ขณะที่สภาวการณ์ครอบครัวของทุกคนจะแตกต่างกันไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” มีหลักธรรมนิรันดร์ที่ให้อุดมคติเพื่อเป็นเป้าหมายของเราขณะพยายามที่จะบรรลุศักยภาพอันสูงส่งของเรา หน้าต่อไปนี้ประกอบด้วยข้อคิดลึกซึ้งที่สามารถช่วยให้เราเข้าใจหลักธรรมที่ได้รับการดลใจของถ้อยแถลงเรื่องครอบครัวดีขึ้น หากเราประยุกต์ใช้หลักธรรมเหล่านี้ตามสภาวการณ์ของเราโดยสุดความสามารถ เราจะได้รับพรขณะมุ่งหน้าสู่ชีวิตนิรันดร์
1. เราแต่ละคนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนิรันดร์ที่มีจุดประสงค์อันสูงส่ง
ไม่ว่าครอบครัวเราบนแผ่นดินโลกจะเป็นอย่างไร เราแต่ละคนเป็น “ปิยบุตรหรือปิยธิดาทางวิญญาณของพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์” ผู้ทรงรักเรา ในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัวนิรันดร์ จุดประสงค์อันสูงส่งของเราคือเพื่อ “พัฒนาไปสู่ความดีพร้อม และในที่สุดจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์ของเรา เป็นทายาทแห่งชีวิตนิรันดร์” (หากไม่มีหมายเหตุอื่นไว้ ข้อความอ้างอิงมาจาก “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก”)
เราทุกคนมีลักษณะและจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์
“พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราว่า เราเป็นลูกของพระเจ้า
“และถ้าเราเป็นลูกแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์” (โรม 8:16–17)
2. ครอบครัวมรรตัยของเราช่วยให้เราบรรลุจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของเรา
พระผู้เป็นเจ้าประทานครอบครัวแก่เราเพื่อช่วยให้เราเรียนรู้และเติบโตขณะเราพยายาม “พัฒนาไปสู่ความดีพร้อม” และรับชีวิตนิรันดร์เป็นมรดก “ครอบครัวเป็นศูนย์กลางต่อแผนของพระผู้สร้าง” และแม้จะไม่มีครอบครัวใดดีพร้อม พระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถช่วยเราให้พัฒนาขึ้นด้วยครอบครัวที่เรามี
ครอบครัวดิฉันดีพอสำหรับพระประสงค์ของพระองค์
โดย มิแรนดา กอแบทซ์, รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา
ครอบครัวดิฉันไม่ใช่แบบที่ท่านจะเรียกว่าครอบครัว “ในอุดมคติ” พ่อแม่ดิฉันแยกทางกันเมื่อดิฉันอายุย่างเข้า 11 ขวบ ดังนั้นดิฉันจึงได้รับการเลี้ยงดูโดยคุณแม่ตัวคนเดียวที่ทำงานหนักและอุทิศตน ในการประชุมศีลระลึก ดิฉันรู้สึกเหมือนถูกมองว่าเป็นครอบครัวที่ไม่ปกติ
สมัยเป็นวัยรุ่น ดิฉันจำได้ว่านั่งเรียนบทเรียนเรื่อง “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาเมื่อฟังผู้นำเยาวชนแสดงประจักษ์พยานเรื่องครอบครัวและเริ่มได้รับประจักษ์พยานของตนเองว่าครอบครัวเล็กๆ ของดิฉันก็ได้รับความเห็นชอบจากสวรรค์และสามารถให้ทุกสิ่งที่จำเป็นแก่ดิฉันได้ขณะอยู่ในโลกมรรตัยนี้
แม้มีความรู้เช่นนั้น ดิฉันยังรู้สึกกลัวมากที่จะเข้าชั้นเรียนครอบครัวนิรันดร์ในอีกสองสามปีต่อมาที่มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์ ดิฉันไม่ต้องการนั่งเรียนไปทุกชั้นเรียนเพื่อฟังเรื่องครอบครัวของดิฉันที่ “ด้อยกว่าอุดมคติ” แต่อาจารย์ของดิฉันเริ่มชั้นเรียนแรกด้วยข้อความนี้ “เราสั่งสอนอุดมคติแต่ดำเนินชีวิตในความเป็นจริงและพึ่งพาการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อทดแทนส่วนต่าง”
ดิฉันรู้ว่าครอบครัวเป็นศูนย์กลางต่อแผนของพระบิดาบนสวรรค์ แม้แต่ครอบครัวที่ด้อยกว่าอุดมคติ ตามประสบการณ์วัยรุ่นของดิฉัน ก็ช่วยให้เราเรียนรู้และเติบโตได้ พระผู้ช่วยให้รอดพระองค์เองก็ทรงได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อเลี้ยงบนแผ่นดินโลก ดิฉันสำนึกคุณอย่างยิ่งที่พระเยซูคริสต์จะทรงรับครอบครัวที่ “ไม่ใช่ครอบครัวอุดมคติ” ของเราได้และทรงทำให้ครอบครัวเช่นนั้นเพียงพอต่อการทำให้พระประสงค์ของพระองค์เกิดสัมฤทธิผลเพื่อเรา
3. “ครอบครัว” อาจมีความหมายมากกว่าพ่อแม่ลูก
มีความสัมพันธ์ในครอบครัวมากมายที่อาจเป็นสิ่งที่อยู่ในความพิทักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ พี่ชายน้องชาย พี่สาวน้องสาว ลุงป้าน้าอา ลูกพี่ลูกน้อง ญาติเกี่ยวดองจากการสมรส และอื่นๆ อาจมีอิทธิพลต่อกันอย่างไม่เหมือนใคร “ญาติพี่น้องควรให้ความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น” การส่งเสริมความผูกพันในครอบครัวเหล่านี้อาจนำมาซึ่งความช่วยเหลือที่จำเป็นและกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ทรงคุณค่าได้
ท่านสามารถเป็นพรแก่ครอบครัวท่านได้ในหลายวิธี
โดย ซิสเตอร์แชรอน ยูแบงค์ ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์สามัญ
พระคัมภีร์เต็มไปด้วยแบบอย่างของชายหญิงผู้ชอบธรรมที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิตของญาติพี่น้องตน อับราฮัมผู้เป็นลุงทำให้ชีวิตของโลทเปลี่ยนแปลง โยเซฟแห่งอียิปต์ช่วยให้พี่น้องชายและครอบครัวของพวกเขารอด ในฐานะผู้ใหญ่ พี่น้องมารีย์และมาร์ธาเป็นพรแก่กันและเป็นพรแก่ลาซารัสน้องชายของพวกเธอ รูธ ในฐานะลูกสะใภ้ สนับสนุนนาโอมีและจากนั้นได้รับพรนิรันดร์เป็นการตอบแทนจากคำแนะนำของนาโอมี เอลีซาเบธและมารีย์สนับสนุนกันและกันในฐานะลูกพี่ลูกน้องในการตั้งครรภ์ที่ต้องฟันฝ่าสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย แม้แต่โซรัม ผู้ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ยังให้ความช่วยเหลือที่ซื่อสัตย์แก่นีไฟซึ่งทำให้เขาและลูกๆ ได้รับการอุปถัมภ์ราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน การมองครอบครัวให้กว้างกว่าเดิมเช่นนี้เป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อหลายคนที่มีมากมายที่จะให้แต่รู้สึกไม่เกี่ยวข้องเพราะพวกเขาไม่มีครอบครัวของตนเองตามต้องการ
4. ท่านสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการเริ่มต้นหรือการนำครอบครัวนิรันดร์กลับมา
“ศาสนพิธีและพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดความเป็นไปได้สำหรับแต่ละบุคคลที่จะกลับไปยังที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและเพื่อครอบครัวจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวชั่วนิรันดร์” น่าเสียดายที่บางครั้งการแต่งงานสิ้นสุดลง ครอบครัวแตกแยก หรือห่วงโซ่ในสายโซ่ของครอบครัวนิรันดร์ขาดไป โดยผ่าน “ศาสนพิธีและพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์” เหล่านี้ ทำให้ “เป็นไปได้สำหรับแต่ละบุคคลที่จะกลับไปยังที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า” โดยไม่คำนึงถึงสภาวการณ์ของครอบครัวพวกเขา ด้วยความช่วยเหลือของพระผู้เป็นเจ้า โดยการทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจนสุดความสามารถจะช่วยให้ท่านสร้าง ฟื้นฟู หรือเสริมสร้างครอบครัวท่านได้ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งครอบครัวจะเป็นหนึ่งเดียวกันชั่วนิรันดร
5. การแต่งงานคือการเป็นหุ้นส่วนที่เรียกร้องศรัทธาและการสวดอ้อนวอน
ถ้อยแถลงเรื่องครอบครัวยืนยันว่าสามีและภรรยา “มีหน้าที่ช่วยเหลือกันในฐานะเป็นหุ้นส่วนเท่าๆ กัน” แต่การเป็นหุ้นส่วนที่แท้จริงในชีวิตแต่งงานอาจเป็นเรื่องท้าทาย การเลี้ยงดู วัฒนธรรม การศึกษา สภาวการณ์ด้านการเงิน ประสบการณ์และเรื่องอื่นๆ อาจมีผลต่อวิธีที่เราจะสร้างความสัมพันธ์และวิธีที่เราจะบริหารครอบครัวของเรา ถ้อยแถลงสอนว่า “การแต่งงานและครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ” ได้รับการสถาปนาด้วยศรัทธา การสวดอ้อนวอน การกลับใจ การให้อภัย ความเคารพ ความรัก และหลักธรรมอื่นๆ ขณะเราปรึกษาหารือและทำงานด้วยกันเพื่อตอบรับสภาวการณ์ของเราแต่ละคน
6. ศักยภาพของการเป็นบิดามารดาเป็นส่วนหนึ่งในแผนของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อที่เราจะเป็นเหมือนพระองค์
วิธีหนึ่งที่เราจะเป็นเหมือนพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ของเรามากขึ้นได้คือโดยการมีประสบการณ์การเป็นบิดามารดาด้วยตนเอง “พระบัญญัติข้อแรกที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่อาดัมและเอวาเกี่ยวข้องกับศักยภาพของคนทั้งสองที่จะเป็นบิดามารดาในฐานะสามีและภรรยา” แม้การแต่งงานมีลูกจะไม่เกิดขึ้นเสมอไปตามแผนของเรา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในแผนของพระผู้เป็นเจ้า สำหรับพวกเราหลายคน การเตรียมพร้อมด้วยศรัทธาและการรอคอยพระเจ้าเป็นส่วนสำคัญของการเป็นเหมือนพระองค์
การมีบุตรยากและครอบครัววอร์ดของเรา
โดย จอห์น แมคมัลลิน, แอลเบอร์ตา แคนาดา
เจนนี ภรรยาผมและผมต้องการมีลูกหลายคนมาโดยตลอด โดยตลอดจริงๆ แต่หลังจากพยายามอยู่หลายปี เราพบข้อจำกัดทางการแพทย์คือการมีบุตรยาก
ช่วงแรก เราสวดอ้อนวอนมาก ทุกคืนเราจะกุมมือกันและขอให้พระบิดาบนสวรรค์ประทานพรให้เรามีลูกที่เราได้เตรียมพร้อมที่จะมีมาตลอดชีวิต เราอดอาหารทุกเดือนและบางครั้งมากกว่านั้น ทุกเดือนที่ไม่มีการตั้งครรภ์เรารู้สึกยากลำบากมากขึ้นทุกที ไม่เพียงไม่มีลูกให้เรารัก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีคำตอบคำสวดอ้อนวอนของเราเลย ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินเราทูลขอสิ่งที่เราต้องการมาตลอดชีวิตแต่พระองค์ทรงปฏิเสธ
เราเริ่มสงสัยความมีค่าควรของเรา เป็นเรื่องง่ายที่จะเชื่อว่าพระองค์ทรงเก็บลูกๆ ทางวิญญาณของพระองค์ไว้เพื่อให้ไปเกิดในครัวเรือนที่ซื่อสัตย์กว่าเรา
การไปโบสถ์กลายเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องยากที่จะฟังว่าคนอื่นๆ ได้รับคำตอบการสวดอ้อนวอนอย่างไร และพระบิดาบนสวรรค์ทรงรักพวกเขามากมายเพียงใด
มีสองสิ่งที่ทำให้เรายังไปโบสถ์อยู่ สิ่งแรกเราทำพันธสัญญาไว้กับพระเจ้าและต่อกันเมื่อเราผนึกในพระวิหาร เราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน และเราตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันสองคนตั้งแต่นี้ไปจนชั่วนิรันดร
สิ่งที่สองคือครอบครัววอร์ดของเรา เราได้รับพรที่มีผู้นำที่รู้จักเรื่องการมีบุตรยากด้วยตนเอง เจนนีมีซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจที่มีประสบการณ์กับการมีบุตรยากและสนทนากันอย่างเปิดใจเกี่ยวกับความยากลำบากของการไม่มีบุตรที่โบสถ์ เรามีความยากลำบากมาก แต่ก็รู้ดีว่ายังมีคนอื่นๆ ในชุมชนศาสนจักรของเราที่ต้องต่อสู้กับเรื่องยากลำบากแบบเดียวกันนี้
เรายังคงไม่ได้รับคำตอบมากนัก เรายังไม่มีลูก แม้หลังจากรับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เราไม่รู้เหตุผลของพระบิดาบนสวรรค์ แต่เพราะเรามีพันธสัญญา และเพราะเรามีครอบครัววอร์ดที่ยอมรับและสนับสนุนเรา เราจึงมีเวลาที่จะพัฒนาความอดทนและศรัทธามากขึ้น (ดู ฮีบรู 12:12–13)
เราเฝ้ารอที่จะได้เป็นพ่อและแม่ และขณะที่เรารอวันแห่งความสุขนั้น เรามีที่ซึ่งมีเราเป็นส่วนหนึ่งในศาสนจักรนี้
7. พระผู้เป็นเจ้าประทานและปกป้องอำนาจการสร้างชีวิต
ในถ้อยแถลงนั้น อัครสาวกของพระเจ้า “ยืนยันถึงการชำระชีวิตให้บริสุทธิ์” เพราะชีวิตศักดิ์สิทธิ์ พระผู้เป็นเจ้าจึงประทานพระบัญญัติเกี่ยวกับการให้กำเนิดชีวิตและการสิ้นชีวิต วิธีที่เราให้เกียรติพลังอำนาจนั้นมีผลในระยะยาวต่อความดีหรือความชั่วต่อตัวเราเองและต่อสังคม
8. ความรับผิดชอบของบิดามารดาเป็นของประทานจากพระผู้เป็นเจ้า
เพื่อช่วยให้เราเป็นเหมือนพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าประทานทั้งโอกาสและความรับผิดชอบของการเป็นบิดามารดาแก่พวกเราหลายคน เรามีภาระรับผิดชอบต่อพระองค์ “ในการปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้ให้ลุล่วง” แต่เราสามารถพึ่งพาความช่วยเหลือของพระองค์ได้ในการแสวงหาความสุขและความสำเร็จในชีวิตแต่งงานและชีวิตครอบครัวขณะเราพยายามเลี้ยงดูลูกๆ ของเราในความรักและความชอบธรรมรวมถึงการสนับสนุนพวกเขาในเรื่องท้าทายต่างๆ
9. เราสามารถยืนหยัดเพื่อแผนของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อครอบครัวของพระองค์
ตั้งแต่ก่อนการเริ่มต้นของโลก เป็นบทบาทของเราที่จะส่งเสริมแผนของพระบิดาเพื่อครอบครัวของพระองค์และปกป้องแผนนั้นโดยต่อต้านการแตกสลายจากภายในและการโจมตีจากภายนอก “เราเรียกร้องประชาชนพลเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้มีความรับผิดชอบทุกหนแห่งให้ส่งเสริมการวางมาตรการเหล่านั้นเพื่อธำรงและเสริมสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว” ความเข้าใจเหตุผลและวิธีดำเนินการเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง