2010–2019
ดูที่พระเยซูคริสต์
การประชุมใหญ่สามัญ เมษายน 2019


2:3

ดูที่พระเยซูคริสต์

ถ้าเราดูที่พระเยซูคริสต์ พระองค์จะทรงช่วยให้เราเหล่าเอ็ลเดอร์ในอิสราเอลดำเนินชีวิตตามพันธสัญญาและขยายการเรียกของเรา

ขณะพระเยซูทรงพระดำเนินไปตามถนนใกล้คารเปอรนาอุม1 มีคนกลุ่มใหญ่เบียดเสียดพระองค์ หญิงที่ป่วยหนักมา 12 ปีเอื้อมมือมาแตะชายฉลองพระองค์ เธอหายป่วยทันที2

พระคัมภีร์บันทึกว่าพระเยซูทรงสำเหนียก “ว่าฤทธิ์ซ่านออกจากตัว [พระองค์]”3 จึง “เหลียวหลังมาหาฝูงชน”4 และ “ทอดพระเนตร … เพื่อดูว่าใครเป็นคนทำ”5 “เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าไม่สามารถจะซ่อนตัว”6 เธอจึง “กราบลงทูลพระองค์ตามความเป็นจริงทั้งสิ้น”7

พระเยซูตรัสกับนางว่า “ลูก‍หญิงเอ๋ยที่หาย‍โรคนั้นก็เพราะลูกเชื่อ จงไปเป็นสุขเถิด”8

พระเยซูคริสต์ทรงช่วยหญิงคนนั้นให้รอด ร่างกายเธอหายป่วยแต่เมื่อพระเยซูทรงเหลียวมองเธอ เธอประกาศศรัทธาในพระองค์และพระองค์ทรงรักษาใจเธอ9 พระองค์ตรัสกับเธอด้วยความรัก ทรงยืนยันความเห็นชอบของพระองค์ และทรงอวยพรให้เธอมีสันติสุข10

พี่น้องทั้งหลาย ในฐานะผู้ดำรงฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์ เรามีส่วนในงานแห่งความรอด ในปีสุดท้ายพระเจ้าทรงมอบการเป็นผู้นำงานนี้ไว้บนบ่าของเหล่าเอ็ลเดอร์ในอิสราเอล11 เรามีหน้าที่จากพระเจ้า—โดยทำงานร่วมกับพี่น้องสตรี เราต้องปฏิบัติศาสนกิจในวิธีที่ศักดิ์สิทธิ์กว่า เร่งการรวมอิสราเอลทั้งสองด้านของม่าน จัดตั้งบ้านให้เป็นสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งศรัทธาและการเรียนพระกิตติคุณ และเตรียมโลกให้พร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์12

เช่นเดียวกับทุกเรื่อง พระผู้ช่วยให้รอดทรงแสดงให้เราเห็นวิธี นั่นคือ เราต้องดูที่พระเยซูคริสต์และรับใช้พระองค์เหมือนพระองค์ทรงดูที่พระบิดาและรับใช้พระบิดา13 พระผู้ช่วยให้รอดตรัสกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟดังนี้

“จงดูที่เราในความนึกคิดทุกอย่าง; อย่าสงสัย, อย่ากลัว.

“จงดูแผลถูกแทงที่สีข้างเรา, และรอยตะปูที่มือและเท้าของเราด้วย; จงซื่อสัตย์, รักษาบัญญัติของเรา, และเจ้าจะสืบทอดอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นมรดก”14

ในโลกก่อนเกิด พระเยซูทรงสัญญากับพระบิดาว่าจะทรงทำตามพระประสงค์ของพระบิดา เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา เมื่อพระบิดาตรัสถามว่า “เราจะส่งใครไปเล่า?”15 พระเยซูตรัสตอบว่า

“ข้าพระองค์อยู่ที่นี่, ขอทรงส่งข้าพระองค์ไปเถิด”16

“พระบิดา ขอให้บังเกิดขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด, และให้รัศมีภาพเป็นของพระองค์ตลอดกาล”17

ตลอดพระชนม์ชีพมรรตัยพระเยซูทรงทำตามสัญญานั้น พระองค์ทรงสอนหลักคำสอนของพระบิดาด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ความอ่อนโยน และความรัก ทรงทำงานของพระบิดาด้วยพลังและสิทธิอำนาจที่พระบิดาประทานแก่พระองค์18

พระเยซูถวายพระทัยแด่พระบิดา พระองค์ตรัสว่า

“เรารักพระบิดา”19

“เราทำตามชอบพระทัยพระองค์เสมอ”20

“เราลงมา … ไม่ใช่เพื่อทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของ [พระบิดา] ผู้ทรงใช้เรามา”21

ในความปวดร้าวในเกทเสมนีพระองค์ทรงสวดอ้อนวอนว่า “แต่อย่างไรก็ดีอย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์”22

เมื่อพระเจ้าทรงเรียกเหล่าเอ็ลเดอร์ในอิสราเอลให้ “ดูที่เราในความนึกคิดทุกอย่าง” และ “ดูแผล” ในพระกายที่ฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ นั่นคือการเรียกให้ละทิ้งบาปและทิ้งโลก หันมาหาพระองค์ รักและเชื่อฟังพระองค์ คือการเรียกให้เราสอนหลักคำสอนของพระองค์และทำงานของพระองค์ในวิธีของพระองค์ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเรียกให้วางใจพระองค์อย่างสมบูรณ์ ยอมถวายความประสงค์และใจเราแด่พระองค์ และเป็นเหมือนพระองค์ผ่านเดชานุภาพการไถ่23

พี่น้องทั้งหลาย ถ้าเราดูที่พระเยซูคริสต์ พระองค์จะทรงอวยพรเราให้เป็นเอ็ลเดอร์ ของพระองค์ ในอิสราเอล—ถ่อมตน อ่อนโยน ว่าง่าย เต็มไปด้วยความรักของพระองค์24 เราจะนำปีติพร้อมด้วยพรแห่งพระกิตติคุณและศาสนจักรของพระองค์มาสู่ครอบครัวเราและพี่น้องของเราทั้งสองด้านของม่าน

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเรียกให้เราดูที่พระเยซูคริสต์ในวิธีนี้ “การเป็นสานุศิษย์ที่ทรงพลังไม่ใช่เรื่องง่ายหรือเป็นโดยอัตโนมัติ เราต้องมุ่งไปที่พระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณของพระองค์ ต้องใช้ความพยายามทางจิตใจอย่างมากที่จะมองดูพระองค์ในความนึกคิด ทุกอย่าง แต่เมื่อเราทำเช่นนั้น ความสงสัยและความกลัวจะหายไป”25

ตรึงแน่น เป็นคำที่ดี หมายถึงรัดให้แน่น ดึงและยึดให้อยู่กับที่26 เราตรึงแน่นอยู่กับพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณโดยดำเนินชีวิตตามพันธสัญญาของเรา

เมื่อเราดำเนินชีวิตตามพันธสัญญา พันธสัญญาจะมีผลต่อทุกสิ่งที่เราพูดและทำ เรามีชีวิตตามพันธสัญญา27 กระทำสิ่งเรียบง่ายทุกวันด้วยศรัทธาโดยมีพระเยซูคริสต์เป็นจุดศูนย์กลาง สวดอ้อนวอนจากใจในพระนาม ของพระองค์ ดื่มด่ำพระวจนะ ของพระองค์ หันไปหา พระองค์ กลับใจจากบาป รักษาพระบัญญัติ ของพระองค์ รับส่วนศีลระลึกและรักษาวันสะบาโต ของพระองค์ นมัสการในพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ ของพระองค์ ให้บ่อยที่สุด และใช้ฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์ ของพระองค์ รับใช้บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า

การแสดงความภักดีต่อพันธสัญญาเปิดใจและความคิดเรารับเดชานุภาพการไถ่ของพระผู้ช่วยให้รอดและรับอิทธิพลการชำระให้ศักดิ์สิทธิ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงเปลี่ยนธรรมชาติวิสัยของเราเป็นบรรทัดมาเติมบรรทัด เราเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระองค์ลึกซึ้งขึ้น และพันธสัญญาของเรามีอยู่ในใจเรา28

สัญญาที่เราทำกับพระบิดาบนสวรรค์จะกลายเป็นคำมั่นดั่งหินผา เป็นความปรารถนาลึกซึ้งที่สุดของเรา สัญญาของพระบิดาบนสวรรค์จะทำให้เราเปี่ยมด้วยความกตัญญูและปีติ29 พันธสัญญาของเราหยุดเป็นกฎที่เราทำตาม กลายเป็นหลักธรรมที่สร้างแรงบันดาลใจและนำทางเราให้ตรึงแน่นอยู่กับพระเยซูคริสต์30

การแสดงความภักดีเหล่านี้มีผลต่อทุกคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เยาวชนชายทั้งหลายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน ทุกอย่างที่ข้าพเจ้ากล่าวคืนนี้ประยุกต์ใช้กับท่านได้ ข้าพเจ้าขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าสำหรับท่าน ท่านทำศาสนพิธีและพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ให้วิสุทธิชนยุคสุดท้ายหลายล้านคนทุกสัปดาห์ เมื่อท่านเตรียม ให้พร หรือส่งผ่านศีลระลึก ปฏิบัติศาสนกิจ ให้บัพติศมาในพระวิหาร ชวนเพื่อนมาร่วมกิจกรรม หรือช่วยเหลือสมาชิกคนหนึ่งในโควรัม ท่านกำลังทำงานแห่งความรอด ท่านสามารถดูที่พระเยซูคริสต์และดำเนินชีวิตตามพันธสัญญาทุกวันได้เช่นกัน ข้าพเจ้าสัญญาว่าหากท่านทำเช่นนั้น ท่านจะเป็นผู้รับใช้ที่พระเจ้าวางพระทัยเวลานี้และเป็นเอ็ลเดอร์ที่เกรียงไกรในอิสราเอลวันหน้า

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบว่าทั้งหมดนี้อาจทำให้หนักใจ แต่โปรดจำพระดำรัสเหล่านี้ของพระผู้ช่วยให้รอด “เราไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะพระบิดาสถิตอยู่กับเรา”31 พระบิดาทรงอยู่กับเราเช่นกัน เราไม่ได้อยู่คนเดียว พระเจ้าพระเยซูคริสต์และพระบิดาบนสวรรค์ทรงรักเรา ทั้งสองพระองค์ทรงอยู่กับเรา32 เพราะพระเยซูทรงดูที่พระบิดาและทรงพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้เราจึงสามารถดูที่พระเยซูคริสต์ด้วยความมั่นใจว่าพระองค์จะทรงช่วยเรา

ไม่มีใครดีพร้อม บางครั้งเราชะงัก เราเขวหรือท้อ เราสะดุด แต่ถ้าเราดูที่พระเยซูคริสต์ด้วยใจที่กลับใจพระองค์จะทรงยกเราขึ้น ทำให้เราสะอาดจากบาป ให้อภัยเรา และเยียวยาใจเรา พระองค์ทรงอดทนและเมตตา ความรักแห่งการไถ่ของพระองค์ไม่มีวันสิ้นสุดและสูญสิ้น33 พระองค์จะทรงช่วยให้เราเหล่าเอ็ลเดอร์ในอิสราเอลดำเนินชีวิตตามพันธสัญญาและขยายการเรียกของเรา

พระบิดาจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นต่อการทำให้บรรลุจุดประสงค์ของพระองค์—“สิ่งทั้งปวง … ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก, ชีวิตและแสงสว่าง, พระวิญญาณและอำนาจ, ส่งออกไปโดยพระประสงค์ของพระบิดาโดยทางพระเยซูคริสต์, พระบุตรของพระองค์”34

เมื่อแสงสว่างและพลังจากสวรรค์ไหลเข้ามาในชีวิตเรา สิ่งอัศจรรย์สามอย่างจะเกิดขึ้น

หนึ่ง เราจะเห็น! โดยผ่านการเปิดเผยเราเริ่มเห็นดังที่พระเยซูทรงเห็นสตรีคนนั้น มองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกเข้าไปในใจ35 เมื่อเราเห็นดังที่พระเยซูทรงเห็น พระองค์จะทรงอวยพรให้เรารักคนที่เรารับใช้ด้วยความรักของพระองค์ และด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์ คนที่เรารับใช้จะเห็นพระผู้ช่วยให้รอดและรู้สึกถึงความรักของพระองค์36

สอง เรามีพลังฐานะปุโรหิต! เรามีสิทธิอำนาจและพลังที่จะกระทำในพระนามของพระเยซูคริสต์เพื่อ “เป็นพร นำทาง คุ้มครอง เสริมสร้าง และเยียวยาคนอื่นๆ” และทำให้ปาฏิหาริย์เกิดกับคนที่เรารักและรักษาชีวิตแต่งงานและครอบครัวของเราให้ปลอดภัย37

สาม พระเยซูคริสต์ทรงไปกับเรา ที่ใดเราไป พระองค์เสด็จไป เมื่อเราสอน พระองค์ทรงสอน เมื่อเราปลอบโยน พระองค์ทรงปลอบโยน เมื่อเราให้พร พระองค์ทรงให้พร38

พี่น้องทั้งหลาย เราไม่มีเหตุให้ชื่นชมยินดีหรือ เรามี! เราดำรงฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อเราดูที่พระเยซูคริสต์ ดำเนินชีวิตตามพันธสัญญา และตรึงแน่นอยู่กับพระองค์ เราจะร่วมมือกับพี่น้องสตรีและปฏิบัติศาสนกิจในวิธีที่ศักดิ์สิทธิ์กว่า รวบรวมอิสราเอลที่กระจัดกระจายทั้งสองด้านของม่าน เสริมสร้างและผนึกครอบครัวของเรา และเตรียมโลกให้พร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ นั่นจะเกิดขึ้น ข้าพเจ้าเป็นพยาน

ข้าพเจ้าทิ้งท้ายด้วยการสวดอ้อนวอนจากใจ ขอให้เราทุกคนดูที่พระเยซูคริสต์ในความนึกคิดทุกอย่าง อย่าสงสัย อย่ากลัว ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. เจมส์ อี. ทัลเมจบอกว่าพระเยซูทรงอยู่ใน “บริเวณคาเปอรนาอุม” เมื่อการรักษานี้เกิดขึ้น (ดู Jesus the Christ [1916], 313).

  2. ดู ลูกา 8:43–44; ดู มัทธิว 9:20–21; มาระโก 5:25–29 ด้วย.

  3. ลูกา 8:46.

  4. มาระโก 5:30.

  5. มาระโก 5:32.

  6. ลูกา 8:47.

  7. มาระโก 5:33.

  8. ลูกา 8:48.

  9. เจมส์ อี. ทัลเมจเขียนว่าสิ่งที่มีค่าต่อสตรีผู้นี้มากกว่าการรักษาทางกายคือความเชื่อมั่นว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงยอมตามความปรารถนาของใจเธอ และทรงยอมรับศรัทธาของเธอ (ดู Jesus the Christ, 318) พระเยซูทรงรักษาเธอทางกายและทางวิญญาณ และทรงเปิดทางให้เธอได้รับความรอด.

  10. เราทราบว่าไยรัสนายธรรมศาลาอยู่กับพระเยซูเมื่อการรักษานี้เกิดขึ้น พระเยซูเสด็จไปบ้านของไยรัส พระองค์ทรงทำให้บุตรสาวของไยรัสฟื้นจากความตาย หญิงที่พระเยซูทรงรักษาเคยถูกขับออกจากธรรมศาลาเพราะความทุกข์ของเธอ เมื่อพระเยซูทรงรักษาเธอ พระองค์ทรงทำให้ทุกคนที่นั่นรวมทั้งไยรัสเห็นชัดว่าเธอเป็นธิดาที่พระองค์ทรงรัก สตรีแห่งศรัทธา และหายแล้วทั้งร่างกายและวิญญาณ.

  11. ดูคำอธิบายเรื่องการปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างโควรัมฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคหนึ่งโควรัมในวอร์ดจาก ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน “โควรัมเอ็ลเดอร์” (เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 55–58) จุดประสงค์ของการเปลี่ยนแปลงนี้อธิบายไว้ในหมวดคำถามที่พบบ่อยของเว็บไซต์การปฏิบัติศาสนกิจ: “การมีฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคหนึ่งโควรัมในวอร์ดทำให้ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตมีเอกภาพในการทำงานแห่งความรอดครบทุกด้าน รวมถึงงานพระวิหารและประวัติครอบครัวที่หัวหน้ากลุ่มมหาปุโรหิตประสานงานไว้แล้ว (“นี่คือการปฏิบัติศาสนกิจ: คำถามที่ถามบ่อย,” คำถามข้อ 8, ministering.ChurchofJesusChrist.org)

    การปรับเปลี่ยนต่อมาให้หัวหน้าเผยแผ่วอร์ดและผู้นำด้านพระวิหารและประวัติครอบครัวคนใหม่ในวอร์ดอยู่ใต้การกำกับดูแลของฝ่ายประธานโควรัมเอ็ลเดอร์ เนื่องจากการปฏิบัติศาสนกิจต่อครอบครัวอยู่ใต้การกำกับดูแลของฝ่ายประธานอยู่แล้ว การปรับเปลี่ยนเหล่านี้จึงให้โควรัมเอ็ลเดอร์เป็นผู้นำในงานแห่งความรอด โดยมีสมาคมสงเคราะห์เป็นผู้ช่วย แน่นอนว่าอธิการถือกุญแจของงานแห่งความรอดในวอร์ด แต่เขามอบหมายความรับผิดชอบและสิทธิอำนาจสำหรับงานนั้นให้ประธานโควรัมเอ็ลเดอร์เพื่อให้อธิการสามารถใช้เวลามากขึ้นปฏิบัติศาสนกิจต่อครอบครัวตนเอง ทำให้เยาวชนเข้มแข็ง และรับใช้เป็นผู้พิพากษาในอิสราเอล.

  12. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ขอให้เรารุดไป,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 118–119; รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่เป็นแบบอย่าง,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 113–114; เควนทิน แอล. คุก, “การเปลี่ยนใจเลื่อมใสอันลึกซึ้งและยั่งยืนต่อพระบิดาบนสวรรค์และพระเจ้าพระเยซูคริสต์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 8–12.

  13. พระบิดาทรงส่งพระเยซูคริสต์มาในโลก (ดู ยอห์น 17:18).

  14. หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:36–37.

  15. อับราฮัม 3:27.

  16. อับราฮัม 3:27.

  17. โมเสส 4:2.

  18. มีข้ออ้างอิงมากมายในพระคัมภีร์ที่บันทึกพระดำรัสของพระเยซูเกี่ยวกับการทรงงานของพระบิดาและการสอนหลักคำสอนของพระบิดา ดูตัวอย่างใน ยอห์น 5:19 (พระเยซูทรงทำสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นพระบิดาทรงทำ); ยอห์น 5:36 (พระบิดาประทานงานให้พระบุตรทำ); ยอห์น 8:26 (พระเยซูทรงสอนสิ่งที่ได้รับจากพระบิดา); ยอห์น 14:28 (พระเยซูทรงประกาศว่า “พระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา”); 3 นีไฟ 11:32 (หลักคำสอนของพระองค์คือหลักคำสอนที่พระบิดาประทานแก่พระองค์).

  19. ยอห์น 14:31.

  20. ยอห์น 8:29.

  21. ยอห์น 6:38; ดู ยอห์น 5:30 ด้วย.

  22. ลูกา 22:42.

  23. คำว่า ดู ในข้อความนี้ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:36–37) มีความหมายสอดคล้องกับการเรียกของพระเจ้า: ให้เผชิญหน้า (หรือหันมา) เอาใจใส่ พึ่งพา ค้นหา รอคอยด้วยความหวัง มีเจตนารมณ์นี้ในความนึกคิด คาดหวังหรือมุ่งหวัง (ดู merriam-webster.com, “look”).

  24. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:41–42. คุณลักษณะเหมือนพระคริสต์ที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์เป็นของประทานแห่งพระวิญญาณที่ผ่านมาทางพระเมตตาและพระคุณของพระเยซูคริสต์ คุณลักษณะเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เอ็ลเดอร์ ของพระองค์ เป็นเอ็ลเดอร์ในอิสราเอล.

  25. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ดึงพลังของพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2017, 41–42.

  26. ดู merriam-webster.com, “rivet.”

  27. ดูคำอธิบายเรื่องแนวคิดเกี่ยวกับชีวิตตามพันธสัญญาได้จาก โดนัลด์ แอล. ฮอลล์สตรอม, “Living a Covenant Life,” Ensign, June 2013, 46–49. บทความนี้ดัดแปลงจากคำปราศรัยที่ยาวกว่านั้นที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์–ไอดาโฮในเดือนพฤษภาคม 2011 สำหรับฉบับที่ยาวกว่า, ดู โดนัลด์ แอล. ฮอลล์สตรอม, “A Covenant Life” (Brigham Young University–Idaho devotional, May 10, 2011), byui.edu.

  28. ดู เยเรมีย์ 31:31–33 พระเจ้าทรงประกาศว่าพระองค์จะทรงจารึกพันธสัญญาใหม่กับเชื้อสายของอิสราเอลไว้ในใจพวกเขา ภาพลักษณ์ของพันธสัญญาที่จารึกไว้ในใจเรา หรือพันธสัญญาที่อยู่ในใจเรา มีอยู่ในงานเขียนของเปาโลด้วย (ดู 2 โครินธ์ 3:3; ฮีบรู 8:10). ดูคำอธิบายเรื่องการเปลี่ยนใจเลื่อมใสและใจได้จากเดวิด เอ. เบดนาร์, “เปลี่ยนใจเลื่อมใสมาสู่พระเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2012, 106–109.

  29. คำสวดอ้อนวอนศีลระลึกสำหรับขนมปังกล่าวถึงความสัมพันธ์เชิงพันธสัญญาของเรากับพระบิดาบนสวรรค์ไว้อย่างไพเราะ ในแผนแห่งความรอดของพระบิดา เราทำพันธสัญญากับพระบิดาบนสวรรค์ แต่จุดประสงค์ของพันธสัญญาบรรลุผลเป็นจริง เรามีคุณสมบัติคู่ควรรับพรที่สัญญาไว้ผ่านพระเจ้าพระเยซูคริสต์ พระองค์คือสื่อกลาง ในศาสนพิธีศีลระลึกเราเป็นพยานต่อพระบิดา (โดยทำพันธสัญญากับพระองค์อีกครั้ง) ว่าเราเต็มใจรับพระนามของพระเยซูคริสต์ไว้กับเรา ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ทั้งนี้เพื่อเราจะมีพระวิญญาณของพระองค์ (พระวิญญาณบริสุทธิ์) สถิตกับเราตลอดเวลา

    ของประทานในสัญญาของพระบิดาผ่านมาทางเดชานุภาพการไถ่และการทำให้เข้มแข็งของพระเยซูคริสต์ ตัวอย่างเช่น ดังที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอน พระเยซูคริสต์ “ทรงเป็นที่มาของปีติทั้งปวง” (ดู “ปีติและการอยู่รอดทางวิญญาณ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2016, 82). ด้วยเหตุนี้ การตรึงแน่นอยู่กับพระเยซูคริสต์จึงนำปีติเข้ามาในชีวิตเราไม่ว่าสภาวการณ์ของเราเป็นเช่นไร.

  30. ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันกล่าวถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนี้ในเจตคติและการรับรู้เมื่อท่านกล่าวว่า “เมื่อการเชื่อฟังหยุดเป็นเรื่องน่ารำคาญ และกลายเป็นการแสวงหาของเรา ในขณะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจะประสาทพรเราด้วยอำนาจ” (ใน โดนัลด์ แอล. สตาเฮลลี, “การเชื่อฟัง—การท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต,” เลียโฮนา, พ.ค. 1998, 82).

  31. ยอห์น 16:32.

  32. ดูคำอธิบายเรื่องความห่วงกังวลของพระบิดาและพระบุตร ความสนพระทัย ความรัก และความเกี่ยวข้องของพระองค์ในชีวิตเราได้จาก เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “ความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2003, 84–87; เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “จงเดินกับเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2017, 82–85. ดู มัทธิว 18:20; 28:20; หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:32; 29:5; 38:7; 61:36; 84:88 ด้วย.

  33. ดู โรม 8:35–39; 1 โครินธ์ 13:1–8; โมโรไน 7:46–47.

  34. หลักคำสอนและพันธสัญญา 50:27. สังเกตว่าพระเจ้าประทานสัญญาเกี่ยวกับงานเฉพาะเจาะจงที่มอบหมายให้ทุกคนผู้ได้รับแต่งตั้งและถูกส่งออกไปว่า

    “คนคนนั้นกำหนดไว้ให้ยิ่งใหญ่ที่สุด, ทั้งที่เขาต่ำต้อยที่สุดและเป็นผู้รับใช้ของคนทั้งปวง

    “ดังนั้น, เขาจึงเป็นผู้ครอบครองสิ่งทั้งปวง; เพราะสิ่งทั้งปวงขึ้นอยู่กับเขา, ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก, ชีวิตและแสงสว่าง, พระวิญญาณและอำนาจ, ส่งออกไปโดยพระประสงค์ของพระบิดาโดยทางพระเยซูคริสต์, พระบุตรของพระองค์.

    “แต่ไม่มีมนุษย์คนใดเป็นผู้ครอบครองสิ่งทั้งปวง เว้นแต่พระองค์จะทรงทำให้เขาบริสุทธิ์และทรงชำระล้างเขาจากบาปทั้งปวง.

    “และหากพระองค์ทรงทำให้เจ้าบริสุทธิ์และทรงชำระล้างเจ้าจากบาปทั้งปวง, เจ้าพึงขออะไรก็ตามที่เจ้าประสงค์ในพระนามของพระเยซูและสิ่งนั้นจะบังเกิดขึ้น” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 50:26–29).

  35. ดู 1 ซามูเอล 16:7; 1 โครินธ์ 2:14. ดูตัวอย่างของพรแห่งการเห็นดังที่พระเยซูทรงเห็นได้จากเรื่องเล่าของประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์เกี่ยวกับประสบการณ์ของท่านสมัยเป็นอธิการของชายหนุ่มที่ก่ออาชญากรรม พระเจ้าตรัสกับอธิการอายริงก์ว่า “เราจะให้เจ้าเห็นเขาอย่างที่เราเห็น” (“จงเดินกับเรา,” 84).

  36. นี่เป็นคำสัญญาและหน้าที่ซึ่งพระผู้ช่วยให้รอดทรงมอบให้ผู้คนที่พระวิหารในแผ่นดินอุดมมั่งคั่ง พระองค์ทรงบัญชาให้พวกเขาดำเนินชีวิตจนแสงสว่างและแบบอย่างของพระองค์อยู่ในพวกเขา จนพวกเขาสามารถชูพระองค์เป็นแสงส่องโลกในชีวิตพวกเขาและในการเชื้อเชิญให้ผู้อื่นมาหาพระองค์ ขณะที่ผู้ติดตามพระองค์ดำเนินชีวิตและเชื้อเชิญเช่นนั้น ผู้อื่นจะรู้สึกและเห็นพระองค์ในผู้รับใช้ของพระเจ้า (ดู 3 นีไฟ 18:24–25.)

  37. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ความมีค่าควรในพลังฐานะปุโรหิต,” เลียโฮนา, พ.ค. 2016, 68.

  38. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:88.