การศึกษา—รากฐานที่จําเป็นต่อการทําให้พันธกิจของเราบรรลุผล

โดย มิลตัน คามาร์โก

ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานโรงเรียนวันอาทิตย์สามัญ

จาก “The Education, the Mission, and the World” คําปราศรัยการให้ข้อคิดทางวิญญาณที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์–ฮาวายเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 ดูบทความเต็มเป็นภาษาอังกฤษได้ที่ speeches.byu.edu

โลกจําเป็นต้องรู้ในสิ่งที่ท่านรู้ถึงพรอันประเสริฐที่พระเยซูคริสต์ทรงมอบให้แก่ผู้ที่ติดตามพระองค์

รวมภาพของผู้ที่กําลังศึกษาและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ

พระเจ้าทรงรักท่านและทรงหวังให้ท่านนําแสงสว่างของพระองค์มาสู่ทุกคนที่ท่านปฏิสัมพันธ์ด้วย พระองค์ทรงต้องการให้ชีวิตท่านเป็นดวงประทีปให้มิตรสหายและญาติๆ ของท่าน พระองค์ทรงคาดหวังให้ท่านแสดงประจักษ์พยานถึงการดำรงอยู่จริงของพระบิดาบนสวรรค์—ว่าเราทุกคนเป็นบุตรธิดาที่เป็นวิญญาณของพระองค์ ด้วยเหตุนี้มนุษยชาติทั้งปวงจึงเป็นพี่น้องของเรา พระเจ้าทรงคาดหวังให้ท่านแสดงประจักษ์พยานถึงพระพันธกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์บนโลกนี้เช่นกัน—ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ พระองค์ทรงเคยดํารงอยู่ พระองค์ทรงดํารงอยู่ และพระองค์จะเสด็จมา (ดู หลักคําสอนและพันธสัญญา 68:6)

การศึกษาเป็นความรับผิดชอบทางศาสนา

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันศาสดาพยากรณ์ของเรากล่าวกับคนหนุ่มสาวในเดือนพฤษภาคม 2022 ว่า “การศึกษาสําคัญมาก ข้าพเจ้าถือว่านั่นคือความรับผิดชอบทางศาสนา”¹ พระเจ้าไม่ทรงมองว่าการศึกษานั้นแบ่งแยกและแตกต่างไปจากความเข้มเข็งทางวิญญาณ

อันที่จริง ใน หลักคําสอนและพันธสัญญา 88:77–78 พระองค์ประทานพระบัญญัติให้เรา “สอนกัน” โดยสัญญาว่าพระคุณของพระองค์จะช่วยให้เราเรียนรู้ “สิ่งทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า” และสิ่งเหล่านั้นที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรของพระองค์คืออะไร? รายการใน ข้อ 79 อาจทําให้ท่านประหลาดใจเพราะไม่ได้รวมเฉพาะหัวข้อพระกิตติคุณเช่นศรัทธาและการกลับใจเท่านั้น แต่ยังรวมถึง (ด้วยข้อควรพิจารณาของข้าพเจ้าบางประการสิ่งเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราสามารถศึกษาได้อย่างไร):

“สิ่งต่างๆ … ทั้งในฟ้าสวรรค์”: ดวงดาวและดาวเคราะห์? ชั้นบรรยากาศโลก? ศาสตร์การบิน? (ข้าพเจ้าคิดว่าเอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟคงเห็นด้วยกับข้าพเจ้า!)
“สิ่งต่างๆ … ในแผ่นดินโลก”: การก่อสร้าง? อุตสาหกรรมการผลิต? กระบวนการอุตสาหกรรม? เทคโนโลยีสารสนเทศ? วิทยาศาสตร์สุขภาพและทุกสาขาวิชา? สัตววิทยา? ชีววิทยา? ชีวเคมี? เกษตรกรรม?
“สิ่งต่างๆ … ใต้แผ่นดินโลก”: ธรณีวิทยา? แร่วิทยา? มหาสมุทรศาสตร์? ชีววิทยาทางทะเล?
“สิ่งที่เป็นมา”: ประวัติศาสตร์?
“สิ่งที่เป็นอยู่”: เหตุการณ์ปัจจุบัน? รัฐศาสตร์? สังคมวิทยา? ธุรกิจ? นโยบายสาธารณะ?
“สิ่งที่ต้องบังเกิดขึ้นในไม่ช้า” การพยากรณ์สภาพอากาศ? ประมาณการทางการเงิน? การวิเคราะห์โรคระบาดที่อาจเกิดขึ้น? ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี?
“สิ่งซึ่งอยู่ที่บ้าน”: กิจการบ้านเมือง เช่น การศึกษา ภาษี กฎหมาย โครงการพัฒนาเมืองในท้องที่ และการวางแผนผลิตอาหาร?
“สิ่งซึ่งอยู่ต่างแดน”: การต่างประเทศ? ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ? การทูต?
“สงครามและความไม่ลงรอยกันของประชาชาติ, และการพิพากษาซึ่งอยู่บนแผ่นดิน; และความรู้เรื่องประเทศและอาณาจักรต่างๆ ด้วย”: รูปแบบต่างๆ ของการปกครอง วัฒนธรรม และภาษา? มานุษยวิทยา? ประเพณีด้านศิลปะและวรรณกรรมทั่วโลก?

ว้าว! นั่นเกินกว่าที่เราจะเรียนรู้ได้ในชีวิต (และข้าพเจ้าแน่ใจว่าพระเจ้าทรงต้องการให้เราเรียนรู้มากขึ้นเช่นกัน!)

และเหตุใดพระองค์ทรงต้องการให้เราเรียนรู้ทั้งหมดนี้?

ไม่เพียงเพื่อให้ท่านได้งานดีๆ เท่านั้น—แม้นั่นก็สําคัญต่อพระองค์ แต่วิสัยทัศน์ของพระองค์กว้างไกลกว่านั้น และจุดประสงค์ของพระองค์มีผลนิรันดร์มากกว่านั้น ตามที่อธิบายในข้อ 80: “เพื่อเจ้าจะพร้อมในสิ่งทั้งปวงเมื่อเราจะส่งเจ้าไปอีกเพื่อขยายการเรียกซึ่งในการเรียกนั้นเราเรียกเจ้า, และพันธกิจนั้นซึ่งเรามอบหมายเจ้า”

การศึกษาเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับพันธกิจของเรา

สิ่งนี้ดูเหมือนเป็นจุดประสงค์อันสําคัญยิ่งของการศึกษา—คือเตรียมรับใช้พันธกิจที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่เรา เพื่อเตรียมพร้อมเมื่อพระองค์ทรงส่งเราไปอีกครั้ง

บางท่านอาจพูดว่า “ส่งไปอีกแล้วเหรอ? ฉันเคยรับใช้พันธกิจไปแล้ว พระองค์จะทรงส่งให้ฉันอีกแล้วเหรอนี่?”

ในความเป็นจริงนั้น มีพันธกิจเพียงหนึ่งเดียว ถ้าท่านรับใช้งานเผยแผ่เต็มเวลา นั่นเป็นช่วงเวลาอันน่าอัศจรรย์ของการรับใช้พระเจ้า แต่นั่นไม่ใช่จุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดของงานเผยแผ่ที่พระองค์ทรงส่งท่านมาที่นี่เพื่อให้เกิดสัมฤทธิผล และพันธกิจนั้นคืออะไร? ลองพิจารณาคำอธิบายเหล่านี้จากพระคัมภีร์

“เราจะรังสรรค์แผ่นดินโลกแห่งหนึ่งซึ่งบนนั้น [บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า] จะพำนัก; และพวกเราจะพิสูจน์พวกเขาโดยวิธีนี้, เพื่อดูว่าพวกเขาจะทำสิ่งทั้งปวงไม่ว่าอะไรตามที่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาจะทรงบัญชาพวกเขาหรือไม่” (อับราฮัม 3:24–25)
ทูตสวรรค์ของพระเจ้ากล่าวว่าแก่อาดัมและเอวา “ท่านจะทำทั้งหมดที่ท่านทำในพระนามของพระบุตร, และท่านจะกลับใจและเรียกหาพระผู้เป็นเจ้าในพระนามของพระบุตรตลอดกาลนาน” (โมเสส 5:8) และอาดัมกับเอวา “ทำให้เรื่องทั้งปวงเป็นที่รู้แก่บุตรของพวกท่านและธิดาของพวกท่าน” (โมเสส 5:12)
หลังการฟื้นคืนพระชนม์ พระผู้ช่วยให้รอดตรัสกับเปโตรว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด” (ยอห์น 21:17) และสานุศิษย์ของพระองค์ว่า “เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค” (มัทธิว 28:19–20)
เมื่อพระคริสต์ทรงปรากฏในทวีปอเมริกา พระองค์ตรัสว่า “งานที่เจ้าเห็นเราทํามาแล้วเจ้าจงทําด้วย” (3 นีไฟ 27:21)
ในสมัยของโจเซฟ สมิธ เขากล่าวว่า “บัดนี้ ดูเถิด, งานอัศจรรย์กำลังจะออกมาในบรรดาลูกหลานมนุษย์. ฉะนั้น, โอ้เจ้าที่เริ่มในการรับใช้พระผู้เป็นเจ้า, จงดูว่าเจ้ารับใช้พระองค์ด้วยสุดใจ, พลัง, ความนึกคิด และพละกำลังของเจ้า, เพื่อเจ้าจะยืนอย่างปราศจากข้อตำหนิต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้าในวันสุดท้าย ฉะนั้น, หากเจ้ามีความปรารถนาจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า เจ้าก็ได้รับเรียกมายังงาน” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 4:1–3)
และทุกวันนี้ พระองค์ทรงบอกเราผ่านศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ของพระเจ้า ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันว่า: “การรวบรวมอิสราเอลเป็นงานสําคัญ ที่สุด ที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกทุกวันนี้ องค์ประกอบสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของการรวบรวมนี้คือการเตรียมคนที่สามารถ พร้อม และมีค่าควรให้พร้อมรับพระเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จมาอีกครั้ง คนที่เลือกพระเยซูคริสต์เหนือโลกที่ตกนี้ คนที่ชื่นชมยินดีในสิทธิ์เสรีในการดำเนินชีวิตตามกฎที่สูงกว่าและศักดิ์สิทธิ์กว่าของพระเยซูคริสต์ พี่น้องชายหญิงที่รัก ข้าพเจ้าเรียกร้องให้ท่านเป็นคนชอบธรรม เทิดทูนและให้เกียรติพันธสัญญาของท่านเหนือคำมั่นสัญญาอื่นทั้งหมด … ให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัยในชีวิตท่าน”²

หากข้าพเจ้าสามารถสรุปพันธกิจของเราได้ ข้าพเจ้าคงจะพูดว่า:

เพื่อรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า กฎที่สูงกว่าและศักดิ์สิทธิ์กว่าของพระองค์
เพื่อติดตามพระเยซูคริสต์สุดใจของเรา ทําทุกอย่างในพระนามของพระองค์
และเพื่อทําให้ทั้งหมดเป็นที่รู้แก่บุตรธิดาคนอื่นๆ ของพระผู้เป็นเจ้า โดยรวบรวมพวกเขากลับมาหาพระองค์เพื่อเตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้า

การได้รับการศึกษาจะช่วยท่านเตรียมรับพันธกิจนี้ได้อย่างไร? มีคําตอบที่เป็นไปได้มากมายของคําถามนี้ แต่ต่อไปนี้เป็นความคิดบางประการ:

การเรียนรู้เกี่ยวกับสวรรค์และแผ่นดินโลกจะทําให้ความคารวะของเราต่อพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสร้างสิ่งเหล่านั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การเรียนรู้เกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตสามารถเปิดตาเราให้เห็นผลของการเชื่อฟัง—และการไม่เชื่อฟัง—พระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์
เรียนรู้เกี่ยวกับ “ความไม่ลงรอยของประชาชาติ, … ประเทศและอาณาจักรต่างๆ” สามารถทําให้เรามีความละเอียดอ่อนมากขึ้นต่อความแตกต่างทางวัฒนธรรม ยิ่งเรารู้จักใจผู้คนของโลกมากขึ้น—ความต้องการ ค่านิยมของพวกเขา และสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขา—เรายิ่งพร้อมมากขึ้นในการแบ่งปันพระกิตติคุณกับพวกเขาในวิธีที่พวกเขาจะเข้าใจ น้อมรับ และหวงแหน

ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นเต็มที่ว่าท่านและข้าพเจ้าสามารถทําพันธกิจนี้ได้สําเร็จเพราะพระเยซูคริสต์ทรงทําพระพันธกิจของพระองค์สำเร็จมาแล้ว ความสําเร็จของเราขึ้นอยู่กับพระองค์ และพระองค์แน่วแน่ต่อพระพันธกิจที่พระบิดาประทานแก่พระองค์—พันธกิจที่พระองค์เท่านั้นทรงสามารถทําให้สําเร็จได้

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระเยซูคริสต์ทรงทําพระพันธกิจของพระองค์สําเร็จเพื่อท่านจะบรรลุผลสําเร็จในพันธกิจของท่าน “พระองค์บอกทาง เดินนำทางนั้น”³ บัดนี้พันธกิจของท่านคือเดินตามเส้นทางของพระองค์—เส้นทางพันธสัญญา—และทําให้เป็นที่รู้แก่ทุกคน เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อ “ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นที่รู้แก่ผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินโลก” (2 นีไฟ 2:8) จงทําให้เป็นที่รู้แก่ลูกหลานของท่าน, ต่อพี่น้องของท่าน, ต่อลูกแกะของพระเจ้า, ต่อประชาชาติทั้งปวง—แม้จนถึงการสิ้นสุดของโลก ทําให้เป็นที่รู้โดยคําพูดและโดยแบบอย่าง แบ่งปันและดําเนินชีวิตตามสิ่งที่ท่านรู้เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด ทําให้เป็นที่รู้โดยการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าและบุตรธิดาของพระองค์ด้วยสุดใจ พลัง ความนึกคิด และพละกําลังของท่านในงานอันยอดเยี่ยมนี้ของการรวมอิสราเอล ในการเตรียมคนที่สามารถ เตรียมพร้อม และมีค่าควรรับพระเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา

มาตรการป้องกันโลก

นี่คือพันธกิจของท่าน และพันธกิจนี้เป็นพันธกิจที่ดีเยี่ยมโดยแท้จริง โลกต้องการสิ่งที่ท่านให้ได้ในฐานะผู้ติดตามพันธสัญญาของพระคริสต์ ความท้าทายที่ท่านจะเผชิญคือท่านจะต้องอยู่ในโลกนั้นขณะทําพันธกิจสําคัญของท่านให้เกิดสัมฤทธิผลเช่นกัน และเป็นโลกที่ซับซ้อน ที่ปฏิปักษ์ใช้อาวุธที่แยบยล พยายามหลอกท่าน ทําสิ่งผิดดูเหมือนถูก หรือค่อยๆ บิดเบือนสิ่งที่ถูกในตอนแรกจนกลายเป็นสิ่งผิด

เอ็ลเดอร์ เดวิด เอ. เบดนาร์ แห่งวโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวไว้ในการประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2022 ว่า “ในความยุ่งเหยิงของชีวิตประจำวันและในความวุ่นวายของโลกร่วมสมัยที่เราอยู่ เราอาจหันเหไปจากสิ่งนิรันดร์ที่สำคัญที่สุดด้วยการทำให้ความพอใจ ความรุ่งเรือง ความนิยม และความมีชื่อเสียงเป็นความสำคัญอันดับต้นๆ ของเรา”⁴

สิ่งนี้เกิดขึ้นในชีวิตของเราได้อย่างไร? เรื่องราวเป็นไปทำนองนี้:

เราซื้อรองเท้าสีดําคู่หนึ่งไว้ทํางาน เมื่อเวลาผ่านไป เราต้องมีคู่สีน้ำตาลสําหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ จากนั้นเราต้องมีคู่สีน้ำเงินจับคู่ชุดใหม่ที่เราเพิ่งซื้อมา แต่มันไม่เข้ากับชุดโปรด—รองเท้าสีขาวจะดูดีกว่า ไม่นานเราก็มีรองเท้า 10 หรือ 15 คู่ แต่เรายังมีเท้าเพียงคู่เดียวเท่านั้น!
เราตัดสินใจร่วมกับคู่ครองว่าการใช้เวลาด้วยกันเป็นครอบครัวเป็นสิ่งสําคัญอันดับแรก อย่างไรก็ดี “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” กล่าวว่า “การแต่งงานและครอบครัวที่ประสบความสำเร็จได้รับการสถาปนาและธำรงไว้ด้วยหลักธรรมแห่ง [หลากหลายสิ่ง] และกิจกรรมนันทนาการที่ดีงาม” เราจึงตัดสินใจว่าทุกปีครอบครัวเราจะออกไปเที่ยวที่แห่งใหม่ที่น่าตื่นเต้น เมื่อเวลาผ่านไป การเดินทางเริ่มไกลขึ้น การท่องเที่ยวขยายไปถึงวันอาทิตย์ ไปยังสถานที่ซึ่งไม่มีโบสถ์ให้เข้าร่วมการประชุมวันอาทิตย์ แล้วค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้น สุดท้ายแล้วเราก็จ่ายทุกอย่างที่เรามี—รวมไปถึงสิ่งที่เราไม่มีด้วย! ข้าพเจ้าคิดว่าคุณเคยได้ยินประโยคนี้ “เราซื้อสิ่งที่เราไม่ต้องการ ด้วยเงินที่เราไม่มี เพื่อสร้างความประทับใจให้คนที่เราไม่ชอบ!” แต่เรากลับลงภาพถ่ายทั้งหมดไว้ในหน้าโซเชียลมีเดียของเรา และเราหวังว่าจะมีคนกดไลค์มากมาย!

ประธานเนลสันพูดถึงความท้าทายนี้เมื่อท่านกล่าวว่า: “ชนะโลกหมายถึงอะไร?” หมายถึงการเอาชนะการล่อลวงให้ใส่ใจเรื่องทางโลกนี้มากกว่าเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า หมายถึงการวางใจหลักคำสอนของพระคริสต์มากกว่าปรัชญาของมนุษย์ หมายถึงการเบิกบานในความจริง ปฏิเสธการหลอกลวง และเป็น ‘ผู้ติดตามที่ถ่อมตนของพระคริสต์’ หมายถึงการเลือกละเว้นสิ่งใดก็ตามที่ขับพระวิญญาณออกไป หมายถึงการเต็มใจ ‘ทิ้ง’ กระทั่งบาปที่เราโปรดปราน”⁵

จดจําคําสอนเหล่านี้ของศาสดาพยากรณ์ จดไว้และอ่านซ้ำเมื่อท่านถูกล่อลวงด้วยความใส่ใจโลกนี้:

ใส่ใจเรื่องของพระผู้เป็นเจ้ามากกว่าเรื่องของโลกนี้
วางใจหลักคำสอนของพระคริสต์มากกว่าปรัชญาของมนุษย์
แสวงหาและปีติยินดีในความจริงนิรันดร์ ตามที่พบในพระคัมภีร์และในถ้อยคําของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกที่มีชีวิต
เป็นผู้ติดตามที่อ่อนน้อมถ่อมตนของพระคริสต์
ละเว้นสิ่งใดก็ตามที่ขับพระวิญญาณออกไป พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีอยู่จริง และเป็นของประทานอันยอดเยี่ยมในชีวิตท่าน ท่านสามารถและควรแสวงหาการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณเสมอ
ละทิ้งบาปที่ท่านโปรดปราน!

ประธานเนลสันยังอ้างคําสัญญานี้จากประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (1899–1994) ด้วย:

“ชายหญิงผู้ถวายชีวิตแด่พระผู้เป็นเจ้าจะพบว่าพระองค์ทรงสามารถรังสรรค์จากชีวิตพวกเขาได้มากกว่าที่พวกเขาจะทำได้ พระองค์จะทรง

ทําให้ปีติของพวกเขาลึกซึ้งขึ้น
ขยายวิสัยทัศน์ของพวกเขา
เร่งไหวพริบแก่จิตใจพวกเขา, …
ยกระดับจิตวิญญาณของพวกเขา
ทวีพรของพวกเขา
เพิ่มโอกาส
ปลอบโยนจิตวิญญาณพวกเขา
เลี้ยงดูเพื่อนๆ และ
เทสันติสุขลงมา”⁶

ตามจริงแล้ว โลกมีสิ่งใดที่เทียบได้กับสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้ท่านหรือไม่?

พระเจ้าทรงคาดหวังจากท่าน

ข้าพเจ้าขอจบด้วยสิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ตั้งแต่ต้น: พระเจ้าทรงรักท่านและทรงหวังให้ท่านนําแสงสว่างของพระองค์มาให้ทุกคนที่ท่านปฏิสัมพันธ์ด้วย พระองค์ทรงต้องการให้ชีวิตท่านเป็นดวงประทีปให้มิตรสหายและญาติๆ ของท่าน พระองค์ทรงคาดหวังให้ท่านแสดงประจักษ์พยานถึงการดำรงอยู่จริงของพระบิดาบนสวรรค์และพระพันธกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าบนโลกนี้

การศึกษาของท่านสําคัญยิ่งต่อพันธกิจที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ท่าน พันธกิจของท่านสำคัญและจําเป็นอย่างยิ่งในโลกทุกวันนี้