พบสันติสุขใน ความไม่ดีพร้อม
การคาดหวังแต่ความดีพร้อมตอนนี้หมายถึงการปิดโอกาสให้ตัวเราเติบโต
ความเข้าใจผิดประการหนึ่งที่เราอาจมีในช่วงชีวิตบนโลกนี้เกี่ยวข้องกับแนวคิดเรื่องความดีพร้อม หลายคนเชื่อผิดๆ ว่าเราต้องบรรลุความดีพร้อมในชีวิตนี้จึงจะรอดหรือได้รับความสูงส่ง
ในฐานะนักบำบัด ดิฉันเคยพูดคุยอย่างเป็นทางการกับผู้หญิงคนหนึ่งขณะที่เธอกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เธอพูดว่า “ดิฉันจะดีพอได้อย่างไร” เธอพร่ำพูดแต่ว่าเธอไม่มีค่าควร เมื่อเราสำรวจความรู้สึกของเธอ ไม่มีบาปร้ายแรงจากอดีตหรือปัจจุบันของเธอ เธอแค่รู้สึกว่าไม่ดีพอ เธอเปรียบเทียบตัวเธอกับเพื่อนบ้าน มิตรสหาย ญาติๆ และทุกคนที่เธอคิดว่า “ดีกว่า” เธอ
ความคิดกลายเป็นความจริงของเรา
ดิฉันรู้ว่ามีหลายคนเคยรู้สึกถึงความไม่ดีพร้อมและไม่มั่นใจ ไม่ว่าในการเรียก ในฐานะพ่อแม่ หรือในเรื่องทั่วไป ความรู้สึกเหล่านี้สามารถทำให้เราปิดบังพรสวรรค์และปิดกั้นตนเองหรือรู้สึกท้อแท้ กังวล หรือหดหู่ ความคิดของเราเกี่ยวกับตัวเราเองมีอิทธิพลอย่างมากต่อพฤติกรรมและความรู้สึกของเรา พวกเราหลายคนพูดกับตนเองอย่างที่เราจะไม่มีวันพูดกับคนอื่น ส่งผลให้เกิดการปิดกั้นเราจากศักยภาพที่แท้จริงและบั่นทอนความสามารถตลอดจนพรสวรรค์ของเรา ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (1899–1994) กล่าวว่า “ซาตานจะพยายามเอาชนะวิสุทธิชนมากขึ้นด้วยความสิ้นหวัง ความท้อใจ ความผิดหวัง และความหดหู่”1
โชคดีที่ว่า “ความเห็นเดียวของเราที่สำคัญคือพระบิดาบนสวรรค์ทรงคิดอย่างไรกับเรา” เอ็ลเดอร์เจ. เดฟน์ คอร์นิชแห่งสาวกเจ็ดสิบสอน “ขอให้ทูลถามพระองค์อย่างจริงใจว่าพระองค์ทรงคิดอย่างไรกับท่าน พระองค์จะทรงรักและจะทรงแก้ไขแต่ไม่มีวันทำให้เราท้อใจ เพราะนั่นคือเล่ห์เหลี่ยมของซาตาน”
ความไม่ดีพร้อมเป็นโอกาส
เราอยู่บนแผ่นดินโลกเพื่อมีปีติ และส่วนหนึ่งของปีตินั้นคือสิ่งที่เราสร้าง สิ่งที่เราเชื่อ และสิ่งที่เรายอมรับ ถ้าเรายอมรับว่าเราเป็นลูกที่บกพร่องของพระผู้เป็นเจ้าและกำลังเรียนรู้ขณะดำเนินชีวิต เราจะยอมรับความไม่ดีพร้อมของเราได้ การคาดหวังความดีพร้อมทันทีจะหมายถึงการปิดโอกาสไม่ให้ตัวเราเติบโต เราจะปฏิเสธของประทานแห่งการกลับใจและเดชานุภาพของพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ในชีวิตเรา เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี (1915–1985) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวว่า “มีสัตภาวะเดียวเท่านั้นที่ดีพร้อม คือพระเจ้าพระเยซู ถ้าชาย [และหญิง] ต้องดีพร้อมและดำเนินชีวิตตามกฎทุกข้ออย่างเคร่งครัด ครบถ้วน และสมบูรณ์ คงจะมีเพียงคนเดียวที่รอดในนิรันดร ศาสดาพยากรณ์ [โจเซฟ สมิธ] สอนว่ามีหลายอย่างต้องทำเพื่อความรอดของเรา แม้หลังจากเราตาย”2 ความไม่ดีพร้อมของเราอาจเป็นหนทางให้พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมเราให้พร้อมกลับไปหาพระองค์
