การประชุมใหญ่สามัญ
ติดตามพระเยซู: เป็นผู้สร้างสันติ
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2022


13:36

ติดตามพระเยซู: เป็นผู้สร้างสันติ

ผู้สร้างสันติไม่ดูดาย แต่โน้มน้าวในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด

พี่น้องที่รักทั้งหลาย ขณะที่เราประสบยุคที่ต้องมีสติในความโกลาหล ความขัดแย้ง และความทุกข์สุดแสนสำหรับหลายคน ใจเราเปี่ยมด้วยความสำนึกคุณเป็นล้นพ้นต่อพระผู้ช่วยให้รอดและพรนิรันดร์ของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ เรารักพระองค์และเราวางใจพระองค์ เราสวดอ้อนวอนขอให้เราติดตามพระองค์ตลอดไป

ความท้าทายของโซเชียลมีเดีย

อิทธิพลอันทรงพลังของอินเทอร์เน็ตเป็นพรและความท้าทายพิเศษเฉพาะยุคเรา

ในโลกโซเชียลมีเดียและทางด่วนข้อมูลทั้งหลาย เสียงของคนหนึ่งคนกระจายได้รวดเร็วเป็นทวีคูณ เสียงนั้นจะไปทั่วโลกทันที ไม่ว่าจริงหรือเท็จ เป็นธรรมหรือลำเอียง เมตตาหรือโหดร้าย

โพสต์โซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเรื่องน่าคิดและเรื่องดีๆ มักไม่ค่อยมีใครสนใจ ส่วนคำพูดดูหมิ่นและโกรธเกรี้ยวมักดังก้องในหูเรา ไม่ว่าจะเป็นปรัชญาการเมือง คนในข่าว หรือความเห็นเกี่ยวกับโรคระบาด ไม่มีใครหรือเรื่องใด รวมทั้งพระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูจะรอดพ้นจากปรากฏการณ์ทางสังคมของเสียงแตกขั้ว

เป็นผู้สร้างสันติ

คำเทศนาบนภูเขาเป็นข่าวสารสำหรับทุกคนแต่เจาะจงให้แก่สานุศิษย์ของพระผู้ช่วยให้รอดผู้เลือกติดตามพระองค์

พระเจ้าทรงสอนวิธีอยู่ในโลกแห่งการเหยียดหยันในสมัยนั้นและสมัยนี้ “คนที่สร้างสันติก็เป็นสุข” พระองค์ทรงประกาศ “เพราะว่าพระ‍เจ้าจะทรงเรียกเขา‍ทั้ง‍หลายว่าเป็นลูก”1

ด้วยโล่แห่งศรัทธาของเราในพระเยซูคริสต์ เรากลายเป็นผู้สร้างสันติที่ดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของปฏิปักษ์2—ซึ่งหมายถึงทำให้สงบ เย็นลง หรือหมดไป

เมื่อเราทำส่วนของเรา สัญญาของพระองค์คือเราจะได้ชื่อว่าเป็น “ลูกของพระผู้เป็นเจ้า” ทุกคนบนโลกเป็น “เชื้อสาย”3 ของพระผู้เป็นเจ้า แต่การเรียกเราว่า “ลูกของพระผู้เป็นเจ้า” มีความหมายมากยิ่งกว่านั้น เมื่อเรามาหาพระเยซูคริสต์และทำพันธสัญญากับพระองค์ เรากลายเป็น “พงศ์พันธุ์ของพระองค์” และ “ทายาทแห่งอาณาจักร”4 “ลูกๆ ของพระคริสต์, บุตรของพระองค์, และธิดาของพระองค์”5

ผู้สร้างสันติทำให้ลูกศรเพลิงสงบและเย็นลงอย่างไร? ที่แน่ๆ คือไม่ใช่ด้วยการครั่นคร้ามต่อคนที่เหยียบย่ำเรา ทว่าเรายังคงมั่นใจในศรัทธาของเรา แบ่งปันความเชื่อด้วยความเชื่อมั่น แต่ปราศจากความโกรธหรือความมุ่งร้ายไม่ว่าเวลาใด6

เมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากเห็นคนวิจารณ์ศาสนจักรด้วยความเห็นที่ใช้คำรุนแรง ท่านสาธุคุณอามอส ซี. บราวน์ ผู้นำด้านสิทธิพลเมืองระดับชาติและบาทหลวงของคริสตจักรแบปทิสต์ที่สามในซานฟรานซิสโกตอบว่า:

“ข้าพเจ้าเคารพประสบการณ์และมุมมองของผู้เขียนคำเหล่านั้น ต้องยอมรับว่าข้าพเจ้าไม่เห็นเช่นนั้น”

“ข้าพเจ้าถือว่าการได้รู้จักผู้นำเหล่านี้ [ของศาสนจักร] รวมทั้งประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเป็นปีติสูงสุดอย่างหนึ่งในชีวิต ในความเห็นข้าพเจ้า บุคคลเหล่านี้เป็นแบบอย่างของผู้นำที่ดีที่สุดที่ประเทศของเรามี”

ประธานเนลสันกับท่านสาธุคุณบราวน์

จากนั้นท่านเสริมว่า: “เราจะบ่นเรื่องที่ผ่านมาก็ได้ เราจะไม่ยอมรับอะไรดีๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ได้ … แต่การทำเช่นนี้จะไม่เยียวยาความแตกแยกในชาติของเรา … ดังพระเยซูทรงสอน เราไม่ขจัดความชั่วด้วยความชั่วยิ่งกว่า เรารักอย่างเผื่อแผ่และดำเนินชีวิตอย่างเมตตา แม้กับคนที่เราคิดว่าเป็นศัตรูของเรา”7

ท่านสาธุคุณบราวน์เป็นผู้สร้างสันติ ท่านทำให้ลูกศรเพลิงเย็นลงด้วยความสงบนิ่งและความเคารพ ผู้สร้างสันติไม่ดูดาย แต่โน้มน้าวในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด8

อะไรที่มอบพลังภายในแก่เราในการทำให้เย็นลง ทำให้สงบ และดับลูกศรเพลิงที่เล็งใส่ความจริงที่เรารัก? พลังนั้นมาจากศรัทธาของเราในพระเยซูคริสต์และในพระคำของพระองค์

“เมื่อพวก‍เขาจะติ‍เตียน … และนินทา‍ว่า‍ร้ายท่าน‍ทั้ง‍หลายต่างๆ เป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข

“… เพราะว่าบำ‌เหน็จของพวก‍ท่านมีบริ‌บูรณ์ในสวรรค์ เพราะพวก‍เขาข่ม‍เหงบรร‌ดาผู้‍เผย‍พระ‍วจนะที่อยู่ก่อนท่านเหมือน‍กัน”9

ความสำคัญของสิทธิ์เสรี

หลักธรรมสำคัญสองข้อชี้นำความปรารถนาของเราในการเป็นผู้สร้างสันติ

หนึ่ง พระบิดาบนสวรรค์ประทานสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมให้เราแต่ละคน พร้อมกับความสามารถในการเลือกเส้นทางของเราเอง10 สิทธิ์เสรีนี้เป็นของประทานสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า

สอง ด้วยสิทธิ์เสรีนี้ พระบิดาบนสวรรค์จึงทรงให้มี “การตรงกันข้ามในสิ่งทั้งปวง”11 เรา “ลิ้มรสความขมขื่น เพื่อ [เรา] จะรู้จักให้คุณค่าแก่ความดี”12 การตรงกันข้ามไม่ควรทำให้เราแปลกใจ เราฝึกแยกแยะความดีจากความชั่ว

เราชื่นชมยินดีในพรแห่งสิทธิ์เสรี ด้วยความเข้าใจว่าจะมีคนมากมายไม่เชื่อสิ่งที่เราเชื่อ อันที่จริง น้อยคนในยุคสุดท้ายจะเลือกทำให้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลางของความคิดและการกระทำทั้งหมด13

เพราะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หนึ่งเสียงที่ไม่เชื่อจึงอาจดูเหมือนเสียงด้านลบจำนวนมาก14 แต่แม้จะเป็นเสียงจำนวนมาก เราก็ยังเลือกเส้นทางของผู้สร้างสันติ

ผู้นำของพระเจ้า

บางคนมองว่าฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองมีแรงจูงใจทางโลกเหมือนผู้นำการเมือง ผู้นำธุรกิจ และผู้นำวัฒนธรรม

อย่างไรก็ดี หน้าที่รับผิดชอบของเราแตกต่างกันมาก เราไม่ได้รับเลือกตั้งหรือถูกเลือกจากการสมัคร ไม่มีการเตรียมการทางวิชาชีพใดๆ เป็นพิเศษ เราได้รับการเรียกและการแต่งตั้งให้แสดงประจักษ์พยานถึงพระนามของพระเยซูคริสต์ไปทั่วโลกจนสิ้นลมหายใจสุดท้าย เราบากบั่นในการให้พรคนเจ็บป่วย คนโดดเดี่ยว คนท้อใจ คนยากไร้ และเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า เราแสวงหาที่จะรู้พระประสงค์ของพระเจ้าและนำไปประกาศ โดยเฉพาะต่อคนที่แสวงหาชีวิตนิรันดร์15

แม้ความปรารถนาด้วยความถ่อมใจของเราคือให้ทุกคนให้เกียรติคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอด แต่พระคำของพระเจ้าผ่านศาสดาพยากรณ์ของพระองค์มักจะขัดกับความคิดและความนิยมของโลก ซึ่งเป็นเช่นนั้นเสมอมา16

พระผู้ช่วยให้รอดตรัสกับอัครสาวกว่า:

“ถ้าโลกนี้เกลียด‍ชังพวก‍ท่าน ก็จงรู้ว่าโลกเกลียด‍ชังเราก่อน …

“… เขาจะทำทุก‍สิ่ง‍เหล่า‍นี้ … เพราะ เขาไม่รู้‍จักผู้ ทรงใช้เรามา”17

ห่วงใยทุกคน

เราสามารถรักและห่วงใยเพื่อนบ้านทุกคนได้อย่างจริงใจ ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อแบบเราหรือไม่ พระเยซูทรงสอนเราในอุปมาเรื่องชาวสะมาเรียใจดีว่าผู้มีความเชื่อต่างกันควรยื่นมือช่วยเหลือคนลำบากทุกคนอย่างจริงใจ โดยเป็นผู้สร้างสันติที่แสวงหาอุดมการณ์อันสูงส่งและดีงาม

ในเดือนกุมภาพันธ์ Arizona Republic พาดหัวข่าวว่า “ร่างกฎหมายสองพรรคที่วิสุทธิชนยุคสุดท้ายสนับสนุนจะคุ้มครองเกย์และคนข้ามเพศชาวแอริโซนา”18

เราเหล่าวิสุทธิชนยุคสุดท้าย “ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรทางศาสนา ธุรกิจ กลุ่มหลากหลายทางเพศ และผู้นำชุมชนที่ทำงานร่วมกันมาด้วยความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน”19

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเคยถามอย่างน่าคิดว่า “แนวเขตแดนจะมีอยู่โดยไม่กลายเป็นแนวรบไม่ได้หรือ?”20

เราบากบั่นในการเป็น “ผู้ติดตามที่มีใจสงบสุขของพระคริสต์”21

เวลาที่ไม่ควรตอบโต้

การโจมตีพระผู้ช่วยให้รอดบางครั้งมุ่งร้ายจนพระองค์ไม่ตรัสอะไรเลย “พวกหัว‍หน้าปุ‌โร‌หิตและพวกธรรมจารย์ … กล่าวหาพระ‍องค์อย่างรุนแรง … และเยาะเย้ยพระองค์” แต่พระเยซู “ไม่ทรงตอบอะไรเลย”22 มีหลายครั้งที่การเป็นผู้สร้างสันติหมายความว่าเราต่อต้านแรงผลักดันในการตอบโต้ และนิ่งเงียบอย่างมีศักดิ์ศรีแทน23

เราทุกคนปวดร้าวใจเมื่อคนที่เคยยืนกับเรา รับศีลระลึกกับเรา และเป็นพยานกับเราถึงพระพันธกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์พูดหรือเผยแพร่ถ้อยคำที่รุนแรงหรือเป็นการเหยียดหยามพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ติดตามของพระองค์ และศาสนจักรของพระองค์24

เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดเช่นกัน

สานุศิษย์บางคนของพระเยซูที่อยู่กับพระองค์ระหว่างทรงกระทำปาฏิหาริย์ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ยังตัดสินใจ “ไม่ [เดิน] กับพระองค์ต่อไป”25 น่าเศร้าที่ไม่ใช่ทุกคนจะมั่นคงในความรักต่อพระผู้ช่วยให้รอดและความตั้งใจรักษาพระบัญญัติของพระองค์26

พระเยซูทรงสอนเราให้ถอนตัวออกจากแวดวงความโกรธและความขัดแย้ง ตัวอย่างหนึ่งคือ หลังจากพวกฟาริสีเผชิญหน้าพระเยซูและปรึกษากันว่าจะทำลายพระองค์ พระคัมภีร์บอกว่าพระเยซูทรงถอนตัวจากพวกเขา27 และปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเมื่อ “มหาชนเดินตามพระองค์ไป พระองค์ก็ทรงรักษาเขาทั้งหลายให้หายโรคทุกคน”28

เป็นพรให้ชีวิตของผู้อื่น

เราสามารถผละจากความขัดแย้งและเป็นพรแก่ชีวิตผู้อื่นได้ด้วย29โดยไม่ต้องแยกไปอยู่ในมุมส่วนตัวคนเดียว

ในอึมบูจีไมอี สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ตอนแรกมีคนวิพากษ์วิจารณ์ศาสนจักรโดยไม่ได้เข้าใจความเชื่อของเราหรือรู้จักสมาชิกของเรา

ไม่นานมานี้ เคธีกับข้าพเจ้าเข้าร่วมการประชุมศาสนจักรที่พิเศษมากในอึมบูจีไมอี เด็กๆ แต่งตัวสะอาดสะอ้านหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ข้าพเจ้าอยากจะพูดกับเด็กๆ เรื่องการศึกษาแต่ทราบมาว่าหลายคนไม่ได้ไปโรงเรียน ผู้นำของเราจึงหาทางช่วยด้วยเงินทุนเพื่อมนุษยธรรมจำนวนน้อยนิด30 ปัจจุบันนักเรียน 400 กว่าคน—ทั้งเด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิง สมาชิก ตลอดจนคนศาสนาอื่น—ได้รับการต้อนรับและสอนโดยครู 16 คนที่เป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์

คาลังกา มูยา

คาลังกา มูยาวัยสิบสี่ปีบอกว่า “[เพราะมีเงินน้อย] หนูเลยไม่ได้ไปโรงเรียนสี่ปี … หนูซาบซึ้งใจมากในสิ่งที่ศาสนจักรทำ … ตอนนี้หนูอ่าน เขียน และพูดภาษาฝรั่งเศสได้แล้ว”31 นายกเทศมนตรีเมืองอึมบูจีไมอีพูดถึงโครงการนี้ว่า “ผมประทับใจศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเพราะขณะที่ศาสนจักร [อื่น] แยกกันอยู่ตัวใครตัวมัน … แต่ [พวกคุณกลับทำงาน] กับ [คนอื่นๆ] เพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ลำบาก”32

รักกันและกัน

ทุกครั้งที่อ่าน ยอห์นบทที่ 13 ข้าพเจ้าจะนึกถึงแบบอย่างการเป็นผู้สร้างสันติของพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูทรงล้างเท้าอัครสาวกด้วยความรัก เราอ่านต่อจากนั้นว่า “พระองค์ก็ทรงเป็นทุกข์ในพระทัย”33 เมื่อทรงนึกถึงว่าคนที่พระองค์ทรงรักกำลังเตรียมจะทรยศพระองค์ ข้าพเจ้าพยายามจินตนาการความคิดและความรู้สึกของพระผู้ช่วยให้รอดขณะยูดาสเดินจากไป น่าสนใจว่าในช่วงเวลาเคร่งเครียดนั้น พระเยซูไม่ได้ตรัสถึงความรู้สึก “ทุกข์” ของพระองค์หรือการทรยศอีกเลย แต่ตรัสกับอัครสาวกของพระองค์เรื่องความรัก พระดำรัสของพระองค์มีอิทธิพลต่อเนื่องมาหลายศตวรรษ:

“เราให้บัญญัติใหม่ไว้กับพวกท่าน คือให้รักซึ่งกันและกัน ดังเรารักพวกท่าน …

“ถ้าท่านรักกันและกัน ดังนี้แหละทุกคนก็จะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา”34

ขอให้เรารักพระองค์และรักกันและกัน ขอให้เราเป็นผู้สร้างสันติ เพื่อเราจะได้ชื่อว่าเป็น “ลูกของพระผู้เป็นเจ้า” ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. มัทธิว 5:9.

  2. ดู เอเฟซัส 6:16; หลักคำสอนและพันธสัญญา 3:8.

  3. กิจการของอัครทูต 17:28.

  4. โมไซยาห์ 15:11.

  5. โมไซยาห์ 5:7.

  6. ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์กล่าวว่า: “ผู้ติดตามพระคริสต์ควรเป็นแบบอย่างของการเป็นพลเมืองดี เราพึงรักทุกคน เป็นผู้ฟังที่ดี และแสดงความห่วงใยต่อความเชื่ออันจริงใจของพวกเขา แม้เราไม่เห็นด้วย เราก็ไม่ควรหยาบคาย จุดยืนและการสื่อสารของเราในหัวข้อที่เป็นประเด็นถกเถียงกันไม่ควรก่อให้เกิดความขัดแย้ง” (ดู “รักผู้อื่นและอยู่ร่วมกับผู้ที่แตกต่าง,” เลียโฮนา, พ.ย. 2014, 27–28).

  7. “Amos C. Brown: Follow the LDS Church’s Example to Heal Divisions and Move Forward,” Salt Lake Tribune, Jan. 20, 2022, sltrib.com.

  8. เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์กล่าวว่า “เมื่อความรักของพระคริสต์โอบล้อมชีวิตเรา เราจะจัดการข้อขัดแย้งด้วยความอ่อนโยน ความอดทน และความเมตตากรุณา” (“สันติภาพของพระคริสต์ขจัดความเป็นอริ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2021, 84).

  9. มัทธิว 5:11–12.

  10. ดู 2 นีไฟ 10:23.

  11. 2 นีไฟ 2:11.

  12. โมเสส 6:55.

  13. ดู 1 นีไฟ 14:12.

  14. ข้อมูลล่าสุดแสดงว่าทุก 3 ใน 5 คนแชร์เรื่องที่ยังไม่ได้อ่านด้วยซ้ำ (ดู Caitlin Dewey, “6 in 10 of You Will Share This Link without Reading It, a New, Depressing Study Says,” Washington Post, June 16, 2015, washingtonpost.com; Maksym Gabielkov and others, “Social Clicks: What and Who Gets Read on Twitter?” [เอกสารนำเสนอในการประชุม ACM Sigmetrics International Conference on Measurement and Modeling of Computer Science, June 14, 2016], dl.acm.org).

  15. อย่าประหลาดใจถ้าบางครั้งความเห็นส่วนตัวของท่านไม่ตรงกับคำสอนของศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าในตอนแรก นี่เป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้ ความอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อเราคุกเข่าสวดอ้อนวอน เราเดินหน้าด้วยศรัทธา วางใจในพระผู้เป็นเจ้า โดยรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปเราจะได้รับความชัดเจนทางวิญญาณมากขึ้นจากพระบิดาบนสวรรค์.

  16. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:14–16.

  17. ยอห์น 15:18, 21; เน้นตัวเอน.

  18. “Bipartisan Bill Supported by Latter-day Saints Would Protect Gay and Transgender Arizonans,” Arizona Republic, Feb. 7, 2022, azcentral.com.

  19. Why the Church of Jesus Christ Supports a New Bipartisan Religious Freedom and Non-discrimination Bill in Arizona,” Feb. 7, 2022, newsroom.ChurchofJesusChrist.org.

  20. Russell M. Nelson, “Teach Us Tolerance and Love,” Ensign, May 1994, 69.

  21. โมโรไน 7:3. ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์กล่าวว่า “เราไม่เพียงต้องใจกว้างเท่านั้น แต่เราต้องปลูกฝังจิตวิญญาณของความสำนึกคุณต่อคนที่มองสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนที่เรามอง เราไม่ต้องอะลุ้มอล่วยหลักศาสนาของเรา ความเชื่อมั่นของเรา และความรู้ของเราเรื่องความจริงนิรันดร์ที่พระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ทรงเปิดเผยไว้ เราสามารถให้คำพยานถึงความจริงอย่างเงียบๆ จริงใจ ตรงไปตรงมา แต่ในลักษณะที่จะไม่ทำให้ผู้อื่นขุ่นเคือง … เราต้องหัดชื่นชมและเคารพคนที่จริงใจในความเชื่อและหลักปฏิบัติของพวกเขาเช่นเดียวกับเรา” (“Out of Your Experience Here” [Brigham Young University devotional, Oct. 16, 1990], 6, speeches.byu.edu).

  22. ดู ลูกา 23:9–11.

  23. เอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟกล่าวว่า: “ในฐานะผู้ติดตามพระเยซูคริสต์ เราทำตามแบบอย่าง [ของพระองค์] เราไม่โจมตีหรือทำให้ผู้อื่นขายหน้า เราพยายามรักพระผู้เป็นเจ้าและรับใช้เพื่อนบ้านของเรา เราพยายามรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าและดำเนินชีวิตตามหลักธรรมพระกิตติคุณอย่างเบิกบาน” (“Five Messages That All of God’s Children Need to Hear” [Brigham Young University Education Week devotional, Aug. 17, 2021], 5, speeches.byu.edu).

  24. เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์กล่าวว่า: “สมาชิกศาสนจักรจะอยู่ในสถานการณ์แบบข้าวสาลีกับข้าวละมานจนถึงมิลเลเนียม บางคนที่เป็นข้าวละมานจริงๆ อาจปลอมตัวเป็นข้าวสาลี รวมถึงคนทะเยอทะยานไม่กี่คนที่บรรยายเรื่องหลักคำสอนของศาสนจักรที่พวกเขาไม่เชื่ออีกแล้วให้พวกเราฟัง พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์การใช้ทรัพยากรของศาสนจักรที่พวกเขาไม่ได้บริจาคให้แล้ว พวกเขาพยายามวางเขื่องแนะนำเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่พวกเขาไม่สนับสนุนอีกแล้ว คนเหล่านี้เผชิญหน้ากับทุกคนยกเว้นตัวเอง พวกเขาออกจากศาสนจักรแต่ไม่สามารถปล่อยศาสนจักรไว้ตามลำพังได้” (ดู “มาเป็นดังเด็ก,” เลียโฮนา, ก.ค. 1997, 83–84).

  25. ดู ยอห์น 6:66.

  26. “การเริงสำราญ … ในบาป [จะอยู่ชั่วคราวเท่านั้น]” (ดู ฮีบรู 11:24–26)

  27. ดู มัทธิว 12:1–15.

  28. มัทธิว 12:15.

  29. ดู 3 นีไฟ 11:29–30.

  30. ด้วยความช่วยเหลือของมูลนิธิดอนบอสโก โปรแกรมโรงเรียนจึงได้รับความรู้ความชำนาญอันมีค่าในการสอนและสื่อการเรียนการสอนต่างๆ

  31. มูเลกา ผู้ปกครองคนหนึ่งกล่าวว่า: “ฉันรักโปรแกรมนี้เพราะทำให้ลูกสาวของฉัน … มีโอกาส … หัดอ่านเขียนและมีความหวังถึงอนาคตที่ดีขึ้น ฉันส่งเธอไปโรงเรียนไม่ได้เพราะฉันขายแป้งข้าวโพดในตลาดได้เงินมา … พอค่าอาหารเท่านั้น ฉันขอบคุณศาสนจักรอย่างมากสำหรับโปรแกรมนี้” ซิสเตอร์โมนิกซึ่งเป็นครูบอกว่า: “โปรแกรมนี้เป็นพรอย่างยิ่งสำหรับเด็กๆ เหล่านี้ ในชั้นเรียนของฉัน … เด็กส่วนใหญ่เป็นเด็กกำพร้า พวกเขาชอบโปรแกรม เข้าเรียนเป็นประจำและทำการบ้าน” (ความเห็นและภาพถ่ายมาจากเอ็ลเดอร์โจเซฟ ดับเบิลยู. ซิตาติ, 24 ก.พ. 2022)

  32. นายกเทศมนตรีหลุยส์ดอร์ นึมทุมบา ทึมชิโปตา กล่าวในที่ประชุมเกี่ยวกับโครงการรู้หนังสืออึมบูจิ-มายิ ที่ริเริ่มโดยศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย, 10 ต.ค. 2021.

  33. ยอห์น 13:21.

  34. ดู ยอห์น 13:34–35.