เสียงวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

พระผู้เป็นเจ้าทรงมีบางสิ่งที่ดีกว่าสําหรับเรา

โดย โรนัลด์ บา, นอร์ธเทิร์นมินดาเนา, ฟิลิปปินส์

เมื่อผู้สอนศาสนาสอนผมว่าผมเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า ผมรู้ว่าพระองค์ทรงมีพรที่มากกว่านี้เตรียมไว้ให้ครอบครัวและผม

ภาพถ่ายจากผู้เขียน

ผมเติบใหญ่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทของฟิลิปปินส์ ครอบครัวของผมยากจน ในฟิลิปปินส์ ท่านไม่สามารถไปโรงเรียนถ้าไม่มีเงิน แม้จะมีอุปสรรคเช่นนั้น แต่ผมเป็นเยาวชนชายที่ทะเยอทะยาน

ผมบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าผมต้องการเป็นแพทย์หรือครู หรือผู้เชี่ยวชาญบางอย่าง แต่พวกท่านบอกผมเสมอว่าให้เลิกฝัน ครอบครัวเราไม่มีเงินส่งผมไปมหาวิทยาลัย คุณพ่อคุณแม่ต้องการให้ผมพอใจและไม่ผิดหวังกับชีวิต

“เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญ” คุณพ่อคุณแม่กล่าว คุณพ่อคุณแม่ไม่เชื่อว่ามีสิ่งที่ดีกว่าสิ่งที่เรามีอยู่แล้วรอครอบครัวเราอยู่

แต่นั่นคือความคิดก่อนที่เราจะเข้าร่วมศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

เราอยู่ห่างไกลจากทุกเมือง แต่ผู้สอนศาสนาพบเราและกลับมาเยี่ยมเรื่อยๆ พวกเขาเสียสละมากมายเพื่อสอนครอบครัวผม แต่พวกเขาเปลี่ยนชีวิตเราตลอดกาล

เมื่อเราเข้าร่วมศาสนจักร ผมเรียนรู้ว่าผมเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้าที่มีศักยภาพที่จะเติบโต เรียนรู้ และเป็น (ดู โมเสส 1:39; “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” คลังค้นคว้าพระกิตติคุณ) ด้วยความรู้ในพระกิตติคุณ ผมรู้ว่าถึงเวลายกระดับครอบครัวผมแล้ว เราไม่ได้เป็นเพียงคนจนจากหมู่บ้านเล็กๆ อีกต่อไป—เราเป็นบุตรธิดาที่มีค่าควรของพระผู้เป็นเจ้าที่สมควรได้รับพรที่พระองค์ทรงสัญญาไว้แก่ผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของพระองค์

ผู้สอนศาสนานําพระกิตติคุณเข้ามาในชีวิตผม พระกิตติคุณนําดนตรีเข้ามาในชีวิตผม และดนตรีทําให้ผมได้ทุนเรียนมหาวิทยาลัย ผมได้รับปริญญาตรีสาขาศึกษาศาสตร์ระดับมัธยม และปริญญาสาขาดนตรี เอกวาทยกรประสานเสียง ปัจจุบันผมสอนดนตรีที่มหาวิทยาลัยลิเชโย เด คากายัน และดูแลชมรมขับร้องในโรงเรียนมัธยมศึกษาลิเชโย ผมเป็นผู้นําคณะนักร้องประสานเสียงของสมาชิกศาสนจักร พันธกิจของเราคือแบ่งปันความจริงเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าผ่านดนตรี

การสําเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยทําให้ผมมีชีวิตใหม่ ผมไม่รู้ว่าวันนี้ผมจะอยู่ที่ใดหากปราศจากพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

ทุกคนสมควรได้รับโอกาสที่จะเรียนรู้เช่นเดียวกับผมว่าเรามีพระบิดาบนสวรรค์และพระองค์ทรงอวยพรเราด้วยศักยภาพที่จะเติบโต เรียนรู้ และเป็น