ความอ่อนแอสามารถกลายเป็นความเข้มแข็งได้
การหันไปพึ่งพระบิดาบนสวรรค์ในความไม่ดีพร้อมเรียกร้องความอ่อนน้อมถ่อมตน ในอีเธอร์อธิบายกระบวนการนี้ว่า “หากมนุษย์มาหาเรา เราจะแสดงให้พวกเขาเห็นความอ่อนแอของพวกเขา. เราให้ความอ่อนแอแก่มนุษย์เพื่อพวกเขาจะนอบน้อม; และพระคุณของเราเพียงพอสำหรับคนทั้งปวงที่นอบน้อมถ่อมตนต่อหน้าเรา; เพราะหากพวกเขานอบน้อมถ่อมตนต่อหน้าเรา, และมีศรัทธาในเรา, เมื่อนั้นเราจะทำให้สิ่งที่อ่อนแอกลับเข้มแข็งสำหรับพวกเขา” (อีเธอร์ 12:27) เมื่อเราอ่อนน้อมถ่อมตน พระบิดาในสวรรค์จะทรงรับเราไว้ในอ้อมพระพาหุและช่วยให้เราเรียนรู้จากความอ่อนแอของเรา ตัวอย่างของเรื่องนี้อยู่ในพันธสัญญาใหม่ ขณะที่เปาโลต่อสู้กับ “หนามในเนื้อ [ของเขา]” เขาเรียนรู้ว่าความอ่อนแอนี้ทำให้เขาอ่อนน้อมถ่อมตนและทำให้เขาใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น (ดู 2 โครินธ์ 12:7) ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความเต็มใจเรียนรู้คือสิ่งที่เราต้องประยุกต์ใช้กับความไม่ดีพร้อมของเราเอง เราต้องเรียนรู้จากความอ่อนแอเหล่านี้เพื่อความอ่อนแอจะกลายเป็นความเข้มแข็ง
มีความแตกต่างกันระหว่างการเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนกับความรู้สึกด้อยค่า ความอ่อนน้อมถ่อมตนดึงเราเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น ส่วนความละอายใจและความผิดจะขับเราออกห่างจากพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงต้องการให้เราเหยียดหยามตนเองและรู้สึกว่าเราด้อยค่าในสายพระเนตรของพระองค์ การทำเช่นนี้ทำให้พระองค์และเราเจ็บปวด สำคัญที่ต้องตระหนักว่าเราคุ้มค่ากับเวลาและความพยายามที่เราต้องใช้เปลี่ยน ส่วนหนึ่งที่ชีวิตของโลกนี้เกี่ยวข้องด้วยคือการหาวิธีเปลี่ยนความอ่อนแอของเรา ความอ่อนแอบางอย่างอาจเป็นการต่อสู้ชั่วชีวิต ขณะที่บางอย่างสามารถเอาชนะได้เร็วกว่า
หลายปีก่อนดิฉันทำงานกับลูกค้าคนหนึ่งชื่อราเชล (นามสมมติ) เธอมีปัญหาเรื่องดื่มสุรา การดื่มสุรากลายเป็นเครื่องค้ำจุนและเป็นวิธีปลดปล่อยความเครียดจากชีวิตที่ยุ่งยากของเธอ เธอตั้งใจว่าจะเอาชนะการเสพสุรา และด้วยความช่วยเหลือบางอย่างรวมทั้งกำลังใจ เธอจึงเลิกดื่ม ก่อนจะเอาชนะปัญหาการดื่มสุราได้นั้น เธอไม่ดูถูกตนเองเพราะความอ่อนแอของเธอ เธอยอมรับ จากนั้นด้วยความมุ่งมั่นและความช่วยเหลือของอธิการที่ดี พระเจ้า และคนสำคัญบางคน ราเชลตั้งใจว่าจะเลิกดื่ม ครั้งสุดท้ายที่ดิฉันคุยกับเธอ เธอรายงานว่าไม่ปรารถนาจะดื่มอีก
เพื่อจะเติบโตจากความอ่อนแอของเรา เราต้องหันไปพึ่งพระเจ้าด้วยศรัทธา ความหวัง และความเข้าใจว่าพระองค์จะทรงควบคุมเราไว้ในฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองแนะนำดังนี้ “ถึงคนที่อ่อนแอในใจ กลัวในใจ จงอดทนกับตนเอง ความดีพร้อมไม่เกิดขึ้นในชีวิตนี้แต่ในชีวิตหน้า อย่าเรียกร้องสิ่งที่ไร้เหตุผล แต่เรียกร้องการปรับปรุงตนเอง เมื่อท่านยอมให้พระเจ้าทรงช่วยเหลือท่านผ่านสิ่งนั้น พระองค์จะทรงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”3
เลือกความสุขเดี๋ยวนี้
เพื่อให้ชีวิตดีขึ้นน เราเลือกสันติสุขและความสุขเดี๋ยวนี้ได้ แม้ท่ามกลางสภาวการณ์ที่มืดมิดที่สุด เราเลือกเจตคติของเราได้ วิคเตอร์ ฟรังเคล จิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงและผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ชาวยิวกล่าวว่า “เราเอาทุกอย่างไปจากมนุษย์ได้ยกเว้นสิ่งเดียว นั่นคือ เสรีภาพของมนุษย์—เลือกเจตคติของตนในสภาวการณ์ใดๆ ก็ตาม เลือกทางของตน”4
เราทราบว่า “มนุษย์เป็นอยู่, เพื่อพวกเขาจะมีปีติ” (2 นีไฟ 2:25) ไม่ได้หมายความว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้เวทมนตร์ทำให้ชีวิตเราเต็มไปด้วยความสุข ความสุขเป็นการเลือกสำหรับพวกเราส่วนใหญ่ ต้องใช้ความพยายามและการแสดงความกตัญญู ความไว้วางใจ และศรัทธา เรื่องลบๆ สามารถใช้ที่ว่างทั้งหมดในชีวิตเราได้ถ้าเรายอม เราอาจจะเปลี่ยนสภาวการณ์ในชีวิตเราไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะตอบสนองอย่างไร ประธานโธมัส เอส. มอนสันกล่าวว่า “เราไม่สามารถกำหนดทิศทางลมได้ แต่เราปรับใบเรือได้ เพื่อให้มีความสุข สันติสุข และความอิ่มเอมใจสูงสุด ขอให้เรา เลือก เจตคติที่ดี”5
เมื่อเราเลือกจดจ่อกับสิ่งดี พึ่งพาพระเจ้าและการชดใช้ของพระองค์ ยอมรับและเรียนรู้จากความไม่ดีพร้อมของเรา เราสามารถขจัดความคาดหวังที่ไม่เป็นจริงของตัวเราเอง พยายามทำความดีและมีความสุขในชีวิต เราจะทำใจให้สงบกับความไม่ดีพร้อมและพบการปลอบโยนในความรักเพื่อการไถ่ของพระผู้เป็นเจ้า เราจะพบปีติในใจเราโดยรู้ว่าแผนแห่งความรอดสามารถนำเรากลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์ได้เมื่อเราพยายามสุดความสามารถแม้ไม่ดีพร้อมเพื่อให้มีค่าควรจะอยู่กับพระองค์อีกครั้ง