2016
ด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น
สิงหาคม 2016


ด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

เมื่อเรายอมรับว่าเราพึ่งพาพระผู้เป็นเจ้า เราตระหนักเช่นกันว่าพระองค์ทรงกระตือรือร้นจะช่วยเรา

at a debate

ปีสุดท้ายในโรงเรียนมัธยมปลายเกิดเรื่องท้าทายที่ข้าพเจ้าไม่คาดคิด หลังจากเปิดเทอมได้ไม่นาน ครูสอนสุนทรพจน์มอบหมายให้ข้าพเจ้าร่วมทีมโต้วาที เราศึกษา ฝึก แข่งขัน และข้าพเจ้าเรียนรู้บทเรียนมีค่ามากมายอย่างนอบน้อม

หลายเดือนต่อมาและสี่สัปดาห์ก่อนแข่งสุนทรพจน์ระดับรัฐ ครูบอกข้าพเจ้าอย่างไม่เป็นทางการว่าเขาเพิ่งใส่ชื่อข้าพเจ้าลงแข่งสุนทรพจน์แบบกล่าวสด เขาเริ่มอธิบายว่าวันแรกข้าพเจ้าจะต้องกล่าวสุนทรพจน์ยาวเจ็ดนาทีอย่างน้อยสามครั้งต่อหน้ากรรมการตัดสิน

และมีอีกปัญหาหนึ่งคือ—หัวข้อสุนทรพจน์เป็นประเด็นร่วมสมัยที่มอบหมายโดยการสุ่มและให้เวลาเตรียมเพียง 30 นาที ข้าพเจ้าตะลึงงันเพราะไม่เคยเห็นสุนทรพจน์แบบกล่าวสด

แม้จะเตรียมตัวในสัปดาห์ที่เหลือ และอ่านบทความเกี่ยวกับประเด็นร่วมสมัยมากเท่าที่จะอ่านได้ แต่ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกไม่แน่ใจในตนเองและหนักใจมาก ในวันแข่งขัน ข้าพเจ้าถามเจ้าหน้าที่ว่า “ผมได้รับหัวข้อของผมแล้ว แต่ผมขอเข้าไปฟังคนที่กำลังพูดสักประเดี๋ยวได้ไหมครับ” พวกเขาตอบว่า “คุณมีเวลาเพียง 30 นาที ถ้าคุณอยากใช้เวลาส่วนนั้นฟัง นั่นแล้วแต่คุณ”

ขอความช่วยเหลือ

ตอนแรกข้าพเจ้าใช้ช่วงเวลาไม่กี่นาทีอันมีค่านั้นเข้าไปฟัง ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าต้องอยู่ตามลำพังและสวดอ้อนวอนพระบิดาบนสวรรค์ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นป่าเงียบสงัดในรั้วมหาวิทยาลัยใกล้สระน้ำซึ่งข้าพเจ้าสามารถคุกเข่าตามลำพังได้

ข้าพเจ้าวิงวอนขอให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงช่วย นั่นไม่ใช่การสวดอ้อนวอนให้ชนะ—แต่เป็นการสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งนี้เพื่อข้าพเจ้าจะทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนและผ่านพ้นความท้าทายนี้ไปได้ ข้าพเจ้าตระหนักว่าข้าพเจ้าต้องได้รับความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า

พระบิดาบนสวรรค์ทรงตอบคำสวดอ้อนวอนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจำสิ่งที่ศึกษาไปแล้วได้และสามารถเชื่อมโยงข้อเท็จจริงกับความรู้สึก ข้าพเจ้าจะไปสวดอ้อนวอนก่อนเกี่ยวกับหัวข้อใหม่ๆ ทั้งหมดที่จับฉลากได้ จากนั้นจึงไปทำงาน วันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าประหลาดใจที่พบว่าข้าพเจ้าเข้ารอบสุดท้าย

ศรัทธาที่ข้าพเจ้ามีต่อพระผู้เป็นเจ้าพัฒนาเป็นประจักษ์พยาน และศรัทธาแรงกล้าขึ้นเมื่อข้าพเจ้ารู้สึกว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้ ข้าพเจ้าขอบพระทัยพระบิดาบนสวรรค์สำหรับความช่วยเหลือที่ได้รับ เพราะหลังจากทำทุกอย่างที่ข้าพเจ้าทำได้แล้ว พระองค์ทรงทำเพื่อข้าพเจ้ามากกว่าที่ข้าพเจ้าจะทำได้ด้วยตนเอง (ดู 2 นีไฟ 25:23)

ในอาชีพของข้าพเจ้าข้าพเจ้าเป็นแพทย์โสต ศอ นาสิก ครั้งหนึ่งในเมืองเรโน รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้าถูกเรียกตัวให้ไปช่วยทีมอภิบาลด้านกุมารเวชของโรงพยาบาลขณะพวกเขารักษาทารกเพศชายที่อ่อนแอเพราะเกิดก่อนกำหนด ทารกคนนี้เอาชนะความท้าทายสาหัสบางอย่างในช่วงสองสามเดือนแรกของชีวิตและแข็งแรงมากพอจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่และครอบครัว

แต่น่าเสียดายที่หลังจากกลับบ้านได้สองเดือน เขากลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งด้วยภาวะติดเชื้อรุนแรงในปอดซ้าย และตอบสนองไม่ดีนักต่อการให้ยาปริมาณมาก

แพทย์หน่วยอภิบาลสงสัยว่าทารกอาจสูดบางอย่างเข้าไปติดอยู่ในปอดแต่เอ็กซ์เรย์แล้วมองไม่เห็น เนื่องจากทารกอาการทรุดลง พวกเขาจึงแนะนำให้ข้าพเจ้าส่องปอดขณะที่เขาหลับในห้องผ่าตัด

สมัยนั้นเราไม่มีเทคโนโลยีที่ใช้ส่องลงไปในทางเดินหายใจเล็กๆ ของทารก เมื่อเราจัดการภาวะติดเชื้อจากปอดซ้ายแล้ว เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ข้าพเจ้าก็เห็นสิ่งที่เขาสูดเข้าไป—เป็นเศษสีเทียนสีเหลืองสดอุดอยู่ที่นั่นไม่สามารถใช้เครื่องมือดึงออกมาได้

พยาบาลคนหนึ่งในห้องผ่าตัดรู้ความรุนแรงของสถานการณ์และบอกว่าเธอเคยเห็นวิธีใช้เครื่องมือเรียวยาวในการหนีบก้อนนิ่วในที่แคบให้หลุดออกมา เธอดึงเครื่องมืออันหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เป็นตะกร้าขดลวดเรียวยาวยืดหดได้ ซึ่งเมื่อคลายขดลวดก็หนีบเอาก้อนนิ่วเล็กๆ ออกมาได้โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบ แต่จะสอดเข้าไปได้อย่างไร

in the operating room

“ข้าพระองค์ทำเองไม่ได้”

ข้าพเจ้าขอให้วิสัญญีแพทย์ดูแลผู้ป่วยตัวน้อยรายนี้ต่ออีกครู่หนึ่งขณะข้าพเจ้าไปที่มุมห้องผ่าตัด “พระบิดาบนสวรรค์ ข้าพระองค์ทำเองไม่ได้” ความคิดหนึ่งเข้ามาในใจข้าพเจ้า “เจ้าจงทำให้ดีที่สุด เราทำสิ่งนี้ด้วยกันได้”

ข้าพเจ้าฝึกเปิดปิดตะกร้าขดลวดในมือหลายครั้งในตำแหน่งต่างๆ ข้าพเจ้าสอดตะกร้าขดลวดเรียวยาวอย่างนุ่มนวลผ่านเครื่องมือไปจนถึงสีเทียน จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดตะกร้าให้หนีบสีเทียน แล้วปิดช้าๆ ตอนนี้ทางเดินหายใจโล่งและสะอาดแล้ว

พอดึงสีเทียนออกมา เด็กก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขาออกจากโรงพยาบาลภายในสัปดาห์นั้นพร้อมขวดบรรจุสีเทียนสีเหลืองสดเป็นที่ระลึก

ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์ประหนึ่งพระหัตถ์ของพระองค์ทรงนำทางข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าเป็นพยานอย่างนอบน้อมถึงคำแนะนำและการนำทางที่พระบิดาบนสวรรค์ประทานให้ มีหลายครั้งที่ท่านสามารถทำสิ่งที่ต้องทำด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ในเวลาเช่นนั้น และทุกๆ ครั้ง “จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น” (สุภาษิต 3:6)