านสามารถสวดอ้อนวอนและเพิ่มศรัทธาของท่านทุกครั้งที่ผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ตรงแท่นพูดเพื่อให้สัญญาของพระเจ้าในหลักคำสอนและสัญญาภาค 50 เกิดสัมฤทธิผลที่ว่า

“ตามจริงแล้ว เรากล่าวแก่เจ้า, คนที่ได้รับแต่งตั้งจากเราและส่งออกไปสั่งสอนพระคำแห่งความจริงโดยพระผู้ปลอบโยน, ในพระวิญญาณแห่งความจริง, เขาสั่งสอนสิ่งนี้โดยพระวิญญาณแห่งความจริงหรือทางอื่นใดเล่า?

“และหากเป็นโดยทางอื่นก็มิได้มาจากพระผู้เป็นเจ้า.

“และอนึ่ง, คนที่รับพระคำแห่งความจริง, เขารับสิ่งนี้โดยพระวิญญาณแห่งความจริงหรือทางอื่นใดเล่า?

“หากเป็นทางอื่นก็มิได้มาจากพระผู้เป็นเจ้า.

“ฉะนั้น, เหตุใดเล่าเจ้าไม่อาจเข้าใจและรู้ได้, ว่าคนที่รับพระคำโดยพระวิญญาณแห่งความจริงรับสิ่งนี้ดังที่สั่งสอนไว้โดยพระวิญญาณแห่งความจริง?

“ดังนั้น, คนที่สั่งสอนและคนที่รับ, เข้าใจกัน, และทั้งสองได้รับการจรรโลงใจและชื่นชมยินดีด้วยกัน” (คพ. 50:17–22)

ท่านสามารถสวดอ้อนวอนขณะที่นักร้องประสานเสียงจะร้องเพลง ผู้อำนวยเพลง ผู้เล่นออร์แกน และนักร้องได้สวดอ้อนวอน ฝึกฝนด้วยการสวดอ้อนวอนในใจและด้วยศรัทธา ขอให้คำร้องและท่วงทำนองทำให้ใจอ่อนโยนและขยายพลังของพวกเขาเพื่อสร้างศรัทธาของผู้อื่น พวกเขาจะแสดงต่อพระเจ้าประหนึ่งพวกเขาอยู่เบื้องพระพักตร์พระองค์ และพวกเขาจะทราบว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงได้ยินแน่นอนเช่นเดียวกับทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของพวกเขา พวกเขาพร้อมใจกันทำงานด้วยความรักเพื่อทำให้สัญญาของพระผู้ช่วยให้รอดต่อเอ็มมา สมิธเป็นจริง “เพราะจิตวิญญาณเราเบิกบานในเพลงจากใจ; แท้จริงแล้ว, เพลงจากคนชอบธรรมเป็นคำสวดอ้อนวอนต่อเรา, และจะได้รับตอบด้วยพรบนศีรษะพวกเขา” (คพ. 25:12)

ถ้าท่านไม่เพียงฟังแต่สวดอ้อนวอนขณะพวกเขาร้องเพลงด้วย คำสวดอ้อนวอนของท่านและของพวกเขาจะได้รับคำตอบด้วยพรเหนือศีรษะท่านและศีรษะพวกเขา ท่านจะรู้สึกถึงพรแห่งความรักและความเห็นชอบของพระผู้ช่วยให้รอด ทุกคนที่ร่วมสรรเสริญจะรู้สึกว่าพวกเขารักพระองค์มากขึ้น

ท่านอาจเลือกสวดอ้อนวอนขณะผู้พูดกำลังจะจบข่าวสาร ผู้พูดจะสวดอ้อนวอนในใจถึงพระบิดาขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานถ้อยคำในประจักษ์พยานของผู้พูดเพื่อจะหนุนใจผู้ฟังให้เกิดความหวังและความตั้งใจว่าจะระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดตลอดเวลาและรักษาพระบัญญัติที่พระองค์ประทานแก่เรา

ประจักษ์พยานจะไม่ใช่การอ่านข่าวสาร แต่จะเป็นการยืนยันความจริงที่พระวิญญาณสามารถนำมาสู่ใจคนเหล่านั้นผู้จะสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ ขอการนำทางจากสวรรค์ และได้รับความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์

ประจักษ์พยานที่แท้จริงจะประทานแก่ผู้พูด ถ้อยคำที่พูดอาจมีเพียงไม่กี่คำแต่จะเข้าถึงใจผู้ฟังที่อ่อนน้อมผู้มาการประชุมใหญ่ด้วยความหิวกระหายพระวจนะอันประเสริฐของพระผู้เป็นเจ้า

ข้าพเจ้าทราบจากประสบการณ์ว่าศรัทธาของคนดีทำอะไรได้บ้างเพื่อนำพระวจนะมาจากพระวิญญาณขณะจบโอวาท มีคนพูดกับข้าพเจ้ามากกว่าหนึ่งครั้งหลังประจักษ์พยานของข้าพเจ้าว่า “ท่านทราบได้อย่างไรว่าดิฉันต้องการได้ยินประจักษ์พยานนั้น” ข้าพเจ้าไม่แปลกใจเมื่อข้าพเจ้าจำถ้อยคำที่พูดไม่ได้ ข้าพเจ้ากล่าวถ้อยคำประจักษ์พยานแต่พระเจ้าทรงอยู่ที่นั่นและประทานให้ข้าพเจ้าขณะนั้น คำสัญญาว่าพระเจ้าจะประทานคำพูดในชั่วขณะนั้นเพื่อประยุกต์ใช้เป็นพิเศษกับประจักษ์พยาน (ดู คพ. 24:6) จงตั้งใจฟังประจักษ์พยานที่กล่าวในการประชุมใหญ่ครั้งนี้—ท่านจะรู้สึกใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น

ท่านรู้สึกได้ว่าข้าพเจ้ามาถึงชั่วขณะนั้นเมื่อข้าพเจ้าจะสรุปข่าวสารที่พยายามถ่ายทอดด้วยประจักษ์พยานแห่งความจริง คำสวดอ้อนวอนของท่านจะช่วยให้ข้าพเจ้าได้รับถ้อยคำประจักษ์พยานที่อาจช่วยบางคนผู้โหยหาคำตอบสำหรับคำถามของพวกเขา

ข้าพเจ้าฝากคำพยานที่แน่นอนไว้กับท่านว่าพระบิดาบนสวรรค์ของเรา เอโลฮิมที่ยิ่งใหญ่ ทรงรักและทรงรู้จักเราทุกคน ภายใต้การกำกับดูแลของพระองค์ พระบุตร พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระผู้สร้าง ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระเยซูแห่งนาซาเร็ธประสูติเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า ทรงรักษาคนเจ็บป่วย ทำให้คนตาบอดมองเห็น และคนตายคืนชีพ พระองค์ทรงชำระค่าบาปทั้งหมดของบุตรธิดาทุกคนของพระบิดาบนสวรรค์ผู้เกิดมาในความเป็นมรรตัย พระองค์ทรงทำให้สายรัดแห่งความตายขาดขณะทรงลุกออกจากอุโมงค์ในวันอาทิตย์อีสเตอร์แรกนั้น เวลานี้พระองค์ทรงพระชนม์ พระผู้เป็นเจ้า—ผู้ฟื้นคืนพระชนม์และมีรัศมีภาพ

นี่คือศาสนจักรที่แท้จริงเพียงแห่งเดียว พระองค์ทรงเป็นศิลามุมเอก โธมัส เอส. มอนสันเป็นศาสดาพยากรณ์ของชาวโลก ศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกที่ท่านจะได้ฟังในการประชุมใหญ่นี้ต่างพูดแทนพระเจ้า พวกท่านเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ได้รับมอบอำนาจให้กระทำแทนพระองค์ พระองค์ทรงไปเบื้องหน้าผู้รับใช้ของพระองค์ในโลก ข้าพเจ้าทราบ และเป็นพยานถึงสิ่งนี้ในพระนามของพระองค์ แม้พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน