การประชุมใหญ่สามัญ
ความยำเกรงพระคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2022


13:25

ความยำเกรงพระคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์

ขอให้ความทรงจำถึงสิ่งที่ดวงตาเราเคยเห็นและใจเราเคยรู้สึกเพิ่มความพิศวงของเราต่อการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด

ข้าพเจ้ามีเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง เขาเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยที่ฉลาดหลักแหลมและเกษียณแล้ว เป็นนักเขียนที่มีงานเขียนหลายเล่ม และยิ่งกว่านั้นเป็นสานุศิษย์ที่มุ่งมั่นของพระเยซูคริสต์ เขาไปเยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายสิบครั้งเพื่อเข้าร่วมการประชุม ค้นคว้าทางวิชาการ และนำเที่ยว เขาบอกว่าทุกครั้งที่ไปเยือนดินแดนที่พระเยซูทรงพระดำเนิน เขาอัศจรรย์ใจเพราะแน่นอนว่าเขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่อันน่าฉงนและน่าหลงใหลเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด การปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ในความเป็นมรรตัย และบ้านเกิดที่พระองค์ทรงรัก ความยำเกรงของเพื่อนคนนี้เมื่อพูดถึงทั้งหมดที่เรียนรู้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้เรายำเกรงตาม และความประหลาดใจนี้เป็นรากฐานในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่และอาชีพด้านวิชาการในชีวิตเขา

ขณะฟังประสบการณ์และรู้สึกถึงความกระตือรือร้นของเขา ข้าพเจ้าใคร่ครวญว่าเราจะรู้สึกและควรรู้สึกถึงความพิศวงทางวิญญาณต่อพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ได้มากขึ้นเพียงใด และความพิศวงนั้นจะทำให้เกิดความแตกต่างได้มากขึ้นเพียงใดในการเป็นสานุศิษย์และในการเดินทางสู่ชีวิตนิรันดร์ของเรา ความพิศวงที่ข้าพเจ้าพูดถึงเป็นความรู้สึกของอารมณ์ ความยำเกรง หรือความประหลาดใจที่เกิดกับทุกคนที่ให้ชีวิตมีศูนย์กลางในพระผู้ช่วยให้รอดและคำสอนของพระองค์อย่างสุดหัวใจและผู้ที่น้อมยอมรับพระสิริของพระองค์ในชีวิต ความรู้สึกพิศวงอันเกิดจากอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์เช่นนั้น ปลุกเร้าความกระตือรือร้นในการดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของพระคริสต์อย่างเบิกบาน1

พระคัมภีร์มีหลายตัวอย่างที่แสดงให้เห็นการแสดงออกถึงความรู้สึกนี้ ตัวอย่างเช่น ศาสดาพยากรณ์อิสยาห์แสดงความกตัญญูอย่างสุดซึ้งต่อพระเจ้าผ่านการชื่นชมยินดีในพระองค์2 คนที่ได้ยินพระเยซูสั่งสอนในธรรมศาลาที่คาเปอรนาอุมต่างฉงนกับหลักคำสอนของพระองค์และพลังที่ทรงใช้ในการสอน3 ความรู้สึกเดียวกันนี้ทะลุทะลวงใจทุกอณูของเด็กหนุ่มโจเซฟ สมิธขณะอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลใน ยากอบบทที่หนึ่ง ซึ่งนำท่านไปสู่การแสวงหาปัญญาจากพระผู้เป็นเจ้า4

พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรายำเกรงในพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณอย่างแท้จริง เราจะมีความสุขมากขึ้น เราจะกระตือรือร้นกับงานของพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น และเราจะรับรู้พระหัตถ์ของพระเจ้าในทุกสิ่ง นอกจากนี้ การศึกษาพระคำของพระผู้เป็นเจ้าจะมีความหมายมากขึ้น การสวดอ้อนวอนของเราจะตั้งใจมากขึ้น การนมัสการของเราจะมีความคารวะมากขึ้น การรับใช้ในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าจะขยันมากขึ้นด้วย การกระทำทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ช่วยให้อิทธิพลของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีบ่อยขึ้นในชีวิตเรา5 ดังนั้นประจักษ์พยานของเราในพระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณจะเข้มแข็งขึ้น เราจะทำให้พระคริสต์มีชีวิตอยู่ในเรา6 เราดำเนินชีวิตโดย “หยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ … มั่นคงในความเชื่อ … ให้การขอบพระคุณทวียิ่งขึ้น”7 เมื่อเราดำเนินชีวิตในลักษณะนี้ เราจะฟื้นตัวทางวิญญาณได้เร็วขึ้นและรอดพ้นจากการติดกับดักของความเฉยเมยทางวิญญาณ

ความเฉยเมยเช่นนั้นบ่งบอกได้จากการตื่นเต้นน้อยลงเรื่อยๆ กับการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในพระกิตติคุณของพระเจ้า ปกติจะเริ่มเป็นเช่นนั้นเมื่อเรากำลังรู้สึกว่าเราได้รับความรู้และพรที่จำเป็นต่อความสุขในชีวิตนี้มาแล้ว พูดได้ว่าความชะล่าใจนี้เป็นเหตุให้เรามองข้ามของประทานพระกิตติคุณ จากนั้นมาเราก็ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะละเลยการคร่ำเคร่งในแก่นแท้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์8และพันธสัญญาที่เราทำไว้กับพระองค์ ด้วยเหตุนี้เราจึงค่อยๆ เหินห่างจากพระเจ้า ทำให้ความสามารถในการ “ฟังพระองค์”9 ลดลง กลายเป็นคนเฉยเมยไม่รับรู้ความยิ่งใหญ่ในงานของพระองค์ ความสงสัยเกี่ยวกับความจริงที่เราได้รับแล้วเข้าสู่จิตใจเรา ทำให้เราอ่อนไหวต่อการล่อลวงของศัตรู10

บาทหลวงไอเดน วิลสัน โทเซอร์ นักเขียนชื่อดังและชาวคริสต์ผู้กล้าหาญเขียนว่า “ความชะล่าใจเป็นศัตรูตัวฉกาจของการเติบโตทางวิญญาณทุกเรื่อง”11 นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้คนของนีไฟหลังจากพระคริสต์ประสูติได้ไม่นานหรอกหรือ? พวกเขา “เริ่มแปลกใจน้อยลงน้อยลงเกี่ยวกับเครื่องหมายหรือการอันน่าพิศวงจากฟ้าสวรรค์ … ใน [ความ] ไม่เชื่อทุกสิ่งซึ่งพวกเขาได้ยินและเห็นมา” ด้วยเหตุนี้ซาตานจึง “ทำให้ดวงตาของคนเหล่านั้นมืดบอดและชักนำไปให้เชื่อว่าหลักคำสอนของพระคริสต์เป็นสิ่งโง่เขลาและเปล่าประโยชน์”12

พี่น้องที่รัก ในความรักอันสมบูรณ์ไร้ขอบเขตของพระองค์และการที่ทรงทราบธรรมชาติของมนุษย์13 พระผู้ช่วยให้รอดจึงทรงวางเส้นทางให้เราเลี่ยงการติดกับดักของความเฉยเมยทางวิญญาณ พระดำรัสเชิญต่อไปนี้ของพระผู้ช่วยให้รอดทำให้เรามีมุมมองกว้างขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงโลกอันซับซ้อนที่เราอยู่: “จงเรียน​รู้​จาก​เรา, และ​ฟัง​ถ้อยคำ​ของ​เรา; จงเดิน​ด้วย​ความ​สุภาพอ่อนน้อม​แห่ง​พระ​วิญญาณ​เรา, และ​เจ้า​จะ​มี​สันติสุข​ใน​เรา”14 เมื่อเรายอมรับพระดำรัสเชิญนี้จากพระผู้ช่วยให้รอด แสดงว่าเราถ่อมใจ ปรารถนาจะรับการสอน และหวังจะเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น15 พระดำรัสเชิญนี้รวมถึงการรับใช้พระองค์และการปฏิบัติศาสนกิจต่อลูกๆ ของพระผู้เป็นเจ้า “ด้วยสุดใจ พลัง ความนึกคิด และพละกำลัง”16 หัวใจของความพยายามในการเดินทางครั้งนี้คือพระบัญญัติสำคัญสองข้อ: รักพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเราและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเราเอง17

ความประพฤติเช่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของพระคุณลักษณะของพระเยซูและประจักษ์ชัดในทุกสิ่งที่ทรงทำระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจบนโลก18 ดังนั้นเมื่อเราตั้งใจอุทิศตนอย่างแท้จริงเพื่อดูที่พระองค์และเรียนรู้จากแบบอย่างอันเพียบพร้อมของพระองค์19 เราจะรู้จักพระองค์ดีขึ้น เราจะกระตือรือร้นมากขึ้นและปรารถนาจะรวมมาตรฐานสูงสุดที่เราควรดำเนินตาม แบบอย่างที่เราควรเป็น และพระบัญญัติที่เราควรทำตามเข้ามาในชีวิต เราจะเพิ่มความเข้าใจ ปัญญา อุปนิสัยอันดี และความสง่างามต่อพระผู้เป็นเจ้าและเพื่อนบ้านของเรา20 ข้าพเจ้ารับรองกับท่านได้ว่าความสามารถในการรู้สึกถึงอิทธิพลและความรักของพระผู้ช่วยให้รอดจะแรงกล้าขึ้นในชีวิต ขยายศรัทธาของเรา ความปรารถนาที่เราจะประพฤติชอบ และแรงจูงใจในการรับใช้พระองค์และผู้อื่น21 นอกจากนี้ความกตัญญูต่อพรและความท้าทายที่เราประสบในความเป็นมรรตัยจะเพิ่มขึ้นและกลายเป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการที่แท้จริงของเราด้วย22

เพื่อนที่รักทั้งหลาย ทั้งหมดนี้จะเสริมความพิศวงทางวิญญาณของเราต่อพระกิตติคุณและผลักดันเราให้รักษาพันธสัญญาที่ทำกับพระเจ้าอย่างเบิกบาน—แม้ท่ามกลางความลำบากและความท้าทายที่เราประสบ แน่นอนว่าเพื่อให้ผลลัพธ์เหล่านี้เกิดขึ้น เราต้องคร่ำเคร่งอยู่ในคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดด้วยศรัทธาและเจตนาแท้จริง23 พยายามนำคุณลักษณะของพระองค์เข้ามาในวิถีความเป็นอยู่ของเรา24 นอกจากนี้เราต้องเข้ามาใกล้พระองค์มากขึ้นผ่านการกลับใจ25 แสวงหาการให้อภัยและเดชานุภาพการไถ่ของพระองค์ในชีวิตเราและรักษาพระบัญญัติของพระองค์ พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงนำทางเราถ้าเราจะวางใจพระองค์ด้วยสุดใจ โดยยอมรับพระองค์ในทุกทางและไม่พึ่งพาความเข้าใจของเราเอง26

เอ็ลเดอร์โจนส์กับเวส

เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าพเจ้าพบกับชายคนหนึ่งชื่อเวสซึ่งมาร่วมการประชุมใหญ่วันนี้ เขายอมรับพระดำรัสเชิญของพระคริสต์ให้เรียนรู้จากพระองค์และพระกิตติคุณ เขาเริ่มประสบความยำเกรงในความรักของพระองค์หลังจากห่างเหินไปจากเส้นทางพันธสัญญานาน 27 ปี เขาบอกข้าพเจ้าว่าวันหนึ่งผู้สอนศาสนาติดต่อเขาทางเฟซบุ๊ก เอ็ลเดอร์โจนส์คนนี้ได้รับมอบหมายให้มาเขตของเวสชั่วคราวก่อนไปคณะเผยแผ่ที่ได้รับมอบหมายแต่แรกในปานามา เมื่อเอ็ลเดอร์โจนส์บังเอิญเห็นโพรไฟล์ของเวส โดยไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าเวสเป็นสมาชิกอยู่แล้ว แต่เขารู้สึกถึงการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์และรู้ว่าควรติดต่อเวสทันที เขาทำตามการกระตุ้นเตือนอย่างรวดเร็ว เวสแปลกใจกับการติดต่อโดยไม่คาดคิดครั้งนี้และเริ่มตระหนักว่าพระเจ้าทรงนึกถึงเขาทั้งที่เขาเหินห่างจากเส้นทางพันธสัญญา

เวสกับผู้สอนศาสนาเริ่มติดต่อกันบ่อยครั้งนับจากนั้น เอ็ลเดอร์โจนส์กับคู่ให้การรับใช้และข่าวสารทางวิญญาณทุกสัปดาห์เพื่อช่วยเวสฟื้นฟูความยำเกรงของเขาในพระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณของพระองค์ เป็นการจุดไฟประจักษ์พยานถึงความจริงและความรักที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงมีต่อเขาให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง เวสรู้สึกถึงความสงบที่มาจากพระผู้ปลอบโยนและได้พลังที่จำเป็นต่อการกลับมารวมฝูง เขาบอกข้าพเจ้าว่าประสบการณ์นี้ทำให้เขาคืนชีพอีกครั้งทางวิญญาณและทางอารมณ์ และช่วยขจัดความรู้สึกขมขื่นที่สั่งสมมานานหลายปีเพราะประสบการณ์ยากๆ ที่พานพบ

เหมือนกับที่เพื่อนศาสตราจารย์ผู้ช่างคิดข้างต้นสังเกตเห็น มีสิ่งวิเศษน่าหลงใหลให้เรียนรู้เสมอเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์27 พระเจ้าทรงทำสัญญาอันล้ำเลิศไว้กับทุกคน รวมทั้งเราด้วย ที่พยายามเรียนรู้จากพระองค์และนำพระคำของพระองค์มาไว้ในชีวิต พระองค์ตรัสกับเอโนคว่า “ดูเถิด พระวิญญาณของเรา [จะ] อยู่กับเจ้า, ดังนั้นถ้อยคำทั้งหมดของเจ้าเราจะรับรอง; และภูเขาจะหลบหนีไปต่อหน้าเจ้า, และแม่น้ำจะหันไปจากวิถีของมัน; และเจ้าจะอยู่กับเรา, และเรากับเจ้า”28 พระองค์ทรงประกาศผ่านกษัตริย์เบ็นจามินผู้รับใช้ของพระองค์ว่า “จะเรียกท่านว่าลูกๆ ของพระคริสต์, บุตรของพระองค์, และธิดาของพระองค์; เพราะดูเถิด, วันนี้พระองค์ทรงให้กำเนิดท่านทางวิญญาณ; เพราะท่านกล่าวว่าใจท่านเปลี่ยนแปลงแล้วโดยผ่านศรัทธาในพระนามของพระองค์; ฉะนั้น, ท่านจึงถือกำเนิดจากพระองค์และกลายเป็นบุตรของพระองค์และธิดาของพระองค์”29

ดังนั้นเมื่อเราพากเพียรเรียนรู้จากพระผู้ช่วยให้รอดและทำตามแบบอย่างของพระองค์อย่างจริงใจอยู่เสมอ ข้าพเจ้าสัญญาในพระนามของพระองค์ว่าพระคุณลักษณะของพระองค์จะถูกจารึกไว้ในจิตใจเรา30 เราจะกลายเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น และเราจะเดินกับพระองค์31

พี่น้องชายหญิงที่รัก ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้เรายำเกรงพระเยซูคริสต์และความรักอันสมบูรณ์ไร้ขอบเขตของพระองค์ตลอดไป ขอให้ความทรงจำถึงสิ่งที่ดวงตาเราเคยเห็นและใจเราเคยรู้สึกเพิ่มความประหลาดใจของเราต่อการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด ซึ่งสามารถเยียวยาบาดแผลทางวิญญาณและทางอารมณ์ของเราและช่วยเราเข้าใกล้พระองค์มากขึ้น ขอให้เราอัศจรรย์ใจกับสัญญาอันยิ่งใหญ่ที่พระบิดาทรงมีในพระหัตถ์ของพระองค์และที่ทรงเตรียมไว้ให้คนซื่อสัตย์ว่า:

“อาณาจักรเป็นของเจ้าและพรที่นั่นเป็นของเจ้า, และความมั่งคั่งแห่งนิรันดรเป็นของเจ้า.

“และคนที่รับสิ่งทั้งปวงด้วยความขอบคุณจะได้รับยกย่อง”32

พระเยซูทรงเป็นพระผู้ไถ่ของโลก และนี่คือศาสนจักรของพระองค์ ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานถึงความจริงเหล่านี้ในพระนามอันน่ายำเกรง ศักดิ์สิทธิ์ และประเสริฐสุดของพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ เอเมน