2021
รักษาดนตรีให้เป็นหัวใจของการนมัสการ
มีนาคม 2021


รักษาดนตรี ให้เป็นหัวใจของการนมัสการ

ดนตรีเป็นและจะเป็นหัวใจของการนมัสการที่โบสถ์และในบ้านเสมอ

family gathered around piano

ไม่กี่สัปดาห์หลังจากศาสนจักรได้รับการจัดตั้ง พระเจ้ารับสั่งให้เอ็มมา สมิธ “เลือกเพลงสวดศักดิ์สิทธิ์… ซึ่งเป็นที่พอใจแก่เรา, ที่จะให้มีในศาสนจักรของเรา (หลักคำสอนและพันธสัญญา 25:11) วิสุทธิ-ชนต้องการวิธีที่จะเรียนรู้ความจริงของพระกิตติคุณที่ได้รับการเปิดเผยใหม่และรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า เพลงสวดจะเป็นหัวใจสำคัญของการนมัสการและการเรียนรู้

หลายปีก่อน เมื่อครอบครัวของดิฉันเข้าร่วมศาสนจักร พ่อแม่ของดิฉันสนับสนุนให้เราเรียนรู้ดนตรีในศาสนาใหม่ของเรา ดิฉันมีความทรงจำที่แจ่มชัดในช่วงเวลานั้น:

  • จดจำเพลง “การสวดอ้อนวอนดวงจิตต้องการ,” กับครอบครัวของเราได้ (เพลงสวด, บทเพลงที่ 67)

  • ได้ยินเพลง “โอ้ พระบิดา” (เพลงสวด, บทเพลงที่ 142) และเรียนรู้ว่าดิฉันมีพระบิดาและพระมารดาบนสวรรค์ผู้ที่ดิฉันจะกลับมาพบพระองค์ได้อีกครั้งในวันหนึ่ง

  • รู้สึกถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้าขณะร้องเพลง “พระบิดาบนสวรรค์ทรงรักฉัน” (หนังสือเพลงสำหรับเด็ก, 16) —แม้ว่าดิฉันจะอาศัยอยู่ในทะเลทรายและไม่เคยเห็นต้นไม้สูงใหญ่มาก่อน!

เดินหน้าเข้าสู่การประชุมศีลระลึกในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2020 สมาชิกหลายคนในวอร์ดของเรากำลังเผชิญกับโรคมะเร็ง และดิฉันรู้สึกได้รับการปลอบโยนอย่างมากเมื่อคณะนักร้องประสานเสียงวอร์ดร้องเพลง “ฐานมั่นคงหนักหนา” (เพลงสวด, บทเพลงที่ 33) ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องที่น่าตกใจ ได้แก่ การกักตัว การยกเลิกโบสถ์ เหตุการณ์แผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อกหลายครั้ง เพลงสวดเริ่มบรรเลงในใจดิฉันอีกครั้ง

อย่ากลัวอะไรเลย เพราะเราจะอยู่กับเจ้า

เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้าเราจะค้ำจุน

จะช่วยหนุนกำลัง จะช่วยตั้งเจ้าคงมั่น

จะชูเจ้าด้วยหัตถ์อันชอบธรรมเรืองฤทธา

บางครั้งดูเหมือนว่าความท้าทายระดับโลกและความท้าทายส่วนตัวกำลังเพิ่มขึ้นเกือบทุกวัน ยิ่งไปกว่านั้น เราต้องการการค้ำจุนทางวิญญาณจากเพลงสวด เพลงปฐมวัย และดนตรีศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ

ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์หรือความสำคัญ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเราเปลี่ยนไปใช้ตารางเวลาสองชั่วโมงสำหรับการประชุมศาสนจักร บางคนอาจสงสัยว่าบทบาทของดนตรีลดลงไปจากการนมัสการของเราหรือไม่ คำตอบคือไม่

  1. เพลงสวดศักดิ์สิทธิ์ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในการประชุมศีลระลึกทุกครั้ง รวมถึงการช่วยเตรียมใจของเราให้พร้อมสำหรับศาสนพิธีศีลระลึก ยังคงมีการวางแผนร้องเพลงประสานเสียงและเพลงของผู้เข้าร่วมการประชุม รวมทั้งการร้องเพลงศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เพื่อทำให้การประชุมมีชีวิตชีวาเช่นเดิม ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดนตรีศักดิ์สิทธิ์ยังคงเป็นส่วนสำคัญของการประชุมศีลระลึกที่ใช้เวลาสั้นลง แม้จะเหลือเพียงเสียงบรรเลงก็ตาม

  2. ขณะนี้เด็กของเราใช้เวลาครึ่งหนึ่งในช่วงปฐมวัยไปกับการเรียนรู้พระกิตติคุณผ่านทางดนตรี

  3. ในชั่วโมงที่สองจะไม่มีเพลงเปิดหรือเพลงปิดสำหรับห้องเรียนของผู้ใหญ่และเยาวชน แต่ยังคงสามารถใช้ดนตรีในชั้นเรียนเพื่อสอนและสร้างแรงบันดาลใจ

  4. การฟังเพลงศักดิ์สิทธิ์บนอุปกรณ์ดิจิทัลทำได้ง่ายกว่าที่เคยโดยใช้แอปพลิเคชัน Sacred Music (เพลงศักดิ์สิทธิ์) ของศาสนจักร

คำสั่งน้อยลง ตั้งใจมากขึ้น

แต่ก็ยังมีความเข้าใจผิดบางอย่าง วันอาทิตย์วันอีสเตอร์วันหนึ่ง ผู้สอนขออภัยในชั้นเรียนหลักคำสอนพระกิตติคุณของเธอว่า “ฉันรู้ดีว่าเราไม่ควรจะร้องเพลงในโรงเรียนวันอาทิตย์แต่ฉันอยากจะร้องเพลง ‘ฉันรู้พระผู้ไถ่ทรงพระชนม์’ ด้วยกัน ไม่ใช่แค่ผู้สอนเองที่เข้าใจผิดเช่นนี้

ในความเป็นจริงดนตรียังคงมีความสำคัญกับการนมัสการของเราเช่นเดิม เห็นการอัปเดตเด่นๆ ของงานสะสมเพลงสวดและเพลงสำหรับเด็กของเราซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าว สมาชิกศาสนจักรทั่วโลกส่งเพลงสวดใหม่ เพลง และข้อความที่น่าทึ่งกว่า 16,000 ชุด

แต่ด้วยกำหนดการเวลาที่ให้กับการร้องเพลงในการประชุมวันอาทิตย์ของเรานั้นน้อยลงเราจึงจำเป็นต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ตั้งใจในการวางแผนและใช้ดนตรีให้มากขึ้น

group of children singing

หลักการสำคัญสองข้อที่จะช่วยให้เราสามารถรักษาดนตรีไว้เป็นหัวใจของการนมัสการคือ:

1. สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการสอน

เราอาจคิดว่าการพูดคุยและการสนทนาเป็นวิธีหลักในการส่งข่าวสารพระกิตติคุณที่บ้านและที่โบสถ์ และเราอาจใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับองค์ประกอบเหล่านั้น แต่ดนตรีไม่ใช่ส่วนหนึ่งที่ทำขึ้นเพื่อเพิ่มความสวยงามให้บทเรียน ดนตรีเป็นหัวใจสำคัญของการสอนด้วยพลังและด้วยพระวิญญาณ

ตามที่อัครสาวกเปาโลแนะนำวิสุทธิชนยุคแรกว่า “จงให้พระวจนะของพระคริสต์อยู่ในพวกท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าในใจของท่าน” (โคโลสี 3:16)

ดนตรีสามารถนำพระวิญญาณเข้าสู่บทเรียนหรือการประชุมได้ทันที การเลือกเพลงที่จะร้องระหว่างชั้นเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์หรือการสนทนา จงตามเรามา สมควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบและร่วมกับการสวดอ้อนวอนเช่นเดียวกับพระคัมภีร์ที่เราเลือกอ่านหรือส่วนหนึ่งของบทเรียนที่เราเลือกแบ่งปัน ดนตรีที่เลือกโดยการสวดอ้อนวอนจะสัมผัสใจ ทิ้งความประทับใจทางวิญญาณที่อาจยั่งยืนชั่วชีวิต

2. “คำสวดอ้อนวอนต่อเรา”

ในบางเวลา เราอาจประสบกับช่วงเวลาที่เรารู้สึกสิ้นหวัง บางครั้งเมื่อเราไม่รู้แน่ชัดว่าควรทำอะไร บางครั้งอาจดูเหมือนว่าเราเอาแต่โยนความต้องการเร่งด่วนแบบเดิมๆ ไปสู่สวรรค์โดยไม่ได้การตอบรับหรือแก้ไขใดๆ ในช่วงเวลาดังกล่าวอาจรู้สึกอยากสรุปว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่เอาพระทัยใส่หรือเราไม่คู่ควรกับความห่วงใยของพระองค์ บางครั้งเราอาจรู้สึกว่าไม่อยากสวดอ้อนวอนอีกต่อไป

ในช่วงเวลาที่เรารู้สึกขาดความเชื่อมโยงทางวิญญาณกับสวรรค์ นี่คือความจริงที่ช่วยปลอบประโลม: ดนตรีศักดิ์สิทธิ์สามารถ เป็น รูปแบบของการสวดอ้อนวอนได้จริงๆ พระเจ้าพระองค์เองทรงอธิบายเรื่องนี้เมื่อพระองค์ทรงมอบหมายให้เอ็มมาทำเพลงสวดเพลงแรกของเราว่า “เพราะจิตวิญญาณเราเบิกบานในเพลงจากใจ; แท้จริงแล้ว เพลงจากคนชอบธรรมเป็นคำสวดอ้อนวอนต่อเรา” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 25:12; เน้นตัวเอน)

และเมื่อเรานำเสนอบทเพลงจากใจเราต่อพระองค์อย่างจริงใจ พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงตอบด้วยพรเสมอ “และจะได้รับตอบด้วยพรบนศีรษะพวกเขา ดังนั้น, จงรื่นเริงใจและชื่นชมยินดี” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 25:12–13)

ช่วงเวลาที่ยากลำบากครั้งหนึ่งในชีวิตของดิฉัน ดิฉันไม่สามารถมองเห็นคำตอบของคำสวดอ้อนวอนจากใจจริงของดิฉันเป็นเวลานาน เพื่อนรักของดิฉันกำลังเผชิญกับความยากลำบากบางอย่างของตนเอง แต่เมื่อเราบรรเลงและร้องเพลงสวดและเพลงพระกิตติคุณร่วมกัน เรามักจะสัมผัสกับความรู้สึกปลอบโยนและประจักษ์พยานอย่างท่วมท้น ตอนนี้ดิฉันรู้แล้วว่าพระเจ้าทรงเติมเต็มคำสัญญาของพระองค์อยู่ พระองค์ กำลัง ตอบเพลงจากใจของดิฉันครั้งแล้วครั้งเล่า และนั่น ช่วย ให้ใจดิฉันเบิกบานและทำต่อไปได้จริงๆ

young woman visiting a cemetery

Photograph by Robert Casey

ในทุกวันอาทิตย์

ในทุกวันอาทิตย์ เรามั่นใจได้ว่าบางคนในที่ประชุม ในชั้นเรียน และในครอบครัวของเราต่างตกอยู่ในห้วงน้ำแห่งความทุกข์ในทางของตนเอง บางคนจะอยู่ในที่สงบสุขพร้อมพรมากล้น บางคนยังคงเรียนรู้ความจริงพื้นฐานของพระกิตติคุณ

เมื่อเราเก็บเสียงดนตรีไว้ในที่อันเหมาะสมในหัวใจของการนมัสการ เราสามารถช่วยให้ ทุกคน มีโอกาสสัมผัสพระวิญญาณ เรียนรู้ความจริงของพระกิตติคุณและสรรเสริญพระเจ้าในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ และเราสามารถช่วยให้ ทุกคน มีคำตอบของเพลงจากใจในวิธีที่พระบิดานิรันดร์ผู้เปี่ยมด้วยความรักเท่านั้นที่สามารถทำได้