2023
การเป็นผู้คนแห่งไซอัน
กุมภาพันธ์ 2023


“การเป็นผู้คนแห่งไซอัน,” เลียโฮนา, ก.พ. 2023.

การเป็นผู้คนแห่งไซอัน

ขณะเราผูกมิตรกับผู้อื่นจากภูมิหลังที่แตกต่าง เรารับรู้ว่าประสบการณ์และมรดกมากมายของพวกเขาช่วยเติมเต็มวอร์ดและชุมชนของเรา

ผู้สอนศาสนากับกลุ่มคนที่โบสถ์

ภาพถ่ายเอื้อเฟื้อโดยผู้เขียน

สองสามปีที่ผ่านมาเราได้รับพรในการรับใช้และแบ่งปันพระกิตติคุณกับผู้ลี้ภัยชาวแอฟริกาหลายคนที่อาศัยอยู่ในเมืองสโปแคน วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ก่อนถึงสหรัฐ พวกเขาหลายคนได้เห็นความสยดสยองของสงคราม ขาดแคลนอาหาร และครอบครัวถูกบังคับให้แยกจากกันในประเทศบ้านเกิด ได้แก่ รวันดา บุรุนดี เคนยา ยูกันดา แทนซาเนีย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก

เรารู้ว่าไม่ได้มีผู้ลี้ภัยอยู่ในพื้นที่ของทุกวอร์ดทั่วโลก แต่ทุกวอร์ดและสาขามีผู้คนจากภูมิหลังที่แตกต่าง และเราทุกคนกำลังพยายามเต็มที่ในการรวบรวมอิสราเอลและเสริมสร้างไซอันในที่ซึ่งเราอาศัยอยู่ เราขออธิบายว่า “รัก เชื้อเชิญ แบ่งปัน”1 เป็นอย่างไรสำหรับเราขณะเราแบ่งปันประสบการณ์บางอย่างในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เราเชื่อว่าหลักธรรมเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับวอร์ดทั่วโลก

การรับใช้

เช่นเดียวกับแอมันและบุตรชายคนอื่นๆ ของโมไซยาห์ในงานเผยแผ่ของพวกเขาต่อชาวเลมัน เราต้องการให้การรับใช้ของเราต่อยอดจากแรงจูงใจที่จะช่วยให้คนอื่นๆ รู้สึกถึงความรักของพระคริสต์ที่ทรงมีต่อพวกเขา (ดู โมไซยาห์ 28:1–3; แอลมา 26:15) ดังที่ครั้งหนึ่งเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวว่า: “คำสวดอ้อนวอนได้รับคำตอบ … เกือบทุกครั้ง … โดยพระผู้เป็นเจ้าทรงใช้คนอื่น ผมหวังว่าพระองค์จะทรงใช้เรา ผมสวดอ้อนวอนว่าเราจะเป็นคำตอบให้คำสวดอ้อนวอนของคนอื่น”2

นยาฟูราฮา มูคูชาคา จากประเทศบุรุนดีถึงเมืองสโปแคนในเดือนมิถุนายน ปี 2019 ไม่นาน เธอเริ่มทำงานในโรงงานกระจกตั้งแต่หกโมงเช้าทุกวัน กำหนดการเดินรถประจำทางเที่ยวเช้าทำให้เธอไปทำงานไม่ตรงเวลา เป็นเวลาสี่เดือนในช่วงที่เธอเตรียมทำใบขับขี่ สมาชิกศาสนจักรจะตื่นนอนประมาณตีสี่ครึ่งทุกเช้าเพื่อขับรถไปรับเธอที่บ้านแล้วพาเธอไปส่งที่ทำงาน เธอแบ่งปันประสบการณ์นี้กับคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายซึ่งมาถึงเมืองสโปแคนในเดือนสิงหาคม ปี 2021 คุณพ่อของเธอ วินเซนต์ เริ่มสนใจพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูเมื่อเขาพยายามค้นหาว่าใครเต็มใจรับใช้ลูกสาวของเขา วินเซนต์เข้าร่วมศาสนจักรในเดือนพฤศจิกายน ปี 2021

คายิเตซิ มูโฮราเคเยกับลูกสาว ดิวิน เริ่มเดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกผ่านรวันดา มาถึงเมืองสโปแคนในเดือนมกราคม ปี 2021 เพื่อหางานทำและที่อยู่สำหรับครอบครัวที่มีลูกเจ็ดคนของพวกเขาจะย้ายมาจากเทกซัสได้ สมาชิกศาสนจักรช่วยพวกเขาหาบ้านและย้ายบ้าน จากนั้นมีสมาชิกครอบครัวนี้สี่คนเข้าร่วมศาสนจักร

วิธีรักและช่วยเหลือพี่น้องของเราที่มาจากแอฟริกามีหลากหลายวิธีและอาจปรับให้เหมาะสมกับตารางเวลาของใครก็ได้ที่เต็มใจช่วยเหลือ เพื่อนของเราจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษ ไปร้านขายของชำ การลงทะเบียนลูกๆ เข้าเรียน หัดขับรถ เปิดบัญชีธนาคาร ฝึกทำอาหารอเมริกัน และอื่นๆ อีกมากมาย เราแสวงหาโอกาสอย่างแข็งขันแทนที่จะรอให้คนมาขอความช่วยเหลือหรือรอจนกว่าเราสะดวกที่จะช่วย

ผู้ใหญ่ชายและเยาวชนชายในชุดบัพติศมา

บราเดอร์ฮูเบอร์และเฮนรีย์ ราชีดีก่อนบัพติศมาของเฮนรีย์ สมาชิกวอร์ดและผู้สอนศาสนาทำงานร่วมกันในการสอนและผูกมิตร

งานเผยแผ่ศาสนาทั้งแบบพบปะกันต่อหน้าและทางออนไลน์

เมื่อผู้ลี้ภัยที่พูดภาษาสวาฮีลีเหล่านี้เริ่มมาโบสถ์ เราจำเป็นต้องมีผู้สอนศาสนาที่พูดได้ทั้งภาษาสวาฮีลีและภาษาอังกฤษ ผู้สอนศาสนาในวอร์ดเริ่มเรียนภาษาสวาฮีลี แต่เรียนได้ช้าเพราะไม่มีผู้พูดภาษานี้เป็นภาษาถิ่น ในเดือนมีนาคม ปี 2019 หัวหน้าคณะเผยแผ่สโปแคน วอชิงตันไปรับผู้สอนศาสนาใหม่จากสนามบิน เมื่อประธานคณะเผยแผ่กับภรรยาทักทายเอ็ลเดอร์โนเอล โคเฮน ทั้งคู่สังเกตว่าในหนังสือแนะนำตัวผู้สอนศาสนาของเขาระบุไว้ว่าเขาพูดสวาฮีลีได้ “เอ็ลเดอร์ครับ คุณพูดสวาฮีลีได้ดีแค่ไหน” พวกท่านถาม

เอ็ลเดอร์โคเฮนตอบว่าสวาฮีลีเป็นภาษาถิ่นของเขา เขาอพยพจากเคนยามาอยู่สหรัฐเมื่อปีก่อน จากนั้นเอ็ลเดอร์โคเฮนก็ใช้เวลาตลอดงานเผยแผ่ของเขาในวอร์ดของเรา เขากับคู่ที่ซื่อสัตย์อีกหลายคนทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยที่จะรักและเชื้อเชิญผู้ลี้ภัยและผู้อพยพที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้หลายคนให้เรียนรู้พระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู ด้วยความสำนึกคุณในความช่วยเหลือของสมาชิกวอร์ด เอ็ลเดอร์โคเฮนกล่าวว่า “เราสอนมากมาย แต่โดยส่วนใหญ่สมาชิกเป็นฝ่ายผูกมิตร” (เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบการณ์ของเอ็ลเดอร์โคเฮนใน หน้า 25)

กลุ่มคนกับเอ็ลเดอร์โคเฮนที่โบสถ์

เราเรียนรู้ว่าพระเจ้าทรงรู้วิธีรวบรวมบุตรธิดาของพระองค์ดีกว่าเรามาก เมื่อเรารุดหน้าไปและลงมือทำด้วยศรัทธาที่เป็นหนึ่งเดียวกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงดลใจและนำทางเรา บ่อยครั้งในวิธีที่แตกต่างจากสิ่งที่เราคาดไว้

เมื่อโควิด-19 จู่โจมในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2020 เราทุกคนต่างกังวลถึงวิธีที่จะทำงานต่อไป ผู้ลี้ภัยชาวแอฟริกาเป็นคนที่ชอบสังสรรค์และอบอุ่นที่สุด ดังนั้นการแยกกักตัวจึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา การชุมนุมกลุ่มใหญ่ในบ้านของสมาชิกและเพื่อนชาวแอฟริกาหายไป ในเดือนพฤษภาคม ปี 2020 เราจัดให้มีการอดอาหารร่วมกันเป็นวอร์ดและสวดอ้อนวอนพระบิดาบนสวรรค์เพื่อทรงอวยพรแก่ชีวิตของเพื่อนชาวแอฟริกาของเราทั้งทางโลกและทางวิญญาณ และช่วยพวกเขามาหาพระคริสต์

ผู้สอนศาสนาของเราเริ่มการสอนทางออนไลน์เช่นเดียวกับที่ใช้กันทั่วโลก พวกเขาเริ่มใช้เพจเฟซบุ๊กเกี่ยวกับศาสนจักรในภาษาสวาฮีลี

ไบรอัน แมคแคนน์ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าเผยแผ่วอร์ดของเรากล่าวว่า “ขณะเราอดอาหารขอให้พระเจ้าทรงช่วยงานเผยแผ่ศาสนาในภาษาสวาฮีลี เรานึกในใจว่านั่นหมายถึงงานสอนศาสนาในภาษาสวาฮีลีในเมืองสโปแคน แต่พระเจ้าทรงแสดงให้เราได้เห็นจริงๆ เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในช่วงโควิด-19 และเหตุการณ์คาดไม่ถึงเมื่อเอ็ลเดอร์มาบอกเราว่า ‘เราสอนคนนี้ในนอร์เวย์ คนนี้ในยูกันดา และคนนี้ในเคนยา’”

ซิฟา ผู้ลี้ภัยชาวแอฟริกาอาศัยอยู่ในนอร์เวย์ พบเพจเฟซบุ๊กและเริ่มเรียนบทเรียนทุกเช้าตรู่ตามเวลาของสโปแคน ซิฟาติดต่อผู้สอนศาสนาในท้องที่ของเธอ และด้วยความช่วยเหลือของผู้สอนศาสนาในสโปแคน เธอเรียนรู้เกี่ยวกับพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู เธอกับลูกชายรับบัพติศมาในนอร์เวย์เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2020 ซิฟารู้จักผู้คนในยูกันดาจากช่วงเวลาที่เธอเป็นผู้ลี้ภัยที่นั่น และไม่นานเราก็อยู่ในระหว่างการสอนผู้คนในค่ายผู้ลี้ภัยชาวยูกันดาถึง 20 คน

มิตรภาพและการต้อนรับผู้อื่น

หนึ่งในหัวหน้าเผยแผ่คนก่อนๆ ของเราออกมาใช้สโลแกนที่ฝังใจสมาชิกวอร์ด: “เราคือผู้คนที่เป็นมิตรที่สุดในศาสนจักร”

ในปี 2019 เราจัดกิจกรรมค่ำคืนการแสดงวัฒนธรรมแอฟริกันเพื่อเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเพื่อนชาวแอฟริกาของเราและความสนใจของพวกเขา คิมเบอร์ลีย์ แมคแคนน์กล่าวว่า “เรานำไก่ทอดมาส่วนหนึ่ง และพวกเขานำอาหารตามวัฒนธรรมของพวกเขา พวกเขาร้องเพลงและเต้นรำ และนั่นเป็นกิจกรรมที่สนุกมาก”

ไบรอัน แมคแคนน์กล่าวว่า “ผมคิดว่าไม่ว่าใครที่ได้ใช้เวลากับเพื่อนชาวแอฟริกาของเรา คนๆ นั้นจะรู้ว่าพวกเขาน่ารักและใจดีมากแค่ไหน และคุณต้องการอยู่กับคนที่มีนิสัยแบบนั้น เราจะพลาดช่วงเวลาแห่งมิตรภาพและความเป็นกันเองรวมถึงการผูกมิตรเป็นเวลาหลายเดือนและหลายปีถ้าเรารอจนกว่าพวกเขาจะรับบัพติศมา เราต้องการเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตพวกเขาตอนนี้ พวกเขามีเรื่องมากมายที่จะสอนเราเกี่ยวกับคุณลักษณะของการเป็นเหมือนพระคริสต์”

บางทีสิ่งสำคัญที่สุดคือผู้คนจำเป็นต้องรู้สึกว่าพวกเขาได้พบครอบครัวแล้วที่นี่ในท่ามกลางวิสุทธิชนที่มาประชุมกัน สมาชิกวอร์ดหลายคนเริ่มเรียนภาษาสวาฮีลีเพื่อเชื่อมโยงและสานสัมพันธ์กับเพื่อนชาวแอฟริกาของเราได้มากขึ้น สมาชิกวอร์ดและเพื่อนชาวแอฟริกาของเราเริ่มเปิดบ้านของตนให้กัน เรื่องนี้สำคัญมากต่อผู้ลี้ภัยหลายคนที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัวของตนหรือสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไปในสงคราม

นชิมียานา อดอลฟีและคนอื่นๆ ที่โบสถ์

ตัวอย่างเช่น นชิมียานา อดอลฟี สูญเสียทั้งพ่อและแม่จากเหตุการณ์รุนแรงในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกแล้วกลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุหกขวบ 20 ปีต่อมา ในเดือนสิงหาคม ปี 2021 เขามาถึงเมืองสโปแคนในฐานะผู้ลี้ภัย ขณะฉลองคริสต์มาสในบ้านสมาชิกคนหนึ่งในฐานะผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสใหม่ เขากล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตผมที่รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว”

โมเสส ลวาคิฮูโก จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สูญเสียพ่อในสงครามเมื่อ ปี 1997 โมเสสอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยนานกว่า 10 ปี ขณะนี้เป็นผู้นำฐานะปุโรหิตในกลุ่มสวาฮีลีในวอร์ดของเรา เขากล่าวว่า “ผมสังเกตเห็นสิ่งที่แตกต่างในสมาชิกศาสนจักร พวกเขาดำเนินชีวิตตามสิ่งที่สอนอย่างแท้จริง ในโบสถ์อื่นๆ ที่ผมเคยเป็นสมาชิก ไม่มีใครมาเยี่ยมผม ในวอร์ดนี้ ผู้คนนัดมาเยี่ยมและนำอาหารมาเมื่อครอบครัวผมป่วย ผมไม่เคยเห็นโบสถ์ไหนที่เปี่ยมด้วยความรักเช่นนี้”

ผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสกับครอบครัวและเพื่อนๆ ที่โบสถ์

ขณะโมเสสกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู เขาโทรหามาโรยี พี่เขยของเขาแล้วเล่าเรื่องศาสนจักรให้ฟัง มาโรยีอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในบุรุนดีกล่าวว่า “เราต้องมีศาสนจักรนี้ในบุรุนดี” ไม่นานโมเสสเริ่มสอนพี่สาวและพี่เขยทางโทรศัพท์พร้อมผู้สอนศาสนา พี่สาวและพี่เขยของโมเสสรับบัพติศมาพร้อมคนอื่นๆ อีกแปดคนในบุรุนดี ในวันเดียวกันโมเสสรับบัพติศมาในเมืองสโปแคน กลุ่มในบุรุนดีเติบโตขึ้นมากจนกระทั่งพวกเขาจำเป็นต้องมีอาคารอีกหลังหนึ่งเพื่อรองรับผู้คนทั้งหมดที่มาทุกวันอาทิตย์

พระหัตถ์พระเจ้านำทางงานนี้ และประสบการณ์ของวูมิลิยา แทม-บเวแสดงให้เห็นเช่นนั้น เดือนกันยายน ปี 2016 เธออยู่ที่บ้าน เมื่อซิสเตอร์ผู้สอนศาสนามาเคาะประตู ห้าปีก่อน วูมิลิยาอพยพจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกผ่านทางประเทศเคนยามาอยู่สหรัฐ เธอสนทนากับซิสเตอร์ทั้งสองด้วยความมีน้ำใจแต่ไม่สนใจข่าวสารของพวกเธอ

ต่อมาตอนค่ำ ซิสเตอร์ทั้งสองไปรับประทานอาหารที่บ้านของครอบครัวสมาชิกที่เพิ่งรับเป็นครอบครัวเจ้าบ้านสำหรับผู้ลี้ภัย เนื่องด้วยความแตกต่างด้านภาษา ครอบครัวผู้ลี้ภัยและครอบครัวเจ้าบ้านสื่อสารกันไม่ได้ ครอบครัวผู้ลี้ภัยมีผื่นขึ้นทั้งตัว และครอบครัวเจ้าบ้านไม่รู้จะช่วยพวกเขาอย่างไร เมื่อพวกเขาบอกซิสเตอร์ผู้สอนศาสนาเกี่ยวกับปัญหานี้ ทั้งสองบอกครอบครัวสมาชิกว่าเพิ่งพบกับสตรีคนหนึ่งชื่อวูมิลิยาพูดได้ทั้งภาษาสวาฮีลีและภาษาอังกฤษ ผู้สอนศาสนากลับไปขอความช่วยเหลือจากเธอ วูมิลิยารู้ว่าพวกเขาผื่นขึ้นเพราะเอาครีมโกนหนวดมาทาตัวแทนโลชั่น

ครอบครัวเจ้าบ้านกับวูมิลิยากลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พวกเขาจัดงานเลี้ยงสัญชาติให้วูมิลิยาในเดือนมกราคม ปี 2017 วูมิลิยาเริ่มการเดินทางของเธอสู่การเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเพราะประสบการณ์ของมิตรภาพที่แท้จริงจากสมาชิกศาสนจักร

อีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่ในงานนี้เกิดขึ้นก่อนวันขอบคุณพระเจ้า ปี 2018 ไดแอนน์ รอสส์รู้สึกได้รับการกระตุ้นเตือนให้ไปที่ร้านขายของชำ ที่นั่น เธอสังเกตเห็นครอบครัวแอฟริกาที่กำลังมีปัญหากับเครื่องเอทีเอ็ม ครอบครัวรูซิมูคากับครอบครัวลวาคิฮูโกอพยพมาจากค่ายผู้ลี้ภัยในบุรุนดีไม่นานมานี้ ซิสเตอร์รอสส์ช่วยทั้งสองครอบครัวเรื่องของชำและเชิญพวกเขามารับประทานอาหารมื้อค่ำในวันขอบคุณพระเจ้า ไม่นาน ครอบครัวรอสส์ ลวาคิฮูโก และรูซิมูคา เป็นเพื่อนสนิทกัน

ผู้คนรวมตัวกันที่ด้านนอกโบสถ์

นมัสการด้วยกัน

ขณะที่การรวมตัวกันอย่างเป็นทางการของศาสนจักรกลับมาอีกครั้งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กฎหมายรัฐวอชิงตันอนุญาตให้คนรวมตัวกันได้เพียง 25 เปอร์เซ็นต์ของความจุอาคาร นี่หมายความว่าวอร์ดของเราจะต้องจัดการประชุมศีลระลึกสี่ช่วงเพื่อรองรับสมาชิกได้ทุกคน เราตัดสินใจจัดหนึ่งในสี่ของการประชุมศีลระลึกเหล่านี้ในภาษาสวาฮีลี

ในเดือนกันยายน ปี 2020 เราและคู่สามีภรรยาอีกหลายคู่ได้รับเรียกให้รับใช้ในฐานะผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์โดยทำงานกับผู้ลี้ภัยชาวแอฟริกาที่พูดภาษาสวาฮีลีในเมืองสโปแคน พันธกิจของเราคือบำรุงเลี้ยงความรู้สึกของความรัก การยอมรับ และความเป็นเพื่อนกับผู้ลี้ภัยชาวแอฟริกาและช่วยเพื่อนเหล่านี้ให้เข้ามาในชุมชนของเรา

ในเดือนมกราคม ปี 2021 ผู้นำสเตคจัดตั้งกลุ่มสวาฮีลีอย่างเป็นทางการโดยมีสมาชิกที่บัพติศมาแล้วสามคนกับคนอื่นๆ อีกหลายคนที่เข้าประชุม การประชุมศีลระลึกได้รับการแปลทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาสวาฮีลี นอกจากนี้เรายังแบ่งชั้นเรียนเยาวชนและปฐมวัยกับวอร์ดที่เราดูแล พี่น้องชายหญิงเหล่านี้ ไม่ว่าจะมาจากค่ายผู้ลี้ภัยหรือจากส่วนอื่นๆ ของแอฟริกาต่างมีเรื่องราวสำคัญและมีความหมายที่จะแบ่งปัน การประชุมศีลระลึกเปิดโอกาสอันทรงคุณค่าให้ได้ฟังเรื่องที่ว่าศรัทธาช่วยเพื่อนชาวแอฟริกาของเราเอาชนะความยากลำบากแสนสาหัสได้อย่างไร เพื่อนจากแอฟริกาของเรามาพร้อมกับมรดกอันล้ำค่า และความรักดนตรีกับการร้องเพลงเป็นส่วนที่ทำให้การประชุมศีลระลึกมีคุณค่ายิ่งขึ้น

เราเห็นแบบอย่างที่น่าทึ่งของความกล้าหาญและการปรับตัวเมื่อเผชิญหน้ากับความยากลำบาก เราเห็นการให้อภัย ความรัก คุณความดี และประหลาดใจกับแบบอย่างของศรัทธาที่พวกเขามีต่อพระเยซูคริสต์ ผู้ลี้ภัยที่มาจากแอฟริกาจำนวนมากพึ่งพาศรัทธาในการเอาชนะการทดลอง ขณะที่เราพยายามเรียนรู้ภาษาและช่วยพวกเขาปรับเส้นทางชีวิตในประเทศใหม่ มิตรภาพที่แท้จริงจะบังเกิดขึ้น

บางทีบทเรียนสำคัญที่สุดที่เราทุกคนสามารถเรียนรู้ได้คือขนาดของครอบครัว ความเป็นพี่น้องที่แท้จริงที่ผู้คนมายังวอร์ดของเราจะไม่พบว่าตนเองเป็น “คนนอกและคนต่างด้าวอีกต่อไป แต่เป็นพลเมืองเดียวกับบรรดาธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า” (เอเฟซัส 2:19)