คำสรรเสริญครูใหญ่เซมินารี
เรามักจะเป็นพรให้ชีวิตผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
เจอร์รี่ สามีของฉัน มีสุขภาพไม่ดีมาหลายปีแล้วขณะที่เขาเป็นครูใหญ่เซมินารีของวอร์ดที่พบกันในอาคารประชุม ฉันไม่คิดว่าจะมีใครรู้ว่าการที่เขาต้องตื่นแต่เช้าทุกวันนั้นยากแค่ไหน—โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวที่มืดและหนาวเย็น—และไปที่อาคารของเรา ในเวลาต่อมาเขาก็เสียชีวิต
หลายปีหลังจากเจอร์รีล่วงลับไปแล้ว ฉันรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้รับจดหมายที่น่าประทับใจจากหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งย้ายออกไปเมื่อหลายปีก่อน เธอแนบจดหมายมาพร้อมกับการ์ดงานแต่งงานของเธอ จดหมายบอกว่า:
“ดิฉันชื่นชมสามีของคุณและรู้สึกเศร้ามากที่ได้ยินว่าเขาจากไปแล้ว เขาเป็นครูใหญ่เซมินารีที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา ทุกเช้าเขาจะรออยู่ระหว่างประตู คอยเปิดประตูและกล่าวอรุณสวัสดิ์กับทุกคน หลังเลิกเรียน เขาจะเปิดประตูอีกครั้งและพูดว่า ‘ขอให้เป็นวันที่ดีที่โรงเรียน!’
“ดิฉันทำให้แน่ใจเสมอว่าได้กล่าวคำขอบคุณและบอกเขาเป็นครั้งคราวว่าเราซาบซึ้งใจมากเพียงใดที่มีเขา ดิฉันรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเมื่อมีเขาอยู่ที่นั่น
“เขาอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ และทุกคนรับรู้ได้ถึงความเมตตาของเขา ดิฉันคิดว่าการเข้าเรียนของดิฉันดีขึ้นเพราะดิฉันไม่ต้องการให้บราเดอร์เบอร์เกวินต้องรออยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเฝ้าคิดว่าดิฉันกำลังไปหรือดิฉันมาสาย เขาเป็นคนที่น่าทึ่งและเราจะจดจำเขาอยู่เสมอ”
ฉันมั่นใจว่าเจอร์รีคงคิดไม่ถึงว่าในอีกหลายปีต่อมาจะยังคงมีใครคิดถึงเขาอยู่ แต่หญิงสาวผู้นึกถึงคนอื่นคนนี้ยังคงคิดถึงเขาอยู่ และเธอยังใจดีพอที่จะส่งจดหมายที่งดงามฉบับนี้ให้ฉันซึ่งฉันรู้สึกขอบคุณที่ได้รับ
เพลงสวด “คนที่ชี้นำทำเราดีขึ้น” (บทเพลงที่ 123) เริ่มต้นด้วยประโยคเหล่านี้:
คนที่ชี้นำทำเราดีขึ้น
สะท้อนคืนถึงมหาเมตตา
พระองค์ทรงส่งพรจากเมืองฟ้า
ทางวาจากับกรรมจากคนรัก
ฉันเลือกเพลงสวดเพลงนี้ในพิธีศพของเจอร์รีเพราะฉันเชื่อว่าเรามักจะเป็นพรให้ชีวิตผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว ฉันรู้ว่าเจอร์รีเป็นพรแก่หลายๆ ชีวิตด้วยความเอื้ออาทร การรับใช้ และความรักของเขา