ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาว
ค้นหาความหมายในการรอคอย
พระคริสต์ประทานความเข้มแข็งและพระคุณแก่เราเพื่อให้เรารักในจุดที่เราอยู่และตั้งตารออนาคต
ดิฉันมีพี่สาวห้าคนที่แต่งงานในวัยยี่สิบต้นๆ เมื่อโตขึ้น ดิฉันคาดหวังให้ชีวิตตนเองเป็นเหมือนชีวิตพวกพี่สาว—แต่ก็ไม่เป็นดังนั้น ดิฉันเรียนจบมหาวิทยาลัยโดยที่ไม่มีคู่หมั้นหรือโอกาสมีความสัมพันธ์ที่จริงจัง และเริ่มต้นอาชีพการงาน ย้ายกลับไปอยู่กับพ่อแม่พักหนึ่ง ท่องเที่ยว ซื้อบ้าน มีเพื่อนร่วมห้องที่ยอดเยี่ยม และวางแผนเส้นทางของดิฉันเอง ดิฉันไม่เคยรู้สึกถูกกีดกันเลยในครอบครัว แต่มีหลายครั้งที่ดิฉันรู้สึกโดดเดี่ยวและต้องการสามีและลูกๆ เหมือนที่พี่สาวของดิฉันมี
และนั่นไม่ใช่สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์เพื่อดิฉันด้วยหรือ?
แน่นอนว่าดิฉันไม่โดดเดี่ยวเสมอไป และดิฉันรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งดิฉัน—ดิฉันมีพรอัศจรรย์มากมายในชีวิต ดิฉันสามารถจดจ่อกับสุขภาพจิตและวิญญาณได้ ดิฉันอาสาและพบปะผู้คนที่น่าทึ่ง และมีเวลาและพลังในการรับใช้ในแบบที่พิเศษ เมื่อดิฉันรู้สึกท้อแท้ ดิฉันบอกตนเองเสมอว่าดิฉันกําลังเรียนรู้ เติบโต และพระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักดิฉันดี
คุ้มกับการรอคอย
ในที่สุดดิฉันก็แต่งงานและมันคุ้มค่ากับการรอคอยอย่างยิ่ง ไม่กี่วันหลังจากแต่งงาน ดิฉันมีความคิดที่ชัดเจนมากว่า: “ดิฉันสำนึกคุณอย่างยิ่งกับการรอคอย ดิฉันไม่ขอแลกมันกับอะไรทั้งนั้น”
บอกตามตรงว่าดิฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับช่วงเวลาของการเปิดเผยนี้ ดิฉันไม่อยากพบสามีเร็วกว่านี้หรือ? แต่สําหรับดิฉันแล้ว ดิฉันกลายเป็นคนที่ดีขึ้นและเป็นคู่ครองได้เพราะทั้งหมดที่ดิฉันได้เรียนรู้และประสบขณะรอพรนิรันดร์นี้ ดิฉันคงพลาดการเติบโตมากมายหากไม่มีช่วงเวลานั้น
แน่นอนว่าจังหวะเวลาของคนๆ หนึ่งไม่ได้ดีกว่าหรือแย่กว่าจังหวะเวลาของอีกคนหนึ่ง จังหวะเวลาของการแต่งงานขึ้นอยู่กับท่านและพระผู้เป็นเจ้า และการเติบโตเกิดขึ้นได้ทุกช่วงของชีวิต—ไม่ว่าแต่งงานหรือไม่แต่งงาน มีบุตรหรือไม่มีบุตร ฯลฯ และดิฉันจะยังคงเรียนรู้และเติบโตต่อไป; แน่นอนว่าการแต่งงานไม่ใช่จุดหมายสุดท้ายในการเติบโตและการพัฒนาทางวิญญาณของเรา แต่สําหรับดิฉัน มีประสบการณ์อันสําคัญยิ่งที่คงไม่เกิดขึ้นภายใต้สภาวการณ์อื่นๆ และดิฉันสํานึกคุณที่มันได้หล่อหลอมตัวตนของดิฉัน
ที่สําหรับความพอใจและความหวัง
