พระเมษบาลผู้ประเสริฐ พระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า
พระเยซูคริสต์ทรงเรียกเราด้วยสุรเสียงและพระนามของพระองค์ ทรงเสาะหาและรวบรวมเรา ทรงสอนเราถึงวิธีปฏิบัติศาสนกิจด้วยความรัก
พี่น้องที่รัก ท่านเคยนอนหลับยากและพยายามนับแกะในจินตนาการหรือไม่ ขณะแกะขนปุกปุยกระโดดข้ามรั้ว ท่านนับ 1, 2, 3, … 245, 246, … 657, 658 …1
ในกรณีของข้าพเจ้า การนับแกะไม่ทำให้ข้าพเจ้าง่วง ข้าพเจ้ากลัวจะนับพลาดหรือขาดไป ข้าพเจ้าจึงตื่นตลอด
เราประกาศพร้อมเด็กเลี้ยงแกะที่กลายเป็นกษัตริย์ว่า
“พระยาห์เวห์ทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน
“พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ
“พระองค์ทรงคืนความสดชื่นแก่ชีวิตข้าพเจ้า”2
เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์นี้ เราสรรเสริญพระเมษบาลผู้ประเสริฐผู้ทรงเป็นพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้าเช่นกัน ในพระฉายานามทั้งหมดของพระองค์ ไม่มีพระฉายานามใดอ่อนโยนหรือบอกเล่ามากกว่านี้ เราเรียนรู้มากจากพระผู้ช่วยให้รอดเมื่อทรงเรียกพระองค์เองเป็นพระเมษบาลผู้ประเสริฐและจากประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์ผู้ยืนยันว่าพระองค์ทรงเป็นพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า บทบาทและสัญลักษณ์เหล่านี้เสริมกันอย่างยิ่ง—ใครจะช่วยเหลือแกะล้ำค่าแต่ละตัวได้ดีไปกว่าพระเมษบาลผู้ประเสริฐ และใครจะเป็นพระเมษบาลผู้ประเสริฐของเราได้ดีไปกว่าพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า
“เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงรักโลก จึงได้ประทานพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากพระองค์” และพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากพระผู้เป็นเจ้าพลีพระชนม์ชีพในการยอมเชื่อฟังพระบิดาของพระองค์3 พระเยซูทรงเป็นพยานว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ”4 พระเยซูทรงมีอำนาจที่จะพลีพระชนม์ชีพและมีอำนาจที่จะรับคืนมาอีก5 พระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระบิดา พระองค์ประทานพรเราทั้งในฐานะพระเมษบาลผู้ประเสริฐและพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า
ในฐานะพระเมษบาลผู้ประเสริฐ พระเยซูคริสต์ทรงเรียกเราด้วยสุรเสียงและพระนามของพระองค์ ทรงเสาะหาและรวบรวมเรา ทรงสอนเราถึงวิธีปฏิบัติศาสนกิจด้วยความรัก ขอให้เราพิจารณาหัวข้อสามหัวข้อนี้ เริ่มจากพระองค์ทรงเรียกเราด้วยสุรเสียงและพระนามของพระองค์
หนึ่ง พระเมษบาลผู้ประเสริฐทรง “เรียกชื่อแกะของ [พระองค์] … แกะ … รู้จักเสียงของ [พระองค์]”6 และ “ในพระนามของพระองค์เองพระองค์ทรงเรียกท่าน, ซึ่งคือพระนามของพระคริสต์”7 เมื่อเราหมายมั่นติดตามพระเยซูคริสต์ด้วยเจตนาแท้จริง เราจะได้รับการดลใจให้ทำดี รักพระผู้เป็นเจ้า และรับใช้พระองค์8 เมื่อเราศึกษา ไตร่ตรอง และสวดอ้อนวอน เมื่อเราต่อพันธสัญญาศีลระลึกและพระวิหารเป็นประจำ และเมื่อเราเชื้อเชิญให้คนทั้งปวงมาหาพระกิตติคุณและศาสนพิธี เรากำลังสดับฟังสุรเสียงของพระองค์
ในสมัยของเรา ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันแนะนำให้เราเรียกศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูตามชื่อที่พระเยซูคริสต์ทรงเปิดเผยว่าศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย9 พระเจ้าตรัสว่า “อะไรก็ตามที่เจ้าจะทำ, เจ้าจงทำ ในนามของเรา; ฉะนั้นเจ้าจงเรียกศาสนจักร ตามนามของเรา; และเจ้าจงเรียกหาพระบิดา ในนามของเรา เพื่อพระองค์จะประทานพรให้ศาสนจักรเพื่อเห็นแก่เรา”10 ทั่วโลก ในใจและในบ้านของเรา เราเรียกหาพระบิดาในพระนามของพระเยซูคริสต์ เราสำนึกคุณต่อพรของการนมัสการที่ให้บ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุน การศึกษาพระกิตติคุณ และกิจกรรมครอบครัวที่ดีงาม
สอง พระเมษบาลผู้ประเสริฐทรงเสาะหาและรวบรวมเราไว้ในคอกของพระองค์ พระองค์ตรัสถามว่า “ใครในพวกท่านที่มีแกะร้อยตัวและตัวหนึ่งหลงหายไปจะไม่ทิ้งเก้าสิบเก้าตัวนั้นไว้ที่กลางทุ่งหญ้า แล้วออกไปตามหาตัวที่หายไปนั้น จนกว่าจะพบหรือ?”11
บ่อยครั้งพระผู้ช่วยให้รอดทรงเสาะหาหนึ่งตัวและเก้าสิบเก้าตัวไปพร้อมๆ กัน เมื่อเราปฏิบัติศาสนกิจ เรารับรู้ว่ามีเก้าสิบเก้าคนที่แน่วแน่และไม่หวั่นไหว แม้จะอยากให้หนึ่งคนที่พลัดหลงกลับมา พระเจ้าทรงเสาะหาและปลดปล่อยเรา “จากทุกที่”12 “จากสี่เสี้ยวของแผ่นดินโลก”13 พระองค์ทรงรวบรวมเราโดยพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์และพระโลหิตที่ชดใช้ของพระองค์14
พระผู้ช่วยให้รอดรับสั่งกับสานุศิษย์สมัยพันธสัญญาใหม่ว่า “แกะอื่นที่ไม่ได้เป็นของคอกนี้เราก็มีอยู่”15 ในทวีปอเมริกา พระเจ้าผู้ฟื้นคืนพระชนม์ทรงเป็นพยานต่อลูกหลานแห่งพันธสัญญาของลีไฮว่า “เจ้าคือแกะของเรา”16 พระเยซูตรัสว่าแกะอื่นจะได้ยินสุรเสียงของพระองค์17 นับเป็นพรอย่างยิ่งที่พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานหลักฐานยืนยันสุรเสียงของพระเยซูคริสต์อีกเล่มหนึ่ง!
พระเยซูคริสต์ทรงเชื้อเชิญให้ศาสนจักรรับทุกคนที่ฟังสุรเสียงของพระองค์18 และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ หลักคำสอนของพระคริสต์รวมบัพติศมาโดยน้ำและโดยไฟและพระวิญญาณบริสุทธิ์ไว้ด้วย19 นีไฟถามว่า “หากพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า, โดยที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์, ยังจำต้องรับบัพติศมาโดยน้ำ, เพื่อทำให้ความชอบธรรมทั้งหมดสมบูรณ์, โอ้แล้ว, เรา, โดยที่ไม่บริสุทธิ์, จะต้องรับบัพติศมายิ่งกว่านั้นเพียงใด, แท้จริงแล้ว, แม้โดยน้ำ!”20
ปัจจุบันพระผู้ช่วยให้รอดทรงปรารถนาให้สิ่งที่เราทำและคนที่เราจะเป็น เชื้อเชิญให้ผู้อื่นมาติดตามพระองค์ จงมาหาความรัก การรักษา ความสัมพันธ์ และการเป็นคนในพันธสัญญาของพระองค์ รวมถึงในพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์แห่งความรอดสามารถเป็นพรแก่สมาชิกครอบครัวทุกคน ด้วยเหตุนี้จึงรวบรวมอิสราเอลทั้งสองด้านของม่าน21
สาม ในฐานะ “พระผู้ทรงเลี้ยงดูอิสราเอล”22 พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างให้เห็นว่าผู้เลี้ยงดูอิสราเอลปฏิบัติศาสนกิจด้วยความรักอย่างไร เมื่อพระเจ้าตรัสถามว่าเรารักพระองค์ไหม เช่นที่ตรัสถามซีโมนเปโตร พระผู้ช่วยให้รอดทรงขอว่า “จงเลี้ยงดูลูกแกะของเราเถิด … จงดูแลแกะของเราเถิด … จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด”23 พระเจ้าทรงสัญญาว่าเมื่อเมษบาลดูแลลูกแกะและแกะของพระองค์ แกะในคอกของพระองค์ “จะไม่ต้องกลัวหรือครั่นคร้ามหรือขาดแคลนเลย”24
พระเมษบาลผู้ประเสริฐทรงเตือนว่าเมษบาลในอิสราเอลต้องไม่เคลิ้มหลับ25 ไม่ทำให้แกะกระจัดกระจายหรือพลัดหลง26 ทั้งไม่หาทางให้ตนเองได้ประโยชน์27 เมษบาลของพระผู้เป็นเจ้าต้องเสริมกำลัง รักษา พันผ้าให้ตัวที่กระดูกหัก พาตัวที่หลงทางกลับมา หาตัวที่หายไป28
พระเจ้าทรงเตือนคนเลี้ยงแกะรับจ้างที่ “ไม่ได้เป็นห่วงแกะ”29 และ “ศาสดาพยากรณ์ปลอม, ผู้จะมาหาเจ้าในเครื่องนุ่งห่มของแกะ, แต่ภายในพวกเขาเป็นสุนัขป่าที่หิวโหย”30
พระเมษบาลผู้ประเสริฐทรงชื่นชมยินดีเมื่อเราใช้สิทธิ์เสรีทางศีลธรรมด้วยความตั้งใจและศรัทธา คนในคอกพึ่งพาพระผู้ช่วยให้รอดด้วยความกตัญญูต่อการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ เราทำพันธสัญญาว่าจะติดตามพระองค์ ไม่เฉยเฉื่อย ไม่ตาบอด หรือไม่ “ตาขาว” แต่ปรารถนาจะรักพระผู้เป็นเจ้าและเพื่อนบ้าน แบกภาระของกันและกันและชื่นชมยินดีในปีติของกันและกันด้วยสุดใจและสุดความนึกคิดของเรา พระคริสต์ทรงอุทิศพระประสงค์ของพระองค์ให้พระประสงค์ของพระบิดาฉันใด เราน้อมรับพระนามของพระองค์ไว้กับเราฉันนั้น เรายินดีร่วมงานกับพระองค์ในการรวบรวมและปฏิบัติศาสนกิจต่อบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า
พี่น้องทั้งหลาย พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเมษบาลผู้ประเสริฐที่ดีพร้อม เพราะพระเยซูคริสต์พลีพระชนม์ชีพเพื่อเราและบัดนี้ทรงฟื้นคืนพระชนม์อย่างสมเกียรติ พระองค์จึงทรงเป็นพระเมษโปดกที่ดีพร้อมของพระผู้เป็นเจ้าเช่นกัน31
พระเมษโปดกสังเวยของพระผู้เป็นเจ้ามีบอกไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้น เทพบอกอาดัมว่าการพลีบูชาของเขา “คืออุปมาถึงการพลีพระชนม์ชีพของพระองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากพระบิดา” ซึ่งเชื้อเชิญให้เรา “กลับใจและเรียกหาพระผู้เป็นเจ้าในพระนามของพระบุตรตลอดกาลนาน”32
ท่านบิดาอับราฮัมผู้สถาปนาพรตามพันธสัญญาให้ทุกประชาชาติของแผ่นดินโลกประสบสิ่งที่มุ่งหมายให้ถวายบุตรคนเดียวของเขา
“อิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาว่า ‘พ่อ’ และท่านตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย พ่ออยู่นี่’ ลูกจึงว่า ‘นี่ไฟและฟืน แต่ลูกแกะอยู่ที่ไหน…?
อับราฮัมตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย พระเจ้าจะทรงจัดหาลูกแกะสำหรับพระองค์เอง’”33
อัครสาวกและศาสดาพยากรณ์เห็นล่วงหน้าและชื่นชมยินดีในพระพันธกิจที่กำหนดให้พระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้าล่วงหน้า ยอห์นในโลกเก่าและนีไฟในโลกใหม่เป็นพยานถึง “พระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า”34 “แท้จริงแล้ว, แม้พระบุตรของพระบิดานิรันดร์, … พระผู้ไถ่ของโลก”35
อบินาไดเป็นพยานถึงการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ว่า “เราทั้งหลาย, ล้วนหลงทางไปแล้ว, ดุจดังแกะ; เราทุกคนหันไปตามทางของตนเอง; และพระเจ้าทรงวางความชั่วช้าสามานย์ของเราทุกคนไว้กับพระองค์”36 แอลมาเรียกการพลีพระชนม์ชีพครั้งใหญ่และสุดท้ายของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็น “สิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญกว่าสิ่งทั้งปวง” แอลมากระตุ้นให้ “มีศรัทธาในพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า” “มาเถิดและอย่ากลัวเลย”37
เพื่อนรักคนหนึ่งเล่าว่าเธอมีประจักษ์พยานอันล้ำค่าเกี่ยวกับการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร เธอเติบโตมากับการเชื่อว่าบาปนำโทษใหญ่มาให้เสมอ ซึ่งเราต้องแบกรับไว้คนเดียว เธอวิงวอนพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเข้าใจความเป็นไปได้ของการให้อภัย เธอสวดอ้อนวอนเพื่อให้เข้าใจและรู้ว่าพระเยซูคริสต์จะทรงให้อภัยคนที่กลับใจได้อย่างไร ความเมตตาจะสนองความยุติธรรมได้อย่างไร
วันหนึ่งคำสวดอ้อนวอนของเธอมีคำตอบอยู่ในประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทางวิญญาณ ชายหนุ่มสิ้นคิดคนหนึ่งขโมยถุงอาหารสองใบวิ่งออกจากร้านขายของชำ เขาวิ่งมาทางถนนที่พลุกพล่าน ผู้จัดการร้านที่ไล่ตามจับชายคนนี้ เริ่มร้องตะโกนและต่อสู้กัน แทนที่จะคิดตัดสินว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นขโมย เพื่อนข้าพเจ้านึกไม่ถึงว่าตนเองจะเห็นใจเขามาก โดยที่ไม่กลัวหรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของตนเอง เธอเดินตรงเข้าไปหาชายสองคนที่ทะเลาะกัน เธอบอกชายสองคนนั้นว่า “ดิฉันจะจ่ายค่าอาหารเอง ปล่อยเขาไปเถิด แล้วให้ดิฉันจ่ายค่าอาหารให้เขา”
เพราะการกระตุ้นเตือนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์และความรักที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพื่อนข้าพเจ้าพูดว่า “ทั้งหมดที่ดิฉันอยากทำคือช่วยเหลือชายหนุ่มคนนั้น” เพื่อนข้าพเจ้าบอกว่าเธอเริ่มเข้าใจพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์—อย่างไรและเหตุใดพระเยซูคริสต์จึงเต็มพระทัยเสียสละด้วยความรักที่แท้จริงและบริสุทธิ์เพื่อเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเธอ และเหตุใดเธอจึงต้องการให้พระองค์เป็น38
ไม่แปลกที่เราร้องเพลงนี้
ในฐานะพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดทรงทราบเมื่อเรารู้สึกโดดเดี่ยว ด้อยค่า ไม่แน่ใจ หรือกลัว ในนิมิต นีไฟเห็นเดชานุภาพของพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า “ลงมาบนวิสุทธิชนของศาสนจักรของพระเมษโปดก, และบนผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า” ถึงแม้ “กระจัดกระจายอยู่บนทั่วพื้นพิภพ … [แต่] พวกเขามีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่”40
สัญญาแห่งความหวังและความอบอุ่นใจนี้รวมถึงสมัยของเราด้วย
ท่านเป็นสมาชิกคนเดียวของศาสนจักรในครอบครัว โรงเรียน ที่ทำงาน หรือชุมชนหรือไม่ บางครั้งท่านรู้สึกว่าสาขาของท่านเล็กหรือโดดเดี่ยวหรือไม่ ท่านเคยย้ายไปอยู่ที่ใหม่ซึ่งอาจจะมีภาษาหรือขนมธรรมเนียมที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่ สภาวการณ์ของชีวิตท่านอาจเปลี่ยนไป และท่านต้องเผชิญกับสิ่งที่ท่านไม่นึกไม่ฝันหรือไม่ พระผู้ช่วยให้รอดทรงรับรองกับเรา ไม่ว่าสภาวการณ์ของเราเป็นเช่นไร ไม่ว่าเราเป็นใคร ในถ้อยคำของอิสยาห์กล่าวว่า “พระองค์จะทรงเลี้ยงฝูงแกะของพระองค์เหมือนผู้เลี้ยงแกะ พระองค์จะทรงรวบรวมลูกแกะไว้ด้วยพระกรของพระองค์ พระองค์จะทรงอุ้มไว้ที่พระทรวง และจะค่อยๆ นำแม่แกะที่มีลูกอ่อน”41
พี่น้องทั้งหลาย พระเมษบาลผู้ประเสริฐทรงเรียกเราด้วยสุรเสียงและพระนามของพระองค์ พระองค์ทรงเสาะหา รวบรวม และมาหาผู้คนของพระองค์ พระองค์ทรงเชื้อเชิญทุกคนผ่านศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตและเราแต่ละคนให้ค้นหาสันติสุข การรักษา และปีติในความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูและบนเส้นทางพันธสัญญาของพระองค์ พระองค์ทรงสอนเมษบาลของอิสราเอลโดยแบบอย่างให้ปฏิบัติศาสนกิจในความรักของพระองค์
ในฐานะพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า พระพันธกิจของพระเยซูกำหนดไว้ล่วงหน้า อัครสาวกและศาสดาพยากรณ์ต่างชื่นชมยินดี การชดใช้อันไม่มีขอบเขตและเป็นนิรันดร์ของพระองค์อยู่ใจกลางแผนแห่งความสุขและจุดประสงค์ของการสร้าง พระองค์ทรงรับรองกับเราว่าพระองค์ทรงรักเราเสมอ
พี่น้องที่รัก ขอให้เราปรารถนาจะเป็น “ผู้ติดตามที่ถ่อมตนของพระผู้เป็นเจ้าและพระเมษโปดก”42 มีชื่อของเราจารึกไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก43 ขับขานบทเพลงของพระเมษโปดก44 และได้รับเชิญมางานเลี้ยงของพระเมษโปดก45
ในฐานะพระเมษบาลและพระเมษโปดก พระองค์ทรงเรียกให้มา “สู่ความรู้ที่แท้จริง … เรื่องพระผู้ไถ่ [ของท่าน], … พระเมษบาลผู้ยิ่งใหญ่และแท้จริง [ของท่าน]”46 พระองค์ทรงสัญญาว่า “โดยพระคุณของพระองค์ [เรา] จะดีพร้อมในพระคริสต์”47
เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์นี้ เราสรรเสริญพระองค์ว่า
“พระเมษโปดกผู้มีค่าควร!”48
“โฮซันนาแด่พระผู้เป็นเจ้าและพระเมษโปดก!”49
ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงพระองค์ พระเมษบาลผู้ประเสริฐที่ดีพร้อม พระเมษโปดกที่ดีพร้อมของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเรียกชื่อเรา ในพระนามของพระองค์—แม้พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน