ความทรงจำสำคัญทางวิญญาณ
เมื่อความยุ่งยากส่วนตัวหรือสภาพโลกเหนือการควบคุมของเราทำให้หนทางเรามืดมน ความทรงจำสำคัญทางวิญญาณจากหนังสือแห่งชีวิตของเราจะเปรียบเสมือนหินเรืองแสงที่ช่วยส่องทางอยู่เบื้องหน้า
สิบแปดปีหลังจากนิมิตแรก ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเขียนเล่าประสบการณ์ของท่านอย่างละเอียด ท่านเผชิญการต่อต้าน การข่มเหง การคุกคาม การข่มขู่ และการโจมตีอันโหดร้าย1 แต่ท่านยังคงเป็นพยานอย่างองอาจถึงนิมิตแรกของท่าน: “ข้าพเจ้าเห็นแสงสว่างจริงๆ, และท่ามกลางแสงสว่างนั้นข้าพเจ้าเห็นพระอติรูปสองพระองค์, และพระองค์ได้รับสั่งกับข้าพเจ้าจริงๆ; และแม้ว่าข้าพเจ้าถูกเกลียดชังและถูกข่มเหงเพราะการกล่าวว่าข้าพเจ้าเห็นนิมิต, แต่มันเป็นความจริง … ข้าพเจ้ารู้เรื่องนี้, และข้าพเจ้ารู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทราบเรื่องนี้, และข้าพเจ้าไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้”2
ในยามลำบาก ความทรงจำของโจเซฟจะย้อนกลับไปเกือบยี่สิบปีถึงความแน่นอนของความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อท่านและเหตุการณ์ต้อนรับการฟื้นฟูตามคำพยากรณ์ล่วงหน้าเมื่อนานมาแล้ว ขณะใคร่ครวญการเดินทางฝ่ายวิญญาณของตนเอง โจเซฟกล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่ตำหนิคนที่ไม่เชื่อประวัติของข้าพเจ้า หากข้าพเจ้าไม่เคยประสบอย่างที่เคยประสบมา ข้าพเจ้าก็คงไม่เชื่อเช่นกัน”3
แต่ประสบการณ์เหล่านั้นจริง และท่านไม่มีวันลืมหรือปฏิเสธ โดยยืนยันประจักษ์พยานของท่านอย่างเงียบๆ ขณะย้ายไปคาร์เทจ “ข้าพเจ้าไปดังลูกแกะถูกพาไปเชือด” ท่านกล่าว “แต่ข้าพเจ้าสงบดังเวลาเช้าของฤดูร้อน; ข้าพเจ้ามีมโนธรรมอันปราศจากความผิดต่อพระผู้เป็นเจ้า, และต่อมนุษย์ทั้งปวง”4
ประสบการณ์สำคัญทางวิญญาณของท่าน
มีบทเรียนสำหรับเราในแบบอย่างของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ นอกจากการนำทางอันสงบที่เราได้รับจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นครั้งคราว พระผู้เป็นเจ้าทรงรับรองกับเราแต่ละคนอย่างมีพลังเป็นการส่วนตัวว่าพระองค์ทรงรู้จักเราและทรงรักเรา พระองค์ทรงอวยพรเราอย่างเปิดเผยและเฉพาะเจาะจง แล้วในยามยากลำบาก พระผู้ช่วยให้รอดทรงนำประสบการณ์เหล่านั้นกลับเข้ามาในใจเรา
ลองนึกถึงชีวิตท่านเอง ตลอดหลายปี ข้าพเจ้าได้ฟังประสบการณ์ลึกซึ้งทางวิญญาณหลายพันเรื่องจากวิสุทธิชนยุคสุดท้ายทั่วโลก ซึ่งยืนยันกับข้าพเจ้าอย่างไร้ข้อสงสัยว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักและรักเราแต่ละคน และทรงปรารถนาจะเปิดเผยพระองค์ต่อเรา ประสบการณ์เหล่านี้อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต หรือในเหตุการณ์ที่ดูเหมือนไม่สำคัญในตอนแรก แต่มักเกิดคู่กับการยืนยันทางวิญญาณอันแรงกล้าเป็นพิเศษถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้า