คืนหนึ่ง หลายปีก่อนที่จะพบสามีในอนาคต ดิฉันบังเอิญเห็นพระคัมภีร์ข้อนี้ในฟีลิปปี “เพราะข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่ ข้าพเจ้ารู้จักความขาดแคลนและรู้จักความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดหรือในทุกกรณี ข้าพเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดลับในการเผชิญความอิ่มท้องและความอดอยาก ความอุดมสมบูรณ์ และความขัดสนแล้ว” (4:11–12)
พระคัมภีร์ข้อนี้ทําให้ดิฉันประหลาดใจ เปาโลเขียนเกี่ยวกับความยากลําบากต่างจากของดิฉันมาก แต่ข่าวสารสําหรับดิฉันคือเป็นไปได้ที่จะมีทั้งสันติและความสุขในสภาวการณ์ปัจจุบัน และ ความหวังสําหรับอนาคต—พร้อมๆ กัน ดิฉันสามารถทั้งอิ่ม และ หิวโหยได้ ดิฉันสามารถดําเนินชีวิตจนเต็มเปี่ยมและสํานึกคุณต่อช่วงเวลาที่ดิฉันต้องเป็นโสด ดิฉันสามารถหวังและพยายามไปสู่การแต่งงาน มีที่ว่างสำหรับทั้งสอง
และสิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร? คำตอบอยู่ในข้อถัดไป: “ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” (ฟีลิปปี 4:13) พระคริสต์ประทานความเข้มแข็งและพระคุณแก่เราเพื่อให้เรารักในจุดที่เราอยู่และตั้งตารออนาคต
การรอคอยไม่สูญเปล่า
ดิฉันกลับไปอ่านพระคัมภีร์เหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งประยุกต์ใช้ได้มากมายมากกว่าแค่การเป็นโสด เราอยู่ในช่วงเวลารอคอยที่ต่างกันตลอดเวลาในชีวิตเรา—การรอคอยพรหรือคําตอบหรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต ตอนนี้ดิฉันกับสามีกำลังรอและหวังว่าจะมีลูก ดิฉันได้เห็นพี่น้องสตรีและเพื่อนๆ ตั้งครรภ์และมีลูกขณะที่เราสวดอ้อนวอนและรอพรเดียวกันนั้น
การรอคอยครั้งนี้ยากและบ่อยครั้งทําให้ใจสลาย แต่มีพรและโอกาสมากมายในเวลาเดียวกัน ดิฉันสามารถเรียนจบปริญญาโท เติบโตในการงานอาชีพ สร้างบ้านที่ครอบครัวและเพื่อนๆ รู้สึกถึงความรักและการต้อนรับ รับใช้ในการเรียกและอาสาสมัครของศาสนจักรต่อไป ตลอดจนแสวงหาการเปิดเผยและการนำทางส่วนตัว ดิฉันกับสามีพยายามใช้เวลานี้เพื่อเป็นคนในแบบ (และหวังว่าในอนาคตจะได้เป็นบิดามารดา) ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ให้เราเป็น เราไม่สามารถย่นเวลารอคอยได้ แต่เราสามารถพยายามไม่ทําให้มันสูญเปล่า
บางครั้งเป็นเรื่องยากที่จะรักษามุมมองนี้ ดังที่เปาโลเขียน บางเวลาเรา “อิ่ม” และบางเวลาเรา “หิว” โดยผ่านพระคริสต์และพระคุณของพระองค์ทำให้เราสามารถรู้สึกทั้งสองอย่างได้ เพื่อค้นหาความสมดุลระหว่างความพึงพอใจและความหวัง ในขณะที่เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตประกอบด้วยการรอคอย ดิฉันพยายามไม่พลาดพรและบทเรียนที่จะมาในเวลาเดียวกัน