ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาว
ประสบปัญหากับการศึกษาพระคัมภีร์ใช่ไหม? เน้น วิธี ที่ท่านกําลังอ่าน
ผู้เขียนอาศัยอยู่ในคิซูมู เคนยา
เมื่อผมตั้งใจศึกษาพระคัมภีร์อย่างมีจุดประสงค์ ผมรู้สึกสงบได้อีกครั้ง
ผมรู้ว่าการกลับมาอยู่บ้านเกิดหลังจากงานเผยแผ่จะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผม เรื่องนี้จะทดสอบผมว่าจะตั้งใจและปรารถนาจะดําเนินชีวิตตามพระกิตติคุณต่อไปหรือไม่ แต่เพราะประสบการณ์ที่เคยมีในงานเผยแผ่ ผมจึงรู้ด้วยว่าผมจะได้รับพรถ้าผมให้ความสําคัญกับพลังและความคุ้มครองซึ่งการศึกษาพระคัมภีร์ทุกวันจะให้ได้
ดังนั้น ก่อนกลับบ้าน ผมจึงตัดสินใจตั้งการศึกษาพระคัมภีร์ทุกวันให้เป็นเป้าหมายของตน
ในงานเผยแผ่ของผม ผมสามารถศึกษาพระคัมภีร์ได้ทุกวัน ช่วงเวลาพิเศษนี้กับพระบิดาบนสวรรค์เป็นพรแก่ชีวิตและทําให้ความรักที่ผมมีต่อพระคัมภีร์ลึกซึ้งขึ้น
แต่เมื่อกลับบ้านและเวลาผ่านไป ชีวิตก็มีเรื่องที่ต้องทำมากมาย ผมเริ่มเรียนที่ BYU–Pathway Worldwide ทํางานล่วงเวลา และกลายเป็นคนว่อกแว่กตลอดเวลา
โทรศัพท์กับชีวิตยุ่งๆ แทรกอยู่ระหว่างผมกับพระคัมภีร์ ผมรู้สึกว่ากำลังมีกําแพงก่อขึ้นระหว่างผมกับพระบิดาบนสวรรค์ จนกระทั่งผมหันมาตั้งใจศึกษาพระคัมภีร์ผมจึงสามารถทุบกําแพงนั้นลงมาและหาทางกลับไปหาพระผู้ช่วยให้รอดของผมได้
การเลือกระหว่างการค้นหาอย่างขยันหมั่นเพียรกับการอ่านแบบฉาบฉวย
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมอ่านพระคัมภีร์ตอนกลางคืนและเมื่อมีเวลาว่างตอนเช้า แต่ถึงแม้ผมจะอ่านในเวลาดังกล่าว โทรศัพท์ของผมก็ยังดึงความสนใจของผมไปเสมอ เมื่อศึกษาพระคัมภีร์เสร็จ ผมจําไม่ได้ว่าอ่านอะไรไปบ้าง
วิชาหนึ่งในหลักสูตร BYU–Pathway ของผม เราศึกษาเรื่องการบริหารเวลา เราถูกขอให้ดูเป้าหมายของเราในปีนั้นและหาวิธีที่จะคงเส้นคงวากับเป้าหมายเหล่านั้น ระหว่างการฝึกนี้ ผมต้องเผชิญหน้ากับกําแพงที่สร้างไว้ด้วยนิสัยของตนเอง ผมตระหนักว่าเป้าหมายในการศึกษาพระคัมภีร์ทุกวันของตนพลาดเป้า
ดังนั้นผมจึงสวดอ้อนวอนอย่างไม่ลดละว่าผมจะปรับตัวให้เข้ากับเป้าหมายเดิมของผมอีกครั้งและเป็นสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ที่ขยันหมั่นเพียรมากขึ้นได้อย่างไร
จากนั้นผมตระหนักว่าปัญหาของผมอยู่ที่ วิธี ศึกษาพระคัมภีร์
เมื่อเป็นสมาชิกในโควรัมสาวกเจ็ดสิบ เอ็ลเดอร์เมอร์ริลล์ เจ. เบทแมนสอนว่า: “เพื่อมาหาพระคริสต์และได้รับการทําให้ดีพร้อมในพระองค์ แต่ละคนต้องได้รับประจักษ์พยานถึงพระวจนะของพระเจ้า บางคนสะดุดเพราะไม่เปิดพระคัมภีร์เหล่านั้น บางคนสะดุดเพราะอ่านแบบฉาบฉวย อย่างที่เราคาดหวัง มีความแตกต่างระหว่างการค้นคว้าอย่างขยันหมั่นเพียรหรือ ‘ไตร่ตรองพระคัมภีร์’ กับการอ่านแบบฉาบฉวย”
เมื่อผมเปิดพระคัมภีร์ด้วยความปรารถนาจะไตร่ตรองและศึกษาความจริงในนั้น ผมปรับระดับความเข้าใจพระกิตติคุณของตนเองใหม่และรู้สึกใกล้ชิดพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์มากขึ้น ผมรู้สึกถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้าแรงกล้ามากขึ้น และโดยความรู้สึกเช่นนี้ ผมสามารถช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่ต้องการให้ช่วยได้ง่ายขึ้น
พระคัมภีร์ข้อหนึ่งที่ผมชื่นชอบคือ ฟีลิปปี 4:13 ซึ่งเตือนผมว่า “ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกําลังข้าพเจ้า”
ผมพบว่าการประทับอยู่ของพระวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นมากในชีวิตเมื่อผมให้ความสําคัญในลำดับที่สูงขึ้นแก่นิสัยทางวิญญาณและจดจําว่าผมสามารถทําทุกอย่างได้จริงๆ โดยผ่านพระคริสต์
จัดสรรเวลาให้พระองค์
เมื่อผมรู้สึกสงสัยในชีวิต ผมจําได้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ไถ่และผู้ให้คำแนะนำของผม ในฐานะผู้ให้คำแนะนำของเรา พระองค์ทรงเห็นความก้าวหน้าของเราและทรงช่วยให้เราเอาชนะทุกอย่างได้ ผมรู้ว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงทําสิ่งนี้และอีกมากมายเพื่อผม ด้วยความช่วยเหลือของพระองค์ ผมสามารถเป็นเหมือนพระองค์ได้มากขึ้น
พบผมความจริงเหล่านี้ในถ้อยคําจากพระคัมภีร์ทุกวัน! เมื่อผมพบความจริงเหล่านี้ ผมพบพระเยซูคริสต์
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันให้คําแนะนําว่า: “พระเจ้าทรงรู้จักท่านและทรงรักท่าน ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของท่าน ทรงนำและชี้ทางให้ศาสนจักรของพระองค์ จะทรงนำและชี้ทาง ท่าน ในชีวิตส่วนตัว หากท่านจะ จัดสรรเวลาให้พระองค์ ในชีวิต—ทุกๆ วัน”
ตั้งแต่ผมตั้งเป้าหมายใหม่ว่าจะศึกษาพระคัมภีร์ทุกวัน (และไตร่ตรองอย่างจริงจัง) ผมสามารถเห็นคุณค่าของพลังและความคุ้มครองที่พระคัมภีร์นํามาให้ผม เมื่อเราตระหนักว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงอยู่ที่นั่นเสมอเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางพระคัมภีร์ เราจะมีสันติสุขที่แท้จริงได้ สันติสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากการมองผู้อื่น—แม้ดูเหมือนพวกเขาจะมีทุกอย่างที่ท่านต้องการก็ตาม
เพราะพระเยซูคริสต์ทรงเป็นคำตอบ