จุดประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับความสนิทสนมทางเพศ
การเข้าใจของประทานเกี่ยวกับเรื่องเพศที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ภายในแผนแห่งความสุขช่วยให้เราเข้าใจความสำคัญของกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ
ภาพถ่ายคู่สามีภรรยาที่พระวิหารบาวติฟูล ยูทาห์ โดย จาเน บิงแฮม
จุดประสงค์ของเราในความเป็นมรรตัยคือการเป็นเหมือนพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ ความเข้าใจของเราในความศักดิ์สิทธิ์และการใช้ความสนิทสนมทางเพศมีความสำคัญยิ่งต่อขั้นตอนของการเป็นเหมือนพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์
กฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศเป็นกฎนิรันดร์ ที่พระบิดาบนสวรรค์ของเราประทานแก่บุตรธิดาทุกคนของพระองค์ในทุกยุค กฎนี้คงมีผลบังคับใช้และใช้ได้กับยุคปัจจุบันเช่นเดียวกับที่เคยใช้มาในประวัติศาสตร์ยุคแรกๆ เช่นเดียวกับพระบัญญัติข้ออื่นๆ พระบิดาบนสวรรค์ประทานกฎนี้เพื่อเป็นพรและช่วยให้บุตรธิดาของพระองค์บรรลุศักยภาพแห่งสวรรค์ของพวกเขา การเชื่อฟังกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศครอบคลุมถึงการละเว้นความสัมพันธ์ทางเพศโดยเด็ดขาดก่อนการแต่งงานและรักษาความซื่อสัตย์ภักดีอย่างสมบูรณ์หลังการแต่งงาน ความสัมพันธ์ทางเพศจำกัดไว้สำหรับการแต่งงานระหว่างชายหญิงเท่านั้น1
พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีพระประสงค์ให้ใช้ความสัมพันธ์ทางเพศในการแต่งงานเพื่อให้กำเนิดบุตรธิดาและเพื่อแสดงความรักและเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ความผูกพันด้านอารมณ์ วิญญาณ และร่างกายระหว่างสามีกับภรรยา ในชีวิตแต่งงาน ความสนิทสนมทางเพศควรทำให้ภรรยาและสามีเป็นหนึ่งเดียวกันในความวางใจ การอุทิศตน และการถนอมน้ำใจกัน2 ความสัมพันธ์ทางเพศในการแต่งงานต้องให้ความเคารพในสิทธิ์เสรีของทั้งสองฝ่ายและไม่ควรใช้ควบคุมหรือครอบงำอีกฝ่าย
แม้เราอาจสงสัยว่า “ทำไมฉันควรเชื่อฟังกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ? เหตุใดพระผู้เป็นเจ้าจึงใส่พระทัยพฤติกรรมมรรตัยของฉัน?” เพื่อตอบคำถามเหล่านี้ พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยหลักธรรมซึ่งหากเราเข้าใจอย่างถูกต้องจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้เรารักษากฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศและเลือกแสดงออกเกี่ยวกับเรื่องทางเพศของเราภายในขอบเขตที่พระองค์ทรงกำหนด3 เช่นเดียวกับพระบัญญัติทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้า เราจะเข้าใจกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศได้ดีที่สุดในบริบทของแผนแห่งความรอดและความสูงส่งของพระบิดาบนสวรรค์ (ดู แอลมา 12:32) การเชื่อฟังกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศจะนำพรพิเศษสุดมาให้
ภาพถ่ายครอบครัวที่พระวิหารโคนา ฮาวาย โดย เดนิส เรนี เบิร์ด
คำสัญญาอันล้ำเลิศ
มนุษย์ทุกคนคือปิยบุตรหรือปิยธิดาทางวิญญาณของพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ ผู้มีลักษณะแห่งสวรรค์และมีจุดหมายปลายทางนิรันดร์ เหตุผลที่เรามีร่างกายคือเพื่อสร้างเสริมต่อไปบนลักษณะแห่งสวรรค์นั้นเพื่อที่เราจะสามารถตระหนักได้ในที่สุดถึงจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของเรา4 พระบิดาบนสวรรค์ทรงประสงค์ให้เราได้รับประสบการณ์บนแผ่นดินโลก ก้าวหน้าไปสู่ความดีพร้อม และในที่สุดได้ยินดีกับความสุขอันสมบูรณ์ที่พระองค์ทรงยินดี พระองค์ทรงทราบว่าเพื่อเราจะได้รับปีติอันยั่งยืนนี้ เราต้องก้าวหน้าไปตามเส้นทางที่พระองค์ทรงสถาปนาไว้ โดยการเชื่อฟังพระบัญญัติที่พระองค์ประทานให้
การเข้าใจว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวจะมีต่อเนื่องไปตลอดนิรันดรหลังจากชีวิตนี้จึงสำคัญอย่างยิ่ง หลังความเป็นมรรตัย ผู้ซื่อสัตย์ได้รับสัญญาว่า “พวกเขาจะผ่านเหล่าเทพ … ไปสู่ความสูงส่งและรัศมีภาพ … ซึ่งรัศมีภาพนี้จะเป็นความสมบูรณ์และความต่อเนื่องของพงศ์พันธุ์ทั้งหลายตลอดกาลและตลอดไป.
“เมื่อนั้นพวกเขาจะเป็นผู้เป็นเจ้า, เพราะพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุด” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:19–20)
หลักคำสอนเรื่องครอบครัวนิรันดร์ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวท่ามกลางประเพณีของชาวคริสต์ เราไม่ได้ถูกสร้างมาเพียงเพื่อจะสรรเสริญ บูชา และรับใช้พระผู้เป็นเจ้าที่ไม่อาจเข้าใจได้5 พระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเราทรงสร้างเราเพื่อเติบโตขึ้นเป็นเหมือนทั้งสองพระองค์6 วิญญาณของชายและหญิงได้รับการสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมกัน นั่นคือเหตุผลที่เพศไม่ใช่สิ่งที่แปรเปลี่ยนได้ในนิรันดร—เพราะเพศให้พื้นฐานเบื้องต้นแก่ของประทานสูงสุดที่พระบิดาบนสวรรค์ประทานให้ได้ คือพระลักษณะแห่งพระชนม์ชีพของพระองค์7
เพื่อให้เราตระหนักถึงพรนี้ พระบิดาบนสวรรค์ทรงบัญชาว่าความสนิทสนมทางเพศต้องสงวนไว้สำหรับการแต่งงานระหว่างชายกับหญิงเท่านั้น8 พระผู้เป็นเจ้าตั้งพระทัยให้การแต่งงานเป็น “วิธีรวมชายหญิงเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์—ทั้งจิตใจ ความหวัง ชีวิต ความรัก ครอบครัว อนาคต และทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา … เพื่อเป็น ‘เนื้อเดียวกัน’ ในชีวิตที่อยู่ร่วมกัน”9 เราไม่สามารถบรรลุถึงลักษณะของชีวิตที่พระบิดาบนสวรรค์ของเราทรงมีได้ด้วยตัวเราเองหรือโดยปราศจากคำมั่นสัญญาอันสมบูรณ์แบบต่อความซื่อสัตย์ภักดีในการแต่งงานกับสามีหรือภรรยาของเราตามแผนของพระผู้เป็นเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เราเลือกได้ว่าเราจะดำเนินชีวิตอย่างไร พระองค์จะไม่ทรงบังคับให้เราไปตามเส้นทางที่พระองค์ทรงสถาปนาแม้จะทรงทราบว่าเส้นทางนั้นจะนำเราไปสู่ความสุขอันล้ำเลิศ พระบัญญัติและพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าก่อให้เกิดเส้นทางที่ทำให้เราสามารถเป็นทายาทในอาณาจักรของพระองค์โดยสมบูรณ์ โดยเป็นทายาทร่วมกับพระเยซูคริสต์ (ดู โรม 8:17) โดยผ่านการเลือกที่ชอบธรรม เราพัฒนาลักษณะแห่งสวรรค์ที่อยู่ในตัวเรา ความสัมพันธ์ทางเพศเป็น “การแสดงออกที่ลึกซึ้งอย่างหนึ่งของธรรมชาติอันสูงส่งของเรา”10 การแสดงออกอย่างถูกต้องของเราเกี่ยวกับเรื่องเพศทำให้เป็นไปได้สำหรับการเผยแผนของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลกและในนิรันดร11 ทำให้เรามีค่าสมกับการเป็นเหมือนพระบิดาบนสวรรค์12 พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาชีวิตนิรันดร์สำหรับผู้ซื่อสัตย์ซึ่งรวมถึง การแต่งงานนิรันดร์ บุตรธิดา ตลอดจนพรอื่นๆ ทุกประการของครอบครัวนิรันดร์13
ปรัชญาที่ทำให้สับสนและการหลอกลวงของซาตาน
การให้เหตุผลข้างๆ คูๆ และการหลอกลวงของซาตานก่อให้เกิดปรัชญาเบี่ยงเบนที่อ้างว่าให้ยกเลิกความจำเป็นต้องเชื่อฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ เสียงคัดค้านของซาตานดัง และปรัชญาของเขามักจะชวนหลงใหล ในพระคัมภีร์มอรมอน มีบางคนยึดมั่นในปรัชญาเหล่านี้เพื่อหลอกผู้อื่นและหาประโยชน์จากการหลอกลวง ตัวอย่างเช่น นีฮอร์สอนชาวนีไฟ “ว่ามนุษยชาติทั้งปวงจะได้รับการช่วยให้รอดในวันสุดท้าย, และว่าคนทั้งหลายไม่ต้องเกรงกลัวหรือตัวสั่น, แต่ว่าพวกเขาเงยหน้าและชื่นชมยินดีได้; เพราะพระเจ้า … ทรงไถ่คนทั้งปวงด้วย; และในที่สุดมนุษย์ทั้งปวงจะมีชีวิตนิรันดร์” (แอลมา 1:4)
ถ้าเรารับปรัชญาของนีฮอร์ เราจะไม่มีแรงจูงใจในการหักห้ามความปรารถนาทางเพศของเราเพราะไม่มีผลนิรันดร์ใดๆ และถ้าเราละเมิดกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศเล่า? ไม่ต้องกังวลเนื่องจากผู้ติดตามนีฮอร์ “ไม่เชื่อในการกลับใจจากบาปของตน” (แอลมา 15:15) ปรัชญาล่อใจแบบนี้สามารถเป็นสิ่งยวนใจ และหลายคนพบว่าเป็นสิ่งดึงดูดใจ เราสามารถทำอะไรก็ได้ที่เราต้องการโดยไม่มีผลนิรันดร์ใดๆ
ผู้สอนเท็จคนอื่นๆ ในพระคัมภีร์มอรมอนสั่งสอนว่าการเชื่อในพระเยซูคริสต์ การชดใช้ของพระองค์ และการรักษาพระบัญญัติของพระองค์เป็นการ “เทียมแอกไว้กับตัว” กับ “เรื่องโง่เขลา” และเกิดจาก “ประเพณี [อันไร้สาระ] ของบรรพบุรุษท่าน” (แอลมา 30:13, 14) โดยแท้แล้ว พวกเขาประกาศด้วยว่า การมองไปข้างหน้าที่ “การปลดบาปของท่าน” เป็นเพียงปัญหาทางจิตใจและอารมณ์ “ผลของจิตใจที่ไร้สติ” (แอลมา 30:16) คำสอนเหล่านี้หนีไม่พ้นข้อสรุปที่ว่า ชายหญิงทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิตนี้ “ตามอัจฉริยะภาพ [ของพวกเขา]” และ “ตามกำลัง” และว่าไม่ว่าชายหรือหญิงจะทำสิ่งใดการกระทำนั้น “ไม่เป็นความผิด” (แอลมา 30:17) คำสอนเท็จเหล่านี้ส่งเสริมการไม่เชื่อฟังกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศด้วยเหตุที่แนวคิดเรื่องถูกและผิดล้าสมัยแล้ว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ปรัชญาเหล่านี้ยังคงเป็นที่นิยม! ไม่มีภาระรับผิดชอบสำหรับการเลือกใดๆ ที่ฟังดูเหมือนจะให้อิสรภาพอย่างแท้จริง ถ้าเราสามารถหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ทางโลกส่วนใหญ่โดยการระมัดระวังและรอบคอบ จะมีอันตรายอะไร? จากมุมมองนี้ ดูเหมือนว่ากฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศจะล้าสมัย เคร่งเกิน หรือไม่จำเป็น
ภาพถ่ายโดย เมย์ โบ ฮับบาร์ด
กฎนิรันดร์
กฎของพระผู้เป็นเจ้าไม่อาจเจรจาต่อรอง พระองค์ทรงอนุญาตให้เราไม่สนใจกฎเหล่านั้นได้ แต่เราก็ไม่ได้มีอิสระที่จะสร้างกฎของเราเองเพื่อนิรันดรมากไปกว่าบุคคลหนึ่งมีอิสระที่จะสร้างกฎของตนเองในวิทยาศาสตร์แขนงฟิสิกส์ พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการให้เราเป็นทายาทผู้มีคุณสมบัติพร้อมในอาณาจักรของพระองค์ การคาดหวังมรดกบนสวรรค์ของพระองค์โดยทำตามเส้นทางต่างไปจากที่พระองค์ทรงกำหนดไว้เป็นความไร้เดียงสา
ก่อนการเรียกให้รับใช้ศาสนจักรเต็มเวลา ข้าพเจ้า (เอ็ลเดอร์เรนลันด์) ดูแลคนไข้ที่มีอาการหัวใจล้มเหลวอย่างรุนแรง ในเรื่องของหัวใจล้มเหลวและเวชศาสตร์ปลูกถ่ายหัวใจ มีแนวทางที่กำหนดไว้ชัดเจนให้ทำตามเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด: คือชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพดีขึ้น การรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ที่น่าประหลาดใจคือมีผู้ป่วยบางคนต่อรองแนวทางการรักษา ผู้ป่วยบางคนพูดว่า “คงจะดีกว่าถ้าฉันไม่ต้องกินยาเป็นประจำ” หรือ “ฉันไม่ต้องการให้มีการตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจหลังการปลูกถ่าย” แน่นอน ผู้ป่วยมีอิสระที่จะทำตามแนวทางของตนเอง แต่พวกเขาไม่อาจทำตามแนวทางที่ด้อยกว่าแล้วคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สิ่งนี้เป็นจริงสำหรับเราด้วย เรามีอิสระที่จะเลือกแนวทางชีวิตของเราเอง แต่เราไม่มีอิสระที่จะเลือกผลลัพธ์ซึ่งเกิดจากการทำตามกฎของเราเอง ไม่ว่าจะมีคนพูดกี่ครั้งว่าเราทำได้เราไม่อาจโทษพระบิดาบนสวรรค์เมื่อเราไม่ได้รับพรที่เชื่อมโยงกับกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศเนื่องจากการไม่เชื่อฟัง
ในสมัยการประทานนี้ พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนว่ากฎนิรันดร์ไม่อาจผ่อนผันหรือนำมาเปิดอภิปรายได้ พระองค์ตรัสว่า “และอนึ่ง, ตามจริงแล้วเรากล่าวแก่เจ้า, ว่าสิ่งซึ่งปกครองโดยกฎก็ได้รับการปกปักรักษาโดยกฎด้วยและทำให้ดีพร้อมและชำระให้บริสุทธิ์โดยกฎเดียวกันนั้น.
“สิ่งซึ่งฝ่าฝืนกฎ, และหาปฏิบัติตามกฎไม่, แต่หมายมั่นจะเป็นกฎสำหรับตนเอง, … จะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยกฎไม่ได้, ทั้งโดยความเมตตาก็ไม่ได้, ทั้งโดยความยุติธรรม, หรือการพิพากษาก็ไม่ได้” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:34–35; เน้นตัวเอน) เราไม่อาจทดแทนกฎนิรันดร์ด้วยกฎของเราเองไม่มากไม่น้อยไปกว่าชายที่จับถ่านหินร้อนแล้วคิดว่าจะไม่ถูกเผาไหม้ได้
ถ้าเราไม่เชื่อฟัง เราจะได้รับเพียง “สิ่งซึ่งพวก [เรา] เต็มใจจะรับ, เพราะ [พวกเรา] ไม่ได้เต็มใจจะยินดีกับสิ่งซึ่ง [พวกเรา] มีโอกาสได้รับ” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:32) การเชื่อฟังกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศเป็นวิธีเดียวที่เราจะแสดงว่าเราเต็มใจทำทุกสิ่งที่ต้องทำเพื่อรับพรสุดพิเศษทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวนิรันดร์
ภาพถ่ายโดย เดนิส เรนี เบิร์ด
ในที่สุด กฎของพระผู้เป็นเจ้ายุติธรรมเสมอ
ใช่ว่าบุตรธิดาทุกคนของพระบิดาบนสวรรค์จะมีโอกาสในชีวิตนี้ที่จะมีประสบการณ์กับความสนิทสนมทางเพศในความสัมพันธ์ของการแต่งงานตามกฎของพระผู้เป็นเจ้า บางคนจะไม่มีโอกาสแต่งงานเลย บางคนเชื่อว่าด้วยสภาวการณ์เฉพาะตัวของพวกเขาทำให้การดำเนินชีวิตตามกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศเป็นเรื่องท้าทายและไม่ยุติธรรมมากจนพวกเขาเลือกที่จะไม่สนใจกฎนี้ก็ได้
อย่างไรก็ตาม เราต้องตัดสินความยุติธรรมจากมุมมองนิรันดร์ จากมุมมองที่เป็นของพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์14 พระผู้ช่วยให้รอดทรงแนะนำให้ผู้คนของพระองค์ยับยั้งการพิพากษาว่าสิ่งใดยุติธรรมหรือไม่จนกว่าจะถึงวันที่พระองค์ทรงประกอบราชกิจ (ดู มาลาคี 3:17–18) “กิจ” ที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงอ้างถึงคือผู้ที่แม้ได้รับความอยุติธรรมหรืออุปสรรคอื่นๆ ยังคงรักษาพระบัญญัติของพระองค์
เมื่อสภาวการณ์ของเราทำให้รู้สึกไม่ยุติธรรม จะดีที่สุดเมื่อทำตามคำแนะนำของกษัตริย์เบนจามิน ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านพิจารณาถึงสภาพอันเป็นพรและเป็นสุขของคนที่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า. เพราะดูเถิด, พวกเขาได้รับ พรในทุกสิ่ง,ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายวิญญาณ; และหากพวกเขายืนหยัดอย่างซื่อสัตย์จนกว่าชีวิตจะหาไม่แล้วพวกเขาจะได้รับเข้าสู่สวรรค์, เพื่อโดยการนั้น พวกเขาจะพำนักอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าในสภาพแห่งความสุขอันไม่รู้จบ” (โมไซยาห์ 2:41; เน้นตัวเอน)
ในที่สุด ไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับความอยุติธรรมอันไร้ขอบเขตที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงทนรับ กระนั้น หากเราซื่อสัตย์ พระองค์จะทรงชดเชยความอยุติธรรมทุกอย่างที่เราประสบแก่เรา และเราจะบรรลุถึงสภาพแห่งความสุขอันไม่รู้จบ
ขณะเราเลือกรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า รวมถึงกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ เราจะประสบกับปีติและ “สันติสุขในโลกนี้ และชีวิตนิรันดร์ในโลกที่จะมาถึง” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 59:23)15 เพราะเราจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนิรันดร์ พร้อมบรรพชนและลูกหลานของเรา16 ขณะที่สามีภรรยาผนึกกันชั่วนิรันดร์โดยสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต พวกเขาจะได้รับความสูงส่งและมีความสมบูรณ์ของรัศมีภาพและลูกหลานนิรันดร์17
ภาพถ่ายโดย เจมี เดล จอห์นสัน
การล่อลวงและการกลับใจ
พระผู้เป็นเจ้าทรงคาดไว้ล่วงหน้าว่าเราจะถูกล่อลวงขณะพยายามดำเนินชีวิตตามกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ นั่นคือเหตุผลที่พระองค์ประทานพระบุตรของพระองค์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา โดยพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ เราจะได้รับการเสริมสร้างให้เข้มแข็งขึ้นเพื่อต่อต้านการล่อลวง บุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าที่ประสบกับการล่อลวงไม่ว่าประเภทใดสามารถหันไปขอความช่วยเหลือจากพระผู้ช่วยให้รอดได้18 พระเยซูคริสต์เข้าพระทัยสิ่งที่เราต้องเผชิญเพราะพระองค์ “ทรงเคยถูกทดลองใจเหมือนเราทุกอย่าง” และเราได้รับการสนับสนุนให้ “มีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่เราต้องการ” (ฮีบรู 4:15, 16)
เมื่อเราสะดุด เราต้องจำไว้ว่าเราสามารถสะอาดได้อีกผ่านศรัทธาในพระเยซูคริสต์และการกลับใจที่จริงใจ19 การกลับใจทำให้เกิดปีติเพราะ “ถึงบาปของ [เรา] เป็นเหมือนสีแดงเข้มก็จะขาวอย่างหิมะ” (อิสยาห์ 1:18) พระผู้ช่วยให้รอดจะไม่เพียงประทานอภัย พระองค์จะทรงลืมบาปของเราด้วย20 เราจะทูลขอสิ่งใดเพิ่มอีก: ความช่วยเหลือเมื่อถูกล่อลวง การให้อภัยเมื่อเรากลับใจ การกลับใจไม่ควรเป็นสิ่งที่น่ากลัวแม้ซาตานจะพยายามอย่างหนักที่จะ “บังเราไม่ให้มองไปที่พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงยืนกางพระพาหุ ทรงหวังและเต็มพระทัยเยียวยา ให้อภัย ชำระล้าง เสริมสร้างความเข้มแข็ง ทำให้บริสุทธิ์ และชำระเราให้บริสุทธิ์”21
ประจักษ์พยาน
กฎของพระผู้เป็นเจ้าออกแบบไว้เพื่อความสุขสูงสุดของเรา พระองค์ทรงต้องการให้เราใช้ร่างกายและเรื่องทางเพศของเราในวิธีที่พระองค์ทรงสถาปนาไว้เพื่อที่เราจะสามารถเป็นเหมือนพระองค์ได้ เราได้รับพรในการแต่งงานของเราโดยต่างวางใจกันเมื่อดำเนินชีวิตตามกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ ความมั่นใจในกันและกันและในพระบิดาบนสวรรค์ของเราเติบโตเมื่อเรารักษาพระบัญญัติข้อนี้ แผนของพระผู้เป็นเจ้าคือเส้นทางเดียวที่ทำให้ระดับของปีติเต็มเปี่ยมได้ เราสัญญาว่าท่านสามารถรู้ได้เช่นกันว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักท่านและท่านจะได้รับพรนิรันดร์เมื่อท่านดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติของพระองค์