เอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู. กอง
โควรัมอัครสาวกสิบสอง
“วันสะบาโตอีสเตอร์นี้ ข้าพเจ้าร้อง ‘อาเลลูยา’ อย่างเบิกบาน” เอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู. กองกล่าวในคำปราศรัยการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกของท่านในฐานะสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง “เพลงแห่งความรักที่ไถ่ของพระผู้ช่วยให้รอดผู้คืนพระชนม์ประกาศความสอดคล้องของพันธสัญญา … และการชดใช้ของพระเยซูคริสต์”
เอ็ลเดอร์กองใช้เวลาชั่วชีวิตชื่นชมยินดีในความสอดคล้องนั้น ท่านทราบว่าพลังแห่งพันธสัญญาของเรา ควบคู่กับการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด “เปิดทางและปูทาง” ให้เรา “พร้อมกันนั้น … เชื่อมเรา ถนอมรักษาเรา ชำระเราให้บริสุทธิ์ [และ] ไถ่เรา” ท่านกล่าว
วันหนึ่งที่การแต่งงานในพระวิหาร พลังแห่งพันธสัญญาควบคู่กับการชดใช้ สะท้อนให้เห็นในกระจกเงาของพระวิหาร ท่านเห็นภาพครอบครัวท่านหลายรุ่นต่อเนื่องจนถึงนิรันดร ตั้งแต่ญาติรุ่นแรกสุดของท่าน ดรากอน กองที่หนึ่ง ซึ่งเกิด ค.ศ. 837 เรื่อยมา 36 รุ่นจนถึงหลานของท่านและต่อๆ มาทั้งรุ่นก่อนและรุ่นหลัง
“ข้าพเจ้าเริ่มเข้าใจว่าภรรยากับตัวข้าพเจ้าเป็นบุตรธิดาของบิดามารดาเราและเป็นบิดามารดาของบุตรธิดาของเรา เป็นหลานของปู่ย่าตายายของเราและเป็นปู่ย่าตายายของหลานๆ เรา” ท่านกล่าว “บทเรียนอันสำคัญยิ่งของความเป็นมรรตัยกลั่นลงมาบนจิตวิญญาณเราขณะที่เราเรียนและสอนในบทบาทนิรันดร์ รวมไปถึงบุตรธิดาและบิดามารดา บิดามารดาและบุตรธิดา”
เอ็ลเดอร์กองรับใช้เป็นสาวกเจ็ดสิบเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ. 2010 และเป็นสมาชิกในฝ่ายประธานโควรัมสาวกเจ็ดสิบตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2015 ท่านได้รับการสนับสนุนเป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2018 ซึ่งท่านอธิบายว่าเป็น “การเรียกอันศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้าที่ทำให้ข้าพเจ้าลืมหายใจ”
ตั้งแต่ ค.ศ. 2011 ถึง ค.ศ. 2015 เอ็ลเดอร์กองรับใช้เป็นสมาชิกในฝ่ายประธานภาคเอเชีย จบลงด้วยการรับใช้เป็นประธานภาค ท่านเคยรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลาในคณะเผยแผ่ไทเป ไต้หวัน สมาชิกสภาสูง หัวหน้ากลุ่มมหาปุโรหิต ประธานโรงเรียนวันอาทิตย์สเตค ครูเซมินารี อธิการ ประธานงานเผยแผ่สเตค ประธานสเตค และสาวกเจ็ดสิบภาค
เอ็ลเดอร์กองสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีสาขาเอเชียศึกษาและมหาวิทยาลัยศึกษาจากมหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ในปี 1977 ในปี 1979 ท่านได้รับปริญาโทสาขาปรัชญาและในปี 1981 ได้รับปริญญาเอกสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดซึ่งท่านเป็นนักศึกษาทุนโรดส์ของมหาวิทยาลัยนั้น คริสต์ศักราช 1985 เอ็ลเดอร์กองรับใช้เป็นผู้ช่วยพิเศษให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ และปี 1987 ท่านทำงานเป็นผู้ช่วยพิเศษของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ต้นปี 1989 ท่านรับใช้หลายตำแหน่งที่ศูนย์วิจัยนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์ในวอชิงตัน ดี.ซี. ท่านเป็นผู้ช่วยอธิการบดีเรื่องการวางแผนและการประเมินที่มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์จนถึงเดือนเมษายน ปี 2010
ปู่ย่าตายายของเอ็ลเดอร์กองอพยพจากประเทศจีนไปอยู่สหรัฐอเมริกา เอ็ลเดอร์กองเกิดที่เรดวูดซิตี รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อปี1953 ท่านแต่งงานกับซูซาน ลินด์เซย์ในเดือนมกราคม ปี 1980 ท่านทั้งสองมีบุตรสี่คนและหลานสามคน
“ทุกสิ่งที่มีค่าและเป็นนิรันดร์มีศูนย์รวมอยู่ในการทรงพระชนม์อยู่จริงของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์และพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ และการชดใช้ของพระองค์ ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยาน” เอ็ลเดอร์กองกล่าวที่การประชุมใหญ่ครั้งนี้ “ข้าพเจ้าเป็นพยานยืนยันด้วยความเคารพถึงพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์—พระองค์ทรงอยู่กับเราในกาลเริ่มต้น ทรงอยู่กับเราตราบอวสาน”