ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาว
ท่านคิดว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงรู้จักท่านหรือ? เชื่อฉัน พระองค์ทรงรู้จัก
มีประสบการณ์หนึ่งที่หล่อหลอมชีวิตฉันและสอนฉันว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรับรู้ถึงเราเสมอ
ฉันเพิ่งกลับจากงานเผยแผ่และรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะไปทางไหนต่อดีในชีวิต บางครั้งฉันสงสัยว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรับรู้ถึงตัวฉัน สภาวการณ์ และความรู้สึกไม่แน่นอนของฉันจริงหรือไม่
แต่จากนั้นฉันก็นึกขึ้นได้ว่าพระองค์ทรงรู้ พระองค์ทรงรู้ว่าฉันกําลังประสบอะไรอยู่
และฉันรู้ได้อย่างไรน่ะหรือ?
หนึ่ง เพราะผู้นําศาสนจักรของเราคอยให้ความมั่นใจแก่เราถึงความจริงเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น ดังที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าวไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ข้าพเจ้าขอรับรองว่าพระบิดาบนสวรรค์ของเราและพระบุตรที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ทรงรักท่าน ทรงรับรู้อย่างใกล้ชิดถึงสภาวการณ์ ความดีงาม ความต้องการ และคำสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือของท่าน”1
และสอง ฉันเชื่อว่าพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงรู้จักฉันเพราะฉันมีประสบการณ์มากมายในชีวิตที่พระองค์ทรงช่วยฉันไว้และแสดงความรักของพระองค์ให้เห็น
แต่ประสบการณ์ที่ฉันนึกถึงบ่อยที่สุดคือเรื่องที่มีผู้รับฉันเป็นบุตรบุญธรรม
ปาฏิหาริย์
เมื่อฉันอายุสามขวบ ฉันอาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าในกัมพูชา ฉันป่วยเป็นโรคปอดบวมอย่างหนัก และสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าไม่มีเงินพอจ่ายค่ารักษาพยาบาลของฉัน
ขณะเดียวกัน คุณแม่ในอนาคตของฉันเดินทางจากฟินแลนด์ไปทำงานที่กัมพูชา คุณแม่มีประสบการณ์ทางวิญญาณซึ่งนําทางให้เธอไปเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าของฉัน
เมื่อเราพบกัน เธอรู้สึกถึงความสัมพันธ์ทางวิญญาณกับฉันโดยทันที
เธอพาฉันไปโรงพยาบาลและออกค่ารักษาให้ เธอรู้สึกว่าได้รับการนําทางให้ไปกัมพูชาเพื่อช่วยให้ฉันดีขึ้น—ไม่มากไปกว่านั้น แต่แล้วคืนหนึ่ง คุณตาคุยโทรศัพท์กับคุณแม่ว่า “บางทีเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้น่าจะอยู่ในชีวิตลูก”
คุณแม่สวดอ้อนวอนและรู้สึกถึงการยืนยันทางวิญญาณว่าฉันควรเป็นลูกของเธอ เธอจึงเริ่มกระบวนการรับบุตรบุญธรรมและกลับไปยังบ้านที่ฟินแลนด์พร้อมกับฉัน
เมื่อใดก็ตามที่ฉันรู้สึกไม่แน่ใจว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรู้จักฉันหรือไม่ การไตร่ตรองถึงเรื่องราวต้นกําเนิดที่ไม่เหมือนใครและปาฏิหาริย์ที่เกี่ยวข้องนั้นย้ำเตือนฉันเสมอให้นึกถึงความจริงเรื่องนี้: พระองค์ทรงรับรู้และมีส่วนในชีวิตของฉันอย่างใกล้ชิด
พลังแห่งการระลึกถึง
การระลึกถึงประสบการณ์นี้เป็นแรงขับเคลื่อนให้ฉันในช่วงที่ฉันประสบปัญหาระหว่างรับใช้งานเผยแผ่ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อฉันได้รับโอกาสให้ยืดเวลางานเผยแผ่เพิ่มไปอีกสองสามสัปดาห์ ตอนนั้นฉันอยากกลับบ้านเหลือเกิน!
แต่ฉันระลึกได้ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงเตรียมปาฏิหาริย์ให้ฉัน เพื่อให้ฉันเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระองค์ได้ ความรู้นี้ทําให้ฉันมีความเข้มแข็งที่จะรับใช้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่เพิ่มเข้ามา และแบ่งปันความรักของพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์กับผู้อื่น
ฉันรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนซึ่งอยู่ในสภาวการณ์ที่ยากลําบาก จะมีประสบการณ์ทางวิญญาณแบบเดียวกับฉัน แต่ฉันรู้ว่าพระบิดาบนสวรรค์ไม่ทรงลืมเราเลย เมื่อเราเอื้อมไปหาพระองค์ พระองค์จะประทานความเข้มแข็งและการนําทางที่เราต้องการเสมอ
พระองค์ทรงรู้จักเรา
ประสบการณ์สมัยเด็กทําให้ฉันมั่นใจว่าแม้ในบรรดาบุตรธิดาหลายพันล้านคนของพระองค์ พระบิดาบนสวรรค์ทรงรู้จักฉัน—เด็กตัวเล็กๆ ที่ดูเหมือนถูกลืมในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า—และประทานการดลใจที่เชื่อมฉันเข้ากับพระกิตติคุณและครอบครัว
และพระองค์ทรงรู้จักท่าน
เมื่อฉันรู้สึกผิดกับความผิดพลาดของฉัน เมื่อฉันหนักใจขณะรับใช้งานเผยแผ่ และเวลานี้ที่ฉันกำลังพยายามตัดสินใจว่าจะเรียนต่อสาขาอะไรที่มหาวิทยาลัย ฉันพบความสงบในความรู้ที่ว่าพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดทรงอยู่กับฉัน
ดังที่ประธานซูซาน เอช. พอร์เตอร์ ประธานปฐมวัยสามัญสอนเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า “ความรักของพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้พบใน สภาวการณ์ ของชีวิตเรา แต่พบใน การประทับอยู่ ของพระองค์ในชีวิตเรา เรารู้ถึงความรักนั้นเมื่อเราได้รับพลังเหนือกว่าพลังของตนเองและเมื่อพระวิญญาณให้สันติสุข การปลอบโยน และการชี้ทาง … เราสามารถสวดอ้อนวอนให้ดวงตาเราเปิดเพื่อจะเห็นพระหัตถ์ของพระองค์ในชีวิตเราและเพื่อจะเห็นความรักนั้นจากความงดงามในงานสร้างของพระองค์”2
ฉันเป็นพยานว่าพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงสามารถประทานพลังและความรักที่เราต้องการเพื่อทําทุกสิ่งที่พระองค์ทรงขอให้เราทํา ฉันขอเชื้อเชิญให้ท่านเต็มใจแสวงหาความจริงนั้นด้วยตนเอง และฉันสัญญาว่าพระองค์จะทรงย้ำเตือนท่านให้นึกถึงความรักของพระองค์ในวิธีที่ท่านต้องการมากที่สุด