การจดจำประสบการณ์สำคัญทางวิญญาณเหล่านี้ทำให้เราต้องคุกเข่าลงประกาศเช่นเดียวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟว่า “สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับจากสวรรค์ ข้าพเจ้ารู้เรื่องนี้ และข้าพเจ้ารู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทราบว่าข้าพเจ้ารู้เรื่องนี้”5
ตัวอย่างสี่เรื่อง
ลองใคร่ครวญความทรงจำสำคัญทางวิญญาณของท่านเองขณะข้าพเจ้ายกตัวอย่างจากคนอื่นๆ
หลายปีก่อน ผู้ประสาทพรสเตคสูงอายุที่ลิ้นหัวใจสองอันผิดปกติ ขอร้องให้ ดร.รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันช่วยทั้งที่สมัยนั้นไม่มีวิธีผ่าตัดลิ้นหัวใจที่เสียหายอันที่สอง สุดท้าย ดร.เนลสันตกลงผ่าตัดให้ ต่อไปนี้เป็นคำพูดของประธานเนลสัน:
“หลังจากลดการอุดตันของลิ้นหัวใจอันแรกแล้ว เราก็เปิดอันที่สอง เราพบว่าลิ้นอยู่ในสภาพสมบูรณ์แต่ขยายตัวมากจนไม่สามารถทำงานได้เท่าที่ควร ขณะตรวจลิ้นหัวใจอันนี้ ข้อความหนึ่งเด่นชัดในใจข้าพเจ้า: ลดขนาดเส้นรอบวงสิ ข้าพเจ้าบอกข้อความนั้นกับผู้ช่วย ‘เนื้อเยื่อลิ้นหัวใจจะเพียงพอ ถ้า เราลดเส้นรอบวงให้มีขนาดปกติได้ผล’
“แต่จะลดอย่างไร? … ภาพหนึ่งเข้ามาในความคิดข้าพเจ้าอย่างชัดเจน แสดงวิธีเย็บลิ้นหัวใจ—ทำรอยจีบตรงนี้ พับตรงนั้น … ข้าพเจ้ายังจำภาพในใจนั้นได้—รอยเส้นประบอกตำแหน่งที่ควรเย็บไหม การซ่อมแซมเสร็จสมบูรณ์ตามแผนภาพในใจข้าพเจ้า เราทดสอบลิ้นหัวใจและพบว่าการรั่วลดลงอย่างมาก ผู้ช่วยของข้าพเจ้าพูดว่า ‘นี่คือปาฏิหาริย์’”6 ผู้ประสาทพรคนนั้นมีชีวิตอีกหลายปี
ดร.เนลสันได้รับการนำทาง ท่านรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทราบว่าท่านรู้ว่าท่านได้รับการนำทาง
เคธีกับข้าพเจ้าพบเบียทริซ มาเกรครั้งแรกในฝรั่งเศสเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เบียทริซเพิ่งเล่าประสบการณ์ที่ส่งผลต่อชีวิตทางวิญญาณของเธอหลังจากรับบัพติศมาได้ไม่นานสมัยเป็นวัยรุ่น เธอเล่าว่า:
“เยาวชนในสาขาเราเดินทางกับผู้นำไปหาดลากานาอู ห่างจากเมืองบอร์โดชั่วโมงครึ่ง
“ก่อนกลับบ้าน ผู้นำคนหนึ่งตัดสินใจว่ายน้ำทิ้งท้ายและดำลงไปในคลื่นพร้อมแว่นตา พอโผล่พ้นผิวน้ำ แว่นตาของเขาก็ไม่อยู่แล้ว … มันจมหายไปในมหาสมุทร
“ถ้าไม่มีแว่นตาเขาจะขับรถไม่ได้ เราจะติดอยู่ที่หาดห่างไกลจากบ้าน
“สตรีผู้เปี่ยมด้วยศรัทธาคนหนึ่งแนะให้เราสวดอ้อนวอน
“ดิฉันบ่นว่าการสวดอ้อนวอนคงจะไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่ก็ร่วมวงสวดอ้อนวอนในที่สาธารณะอย่างเสียไม่ได้ขณะยืนอยู่ในน้ำขุ่นลึกเท่าเอว
“ทันทีที่สวดอ้อนวอนจบ ดิฉันเหยียดแขนออกไปเพื่อซัดน้ำใส่ทุกคน ขณะเอามือกวาดผิวน้ำ แว่นตาของเขามาอยู่ในมือดิฉันพอดี ความรู้สึกแรงกล้าเสียดแทงจิตวิญญาณดิฉันว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินและทรงตอบคำสวดอ้อนวอนของเราจริงๆ”7
สี่สิบห้าปีต่อมา เธอยังจำเหตุการณ์นั้นได้ประหนึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เบียทริซได้รับพรและเธอรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทราบว่าเธอรู้ว่าเธอได้รับพร
ประสบการณ์ของประธานเนลสันกับซิสเตอร์มาเกรต่างกันมาก แต่ความทรงจำสำคัญทางวิญญาณถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้าฝังอยู่ในใจทั้งสองคนไม่รู้ลืม
เหตุการณ์สำคัญเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในการเรียนรู้พระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูหรือในการแบ่งปันพระกิตติคุณกับผู้อื่น
ภาพนี้ถ่ายในเซาเปาลู บราซิล ปี 2004 ฟลอริเปซ ลูเซีย ดามาซิโอ จากสเตคอิปาติงกา บราซิล ขณะอายุ 114 ปี เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนใจเลื่อมใส ซิสเตอร์ดามาซิโอบอกข้าพเจ้าว่าผู้สอนศาสนาในหมู่บ้านของเธอให้พรฐานะปุโรหิตแก่เด็กทารกป่วยหนักและเด็กหายป่วยอย่างน่าอัศจรรย์ เธอต้องการรู้มากขึ้น ขณะสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับข่าวสารของพวกเขา พยานที่ไม่อาจปฏิเสธได้จากพระวิญญาณยืนยันกับเธอว่าโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า เธอรับบัพติศมาตอนอายุ 103 ปี และรับเอ็นดาวเม้นท์ตอนอายุ 104 ปี ทุกปีหลังจากนั้น เธอนั่งรถบัส 14 ชั่วโมงเพื่อไปใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในพระวิหาร ซิสเตอร์ดามาซิโอได้รับการยืนยันจากสวรรค์และรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทราบว่าเธอรู้ว่าพยานนั้นเป็นความจริง
ต่อไปนี้เป็นความทรงจำทางวิญญาณจากงานเผยแผ่ครั้งแรกของข้าพเจ้าในฝรั่งเศสเมื่อ 48 ปีที่แล้ว
ขณะเคาะประตูตามบ้าน ข้าพเจ้ากับคู่ฝากพระคัมภีร์มอรมอนไว้กับหญิงชราคนหนึ่ง เมื่อเรากลับไปหนึ่งสัปดาห์ให้หลังที่อะพาร์ตเมนต์ของหญิงคนนั้น เธอเปิดประตู ก่อนจะทันพูดอะไร ข้าพเจ้ารู้สึกถึงพลังทางวิญญาณที่สัมผัสได้ ความรู้สึกแรงกล้านั้นยังมีอยู่ขณะมาดามอลิซ อูดูแบร์เชิญเราเข้าข้างในและบอกว่าเธออ่านพระคัมภีร์มอรมอนแล้วและรู้ว่าเป็นความจริง ขณะออกจากอะพาร์ตเมนต์ของเธอวันนั้น ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนว่า “พระบิดาบนสวรรค์ โปรดทรงช่วยให้ข้าพระองค์ไม่ลืมความรู้สึกที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วยเถิด” ข้าพเจ้าไม่เคยลืม
ในช่วงเวลาที่ดูปกติธรรมดา ณ ประตูบานหนึ่งที่เหมือนอีกหลายร้อยบาน ข้าพเจ้ารู้สึกถึงพลังอำนาจจากสวรรค์ ข้าพเจ้ารู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทราบว่าข้าพเจ้ารู้ว่าหน้าต่างสวรรค์เปิดแล้ว
แต่ละคนแตกต่างกันและไม่อาจปฏิเสธได้
ช่วงเวลาสำคัญทางวิญญาณเหล่านี้เกิดขึ้นต่างเวลา ต่างวิธี แตกต่างกันไปสำหรับเราแต่ละคน
ลองนึกถึงตัวอย่างที่ท่านชื่นชอบในพระคัมภีร์ คนที่ฟังอัครสาวกเปโตร “รู้สึกแปลบปลาบใจ”8 เอบิชหญิงชาวเลมันเชื่อ “นิมิตอันน่าทึ่งของบิดานาง”9 และเสียงเข้ามาในจิตใจของอีนัส10
เคลย์ตัน คริสเตนเซ็น เพื่อนข้าพเจ้าบรรยายประสบการณ์ระหว่างอ่านพระคัมภีร์มอรมอนร่วมกับการสวดอ้อนวอนครั้งหนึ่งว่า: “วิญญาณที่สวยงาม อบอุ่น และเปี่ยมด้วยความรัก … ห้อมล้อมข้าพเจ้า และแผ่ซ่านเข้ามาในจิตวิญญาณข้าพเจ้า ห่อหุ้มข้าพเจ้าไว้ในความรู้สึกรักแบบที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อน [และความรู้สึกเหล่านี้ยังอยู่คืนแล้วคืนเล่า]”11
หลายครั้งที่ความรู้สึกทางวิญญาณเข้ามาในใจเหมือนดังไฟส่องสว่างให้จิตวิญญาณเรา โจเซฟ สมิธอธิบายว่าบางครั้งเรา “ฉุกคิดขึ้นได้ในทันที” และบางคราวเรารู้สึกถึงสติปัญญาอันบริสุทธิ์ที่หลั่งไหลมา12
ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์ตอบชายจริงใจคนหนึ่งผู้อ้างว่าไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้น โดยแนะนำว่า “ท่านอาจจะเคยได้รับคำตอบการสวดอ้อนวอนมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ท่านคาดหวังเครื่องหมายใหญ่โตหรือเสียงดังมากจนท่านคิดว่าท่านไม่เคยได้รับคำตอบ”13 พระผู้ช่วยให้รอดตรัสถึงผู้คนที่มีศรัทธาอันยิ่งใหญ่ผู้ “[ได้รับพร] ด้วยไฟและด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์, [แต่] หารู้ไม่”14
ท่านฟังพระองค์อย่างไร?
เราเพิ่งได้ฟังประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าวว่า: “ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านตรึกตรองและนึกถึงคำถามสำคัญนี้บ่อยๆ ว่า: ท่าน ฟังพระองค์อย่างไร? และขอเชื้อเชิญให้ท่านทำสิ่งจำเป็นเพื่อจะฟังพระองค์ให้ดีขึ้นและบ่อยขึ้น”15 ท่านย้ำคำเชื้อเชิญนั้นเมื่อเช้านี้
เราฟังพระองค์ในการสวดอ้อนวอนของเรา ในบ้านของเรา ในพระคัมภีร์ ในเพลงสวด เมื่อเรารับส่วนศีลระลึกอย่างมีค่าควร เมื่อเราประกาศศรัทธาของเรา เมื่อเรารับใช้ผู้อื่น และเมื่อเราเข้าพระวิหารกับผู้เชื่อเดียวกัน ช่วงเวลาสำคัญทางวิญญาณเกิดขึ้นเมื่อเราฟังการประชุมใหญ่สามัญร่วมกับการสวดอ้อนวอน และเมื่อเรารักษาพระบัญญัติให้ดีขึ้น เด็กๆ ทั้งหลาย ประสบการณ์เหล่านี้มีให้ท่านเช่นกัน พึงระลึกว่า พระเยซู “ทรงสอนและปฏิบัติต่อเด็กๆ … และ [เด็กๆ] พูด … เรื่องสำคัญยิ่งและน่าอัศจรรย์”16 พระเจ้าตรัสว่า:
“พระวิญญาณของเราให้ [ความรู้นี้] แก่เจ้า, … และเว้นแต่เป็นโดยอำนาจของเราแล้วเจ้าจะมีมันไม่ได้;
“ดังนั้น, เจ้าจะเป็นพยานได้ว่าเจ้าได้ยินเสียงเรา, และรู้ถ้อยคำของเรา”17
เราสามารถ “ได้ยินพระองค์” เพราะพรแห่งการชดใช้อันหาใดเทียบได้ของพระผู้ช่วยให้รอด
แม้เราจะเลือกจังหวะรับช่วงเวลาสำคัญเหล่านี้ไม่ได้ แต่ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์ให้คำแนะนำนี้ในการเตรียมของเรา: “คืนนี้และคืนพรุ่งนี้ ขอให้ท่านสวดอ้อนวอนและไตร่ตรองขณะถามว่า: พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งข่าวสารสำหรับฉันโดยเฉพาะหรือไม่? ฉันเห็นพระหัตถ์ของพระองค์ในชีวิตฉันหรือชีวิต [ครอบครัว] ของฉันหรือไม่?”18 ศรัทธา การเชื่อฟัง ความอ่อนน้อมถ่อมตน และเจตนาแท้จริงเปิดหน้าต่างสวรรค์10
ภาพประกอบ
ท่านอาจจะนึกถึงความทรงจำทางวิญญาณของท่านแบบนี้ก็ได้ เราหาหนทางจัดการกับชีวิตด้วยการสวดอ้อนวอนสม่ำเสมอ การมุ่งมั่นรักษาพันธสัญญา และของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อความยุ่งยากส่วนตัว ความสงสัย หรือความท้อแท้ทำให้หนทางเรามืดมน หรือเมื่อสภาพโลกเหนือการควบคุมของเราทำให้เราสงสัยเกี่ยวกับอนาคต ความทรงจำสำคัญทางวิญญาณจากหนังสือแห่งชีวิตของเราจะเปรียบเสมือนหินเรืองแสงที่ช่วยส่องทางอยู่เบื้องหน้า ให้ความเชื่อมั่นว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักเรา ทรงรักเรา และทรงส่งพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์มาช่วยพาเรากลับบ้าน เมื่อบางคนเมินความทรงจำสำคัญของตนและหลงทางหรือสับสน เราหันพวกเขามาหาพระผู้ช่วยให้รอดเมื่อเราแบ่งปันความเชื่อและความทรงจำกับพวกเขา ช่วยให้พวกเขากลับมาค้นพบช่วงเวลาล้ำค่าทางวิญญาณเหล่านั้นที่พวกเขาเคยเห็นคุณค่า
ประสบการณ์บางอย่างศักดิ์สิทธิ์มากจนเราเก็บกักไว้ในความทรงจำทางวิญญาณและไม่เล่าให้ใครฟัง20
“เทพพูดโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์; ดังนั้น, เทพจึงพูดพระวจนะของพระคริสต์”21
“ทั้งเทพ [ไม่เคย] ยุติการปฏิบัติต่อลูกหลานมนุษย์.
“เพราะดูเถิด, พวกเขาขึ้นอยู่กับพระองค์, เพื่อปฏิบัติศาสนกิจตามพระวจนะแห่งพระบัญชาของพระองค์, โดยแสดงตนแก่ผู้มีศรัทธาแรงกล้าและจิตใจมั่นคงในทุกรูปแบบของความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า”22
และ “องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ … จะทรงสอนพวกท่านทุกสิ่ง และจะทำให้ระลึกถึงทุกสิ่งที่เรากล่าวกับท่านแล้ว”23
จงน้อมรับความทรงจำอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน เชื่อเรื่องเหล่านั้น จดบันทึกไว้ เล่าให้ครอบครัวฟัง จงวางใจว่าช่วงเวลาเหล่านั้นมาจากพระบิดาบนสวรรค์ของท่านและพระบุตรที่รักของพระองค์24 ให้ช่วงเวลาเหล่านั้นทำให้ท่านอดทนต่อความสงสัยและเข้าใจความยากลำบากของตนเอง25 ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านเต็มใจยอมรับและถนอมเหตุการณ์สำคัญทางวิญญาณในชีวิต เหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดกับท่านมากขึ้นเรื่อยๆ พระบิดาบนสวรรค์ทรงรู้จักท่านและทรงรักท่าน!
พระเยซูคือพระคริสต์ พระกิตติคุณของพระองค์ได้รับการฟื้นฟู และเมื่อเราซื่อสัตย์ต่อไป ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเราจะเป็นของพระองค์ตลอดกาล ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน