2010–2019
เตรียมรับสิ่งจำเป็นทุกอย่าง
การประชุมใหญ่สามัญ เมษายน 2019


2:3

เตรียมรับสิ่งจำเป็นทุกอย่าง

เราจะได้รับพรเมื่อเราพยายามทำความรับผิดชอบส่วนตัวในการเรียนรู้และรักพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์

โปรแกรมและกิจกรรมต่างๆ ของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายกำลังให้บ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากการปรับเปลี่ยนต่อเนื่องที่ประกาศในการประชุมใหญ่สามัญครั้งล่าสุด ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันแนะนำเราว่า “จะมีมาอีกมาก … กินวิตามิน นอนให้อิ่ม อนาคตจะน่าตื่นเต้นแน่นอน”1

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนและอัญเชิญความช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขณะเราพิจารณาความหมายอันเป็นนัยพื้นฐานของการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ในศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเจ้า

การเรียนพระกิตติคุณที่ให้บ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุน

ข้าพเจ้ากับคู่ เอ็ลเดอร์เครก ซี. คริสเต็นเซ็น เพิ่งไปร่วมการประชุมผู้นำฐานะปุโรหิตกับข้าพเจ้า เขาใช้คำถามง่ายๆ สองข้อเพื่อเน้นหลักธรรมของการให้บ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุน เขาเสนอว่าแทนที่จะกลับบ้านหลังเลิกประชุมที่โบสถ์วันอาทิตย์และถามว่า “วันนี้คุณเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณที่โบสถ์” เราควรถามในการประชุมที่โบสถ์ของเราว่า “สัปดาห์นี้คุณเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณในบ้านของคุณ” การถือปฏิบัติวันสะบาโตอย่างถูกต้อง หลักสูตรใหม่ และตารางการประชุมที่ปรับเปลี่ยนล้วนช่วยให้เราเรียนพระกิตติคุณทั้งในบ้านและที่โบสถ์

สมาชิกแต่ละคนของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมีความรับผิดชอบในการเรียนและดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเจ้า รับศาสนพิธีแห่งความรอดและความสูงส่งโดยสิทธิอำนาจที่ถูกต้อง เราไม่ควรคาดหวังให้องค์กรศาสนจักรสอนหรือบอกเราทุกอย่างที่เราต้องรู้และทำเพื่อเป็นสานุศิษย์ที่ภักดีและอดทนอย่างกล้าหาญจนกว่าชีวิตจะหาไม่2 ความรับผิดชอบของเราแต่ละคนคือเรียนรู้สิ่งที่ควรเรียนรู้ ดำเนินชีวิตในทางที่ถูกที่ควรตามที่เรารู้ และเป็นคนที่พระอาจารย์ทรงประสงค์ให้เราเป็น บ้านของเราเป็นสถานที่แห่งแรกสำหรับการเรียนรู้ ดำเนินชีวิต และการเป็นอะไรบางอย่าง

สมัยเด็ก โจเซฟ สมิธเรียนเรื่องพระผู้เป็นเจ้าจากครอบครัวท่าน การพยายามค้นหาพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าทำให้โจเซฟแสวงหาความจริงในบรรดานิกายต่างๆ หมั่นไตร่ตรองพระคัมภีร์ และสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงใจ เมื่อเป็นเด็กหนุ่มโจเซฟ สมิธกลับบ้านทันทีจากป่าศักดิ์สิทธิ์หลังการปรากฏของพระบิดาและพระบุตร ท่านพูดกับมารดาเป็นคนแรก ขณะท่าน “ยืนพิงเตาผิงอยู่, มารดาสอบถามว่าเป็นอะไร. [โจเซฟ] ตอบ, “ไม่มีอะไรหรอก, ทุกอย่างดี—ผมสบายดี” จากนั้น [ท่าน] กล่าวแก่มารดา [ท่าน], “ผมเรียนรู้ด้วยตนเอง’”3 ประสบการณ์ของโจเซฟให้รูปแบบการเรียนรู้ที่เราแต่ละคนควรเลียนแบบ เราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเราเองด้วย

จุดประสงค์ครอบคลุมแผนของพระบิดาบนสวรรค์คือให้บุตรธิดาของพระองค์เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงจัดเตรียมโอกาสสำคัญยิ่งให้เราเติบโตและก้าวหน้า ความตั้งใจจะเรียนรู้และดำเนินชีวิตตามความจริงสำคัญมากขึ้นในโลกที่อยู่ “ในความโกลาหล”4 สับสนและชั่วร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ เราไม่สามารถคาดหวังเพียงเข้าร่วมการประชุมและมีส่วนร่วมในโปรแกรมต่างๆ แล้วคิดว่าจะได้รับการสอนและความคุ้มครองทางวิญญาณทั้งหมดที่จะทำให้เราสามารถ “ต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น” ได้5

“บิดามารดามีหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะเลี้ยงดูบุตรธิดาด้วยความรักและความชอบธรรม”6 ผู้นำ ผู้สอน และกิจกรรมที่ได้รับการดลใจของศาสนจักรช่วยบุคคลและครอบครัวที่พยายามเติบโตทางวิญญาณ แม้เราทุกคนต้องการให้ช่วยผลักดันไปบนเส้นทางพันธสัญญา แต่ความรับผิดชอบอันดับแรกของการพัฒนาความเข้มแข็งทางวิญญาณและความทรหดตกอยู่กับเราแต่ละคน

ลองนึกดูว่านีไฟบุตรของศาสดาพยากรณ์ลีไฮปรารถนาจะเห็น ได้ยิน และรู้สิ่งที่บิดาเรียนรู้ในนิมิตเรื่องต้นไม้แห่งชีวิตด้วยตนเองโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างไร เห็นได้ชัดว่านีไฟต้องการและได้รับพรในวัยเยาว์จากแบบอย่างและคำสอนของ “บิดามารดาผู้ประเสริฐ”7 แต่เช่นเดียวกับโจเซฟ สมิธ ท่านปรารถนาจะเรียนรู้และรู้ด้วยตัวท่านเอง

ถ้าทั้งหมดที่ท่านหรือข้าพเจ้ารู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูคือสิ่งที่ผู้อื่นสอนหรือบอกเรา แสดงว่ารากฐานประจักษ์พยานของเราในพระองค์และงานยุคสุดท้ายของพระองค์สร้างบนทราย8 เราจะอาศัยหรือยืมแสงพระกิตติคุณและความรู้จากคนอื่นอย่างเดียวไม่ได้—แม้เราจะรักและวางใจคนนั้นก็ตาม

สำคัญตรงที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธสอนว่าวิสุทธิชนยุคสุดท้ายแต่ละคนต้องเข้าใจ “แบบแผนและจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงให้เรามาในโลกนี้”9ด้วยตัวเขาเอง

“แม้เราจะได้อ่านและเข้าใจทั้งหมดที่เขียนไว้ตั้งแต่สมัยของอาดัมเกี่ยวกับสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์กับพระผู้เป็นเจ้าและเหล่าเทพในอนาคต เราก็ยังรู้น้อยมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ การอ่านประสบการณ์ของผู้อื่นหรือการเปิดเผยที่ประทานแก่ พวกเขา ไม่สามารถทำให้ เรา เข้าใจสภาพและความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเรากับพระผู้เป็นเจ้าได้ เราจะมีความรู้ในเรื่องเหล่านี้จากประสบการณ์โดยผ่านศาสนพิธีต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้าที่กำหนดไว้เพื่อจุดประสงค์นี้เท่านั้น10

ความสามารถในการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่ทางวิญญาณสำหรับบุคคลและครอบครัวเป็นเหตุผลเบื้องต้นประการหนึ่งที่โปรแกรมและกิจกรรมของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายกำลังให้บ้านเป็นศูนย์กลางมากขึ้นและศาสนจักรสนับสนุนในช่วงนี้ของสมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา

นัยของการเรียนรู้ที่ให้บ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุน

ข้าพเจ้าขอสรุปนัยบางประการของการเรียนพระกิตติคุณที่ให้บ้านเป็นศูนย์กลางมากขึ้นและศาสนจักรสนับสนุน

ศูนย์ฝึกอบรมผู้สอนศาสนาที่สำคัญที่สุดอยู่ในบ้านของเรา อันดับสองตั้งอยู่ในโพรโว มะนิลา เม็กซิโกซิตี และที่อื่นๆ ชั้นเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์ที่ให้ความรู้มากที่สุดควรเป็นการศึกษาส่วนตัวและกับครอบครัวในที่อยู่อาศัยของเรา อันดับสองคือชั้นเรียนในอาคารประชุมของเรา

เวลานี้ศูนย์ประวัติครอบครัวอยู่ในบ้านของเรา ความช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับงานค้นคว้าประวัติครอบครัวมีให้ในอาคารประชุมของเราเช่นกัน

ชั้นเรียนเตรียมเข้าพระวิหารชั้นสำคัญที่สุดอยู่ในบ้านของเรา ชั้นเรียนสำคัญรองลงมาอาจจัดเป็นช่วงๆ ในอาคารประชุมของเรา

การทำให้บ้านของเราเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ที่เราสามารถ “ยืนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”11 จำเป็นอย่างยิ่งในยุคสุดท้ายนี้ ทุกวันนี้การเรียนรู้ที่ให้บ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุนสำคัญต่อความเข้มแข็งและความคุ้มครองทางวิญญาณ และจะสำคัญยิ่งขึ้นในอนาคต

การเรียนรู้ที่ให้บ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุนและการเตรียมเข้าพระวิหาร

ขอให้พิจารณาว่าจะประยุกต์ใช้หลักธรรมของการ “ให้บ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุน” กับการเตรียมตัวเราและความมีค่าควรที่จะรับศาสนพิธีและพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ในพระนิเวศน์ของพระเจ้าได้อย่างไร

การเตรียมเข้าพระวิหารได้ผลที่สุดในบ้านของเรา แต่สมาชิกจำนวนมากไม่แน่ใจว่าอะไรพูดนอกพระวิหารได้และไม่ได้เกี่ยวกับประสบการณ์พระวิหาร

ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันอธิบายสาเหตุที่มีความไม่แน่ใจนี้:

“พระวิหารเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และศาสนพิธีในพระวิหารมีลักษณะศักดิ์สิทธิ์ เพราะความศักดิ์สิทธิ์นั้นบางครั้งเราจึงไม่กล้าพูดเรื่องพระวิหารกับลูกหลานของเรา

“ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงไม่มีความปรารถนาจะไปพระวิหารจริงๆ หรือเมื่อไปที่นั่นพวกเขาไปโดยมีความรู้พื้นฐานไม่มากพอจะเตรียมตนเองให้พร้อมรับข้อผูกมัดและพันธสัญญาที่พวกเขาทำ

“ข้าพเจ้าเชื่อว่า ความเข้าใจที่ถูกต้องหรือความรู้พื้นฐาน จะช่วยเตรียมเยาวชนอย่างมากให้พร้อมเข้าพระวิหาร … [และ] จะบ่มเพาะความปรารถนาให้พวกเขาแสวงหาพรฐานะปุโรหิตของพวกเขาเฉกเช่นอับราฮัมแสวงหาพรฐานะปุโรหิตของตน”12

แนวทางพื้นฐานสองประการจะช่วยให้เรามีความเข้าใจถูกต้องตามที่ประธานเบ็นสันเน้น

แนวทางที่ 1 เพราะเรารักพระเจ้า เราจึงควรพูดเกี่ยวกับพระนิเวศน์ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ด้วยความคารวะเสมอ เราไม่ควรเปิดเผยหรือบอกสัญลักษณ์พิเศษเกี่ยวกับพันธสัญญาที่เราได้รับในพิธีการศักดิ์สิทธิ์ของพระวิหาร ทั้งไม่ควรบอกข้อมูลศักดิ์สิทธิ์ที่เราสัญญาไว้เป็นพิเศษในพระวิหารว่าจะไม่เปิดเผย

แนวทางที่ 2 พระวิหารเป็นพระนิเวศน์ของพระเจ้า ทุกอย่างในพระวิหารบอกเป็นนัยถึงพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ ขอให้เราอธิบายจุดประสงค์เบื้องต้น หลักคำสอนและหลักธรรมเกี่ยวกับศาสนพิธีและพันธสัญญาพระวิหาร

ประธานฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์แนะนำว่า “ขอให้เราแบ่งปันความรู้สึกทางวิญญาณที่เรามีในพระวิหารกับลูกๆ ของเรา ขอให้เราสอนสิ่งที่เราพูดได้ตามสมควรเกี่ยวกับจุดประสงค์ของพระนิเวศน์ของพระเจ้าอย่างจริงจังมากขึ้นและอย่างสบายใจมากขึ้น”13

ผู้นำศาสนจักรหลายรุ่นตั้งแต่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธจนถึงประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน สอนจุดประสงค์เกี่ยวกับหลักคำสอนของศาสนพิธีและพันธสัญญาพระวิหารกันอย่างกว้างขวาง14 แหล่งข้อมูลใหญ่ที่สุดอยู่ในสิ่งพิมพ์ เสียง วีดิทัศน์ และรูปแบบอื่นเพื่อช่วยให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนพิธีขั้นเตรียม เอ็นดาวเม้นท์ การแต่งงาน และศาสนพิธีผนึก15 ข้อมูลเกี่ยวกับการทำตามพระผู้ช่วยให้รอดโดยรับและให้เกียรติพันธสัญญาว่าจะรักษากฎแห่งการเชื่อฟัง กฎแห่งการเสียสละ กฎแห่งพระกิตติคุณ กฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ และกฎแห่งการอุทิศถวายมีให้เช่นกัน16 สมาชิกทุกคนควรคุ้นเคยกับเนื้อหาที่ดีเยี่ยมใน temples.ChurchofJesusChrist.org

temples.churchofjesuschrist.org

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเน้นดุลยภาพสำคัญระหว่างความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีการพระวิหารกับข้อมูลล้ำค่าเกี่ยวกับพระวิหารที่ศาสนจักรจัดพิมพ์ไว้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และมีให้คนทั่วไปอ่าน ท่านอธิบายว่า “ข้าพเจ้าแนะนำให้สมาชิก … อ่านคู่มือพระคัมภีร์ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับพระวิหาร เช่น ‘เจิม’ ‘พันธสัญญา’ ‘การเสียสละ’ และ ‘พระวิหาร’ โดยอาจต้องการอ่านใน อพยพบทที่ 26–29 และ เลวีนิติบทที่ 8 พันธสัญญาเดิมตลอดจนหนังสือ โมเสส และ อับราฮัม ในไข่มุกอันล้ำค่า ต่างเน้นย้ำให้เห็นความเก่าแก่ของงานพระวิหารและลักษณะอันยั่งยืนของศาสนพิธี”17

วีดิทัศน์วัตถาภรณ์พระวิหารศักดิ์สิทธิ์

สมมติว่าบุตรหรือธิดาของท่านถามว่า “คนที่โรงเรียนบอกผมว่าเราสวมเสื้อผ้าแปลกๆ ในพระวิหาร ใช่ไหมครับ” วีดิทัศน์สั้นๆ เรื่อง “Sacred Temple Clothing (วัตถาภรณ์พระวิหารศักดิ์สิทธิ์)” มีให้ดูที่ temples.ChurchofJesusChrist.org แหล่งข้อมูลนี้อธิบายว่าตั้งแต่สมัยโบราณชายและหญิงน้อมรับเพลงศักดิ์สิทธิ์ การสวดอ้อนวอนแบบต่างๆ เสื้อผ้าที่เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา กิริยาท่าทาง และพิธีกรรมแสดงความรู้สึกภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร ด้วยเหตุนี้ ศาสนจักรจึงสนับสนุนการเตรียมรับพรพระวิหารที่ให้บ้านเป็นศูนย์กลางผ่านการสอนขั้นพื้นฐานและแหล่งข้อมูลอย่างเช่นวีดิทัศน์เรื่องนี้ ศาสนจักรมีข้อมูลมากมายให้ท่าน18

เมื่อเราพยายามเดินด้วยความสุภาพอ่อนน้อมแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า19 เราจะได้รับพรให้เข้าใจและบรรลุดุลยภาพที่จำเป็นในบ้านระหว่างสิ่งที่ควรและไม่ควรพูดถึงเกี่ยวกับศาสนพิธีและพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของพระวิหาร

คำสัญญาและประจักษ์พยาน

ข้าพเจ้าคาดว่าบางท่านอาจสงสัยว่าการเรียนพระกิตติคุณของท่านจะให้บ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุนได้จริงหรือ ท่านอาจเป็นสมาชิกคนเดียวในบ้าน หรือคู่สมรสไม่สนับสนุน หรือเป็นบิดามารดาตัวคนเดียว หรืออยู่คนเดียวเพราะเป็นคนโสดหรือหย่าร้าง ท่านอาจมีคำถามว่าจะประยุกต์ใช้หลักธรรมเหล่านี้กับท่านอย่างไร ท่านอาจเป็นสามีภรรยาที่มองหน้ากันและถามว่า “เราจะทำได้หรือ”

ท่านทำได้แน่นอน! ข้าพเจ้าสัญญาว่าพรจะหลั่งไหลมาและประจักษ์ชัดในชีวิตท่าน ประตูจะเปิด แสงจะส่อง ท่านจะสามารถอดทนทำอย่างขยันขันแข็งได้มากขึ้น

ข้าพเจ้าเป็นพยานอย่างปีติว่าเราจะได้รับพรชดเชยเมื่อเราพยายามทำความรับผิดชอบส่วนตัวในการเรียนรู้และรักพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ เราสามารถ “เตรียมรับสิ่งจำเป็นทุกอย่าง”20 ได้อย่างแท้จริง ข้าพเจ้าสัญญาและเป็นพยานในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ เอเมน