2019
แบกกางเขนของเรา
พฤศจิกายน 2019


แบกกางเขนของเรา

การแบกกางเขนของตนเองและติดตามพระองค์หมายถึงการดำเนินบนเส้นทางของพระเจ้าด้วยศรัทธาต่อไปและไม่หมกมุ่นกับนิสัยทางโลก

พี่น้องทั้งหลาย เราได้รับคำสอนอันยอดเยี่ยมจากผู้นำของเราในช่วงสองวันที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเป็นพยานต่อท่านว่าถ้าเราพยายามประยุกต์ใช้คำสอนที่ทันกาลและได้รับการดลใจเหล่านี้ในชีวิตเรา โดยผ่านพระคุณของพระองค์ พระเจ้าจะทรงช่วยเราแต่ละคนแบกกางเขนของเราและทำให้ภาระของเราเบาลง1

ขณะอยู่ใกล้เขตซีซารียาฟิลิปปี พระผู้ช่วยให้รอดทรงเปิดเผยต่อเหล่าสาวกว่าจะต้องทรงทนทุกข์อะไรจากน้ำมือของเหล่าเอ็ลเดอร์ หัวหน้าปุโรหิต และธรรมาจารย์ในเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงสอนพวกเขาเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์2 ณ เวลานั้นเหล่าสาวกไม่เข้าใจพระพันธกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลกอย่างถ่องแท้ เปโตรเองเมื่อได้ยินสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดตรัส เขาดึงพระ‍องค์ออกมา และว่า‍กล่าวพระ‍องค์ว่า “อย่าให้เป็นเช่นนั้นองค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า จะให้เหตุ‍การณ์เช่น‍นี้เกิดกับพระ‍องค์ไม่‍ได้”3

เพื่อช่วยให้เหล่าสาวกเข้าใจการอุทิศตนรวมถึงการยอมตนและทนทุกข์เพื่องานของพระองค์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงประกาศหนักแน่นว่า:

“ถ้าใครต้องการจะติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามา

“เพราะ‍ว่าใครต้อง‍การจะเอาชีวิต‍รอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา คน‍นั้นจะได้ชีวิต‍รอด

“เพราะเขาจะได้ประ‌โยชน์อะไรถ้าได้สิ่ง‍ของหมดทั้ง‍โลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน? หรือคนนั้นจะนำอะไรไปแลกชีวิตของตนกลับ‍คืนมา?”4

โดยผ่านคำประกาศนี้ พระผู้ช่วยให้รอดทรงเน้นว่าทุกคนที่เต็มใจติดตามพระองค์ต้องปฏิเสธตนเองและควบคุมความปรารถนา ความอยาก และความลุ่มหลงของตน เสียสละทุกอย่างแม้ชีวิตถ้าจำเป็น และยอมตามพระประสงค์ของพระบิดาโดยสิ้นเชิง—เฉกเช่นพระองค์ทรงยอม5 อันที่จริง นี่คือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อความรอดของจิตวิญญาณ พระเยซูทรงจงใจใช้สัญลักษณ์ของกางเขนในเชิงเปรียบเทียบเพื่อช่วยให้เหล่าสาวกเข้าใจความหมายแท้จริงของการเสียสละและการอุทิศตนเพื่ออุดมการณ์ของพระเจ้า เหล่าสาวกและผู้อยู่อาศัยในจักรวรรดิโรมันรู้จักกางเขนดี เพราะชาวโรมันบังคับให้เหยื่อการตรึงกางเขนต้องแบกกางเขนหรือคานกางเขนของตนเองผ่านสาธารณชนไปยังแดนประหาร6

หลังจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอดนั่นเองที่เหล่าสาวกเปิดใจจนเข้าใจทั้งหมดที่เขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์7และสิ่งที่จะเรียกร้องจากพวกเขานับแต่นั้น8

ในรูปแบบเดียวกันนี้ พี่น้องทั้งหลาย เราทุกคนต้องเปิดความคิดและเปิดใจเพื่อจะเข้าใจอย่างถ่องแท้มากขึ้นถึงความสัมพันธ์ของการแบกกางเขนของเราเองกับการติดตามพระองค์ เราเรียนรู้ผ่านพระคัมภีร์ว่าคนที่ประสงค์จะแบกกางเขนของตนเองรักพระเยซูคริสต์มากจนปฏิเสธตนจากความไม่เป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าทั้งหมดและจากตัณหาทางโลกทุกอย่าง และรักษาพระบัญญัติของพระองค์9

ความตั้งใจจะทิ้งทุกอย่างที่ขัดกับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า เสียสละทุกอย่างที่ทรงขอให้เราเสียสละ และพากเพียรทำตามคำสอนของพระองค์จะช่วยให้เราอดทนในเส้นทางพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์—แม้ขณะเผชิญความยากลำบาก ความอ่อนแอในจิตวิญญาณ แรงกดดันทางสังคม และปรัชญาทางโลกที่ต่อต้านคำสอนของพระองค์

ตัวอย่างเช่น สำหรับคนที่ยังไม่พบคู่นิรันดร์ อาจรู้สึกเหงาและสิ้นหวัง หรือสำหรับคนหย่าร้าง อาจรู้สึกถูกทอดทิ้งและถูกลืม ข้าพเจ้ารับรองกับท่านว่า การยอมรับพระดำรัสเชื้อเชิญของพระผู้ช่วยให้รอดให้แบกกางเขนของท่านเองและติดตามพระองค์ หมายถึงการดำเนินบนเส้นทางของพระเจ้าด้วยศรัทธาต่อไป รักษาศักดิ์ศรี และไม่หมกมุ่นกับนิสัยทางโลกที่สุดท้ายแล้วจะช่วงชิงความหวังที่เรามีในความรักและพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า

หลักธรรมเดียวกันนี้ประยุกต์ใช้กับท่านที่กำลังเสน่หาเพศเดียวกันและรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง และอาจเป็นเพราะเหตุผลนี้บางท่านจึงรู้สึกว่าพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ไม่ใช่สำหรับท่านอีกต่อไป ถ้าเป็นกรณีนั้น ข้าพเจ้าขอรับรองกับท่านว่ามีความหวังเสมอในพระผู้เป็นเจ้าพระบิดากับแผนแห่งความสุขของพระองค์ ในพระเยซูคริสต์กับการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ และในการดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติอันเปี่ยมด้วยความรักของพระองค์ ในพระปรีชาญาณ เดชานุภาพ ความยุติธรรม และพระเมตตาของพระองค์ พระเจ้าจะทรงผนึกเราไว้เป็นของพระองค์ เพื่อจะทรงนำเราไปที่ประทับของพระองค์และมีความรอดอันเป็นนิจ ถ้าเราแน่วแน่และไม่หวั่นไหวในการรักษาพระบัญญัติ10 และเต็มไปด้วยงานดีอยู่เสมอ11

ถึงคนที่ทำบาปร้ายแรง การยอมรับพระดำรัสเชื้อเชิญเดียวกันนี้หมายรวมถึงการถ่อมตนต่อพระผู้เป็นเจ้า ปรึกษากับผู้นำที่เหมาะสมของศาสนจักร กลับใจและทิ้งบาปของท่าน กระบวนการนี้จะเป็นพรเช่นกันต่อทุกคนที่กำลังต่อสู้กับการเสพติดต่างๆ ที่บั่นทอนตัวเรา รวมถึงฝิ่น ยาเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสื่อลามก การทำตามขั้นตอนเหล่านี้นำท่านเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น พระองค์จะทรงทำให้ท่านเป็นอิสระจากความรู้สึกผิด ความเศร้าโศก ตลอดจนความเป็นทาสทางกายและทางวิญญาณ นอกจากนั้น ท่านอาจต้องขอความช่วยเหลือจากครอบครัว มิตรสหาย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ให้คำปรึกษามืออาชีพด้วยเช่นกัน

โปรดอย่ายอมแพ้หลังจากเกิดความล้มเหลวและคิดว่าตัวท่านไม่สามารถทิ้งบาปและเอาชนะการเสพติดได้ ท่านมิอาจเลิกพยายามและอยู่ในความอ่อนแอกับบาปต่อไปได้! จงพยายามทำสุดความสามารถเสมอ โดยแสดงให้เห็นผ่านงานของท่านว่าท่านปรารถนาจะชำระล้างภาชนะภายในให้สะอาดตามที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอน12 บางครั้งวิธีแก้ปัญหาบางอย่างมีมาหลังจากความพยายามต่อเนื่องหลายเดือน สัญญาในพระคัมภีร์มอรมอนที่ว่า “โดยพระคุณนั่นเองที่เราได้รับการช่วยให้รอด, หลังจากเราทำทุกสิ่งจนสุดความสามารถแล้ว”13 นำมาใช้ได้ในสภาวการณ์เหล่านี้ โปรดจำไว้ว่าของประทานแห่งพระคุณของพระผู้ช่วยให้รอด “ไม่จำกัดเฉพาะ ‘หลังจาก’ เราทำทุกสิ่งจนสุดความสามารถแล้วเท่านั้น เราอาจได้รับพระคุณก่อน ระหว่าง และหลังจากที่เราเพิ่มความพยายาม”14

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเมื่อเราพากเพียรเอาชนะความท้าทายไปเรื่อยๆ พระผู้เป็นเจ้าจะทรงอวยพรเราด้วยของประทานแห่งศรัทธาที่จะรับการเยียวยาและของประทานแห่งการทำสิ่งอัศจรรย์15 พระองค์จะทรงทำเพื่อเราในสิ่งที่เราไม่สามารถทำเองได้

นอกจากนี้ สำหรับคนที่รู้สึกเจ็บแค้น โกรธ ขุ่นเคือง หรือเสียใจไม่หายกับสิ่งที่ท่านรู้สึกว่าไม่สมควรได้รับ การแบกกางเขนตามพระผู้ช่วยให้รอดหมายถึงการพยายามทิ้งความรู้สึกเหล่านั้นแล้วหันมาหาพระเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงปลดปล่อยเราจากความคิดเช่นนี้และช่วยให้เราพบสันติสุข น่าเสียดายถ้าเราเก็บความรู้สึกและอารมณ์ลบๆ เหล่านี้เอาไว้ เราอาจพบว่าเรากำลังดำเนินชีวิตโดยปราศจากอิทธิพลของพระวิญญาณพระเจ้าในชีวิต เรากลับใจ แทน ผู้อื่นไม่ได้ แต่เราสามารถให้อภัยพวกเขา—โดยไม่ยอมถูกคนที่ทำร้ายเราจับเป็นตัวประกัน16

พระคัมภีร์สอนว่ามีทางออกของสถานการณ์เหล่านี้—โดยการอัญเชิญพระผู้ช่วยให้รอดให้ทรงช่วยเรานำใจหินออกไปและใส่ใจใหม่ไว้แทน17 เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เราต้องมาอยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้าพร้อมกับความอ่อนแอของเรา18 วิงวอนขอความช่วยเหลือและการให้อภัยจากพระองค์19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาศักดิ์สิทธิ์เมื่อเรารับส่วนศีลระลึกทุกวันอาทิตย์ ขอให้เราเลือกแสวงหาความช่วยเหลือจากพระองค์ เดินก้าวสำคัญและยากโดยให้อภัยคนที่ทำร้ายเราเพื่อให้บาดแผลของเราเริ่มหาย ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านทำเช่นนั้น คืนของท่านจะเต็มไปด้วยความผ่อนคลายอันเกิดจากจิตใจที่สงบสุขกับพระเจ้า

ขณะอยู่ในคุกลิเบอร์ตี้ในปี 1839 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเขียนสาส์นถึงสมาชิกศาสนจักรเกี่ยวกับคำพยากรณ์ที่ประยุกต์ใช้ได้อย่างดีในสภาวการณ์และสถานการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ ท่านเขียนว่า “พระราชบัลลังก์และอำนาจการปกครองทั้งปวง, มณฑลและอำนาจ, จะได้รับการเปิดเผยและมอบให้แก่คนทั้งปวงที่อดทนอย่างกล้าหาญเพื่อกิตติคุณของพระเยซูคริสต์”20 ด้วยเหตุนี้ พี่น้องที่รักทั้งหลาย ผู้ใดที่รับพระนามของพระผู้ช่วยให้รอดมาแล้ว โดยวางใจในพระสัญญาและบากบั่นจนวาระสุดท้าย ผู้นั้นจะรอด21และจะอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าในสภาพของความสุขอันไม่รู้จบ22

เราทุกคนล้วนพบเจอสถานการณ์หลากหลายในชีวิตที่ทำให้เรารู้สึกเสียใจ หมดหนทาง สิ้นหวัง และบางครั้งอ่อนแอ ความรู้สึกเหล่านี้อาจทำให้เราทูลถามพระเจ้าว่า “เหตุใดข้าพระองค์ต้องเจอกับสถานการณ์เหล่านี้?” หรือ “เหตุใดข้าพระองค์จึงไม่สมหวัง? แต่ถึงอย่างไรข้าพระองค์จะทำทุกอย่างในอำนาจของข้าพระองค์เพื่อแบกกางเขนของข้าพระองค์ตามพระผู้ช่วยให้รอด!”

เพื่อนที่รักทั้งหลาย พึงจดจำว่าการแบกกางเขนของเราหมายถึงการถ่อมตนและวางใจในพระผู้เป็นเจ้าและในพระปรีชาญาณอันไร้ขอบเขตของพระองค์ด้วย เราต้องยอมรับว่าพระองค์ทรงรู้จักเราแต่ละคนและความต้องการของเรา จำเป็นเช่นกันที่เราต้องยอมรับว่าจังหวะเวลาของพระเจ้าต่างจากเรา บางครั้งเราแสวงหาพรและจำกัดเวลาให้พระเจ้าทรงทำให้พรนั้นเป็นจริง เราไม่อาจวางเงื่อนไขความซื่อสัตย์ของเราต่อพระองค์โดยกำหนดเส้นตายให้พระองค์ตอบตามความปรารถนาของเราได้ เมื่อเราทำเช่นนี้ เราก็เหมือนกับชาวนีไฟช่างสงสัยในสมัยโบราณ ผู้เยาะเย้ยพี่น้องของตนโดยพูดว่าเวลาที่ถ้อยคำของแซมิวเอลชาวเลมันจะเกิดสัมฤทธิผลได้ผ่านไปแล้ว สร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในบรรดาผู้เชื่อ23 เราต้องวางใจพระเจ้ามากพอจะสงบนิ่งและรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้า ทรงทราบทุกสิ่ง และทรงรู้จักเราแต่ละคน24

เอ็ลเดอร์ซวาเรสปฏิบัติศาสนกิจต่อซิสเตอร์คาลามาสซี

ข้าพเจ้าเพิ่งมีโอกาสปฏิบัติศาสนกิจต่อหญิงม่ายชื่อฟรังกา คาลามาสซี เธอกำลังทรมานจากโรคที่ทำให้อ่อนเพลีย ซิสเตอร์คาลามาสซีเป็นคนแรกในครอบครัวที่เข้าร่วมศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ ถึงแม้สามีของเธอไม่เคยรับบัพติศมา แต่เขายอมพบกับผู้สอนศาสนาและเข้าร่วมการประชุมของศาสนจักรบ่อยๆ ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ซิสเตอร์คาลามาสซียังคงซื่อสัตย์และเลี้ยงดูบุตรสี่คนในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ หนึ่งปีหลังจากสามีสิ้นชีวิต ซิสเตอร์คาลามาสซีพาลูกๆ ของเธอไปพระวิหารและมีส่วนในศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาผนึกด้วยกันเป็นครอบครัว สัญญาเกี่ยวกับศาสนพิธีเหล่านี้ทำให้เธอมีความหวัง มีปีติ และมีความสุขมาก นี่คือสิ่งที่ช่วยให้เธอดำเนินชีวิตต่อไป

ครอบครัวคาลามาสซีที่พระวิหาร

เมื่ออาการเบื้องต้นของโรคเริ่มปรากฏ อธิการให้พรเธอ ตอนนั้นเธอบอกอธิการว่าเธอพร้อมยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้า โดยแสดงศรัทธาที่จะรับการรักษาและศรัทธาที่จะอดทนต่อความเจ็บป่วยจนวาระสุดท้าย

ระหว่างข้าพเจ้าไปเยี่ยม ขณะจับมือเธอและมองตาเธอ ข้าพเจ้าเห็นความสว่างไสวดุจเทพจากสีหน้าของเธอ—สะท้อนความเชื่อมั่นในแผนของพระผู้เป็นเจ้าและความเจิดจ้าอันบริบูรณ์ของความหวังในความรักและแผนซึ่งพระบิดาทรงมีให้เธอ25 ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเธอที่จะอดทนด้วยศรัทธาจนถึงวาระสุดท้ายโดยแบกกางเขนของตนแม้กำลังเผชิญการท้าทาย ชีวิตของซิสเตอร์ท่านนี้เป็นประจักษ์พยานถึงพระคริสต์ คำแถลงศรัทธาและความภักดีของเธอต่อพระองค์

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าอยากเป็นพยานต่อท่านว่าการแบกกางเขนตามพระผู้ช่วยให้รอดเรียกร้องให้เราทำตามแบบอย่างของพระองค์และพยายามเป็นเหมือนพระองค์26โดยเผชิญสภาวการณ์ต่างๆ ในชีวิตอย่างอดทน ปฏิเสธและชิงชังความอยากของมนุษย์ปุถุชน และรอคอยพระเจ้า ผู้เขียนสดุดีเขียนว่า

“จงรอ‍คอยพระ‍ยาห์‌เวห์ จงเข้ม‍แข็ง และให้จิต‍ใจของท่านกล้า‍หาญเถิด เออ จงรอ‍คอยพระ‍ยาห์‌เวห์”27

“พระองค์ทรงเป็นผู้​อุป‌ถัมภ์​และ​เป็น​โล่​ของเรา”28

ข้าพเจ้าเป็นพยานต่อท่านว่าการเดินตามรอยพระบาทของพระอาจารย์ และรอคอยพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้เยียวยาสูงสุดในชีวิตเรา จะทำให้จิตวิญญาณเราจะได้พักและภาระของเราจะง่ายและเบา29 ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน