คนหนุ่มสาว
การส่งเสริม มุมมองที่ดีของเรื่องทางเพศ
พระผู้เป็นเจ้าประทานความรู้สึกทางเพศที่สูงส่งและเหมาะสมโดยมีเหตุผล เมื่อเราเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นดีขึ้นในฐานะสมาชิกโสดของศาสนจักร เราจะพบสันติสุขและความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่า
ดูเหมือนคนส่วนใหญ่ในโลกทุกวันนี้จะสับสนกันมากเกี่ยวกับความเข้าใจเรื่องทางเพศในทางที่ดีและดีต่อสุขภาพ1 และพูดกันตามตรง ในบางครั้งสมาชิกหนุ่มสาวบางคนของศาสนจักรก็สับสนด้วย ฉะนั้นให้เราทำบางเรื่องให้ชัดเจนกันเถิด
ก่อนอื่น เราควรรู้จุดยืนของเราในฐานะวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเกี่ยวกับทัศนะของเรื่องทางเพศ เมื่อหลายปีก่อน เอ็ลเดอร์พาร์ลีย์ พี. แพรทท์ (1807–1857) สอนว่า “พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าปลูกฝังอารมณ์รักใคร่ตามธรรมชาติของเราไว้ในเรา เพื่อจุดประสงค์อันชาญฉลาด และอารมณ์รักใคร่เหล่านี้เป็นแหล่งน้ำพุหลักของชีวิตและความสุข—ช่วยยึดเหนี่ยวสังคมที่เปี่ยมคุณธรรมและสูงส่งทั้งหมดไว้ด้วยกัน—เป็นแก่นแท้ของจิตกุศล หรือความรัก …
“ไม่มีหลักธรรมใดที่มีอยู่บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่า …
“ข้อเท็จจริงคือ พระผู้เป็นเจ้า … ทรงปลูกฝังอารมณ์รักใคร่เหล่านี้ในใจ [ของเรา] โดยคาดการณ์ว่าจะช่วยส่งเสริมความสุขและความเป็นหนึ่งเดียวกัน [ของเรา]”2
และประธานจอห์น เทย์เลอร์ (1808–1887) อธิบายไว้เช่นกันว่า “เรานำสิ่งนี้ [ความปรารถนาตามธรรมชาติ] เข้ามาในโลกกับเรา แต่เช่นเดียวกับสิ่งอื่นๆ ทุกสิ่ง สิ่งนี้ต้องถูกชำระให้บริสุทธิ์ … การใช้สิ่งที่ทำหน้าที่ต่างๆ ในตัวเราอย่างถูกต้องนำไปสู่ชีวิต ความสุข และความสูงส่งในโลกนี้และโลกที่จะมาถึง”3
กล่าวอย่างเรียบง่ายคือ พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างเราให้สามารถมีความรู้สึกทางเพศได้ เป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา และสามารถเป็นส่วนที่ดี น่าอัศจรรย์ ทำให้ชีวิตเปี่ยมปีติได้—ตราบเท่าที่เราเรียนรู้การใช้และนำสิ่งเหล่านี้ไปในวิธีที่พระองค์ทรงเห็นชอบ ขณะเราจัดการความรู้สึกเหล่านี้ในวิธีที่เหมาะสมตลอดชีวิตเรา พรที่เราได้รับนั้นเหลือเชื่อ
โดยของประทานนี้ เรามีศักยภาพที่จะช่วยให้แผนของพระบิดาบนสวรรค์เกิดสัมฤทธิผลและเป็นเหมือนพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ของเรา4 น่าเศร้าที่ในโลกของเราปัจจุบันนี้ ซาตานได้นำหลายคนให้มีทัศนะบิดเบือนในเรื่องทางเพศที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาอย่างเหมาะสม—เขาต้องการให้เราใช้ผิดหรือเข้าใจผิดในเรื่องทางเพศและธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ของเรื่องนี้ บางครั้งเขาทำให้เราสับสนเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างเรื่องศักดิ์สิทธิ์กับเรื่องลับ ทำให้เรารู้สึกอับอายกับการมีความรู้สึกทางเพศที่เหมาะสม เพื่อปล่อยให้ความอยากรู้อยากเห็นนำไปสู่สิ่งต่างๆ อย่างเช่นสื่อลามก หรือเพื่อใช้ร่างกายของเราเองหรือของคนอื่นในวิธีที่อยู่นอกขอบเขตที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ แต่ในความเป็นจริง เรื่องทางเพศ—เมื่อใช้ในวิธีที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า—คือของประทานจากสวรรค์ ถ้าเรามีความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องทางเพศของเรา เราก็อาจจะต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้ดีขึ้น
เราจะปลูกฝังทัศนะเชิงบวกเกี่ยวกับเรื่องทางเพศได้อย่างไร?
ถ้าทัศนะเกี่ยวกับเรื่องทางเพศของเราถูกบิดเบือน ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับเรื่องทางเพศในตัวเราที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้อยู่ในทางที่ดีและเรียนรู้ที่จะเข้าใจและนำความรู้สึกของเราไปในทางที่ถูกต้อง ขณะเราพยายามเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอด? เราจะรู้สึกสบายใจได้อย่างไรกับการเป็นคนอย่างที่เราเป็นและยอมรับความรู้สึกทางเพศที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่เราและทรงสร้างเรามาพร้อมกับสิ่งนี้? คำแนะนำบางอย่างต่อไปนี้จะช่วยท่านได้:
1. เข้าใจว่าทุกคนเป็นสัตภาวะทั้งทางกายและทางวิญญาณ
ท่านอาจนึกถึงเรื่องทางเพศว่าเป็นเรื่องกายภาพล้วนๆ แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจิตใจและความคิดของเราด้วย ความคิดของเราส่งผลต่อการกระทำ และวิธีที่เราใช้ร่างกายของเราส่งผลต่อตัวตนทางวิญญาณของเราเช่นกัน ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์ (1924–2015) สอนว่า “วิญญาณของเรากับร่างกายของเรารวมเข้าด้วยกันจนร่างกายเรากลายเป็นเครื่องมือของความคิดและรากฐานแห่งอุปนิสัยของเรา”5
เมื่อท่านแสดงออกถึงสิ่งนี้ภายในขอบเขตของกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ เรื่องทางเพศในตัวเราไม่ขัดขวางความเข้มแข็งทางวิญญาณเลย ถ้าท่านมีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องทางเพศผิดเพี้ยนไปว่าเป็นสิ่งไม่ดี ความคิดดังกล่าวมักจะถูกส่งผ่านเข้าไปในชีวิตแต่งงานของท่านด้วย แต่เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า “ความเป็นหนึ่งเดียวกันทางเพศ [ในการแต่งงาน] ไม่ใช่ความเป็นหนึ่งเดียวกัน … เฉพาะชายและหญิงแต่เป็นความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างยิ่งของชายและหญิงกับพระผู้เป็นเจ้า … ท่านจะไม่มีทางเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าในเวลาอื่นใดในชีวิตนี้มากกว่าเมื่อท่านกำลังแสดงออกถึงพลังพิเศษนี้”6 ความเข้าใจในเรื่องนี้สามารถเปลี่ยนแปลงมุมมองปัจจุบันของท่านเกี่ยวกับเรื่องทางเพศหรือความสนิทสนมทางเพศได้อย่างไร—แม้ขณะที่ท่านยังโสดอยู่?
2. เรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายของท่าน
ให้เรียนรู้เกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ของมนุษย์ถ้าท่านยังไม่ได้เรียนรู้ ยิ่งท่านเข้าใจกระบวนการตามธรรมชาติของพัฒนาการของร่างกายท่านมากขึ้นเท่าใด ท่านจะยิ่งเข้าใจความรู้สึกทางเพศที่เหมาะสมว่าเป็นส่วนปกติของชีวิตมากขึ้นเท่านั้น การเรียนรู้เรื่องกายวิภาคศาสตร์ของมนุษย์ การเรียกส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วยชื่อของส่วนนั้น และความเข้าใจหน้าที่ทางเพศและทางกายภาพของส่วนนั้นๆ ช่วยลดความอึดอัดในการพูดถึงส่วนต่างๆ เหล่านี้ ในเวลาเดียวกัน เราควร “ขจัดวาจาเสื่อมทราม หยาบคาย ตลอดจนคำพูด มุขตลก และหัวข้อสนทนาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางเพศออกไปจากการสนทนา [ของเรา]”7 ด้วย เมื่อเข้าใจอวัยวะต่างๆ ของร่างกายรวมทั้งจุดประสงค์ เราจะหวั่นไหวต่อการเห็นอวัยวะเหล่านั้นเฉพาะในบริบททางเพศน้อยลง
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนว่า “อวัยวะต่างๆ ของร่างกายท่านเป็นของประทานอันน่าพิศวงจากพระผู้เป็นเจ้า”8—และเห็นได้ชัดว่านั่นรวมถึงอวัยวะเกี่ยวกับเพศด้วย อวัยวะเหล่านั้นสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์อันชาญฉลาด และขึ้นอยู่กับเราที่จะเรียนรู้การใช้ในวิธีที่พระเจ้าทรงประสงค์
3. อย่ากลัวหรืออาย
การเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับร่างกายของท่านจะช่วยให้ท่านเข้าใจว่าความรู้สึกทางเพศเป็นเรื่องธรรมดาของร่างกายเราอย่างไร และขณะที่เราทุกคนต่างพยายามเอาชนะความเป็น “ปุถุชน” ในชีวิตนี้ (ดู โมไซยาห์ 3:19) การมีความรู้สึกทางเพศที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย สิ่งนี้จะเป็นบาปก็ต่อเมื่อท่านทำตามความรู้สึกนั้นอย่างไม่เหมาะสมหรือหาความสนุกด้วยความคิดที่ไม่เหมาะสมหรือมาจากตัณหาราคะ เราไม่ต้องรู้สึกอายหรือรู้สึกผิดกับความรู้สึกหิว! อาจรู้สึกผิดได้เมื่อเราสนองตอบความหิวของเราโดยกินอาหารจานโปรดอย่างตะกละตะกรามหรือเริ่มหมกมุ่นอยู่กับความหิว ให้โอกาสตัวท่านเองที่จะรู้ว่าความรู้สึกและความคิดทางเพศที่เหมาะสมเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติวิสัยที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่เราและทำหน้าที่ตามจุดประสงค์อันมีประโยชน์ในสถานที่และเวลาที่ถูกต้อง
หากท่านประสบความรู้สึกเสน่หาเพศเดียวกัน ท่านอาจรู้สึกกลัวหรืออายกับความรู้สึกของท่าน แต่พระผู้เป็นเจ้าไม่ประสงค์ให้ท่านรู้สึกอย่างนั้น เรามีชีวิตที่ประสบความสำเร็จได้ในขอบเขตที่พระองค์ทรงกำหนดไว้เพื่อประโยชน์ของเรา เราแต่ละคนมีการเดินทางเฉพาะตัวในความเป็นมรรตัย และหากเราจะรักพระองค์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ไม่มีสภาวการณ์ใดที่พระบิดาบนสวรรค์ไม่ทรงสามารถเปลี่ยนเพื่อความดีนิรันดร์ของเราได้ (ดู โรม 8:28; ยอห์น 14:15; หลักคำสอนและพันธสัญญา 90:24) ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์ เราสามารถเรียนรู้และเติบโตและเป็นเหมือนพระองค์
4. สร้างการเชื่อมต่อที่มีความหมาย
ความรู้สึกทางกายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องทางเพศ สิ่งที่จำเป็นจริงๆ อีกอย่างหนึ่งเบื้องหลังความรู้สึกทางเพศที่เหมาะสมคือการเชื่อมต่อ ในฐานะมนุษย์ เราปรารถนาความใกล้ชิด การเชื่อมต่อกับผู้อื่นผ่านมิตรภาพอันลึกซึ้ง ความผูกพัน การสัมผัสที่เหมาะสม ความรัก และอารมณ์รักใคร่ช่วยให้ท่านเห็นผู้อื่นตามที่เป็นจริงและแสดงออกในเรื่องทางเพศอย่างเหมาะสมขณะที่ยังคงรักษากฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศได้
เอ็ลเดอร์มาร์ลิน เค. เจนเซ็นสาวกเจ็ดสิบเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่เกียรติคุณ กล่าวว่า “ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธสอนว่า ‘มิตรภาพเป็นหลักธรรมที่เป็นรากฐานสำคัญอีกอย่างหนึ่งของ [ศาสนาของเรา]’ ความคิดนั้นควรดลใจและกระตุ้นเราทุกคนเพราะข้าพเจ้ารู้สึกว่ามิตรภาพเป็นหนึ่งในความจำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับโลกเรา ข้าพเจ้าคิดว่าในพวกเราทุกคนจะต้องมีความปรารถนาอย่างลึกซึ้งที่จะมีมิตรภาพ ความปรารถนาที่ลึกซึ้งเพื่อความพึงพอใจและความมั่นคงซึ่งเฉพาะมิตรภาพที่ใกล้ชิดและมั่นคงตลอดไปเท่านั้นจะสามารถให้เราได้”9
5. นึกถึงร่างกายของท่านเองในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (เพราะเป็นเช่นนั้น!)
ร่างกายเราเป็นพรอันน่าพิศวงจากพระผู้เป็นเจ้า กระนั้นพวกเราหลายคนมักจะตกหลุมพรางของการวิพากษ์วิจารณ์ร่างกายเรา ถ้าเราสามารถจำได้ว่าร่างกายมีความหมายต่อเราเพียงใดก่อนที่เราจะได้รับมา (และจะมีความหมายต่อเราเพียงใดหลังจากเราตาย [ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:17, 50]) แล้วเราอาจรู้สึกสำนึกคุณมากขึ้นและดูหมิ่นน้อยลงต่อของประทานอันน่าพิศวงเหล่านี้
ประธานเนลสันสอนว่า “ร่างกายของท่านเป็นงานสร้างที่งดงามของพระผู้เป็นเจ้า ร่างกายเป็นวิหารของพระองค์เช่นเดียวกับของท่านและต้องปฏิบัติต่อร่างกายด้วยความเคารพ … การศึกษาร่างกายของท่านยืนยันว่าพระเจ้าทรงออกแบบร่างกาย”10 และการรู้ว่าแท้จริงแล้วร่างกายของเราศักดิ์สิทธิ์เพียงใดจะเป็นอิทธิพลให้การกระทำของเราดีขึ้น ประธานเนลสันอธิบายไว้ด้วยว่า “เมื่อเรารู้ธรรมชาติอันสูงส่งของเราจริงๆ … เราจะโฟกัสตาให้อยู่กับภาพ โฟกัสหูให้อยู่กับเสียง และโฟกัสสมองให้อยู่กับความคิดที่เป็นความภูมิใจแก่การสร้างร่างกายเราให้เป็นวิหารของพระผู้เป็นเจ้า ในการสวดอ้อนวอนแต่ละวันขอให้เรายอมรับด้วยความสำนึกคุณว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างของเราและขอบพระทัยพระองค์สำหรับความงดงามของร่างกายเรา เราจะดูแลร่างกายและหวงแหนเสมือนเป็นของประทานส่วนตัวจากพระผู้เป็นเจ้า”11
6. ใช้สื่อที่แสดงความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพ
ความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพเกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อ การฟัง การทำหน้าที่ การเห็นคุณค่า การให้คำมั่นสัญญา และการเติบโตด้วยกัน ความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพต่างตอบแทนและทั้งสองฝ่ายพยายามแสวงหาเพื่อความสบายใจและความผาสุกของอีกฝ่ายหนึ่ง การใช้สื่อที่แสดงความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพและกระบวนการที่สื่อนั้นนำมาสร้างความสัมพันธ์จะช่วยให้ท่านพัฒนาทัศนะเชิงบวกเกี่ยวกับเรื่องทางเพศมากขึ้น
ส่วนหนึ่งของเหตุผลที่สื่อลามกทำลายทัศนะเชิงบวกที่ดีต่อสุขภาพเกี่ยวกับเรื่องทางเพศคือสิ่งนี้จะปิดกั้นการเชื่อมต่อที่มีความหมายและพยายามแยกความสัมพันธ์ไปไว้ด้านเดียว จงหลีกเลี่ยงสื่อที่เขียน แสดงภาพหรือเสียงใดๆ ที่กระตุ้นแรงขับทางเพศของท่านมากเกินไป การใช้และการกลั่นกรองเพื่อดนตรีที่ดี สื่อที่ยกระดับจิตใจ และอินเทอร์เน็ตที่ดีต่อสุขภาพเป็นสิ่งที่มีประโยชน์. AddressingPornography.ChurchofJesusChrist.org สามารถให้เครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องทางเพศในวิธีที่ดีต่อสุขภาพแก่ท่านเพิ่มเติมได้
ถ้าท่านกำลังมีปัญหากับสื่อลามก ท่านควรปรึกษากับอธิการหรือประธานสาขา และท่านอาจต้องการสนทนากับผู้นำศาสนจักรคนอื่นๆ ครอบครัว หรือเพื่อนๆ ด้วยเพื่อการสนับสนุน และในบางกรณี ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพจิตสามารถช่วยได้
7. ปฏิบัติต่อทุกคนในฐานะลูกของพระผู้เป็นเจ้า
ส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางเพศคือการเรียนรู้วิธีให้ความเคารพและเข้าใจผู้อื่น เรื่องนี้รวมถึงการเรียนรู้ที่จะเป็นคนไว้ใจได้ ไม่เห็นแก่ตัว ซื่อสัตย์ และคำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น—โดยเห็นพวกเขาเป็นลูกพระผู้เป็นเจ้าผู้สูงส่ง บุคลิกภาพทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถ—และควร—พัฒนาตลอดชีวิตเรา และเป็นสิ่งที่จะมีส่วนสำคัญยิ่งเมื่อถึงเวลาที่จะมีความสนิทสนมทางเพศกับคู่นิรันดร์ในอนาคตของท่าน
จงถามตนเองว่า: ท่านปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร? ท่านใจดีหรือไม่? ท่านให้ความเคารพความต้องการด้านอารมณ์และขอบเขตทางกายภาพของผู้อื่นหรือไม่? คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยท่านพัฒนาในทุกด้านของชีวิตได้ รวมถึงเรื่องทางเพศที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพด้วย
8. ระลึกถึงอัตลักษณ์ที่แท้จริงของท่าน
พระบิดาบนสวรรค์ประทานความรู้สึกหลายอย่างให้ท่านเป็นผู้พิทักษ์ การทำตามกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศให้โอกาสท่านที่จะให้เกียรติและรักพระผู้เป็นเจ้า ตนเอง และผู้อื่น
พึงจดจำว่าท่านคือสัตภาวะนิรันดร์ที่กำลังดำเนินชีวิตอยู่กับประสบการณ์มรรตัย ประสบการณ์ส่วนตัวของท่านที่มีกับเรื่องทางเพศในความเป็นมรรตัยเป็นเรื่องเฉพาะตัวและมีบทบาทพิเศษในการขัดเกลาตัวท่านที่แผ่นดินโลกแห่งนี้ การขัดเกลาไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป แต่จะนำไปสู่ปีติและสันติสุขในการเป็นเหมือนพระบิดาบนสวรรค์ของเรา ขณะท่านรักษาพระบัญญัติของพระองค์ พระองค์ทรงสามารถใช้ประสบการณ์ส่วนตัวจากเรื่องทางเพศของท่านนำทางท่านและช่วยท่านปลูกฝังพละกำลังและความรู้ที่จะช่วยให้ท่านบรรลุจุดหมายปลายทางและศักยภาพอันสูงส่งของท่าน
อย่าคิดว่าเรื่องทางเพศของท่านเป็นส่วนสำคัญที่สุดในตัวตนที่ท่านเป็น ลักษณะสำคัญที่สุดของท่านคืออัตลักษณ์ของท่านในฐานะบุตรธิดาที่รักของพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์ ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานสูงสุดสอนไว้ว่า “ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการให้นิยามสูงสุดของเราทุกคนคือเราเป็นบุตรธิดาของพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ ถือกำเนิดมาบนโลกนี้อย่างมีจุดประสงค์ และถือกำเนิดมาพร้อมจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์ เมื่อใดก็ตามที่ความคิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นความคิดแบบใด เข้ามาแทรกแซงข้อเท็จจริงของการให้นิยามสูงสุดนั้น นั่นคือการบ่อนทำลายและจะนำเราให้เดินทางผิด”(in “Interview With Elder Dallin H. Oaks and Elder Lance B. Wickman: ‘Same-Gender Attraction,’” newsroom.ChurchofJesusChrist.org)
ในความเป็นมรรตัยนี้ การที่เรามีความแตกต่างกันในประสบการณ์และบุคลิกภาพที่เราได้รับพรที่นี่ย่อมมีจุดประสงค์ พระบิดาบนสวรรค์ประสงค์ให้ท่านยอมรับ ให้ความเคารพ และรักตนเองในสัตภาวะอันสูงส่งที่ท่านเป็น ในทางกลับกัน พระองค์จะทรงนำทางท่านในเส้นทางของแต่ละคนและทรงอวยพรท่านในวิธีที่ประเสริฐกว่าที่ท่านจะนึกถึง
อย่าลืมว่านี่คือการเดินทางตลอดชีวิต
ความเข้าใจและการปลูกฝังสำนึกเชิงบวกที่ดีต่อสุขภาพเกี่ยวกับเรื่องทางเพศที่เหมาะสมไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะเริ่มทำหลังการแต่งงานหรือเป็นสิ่งที่ท่านจะเชี่ยวชาญได้เพียงชั่วข้ามคืน สิ่งนี้เป็นการเดินทางตลอดชีวิต—เป็นสิ่งที่จะเป็นพรแก่ท่านในหลายวิธีในชีวิตมรรตัยและชีวิตนิรันดร์ของท่าน และถ้าการเดินทางของท่านมีทั้งขาขึ้นและขาลง จงรู้ไว้ว่าพลังแห่งการเยียวยาและการสนับสนุนแห่งการชดใช้ของพระเยซูคริสต์มีพร้อมสำหรับทุกคนที่เอื้อมออกไปหาพระองค์ (ดู โมไซยาห์ 4:1–3, 10–13)
ในที่สุดนี้ ไม่ว่าสภาวการณ์หรือประสบการณ์ของเราจะเป็นเช่นไร ขณะเราทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้พรที่ทรงสัญญาไว้กับเราสำเร็จ เราจะตระหนักว่าเราแต่ละคนต่างมีส่วนร่วมในแผนของพระองค์ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 59:23) ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์ เราจะประสบความสำเร็จในความพยายามทุกอย่างที่จะได้มาซึ่งทัศนะเชิงบวกเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