จงตามเรามา
ศาสนจักรที่กำลังเติบโต
ศาสนจักรของพระผู้ช่วยให้รอดได้รับการฟื้นฟูพร้อมหลักคำสอนที่แท้จริง พลังอำนาจฐานะปุโรหิต และศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์
หลายปีก่อน ระหว่างทำงานสัปดาห์แรกในสำนักงานประชาสัมพันธ์ของศาสนจักรในเม็กซิโก เราได้รับคำเชิญจากรายการทอล์กโชว์ทางวิทยุ รายการนี้ซึ่งสนทนากันเรื่องศาสนาต่างๆ ทั่วโลกให้เวลาเราพูดเกี่ยวกับศาสนจักร 45 นาที
“ช่างเป็นโอกาสที่ดีเหลือเกิน” ข้าพเจ้าบอกประธานภาคขณะบอกรายละเอียดเรื่องคำเชิญ “เราจะส่งใครไปเป็นตัวแทนศาสนจักรครับ?”
เขาตอบว่า “คุณนั่นแหละ”
ข้าพเจ้าเป็นคนใหม่ในที่ทำงานและอายุน้อยมาก ข้าพเจ้าประหลาดใจที่เขาไม่เสนอคนที่มีประสบการณ์มากกว่า ถึงอย่างนั้นข้าพเจ้าก็สวดอ้อนวอน เตรียมตัวให้ดีที่สุด และชวนเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งไปด้วย ไม่นานเราก็อยู่ที่สถานีวิทยุ
“เรามีตัวแทนสองท่านจากศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายอยู่กับเราค่ำนี้” ผู้จัดรายการพูดขณะที่เขาแนะนำเรา จากนั้นเขาถามว่า “ทำไมศาสนจักรของคุณมีชื่อยาวขนาดนั้น? ทำไมคุณไม่ใช้ชื่อสั้นกว่านี้และเป็นชื่อทางการค้ามากกว่านี้?”
ข้าพเจ้ากับเพื่อนร่วมงานมีความสุขที่ได้ตอบคำถามสำคัญนั้น เราอธิบายว่ามนุษย์ไม่ได้เลือกชื่อศาสนจักร แต่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเปิดเผยชื่อด้วยพระองค์เองผ่านศาสดาพยากรณ์ยุคสุดท้ายท่านหนึ่ง (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:4)
ผู้จัดรายการตอบกลับด้วยความเคารพว่า ‘ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องพูดชื่อเต็มซ้ำหลายครั้งหน่อยนะครับ” และเขาพูดซ้ำ—หลายครั้ง
ข้าพเจ้ายังจำวิญญาณอันแสนหวานที่เรารู้สึกได้ขณะอธิบายที่มาของชื่อศาสนจักรและว่าชื่อนั้นหมายถึงพระผู้ช่วยให้รอดและสมาชิกศาสนจักรของพระองค์ในปัจจุบันอย่างไร ข้าพเจ้ากับเพื่อนร่วมงานตอบคำถามเยอะมาก หลายข้อมุ่งไปที่ชื่อของศาสนจักร ประสบการณ์ดังกล่าวเป็นพรสำหรับศาสนจักรในภาคของเราและสำหรับข้าพเจ้า
ในปี 2018 ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันขอให้วิสุทธิชนยุคสุดท้าย “ฟื้นฟูชื่อที่ถูกต้องของศาสนจักรของพระเจ้า” ท่านสัญญาว่าถ้าเราจะทำตามคำแนะนำนั้นสุดความสามารถ พระเจ้า “จะทรงเทพลังอำนาจและพรของพระองค์มาบนศีรษะของวิสุทธิชนยุคสุดท้ายอย่างที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อน”1 ประธานเนลสันต่อสัญญานั้นระหว่างการประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายนปี 20202
ในช่วงเวลาสั้นๆ ตั้งแต่ประธานเนลสันขอให้เราใช้ชื่อที่ถูกต้องของศาสนจักร สัญญาของท่านเริ่มเกิดสัมฤทธิผลแล้ว เมื่อสมาชิกหลายคนบอกชื่อที่ถูกต้องของศาสนจักร มีคนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเราเชื่อในพระเจ้าพระเยซูคริสต์และนมัสการพระองค์ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงเชื่อว่าศาสนจักรกำลังมีความสุขที่กลับมามีอิทธิพลและได้รับความเคารพอีกครั้ง ประตูเปิดอยู่ และการฟื้นฟูรุดหน้าต่อไป
เมื่อบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าเข้าใจว่าการเปิดเผยดำเนินต่อเนื่องทุกวันนี้และศาสนจักรของพระผู้ช่วยให้รอดได้รับการฟื้นฟูพร้อมหลักคำสอนที่แท้จริง พลังอำนาจฐานะปุโรหิต และศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะอยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นฟู
ศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่
ภาค 20 ของพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญาเริ่มต้นด้วยถ้อยคำสำคัญเหล่านี้: “การจัดตั้ง ศาสนจักรของพระคริสต์ในวันเวลาสุดท้ายนี้” (ข้อ 1; เน้นตัวเอน) ตั้งแต่จัดตั้งศาสนจักรเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 พระเจ้าทรงกำกับดูแลการจัดตั้งนั้นผ่านผู้นำที่พระองค์ทรงเรียก
ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธได้ “รับการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้วางรากฐาน” ของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟู ทำนองเดียวกัน ในสมัยของเราพระเจ้าทรงดลใจประธานเนลสันให้นำศาสนจักร “เสริมสร้างขึ้นมา” และ “กระตุ้นอุดมการณ์ของไซอันในพลังอันยิ่งใหญ่เพื่อความดี” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:2, 7)
ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายนปี 2020 สมาชิกของศาสนจักรเห็นการยืนยันการนำทางอย่างต่อเนื่องของพระเจ้าและการเติบโตต่อเนื่องของศาสนจักรของพระองค์เมื่อประธานเนลสันอ่าน “การฟื้นฟูความสมบูรณ์แห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์: ถ้อยแถลงต่อโลกเนื่องในวาระครบรอบสองร้อยปี”
“เราขอประกาศด้วยความยินดีว่าการฟื้นฟูที่สัญญาไว้ก้าวไปข้างหน้าผ่านการเปิดเผยต่อเนื่อง” ท่านกล่าว “แผ่นดินโลกจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป”
ประธานเนลสันเสริม “ฟ้าสวรรค์เปิด เรายืนยันว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเผยพระประสงค์ของพระองค์ให้เป็นที่รู้แก่บุตรธิดาที่รักของพระองค์”3
พระเจ้าทรงสัญญาจะอวยพรสมาชิกศาสนจักรรุ่นแรกผู้เอาใจใส่พระประสงค์ของพระองค์ตามที่ทรงเปิดเผยผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธจริงๆ คำสัญญาเหล่านั้นขยายมาถึงเราเมื่อเราทำตามผู้รับใช้ที่พระเจ้าทรงเลือกในปัจจุบัน “ประตูแห่งนรกจะเอาชนะเจ้าไม่ได้; แท้จริงแล้ว, และพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้พลังแห่งความมืดกระจายไปต่อหน้าเจ้า, และทำให้ฟ้าสวรรค์สั่นสะเทือนเพื่อความดีของเจ้า, และรัศมีภาพของพระนามของพระองค์” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:6)
หลักคำสอนที่แท้จริง
สิ่งหนึ่งที่เด็กหนุ่มโจเซฟ สมิธเรียนรู้ในป่าศักดิ์สิทธิ์เมื่อ 200 ปีก่อนคืออาจารย์สอนศาสนาในสมัยของท่านสอน “บัญญัติของมนุษย์เป็นหลักคำสอน, โดยมีรูปแบบของความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า, แต่พวกเขาปฏิเสธอำนาจในนั้น” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:19)
เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ความไม่สมบูรณ์ทางศาสนา” คล้ายๆ กันในสมัยของเรา “ทำให้บางคนหิวโหยและไม่สมหวัง” และ “ความไม่พอใจ [ด้านหลักคำสอน] หลายอย่างเหล่านั้นกำลังนำบางคนออกห่างจากสถาบันทางศาสนาแบบดั้งเดิม”4
สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้คือหลักคำสอนอันหอมหวานของการช่วยให้รอดที่พบในความชัดเจนและความสมบูรณ์ในพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู
หลักคำสอนที่แท้จริงพบในพระคัมภีร์มอร-มอน ซึ่งกอปรด้วย “ความสมบูรณ์แห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ถึงคนต่างชาติและถึงชาวยิวด้วย” (หลักคำสอนและพันธ-สัญญา 20:9) “พระคัมภีร์มอรมอนสอนจุดประสงค์ของชีวิตและอธิบายหลักคำสอนของพระคริสต์อันเป็นศูนย์รวมต่อจุดประสงค์นั้น … พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานว่ามนุษย์ทุกคนเป็นบุตรธิดาของพระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก พระองค์ทรงมีแผนศักดิ์สิทธิ์สำหรับชีวิตเรา และพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ตรัสวันนี้ดังเช่นในสมัยโบราณ”5
หลักคำสอนที่แท้จริงพบในพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญาซึ่งศาสดาพยากรณ์ท่านหนึ่งเรียกว่า “ห่วงเชื่อมระหว่างพระคัมภีร์มอรมอนกับงานต่อเนื่องของการฟื้นฟูผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและผู้สืบตำแหน่งต่อจากท่าน”6
หลักคำสอนที่แท้จริงพบเช่นกันในคำสอนของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกยุคปัจจุบันที่พระเจ้าทรงเรียกในสมัยของเราให้ปกป้องเราจากการหลอกลวง เรารู้ว่าสิ่งที่พวกท่านพูดภายใต้อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระประสงค์ พระดำริ พระคำ และสุรเสียงของพระเจ้า (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 68:4)
หลักคำสอนที่แท้จริงดลใจ เพิ่มพลัง และปลอบโยนเพราะอัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์ เปิดเผยแผนแห่งความรอด และเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์
ฐานะปุโรหิตและศาสนพิธี
พระเจ้าทรงเชื้อเชิญให้เราทุกคนมาหาพระองค์และศาสนจักรของพระองค์ มารับศาสนพิธีแห่งความรอด7 ศาสนพิธีจำเป็นต่อศาสนจักรที่แท้จริงของพระเจ้า เช่นเดียวกับสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตจำเป็นต่อการประกอบศาสนพิธี
นอกจากนี้ คนที่มองหาศาสนจักรที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ควรคาดว่าพระเจ้าทรงกำหนดเงื่อนไขของบัพติศมาที่ถูกต้อง (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:37, 71–74) และหน้าที่ของสมาชิกหลังจากพวกเขารับบัพติศมา (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:68–70) พวกเขาควรคาดว่าจะพบการปฏิบัติศาสนกิจโดยสมาชิกธรรมดาและหน้าที่ของผู้ปฏิบัติศาสนกิจที่เป็นสมาชิกธรรมดาเหล่านั้น และพวกเขาควรคาดหวังโอกาสที่จะได้ปฏิบัติศาสนกิจเฉกเช่นพระผู้ช่วยให้รอดทรงปฏิบัติ (ดู หลักคำสอนและพันธ-สัญญา 20:38–67; ดู โมไซยาห์ 18:8–10; โมโรไน 6:4 ด้วย)
การปฏิบัติศาสนกิจในศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูทำให้เราต่างจากคนอื่นๆ การรับใช้ในฐานะปุโรหิตหมายถึงการปฏิบัติศาสนกิจต่อทุกคน รวมถึงคนที่นับถือศาสนาอื่นด้วย การปฏิบัติศาสนกิจเป็นพรทั้งแก่ผู้ปฏิบัติและผู้รับการปฏิบัติ
สุดท้าย คนที่มองหาศาสนจักรที่แท้จริงของพระเจ้าควรคาดว่าจะพบสิทธิอำนาจและศาสนพิธีฐานะปุโรหิตที่สามารถผูกครอบครัวไว้ชั่วนิรันดร์
“พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ได้รับการฟื้นฟูบนแผ่นดินโลกหมายความว่าอย่างไรสำหรับท่าน?” ประธานเนลสันถามระหว่างการประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายนปี 2020 “หมายความว่าท่านกับครอบครัวสามารถผนึกด้วยกันชั่วนิรันดร์! หมายความว่าเพราะท่านได้รับบัพติศมาโดยผู้มีสิทธิอำนาจจากพระเยซูคริสต์และได้รับการยืนยันเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระองค์แล้ว ท่านจึงสามารถมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อนตลอดเวลา … หมายความว่าอำนาจฐานะปุโรหิตจะเป็นพรให้ท่านได้เมื่อท่านรับศาสน-พิธีที่จำเป็น ทำและรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า”8
นับเป็นพรอย่างยิ่งที่ได้เป็นสมาชิกของศาสนจักรที่กำลังเติบโตและนำโดยศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกที่มีชีวิตอยู่ ขอเราอย่ามองข้ามการนำทางของพระเจ้า ศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์ พลังอำนาจของฐานะปุโรหิต และศาสนพิธีที่เป็นพรแก่เราเวลานี้และในนิรันดร