2018
เรื่องเล็กและเรียบง่าย
May 2018


เรื่องเล็กและเรียบง่าย

เราต้องจำไว้ว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปเรื่องต่างๆ ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กจะทำให้สิ่งสำคัญเกิดขึ้น

I.

พี่น้องทั้งหลาย เช่นเดียวกับพวกท่าน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจ ได้รับการจรรโลงใจและการดลใจอย่างลึกซึ้งจากข่าวสารและบทเพลงและความรู้สึกของเวลานี้ที่เรามีร่วมกัน ข้าพเจ้าพูดแทนท่านในการแสดงความขอบคุณต่อพี่น้องชายหญิงของเรา ในฐานะเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระเจ้า ที่ให้ผลของพลังที่เพิ่มขึ้นแก่เราจากการอยู่ด้วยกันเวลานี้

ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจที่ได้พูดกับท่านทั้งหลายในวันอาทิตย์อีสเตอร์ วันนี้เรากับชาวคริสต์อื่นๆ ร่วมเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ สำหรับสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย การฟื้นคืนพระชนม์อย่างแท้จริงของพระเยซูคริสต์เป็นเสาหลักแห่งความเชื่อของเรา

เพราะเราเชื่อเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนเกี่ยวกับการฟื้นคืนพระชนม์อย่างแท้จริงของพระเยซูคริสต์ เราเชื่อในคำสอนมากมายจากพระคัมภีร์เช่นกันว่าการฟื้นคืนชีวิตแบบเดียวกันจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคนที่เคยอาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก การฟื้นคืนชีวิตนั้นมอบสิ่งที่อัครสาวกเปโตรเรียกว่า “ความหวังที่ยั่งยืน” (1 เปโตร 1:3) ให้แก่เรา ความหวังที่ยั่งยืนดังกล่าวคือความเชื่อมั่นของเราว่าความตายไม่ใช่จุดจบของอัตลักษณ์แต่เป็นเพียงขั้นตอนจำเป็นในแผนอันเปี่ยมพระเมตตาของพระบิดาบนสวรรค์เพื่อความรอดของบุตรธิดาของพระองค์ แผนนั้นเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงจากความเป็นมรรตัยสู่ความเป็นอมตะ ศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงนั้นคืออาทิตย์อัสดงแห่งความตายและอรุณรุ่งโรจน์ซึ่งเกิดขึ้นได้ด้วยการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเราซึ่งเราเฉลิมฉลองในวันอาทิตย์อีสเตอร์นี้

II.

ในบทเพลงสวดอันไพเราะซึ่งประพันธ์คำร้องโดยเอไลซา อาร์. สโนว์ เราร้องว่า

ช่างรุ่งโรจน์ สมบูรณ์ และยิ่งใหญ่

โอ้ แผนงานแห่งการไถ่

ซึ่งความเที่ยงธรรมความรักเมตตา

ประสานปรองดองเมืองฟ้า!1

ในการทำแผนงานของพระเจ้าและความปรองดองนั้นให้สำเร็จ เรามารวมกันในการประชุม รวมถึงการประชุมใหญ่นี้ เพื่อสอนและให้กำลังใจกัน

เช้าวันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกอยากใช้คำสอนของแอลมาที่สอนฮีลามันบุตรของท่านในคำพูดของข้าพเจ้า ดังที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์มอรมอนว่า “โดยเรื่องเล็กและเรียบง่ายสิ่งสำคัญจะเกิดขึ้น” (แอลมา 37:6)

เราเรียนรู้เรื่องเล็กและเรียบง่ายหลายเรื่องในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ เราต้องจำไว้ว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปเรื่องต่างๆ เหล่านี้ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กจะทำให้สิ่งสำคัญเกิดขึ้น มีคำพูดมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่และครูหลายท่านซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ หัวข้อนี้สำคัญมากจนข้าพเจ้ารู้สึกว่าต้องพูดถึงอีกครั้ง

ข้าพเจ้านึกถึงพลังของเรื่องเล็กและเรียบง่ายที่สั่งสมผ่านกาลเวลาจากบางสิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นเวลาออกไปเดินเล่นยามเช้า นี่คือภาพที่ข้าพเจ้าถ่ายไว้ ทางเท้าคอนกรีตที่หนาและแข็งแรงกำลังมีรอยแตก สิ่งนี้เกิดจากแรงผลักดันอันทรงพลังมหาศาลหรือไม่ เปล่าเลย รอยแตกนี้เกิดจากการเติบโตอย่างช้าๆ และเล็กๆ ของรากไม้รากหนึ่งที่งอกมาจากต้นไม้ในบริเวณใกล้เคียง อีกตัวอย่างหนึ่งเหมือนกันซึ่งข้าพเจ้าเห็นที่ถนนอีกแห่งหนึ่ง

ภาพ
รอยแตกบนทางเท้า
ภาพ
อีกรอยแตกหนึ่งบนทางเท้า

แรงผลักดันที่ทำให้ทางเท้าคอนกรีตซึ่งมีน้ำหนักแตกออกได้นั้นน้อยเกินกว่าจะวัดได้รายวันหรือแม้แต่รายเดือน แต่ผลกระทบจากกาลเวลาที่ผ่านไปทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ

เช่นเดียวกับผลกระทบอันทรงพลังจากกาลเวลาที่ผ่านไปของเรื่องเล็กและเรียบง่ายที่เราเรียนรู้จากพระคัมภีร์และศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ ลองพิจารณาถึงการศึกษาพระคัมภีร์ที่เราเรียนรู้ว่าให้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเรา หรือพิจารณาถึงการสวดอ้อนวอนส่วนตัวและการคุกเข่าสวดอ้อนวอนกับครอบครัวซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติโดยปกติของวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่ซื่อสัตย์ ลองพิจารณาถึงการเข้าเรียนเซมินารีสำหรับเยาวชนหรือชั้นเรียนสถาบันสำหรับคนหนุ่มสาว แม้ธรรมเนียมปฏิบัติเหล่านี้ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กและเรียบง่าย แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าและการเติบโตทางวิญญาณที่ทรงพลัง สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะเรื่องเล็กและเรียบง่ายแต่ละอย่างนี้อัญเชิญความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระผู้ทรงเป็นพยานผู้ให้ความสว่างและนำทางเราสู่ความจริง ตามที่ประธานอายริงก์อธิบายไว้

แหล่งของความก้าวหน้าและการเติบโตทางวิญญาณอีกอย่างหนึ่งคือการกลับใจอย่างต่อเนื่อง แม้จากการล่วงละเมิดที่ดูเหมือนเล็กน้อย การประเมินตนเองโดยได้รับการดลใจสามารถช่วยให้เราเห็นว่าเราผิดพลาดอย่างไรและเราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร การกลับใจเช่นนั้นควรเกิดขึ้นก่อนการรับส่วนศีลระลึกประจำสัปดาห์ของเรา เรื่องที่ควรพิจารณาในขั้นตอนการกลับใจมีคำแนะนำไว้ในเพลงสวด “ฉันทำความดีบ้างหรือไม่?”

ฉันทำความดีบ้างหรือไม่ในโลกวันนี้?

ฉันปรานีคนขัดสนบ้างไหม?

ฉันได้ปลอบคนหมองหม่นช่วยคนให้เบิกบานไหม?

หากไม่ฉันล้มเหลวแน่นา

มีภาระใครถูกแบ่งไปไหมวันนี้

เพราะว่าฉันยินดีที่จะช่วย?

คนเจ็บป่วยระทวยแรงล้าถูกรักษาหรือเปล่า?

เมื่อเขาอยากให้ช่วยฉันอยู่นั่นไหม?2

แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็ก แต่ก็แน่นอนว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของสิ่งที่แอลมาสอนฮีลามัน บุตรของท่าน “และพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานโดยวิธีต่างๆ ที่จะนำมาซึ่งพระประสงค์อันนิรันดร์และสำคัญยิ่งของพระองค์; และโดยวิธีเล็กๆ น้อยๆ พระเจ้า … ทรงทำให้ความรอดเกิดแก่จิตวิญญาณเป็นอันมาก” (แอลมา 37:7)

อธิการบดีสตีเวน ซี. วีลไรท์ให้คำอธิบายที่ได้รับการดลใจเรื่องคำสอนของแอลมาแก่ผู้ฟังที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์–ฮาวาย “แอลมายืนยันกับบุตรของท่านว่าแท้จริงแล้วแบบแผนที่พระเจ้าทรงดำเนินตามเมื่อเราใช้ศรัทธาในพระองค์และทำตามคำแนะนำของพระองค์ในเรื่องเล็กและเรียบง่าย คือพระองค์จะประทานพรเราด้วยปาฏิหาริย์เล็กๆ ทุกวัน และเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยงานอันน่าอัศจรรย์”3

ประธานฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์สอนว่า “บ่อยครั้งภารกิจที่เราทำทุกวันส่งผลดีที่สุดต่อชีวิตผู้อื่น เมื่อเทียบกับสิ่งที่โลกมักจะโยงกับความยิ่งใหญ่”4

คำสอนทางโลกที่ล่อใจของหลักการเดียวกันนี้มาจากอดีตวุฒิสมาชิกแดน โคตส์จากอินดีแอนา ผู้เขียนไว้ว่า “การเตรียมเพียงอย่างเดียวสำหรับการตัดสินใจเรื่องสำคัญครั้งเดียวซึ่งสามารถเปลี่ยนชีวิต หรือแม้แต่เปลี่ยนประเทศชาติได้นั้น คือการตัดสินใจหลายร้อยหลายพันครั้งในที่ลับซึ่งรู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง เป็นการนิยามตัวตนของเรา และดูเหมือนไม่สำคัญ”5

การตัดสินใจในที่ลับซึ่ง “ดูเหมือนไม่สำคัญ” เหล่านั้นได้แก่วิธีที่เราใช้เวลาของเรา สิ่งที่เราดูในโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ต สิ่งที่เราอ่าน ศิลปะและดนตรีซึ่งอยู่รอบตัวเราที่ทำงานและที่บ้าน สิ่งที่เราแสวงหาเพื่อความบันเทิง และวิธีที่เรามุ่งมั่นเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต อีกสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนเรื่องเล็กและเรียบง่ายคือการเป็นคนสุภาพและร่าเริงในการปฏิสัมพันธ์ส่วนตัวของเรา

เรื่องเล็กและเรียบง่ายที่พึงปรารถนาเหล่านี้จะไม่ยกเราไปสู่สิ่งสำคัญเว้นแต่เราจะกระทำอย่างสม่ำเสมอและอย่างต่อเนื่อง ประธานบริคัม ยังก์กล่าวว่า “ชีวิตของเราประกอบด้วยสภาวการณ์ที่เล็กน้อย เรียบง่ายซึ่งกลายเป็นเรื่องสำคัญเมื่อนำสิ่งเหล่านั้นมารวมกัน และรวมเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ของชายหรือหญิงคนหนึ่ง”6

สภาพแวดล้อมของเราเต็มไปด้วยอิทธิพลของสื่อและความเสื่อมทรามทางวัฒนธรรมที่จะพัดพาค่านิยมของเราให้ล่องลอยไปตามกระแสน้ำหากเราไม่พยายามต้านทานอย่างต่อเนื่อง หากจะทวนกระแสน้ำขึ้นไปสู่เป้าหมายนิรันดร์ เราต้องพยายามพายอย่างสม่ำเสมอ และจะช่วยได้มากหากเราอยู่ในทีมที่กำลังพายไปด้วยกัน เหมือนลูกเรือกำลังพายพร้อมกัน เพื่อประยุกต์ใช้ตัวอย่างดังกล่าวได้มากขึ้น กระแสวัฒนธรรมแรงมากถึงขนาดว่าหากเราหยุดพาย เราจะถูกกระแสน้ำพัดพาไปสู่จุดหมายที่เราไม่ได้แสวงหาแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้หากเราไม่พยายามมุ่งไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ

หลังจากพูดถึงเหตุการณ์ที่ดูเหมือนเล็กๆ ซึ่งมีผลลัพธ์ที่สำคัญมาก นีไฟเขียนว่า “และดังนั้นเราเห็นว่าโดยวิธีเล็กน้อยพระเจ้าทรงทำให้สิ่งสำคัญเกิดขึ้นได้” (1 นีไฟ 16:29) พันธสัญญาเดิมมีตัวอย่างที่น่าจดจำของเรื่องนี้ เราอ่านว่าชาวอิสราเอลประสบความเดือดร้อนจากงูพิษ มีผู้เสียชีวิตมากมายเพราะถูกงูกัด (ดู กันดารวิถี 21:6) เมื่อโมเสสสวดอ้อนวอนทูลขอการบรรเทาทุกข์ ท่านได้รับการดลใจให้ทำ “งูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่ง และติดไว้บนเสา” จากนั้น “เมื่องูกัดใคร ถ้าคนนั้นมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้” (ข้อ 9) เรื่องเล็กๆ เช่นนั้นรังสรรค์ผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ยิ่ง! แต่ดังที่นีไฟอธิบายไว้เมื่อท่านสอนตัวอย่างนี้แก่คนที่กำลังต่อต้านพระเจ้า แม้เมื่อพระเจ้าทรงเตรียมทางที่เรียบง่ายไว้ให้ซึ่งพวกเขาจะได้รับการเยียวยา แต่ “เพราะความเรียบง่ายของทาง, หรือความง่ายของมัน, จึงมีคนตายเป็นอันมาก” (1 นีไฟ 17:41)

ตัวอย่างและคำสอนดังกล่าวเตือนเราว่าความเรียบง่ายของทางหรือความง่ายของงานที่ได้รับบัญชาไม่ได้หมายความว่าการบรรลุความปรารถนาอันชอบธรรมของเราไม่สำคัญ

เช่นเดียวกัน แม้แต่การไม่เชื่อฟังเล็กน้อยหรือความล้มเหลวเล็กน้อยในการทำตามวิธีปฏิบัติที่ชอบธรรมก็สามารถดึงเราลงไปสู่ผลลัพธ์ที่มีผู้เตือนเราให้หลีกเลี่ยง พระคำแห่งปัญญาให้ตัวอย่างของเรื่องนี้ เป็นไปได้ว่าเราไม่อาจวัดผลกระทบที่บุหรี่มวนหนึ่งหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก้วหนึ่งหรือยาเสพติดหลอดหนึ่งมีต่อร่างกาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผลกระทบทรงพลังมหาศาลและไม่อาจย้อนคืน ให้นึกถึงรอยแตกบนทางเท้าจากรากของต้นไม้ที่ค่อยๆ แผ่ขยายไปทีละนิด สิ่งหนึ่งที่แน่นอน ผลลัพธ์อันเลวร้ายของการรับเอาสิ่งใดก็ตามที่เสพติดได้ เช่นยาที่ทำร้ายร่างกายเราหรือสื่อลามกที่ทำลายความคิดเราให้เสื่อมทราม ทุกอย่างหลีกเลี่ยงได้โดยสิ้นเชิงหากเราไม่เคยลองตั้งแต่ครั้งแรก—ไม่แม้แต่ครั้งเดียว

หลายปีมาแล้ว ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดบรรยายแก่ผู้ฟังการประชุมใหญ่สามัญว่า “เรื่องเล็กและเรียบง่ายสามารถเป็นเรื่องไม่ดีและทำลายความรอดของบุคคลหนึ่งได้” ท่านสอนว่า “เช่นเดียวกับเส้นใยเปราะบางที่รวมกันเป็นเส้นด้าย แล้วเป็นเกลียวเชือก และในที่สุดเป็นเชือก สิ่งเล็กๆ เหล่านี้รวมกันสามารถเหนียวแน่นเกินกว่าจะขาดได้ เราต้องตระหนักอยู่เสมอถึงพลังที่เรื่องเล็กและเรียบง่ายสามารถมีได้ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิญญาณ” ท่านกล่าว “ในขณะเดียวกัน เราต้องตระหนักว่าซาตานจะใช้เรื่องเล็กและเรียบง่ายนำเราไปสู่ความสิ้นหวังและความทุกข์ทรมาน”7

ประธานวีลไรท์ให้คำเตือนเช่นเดียวกันนี้แก่ผู้ฟังของท่านที่บีวายยู–ฮาวาย “การล้มเหลวที่จะทำเรื่องเล็กและเรียบง่ายทำให้ศรัทธาสั่นคลอน ปาฏิหาริย์ยุติ และความก้าวหน้าสู่พระเจ้าและอาณาจักรของพระองค์ถูกระงับ จากนั้นจึงเริ่มพังทลายเมื่อการแสวงหาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าถูกแทนที่ด้วยการแสวงหาเรื่องทางโลกและความทะเยอทะยานทางโลกมากกว่า”8

เพื่อป้องกันผลกระทบด้านลบที่ทวีขึ้นเรื่อยๆ และทำลายความก้าวหน้าทางวิญญาณของเรา เราจำเป็นต้องทำตามแบบแผนทางวิญญาณของเรื่องเล็กและเรียบง่าย เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์บรรยายหลักธรรมนี้ไว้ในการประชุมใหญ่สตรีบีวายยูว่า “เราสามารถเรียนรู้ได้มากเกี่ยวกับลักษณะและความสำคัญของแบบแผนทางวิญญาณนี้จากเทคนิคของ … การหยดน้ำลงไปในดินทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง” ตรงข้ามกับการให้น้ำไหลท่วมหรือพ่นน้ำปริมาณมากลงไปบนพื้นที่ซึ่งอาจไม่จำเป็น

ท่านอธิบายว่า “น้ำที่หยดลงมาอย่างสม่ำเสมอจะซึมซาบสู่พื้นดินและให้ระดับความชุ่มชื้นที่สูงมากในดินซึ่งพืชสามารถงอกงามได้ ในทำนองเดียวกัน หากท่านกับข้าพเจ้ามุ่งความสำคัญในการรับหยดน้ำแห่งการบำรุงเลี้ยงทางวิญญาณบ่อยครั้งและสม่ำเสมอ เมื่อนั้นรากแห่งพระกิตติคุณจะซึมซาบไปสู่จิตวิญญาณของเรา สามารถกลายเป็นรากฐานที่มั่นคง ผลิดอกออกผลอันมีรสเลิศเหนือธรรมดาได้”

ท่านกล่าวต่อไปว่า “แบบแผนทางวิญญาณของเรื่องเล็กและเรียบง่ายทำให้เกิดสิ่งสำคัญที่สร้างความมั่นคงและแน่วแน่ หยั่งรากของความภักดี และทวีการเปลี่ยนใจเลื่อมใสต่อพระเจ้าพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์โดยสมบูรณ์มากขึ้น”9

ท่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธสอนหลักธรรมนี้ด้วยวาจาซึ่งปัจจุบันรวมอยู่ในหลักคำสอนและพันธสัญญา “อย่าให้มนุษย์คนใดถือว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย; เพราะมีมากมาย … ซึ่งเกี่ยวกับวิสุทธิชน, ซึ่งขึ้นอยู่กับเรื่องเหล่านี้” (คพ. 123:15)

ในการเชื่อมโยงกับความพยายามครั้งแรกๆ ที่จะสถาปนาศาสนจักรในมิสซูรี พระเจ้าทรงแนะนำให้อดทนเพราะ “สิ่งทั้งปวงต้องบังเกิดขึ้นในเวลาของมัน” (คพ. 64:32) จากนั้นจึงประทานพระดำรัสสำคัญนี้ “ดังนั้น, อย่าเบื่อหน่ายในการทำดี, เพราะเจ้ากำลังวางรากฐานของงานอันสำคัญยิ่ง และจากสิ่งเล็กน้อยบังเกิดเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่” (คพ. 64:33)

ข้าพเจ้าเชื่อว่าเราทุกคนปรารถนาจะทำตามคำท้าทายของประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันที่ให้เรารุดหน้าต่อไป “บนเส้นทางแห่งพันธสัญญา”10 พลังที่จะเสริมสร้างความมุ่งมั่นของเราให้ทำเช่นนั้นคือการทำ “เรื่องเล็ก” ที่เราเรียนรู้จากพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และผู้นำศาสนจักรของพระองค์อย่างสม่ำเสมอ ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงพระองค์และทูลขอพรจากพระองค์ให้แก่ผู้หมายมั่นจะอยู่บนเส้นทางแห่งพันธสัญญาของพระองค์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. “ปัญญาและความรักยิ่งใหญ่,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 88.

  2. “ฉันทำความดีบ้างหรือไม่?”เพลงสวด, บทเพลงที่ 109.

  3. Steven C. Wheelwright, The Power of Small and Simple Things” (Brigham Young University–Hawaii devotional, Aug. 31, 2007), 2, devotional.byuh.edu.

  4. คำสอนของประธานศาสนจักร: ฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์ (2015), 165–166.

  5. Dan Coats, Americas Youth: A Crisis of Character,Imprimis, vol. 20, no. 9 (Sept. 1991), 4; ดู Elder Wilford Andersen ในคอลัมน์ของเขาใน Mesa Tribune, May 1996 ด้วย.

  6. Brigham Young, discourse in Ogden Tabernacle, July 19, 1877, ตามที่รายงานใน “Discourse,Deseret News, Oct. 17, 1877, 578.

  7. M. Russell Ballard, Small and Simple Things,Ensign, May 1990, 7, 8.

  8. Steven C. Wheelwright, The Power of Small and Simple Things,” 3.

  9. David A. Bednar, By Small and Simple Things Are Great Things Brought to Pass” (Brigham Young University Womens Conference, Apr. 29, 2011), womensconference.byu.edu.

  10. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ขณะที่เราเดินหน้าไปด้วยกัน,” เลียโฮนา, เม.ย. 2018, 7.

พิมพ์