เลียโฮนา
คนโปรดของพระผู้เป็นเจ้า
พฤศจิกายน 2024


10:31

คนโปรดของพระผู้เป็นเจ้า

การเปี่ยมด้วยความรักของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเกราะให้เราในมรสุมของชีวิต ทั้งยังทําให้ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นเป็นสุขขึ้นอีกด้วย

ก่อนเริ่ม ข้าพเจ้าควรบอกท่านว่าลูกสองคนของข้าพเจ้าเคยเป็นลมขณะพูดที่แท่นพูด และข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกเชื่อมโยงกับพวกเขาเท่าเวลานี้มาก่อน ในใจข้าพเจ้านึกถึงหลายอย่างนอกจากแค่ประตูกล

ครอบครัวเรามีลูกหกคน บางครั้งพวกเขาจะหยอกล้อกันเองว่าตนเป็นลูกคนโปรด แต่ละคนมีเหตุผลแตกต่างกันสำหรับการเป็นที่โปรดปราน ความรักที่เรามีต่อลูกๆ แต่ละคนนั้นบริสุทธิ์ เติมเต็ม และสมบูรณ์ เราไม่สามารถรักคนใดคนหนึ่งมากกว่าอีกคนได้—ด้วยว่าการเกิดของลูกแต่ละคนได้ขยายความรักของเราอย่างสวยงามที่สุด ข้าพเจ้าเชื่อมโยงกับความรักที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีต่อข้าพเจ้าได้มากที่สุดผ่านความรักที่ข้าพเจ้ามีต่อลูกๆ

เมื่อพวกเขาอ้างตนเป็นลูกคนโปรด ท่านอาจคิดว่าครอบครัวเราไม่เคยมีห้องนอนที่ไม่เป็นระเบียบ ความรู้สึกเรื่องความบกพร่องในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกลดน้อยลงด้วยการมุ่งเน้นที่ความรัก

ณ จุดหนึ่ง บางทีเป็นเพราะข้าพเจ้าเห็นได้ว่าเรากําลังเริ่มมีความอลหม่านในครอบครัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ข้าพเจ้าจะพูดทํานองนี้ “โอเค ลูกทําให้พ่อหมดแรงนะ แต่พ่อจะไม่พูดออกมาหรอก ลูกรู้อยู่แล้วว่าคนไหนเป็นลูกคนโปรดของพ่อ” เป้าหมายข้าพเจ้าคือให้แต่ละคนรู้สึกถึงชัยชนะและหลีกเลี่ยงสงครามเต็มรูปแบบ … อย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงครั้งต่อไป

ในหนังสือกิตติคุณ ยอห์นเรียกตนเองว่าสาวก “ที่พระเยซูทรงรัก” ราวกับว่าความสัมพันธ์นี้พิเศษต่างจากคนอื่น ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเพราะยอห์นรู้สึกว่าได้รับความรักจากพระเยซูอย่างสมบูรณ์มากๆ นีไฟให้ความรู้สึกกับข้าพเจ้าแบบเดียวกันเมื่อเขาเขียนว่า “ข้าพเจ้าปลาบปลื้มในพระเยซู ของข้าพเจ้า แน่นอนว่าพระผู้ช่วยให้รอดไม่ได้ทรงเป็นของนีไฟมากไปกว่าที่ทรงเป็นของยอห์น แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวของนีไฟกับพระเยซู “ของเขา” นําเขาไปสู่คําอธิบายอันละเอียดอ่อนนั้น

ไม่ใช่เรื่องน่าอัศจรรย์หรือ ที่หลายครั้งเราสามารถรู้สึกเป็นที่สังเกตเห็นและเป็นที่รักอย่างเต็มที่และเป็นส่วนตัว? นีไฟเรียกพระองค์ว่าเป็น “ของเขา” ได้ เราก็เช่นกัน ความรักของพระผู้ช่วยให้รอดนั้น “เป็นความรักอันสูงสุด, สูงส่งที่สุด, มั่นคงที่สุด” และทรงให้จนกว่าเราจะ “เต็มเปี่ยม” ความรักศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เคยเหือดแห้ง และเราต่างก็เป็นที่โปรดปราน ความรักของพระผู้เป็นเจ้าเป็นส่วนที่เราทุกคนซ้อนทับกันเหมือนกับวงกลมบนแผนภาพเวนน์ ไม่ว่าส่วนใดของเราจะดูแตกต่างกัน ความรักของพระองค์คือส่วนที่เราพบความสัมพันธ์ร่วมกัน

แปลกใจไหมที่พระบัญญัติข้อสําคัญที่สุดคือรักพระผู้เป็นเจ้าและรักคนรอบข้าง? เมื่อเห็นผู้คนแสดงความรักแบบพระคริสต์ต่อกัน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าความรักนั้นเป็นมากกว่าแค่ความรัก ของพวกเขา แต่เป็นความรักที่มีความเป็นพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในนั้นด้วย เมื่อเรารักกันในลักษณะนี้อย่างสมบูรณ์เต็มที่เท่าที่เราทําได้ สวรรค์จะเข้ามามีส่วน

ดังนั้น หากคนที่เราห่วงใยดูเหมือนห่างไกลจากการรู้สึกถึงความรักอันศักดิ์สิทธิ์ เราสามารถทําตามแบบแผนนี้ได้—โดยทําสิ่งที่ทําให้ตัวเราเองใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น แล้วทําสิ่งที่ทําให้เราใกล้ชิดคนเหล่านั้นมากขึ้น—เป็นการกวักมือเรียกให้มาหาพระคริสต์โดยไม่เอ่ยวาจา

ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้นั่งกับท่าน และถามท่านว่าสภาวการณ์ใดที่ทําให้ท่านรู้สึกถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้า พระคัมภีร์ข้อใด การรับใช้แบบใด? ท่านจะอยู่ที่ใด? ดนตรีแบบใด? กับใคร? การประชุมใหญ่สามัญเป็นสถานที่พิเศษในการเรียนรู้การเชื่อมโยงกับความรักแห่งสวรรค์

แต่บางทีท่านรู้สึกห่างเหินไปไกลจากความรักของพระผู้เป็นเจ้า อาจมีเสียงร้องประสานของความท้อแท้และความมืดมนที่หนักอึ้งในความคิด ข่าวสารที่บอกท่านว่าท่านบาดเจ็บและสับสนเกินไป อ่อนแอและถูกมองข้ามเกินไป แตกต่างหรือสูญเสียตัวตนเกินกว่าจะสมควรได้รับความรักจากสวรรค์ในทุกหนทางจริง หากท่านได้ยินความคิดเช่นนั้น โปรดได้ยินข้อความนี้: เสียงเหล่านั้นผิด เราเพิกเฉยได้อย่างมั่นใจต่อความชอกชํ้าใดๆ ที่ทําให้เราขาดคุณสมบัติรับความรักแห่งสวรรค์—ทุกครั้งที่ร้องเพลงสวดที่ย้ำเตือนเราว่าพระผู้ช่วยให้รอดที่เรารักและผู้ทรงไร้ที่ติ ทรงเลือก “พบความชอกชํ้าเพื่อเรา” ทุกครั้งที่เรารับส่วนขนมปังที่ถูกหัก แน่นอนว่าพระเยซูทรงขจัดความอับอายทั้งหมดจากคนที่ชอกช้ำ โดยผ่านความชอกชํ้า พระองค์ทรงดีพร้อม และทรงทําให้เราดีพร้อมได้แม้เราจะมีความชอกชํ้าก็ตาม พระองค์ทรงชอกชํ้า โดดเดี่ยว ถูกฉีกขาด ถูกทําร้าย—และเราอาจรู้สึกเช่นเดียวกัน—แต่เราไม่ได้ถูกกันออกจากความรักของพระผู้เป็นเจ้า “ใจชอกชํ้า เจอรักสมบูรณ์” เช่นดังบทเพลง

ท่านอาจรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับตนเองที่ทําให้รู้สึกไม่เป็นที่รัก ไม่ว่าท่านจะคิดถูกเรื่องที่ท่านรู้เกี่ยวกับตนเองอย่างไร ท่านผิดที่คิดว่าท่านได้ทําให้ตนเองอยู่ไกลเกินเอื้อมจากความรักของพระผู้เป็นเจ้า บางครั้งเราโหดร้ายและไม่อดทนต่อตนเองในแบบที่เราไม่เคยนึกว่าจะทําเช่นนั้นกับผู้อื่น มีสิ่งมากมายให้เราทําในชีวิตนี้ แต่ความเกลียดชังตนเองและการกล่าวโทษตนเองอย่างน่าละอายไม่อยู่ในรายการนั้น ไม่ว่า เรา จะรู้สึกว่า ตัวเราเอง บิดเบี้ยวอย่างไร พระพาหุ ของพระองค์ ไม่ได้สั้น ไม่เลย พระพาหุพระองค์ยาวพอที่จะ “ตอบ [รับ] ดวงจิตอ้อนวอน” และโอบกอดเราแต่ละคน

เมื่อเราไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นของความรักศักดิ์สิทธิ์ รักนั้นไม่ได้หายไปไหน พระคําของพระผู้เป็นเจ้าบอกว่า “ภูเขาทั้งหลายอาจถูกเคลื่อนย้ายไป และบรรดาเนินเขาอาจจะคลอนแคลน แต่ความรักมั่นคง [ของพระองค์] จะไม่เคลื่อนย้ายไปจาก [เรา]” ดังนั้น เพื่อความชัดเจน ความคิดที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงหยุดรักควรอยู่ล่างๆ รายการคําอธิบายที่เป็นไปได้ในชีวิตที่เราจะไปไม่ถึงจนกว่าภูเขาจะจากไปและเนินเขาจะหายไป!

ข้าพเจ้าชอบการใช้ภูเขาเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความแน่นอนของความรักพระผู้เป็นเจ้า สัญลักษณ์อันทรงพลังนั้นถักทอไปถึงเรื่องราวของผู้ที่ไปบนภูเขาเพื่อรับการเปิดเผย และคําอธิบายของอิสยาห์ที่ว่า “ภูเขาแห่งพระนิเวศน์ของ [พระเจ้า]” จะ “ถูกสถาปนาขึ้นเป็นที่สูงสุดของภูเขาทั้งหลาย” พระนิเวศน์ของพระเจ้าเป็นบ้านแห่งพันธสัญญาอันลํ้าค่าของเรา และเป็นสถานที่ให้เราทุกคนเข้าไปไตร่ตรองและใคร่ครวญถึงหลักฐานแห่งความรักของพระบิดาที่มีต่อเรา ข้าพเจ้าชอบการปลอบโยนที่มาสู่จิตวิญญาณด้วย เมื่อข้าพเจ้ารักษาพันธสัญญาบัพติศมาอย่างเคร่งครัด หาคนที่กําลังโศกเศร้าต่อการสูญเสียหรือเป็นทุกข์กับความผิดหวังและพยายามช่วยพวกเขาแบกรับและจัดการความรู้สึก วิธีเหล่านี้ทำให้เราซึมซาบความรักลํ้าค่าในพันธสัญญาที่เรียกว่า เฮเซด มากขึ้นใช่ไหม?

หากความรักพระผู้เป็นเจ้าไม่เคยไปจากเรา เหตุใดเราจึงไม่รู้สึกถึงความรักนั้นตลอดเวลา? เพื่อไม่ให้ท่านคาดหวังจนเกินไป: ข้าพเจ้าไม่ทราบ แต่แน่นอนว่า การเป็น ที่รัก ไม่เหมือนกับ การรู้สึก ว่าเป็นที่รัก และข้าพเจ้ามีความคิดสองสามอย่างที่อาจช่วยท่านหาคําตอบของคําถามนั้น

ท่านอาจกําลังต่อสู้กับความทุกข์ ความหดหู่ การทรยศ ความโดดเดี่ยว ความผิดหวัง หรือการล่วงลํ้ารุนแรงอื่นๆ ที่เข้ามาขัดขวางความสามารถในการรู้สึกถึงความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อท่าน หากเป็นดังนั้น สิ่งเหล่านี้อาจบั่นทอนหรือระงับความสามารถในการรู้สึกของเราในสิ่งที่เราควรรู้สึกได้ อย่างน้อยในช่วงหนึ่ง ท่านอาจจะไม่ รู้สึก ถึงความรักของพระองค์ ฉะนั้นความรู้จะต้องเพียงพอ แต่ข้าพเจ้าสงสัยว่าท่านจะทดลอง—อย่างอดทน—ด้วยวิธีต่างๆ ในการแสดงออกและการรับความรักศักดิ์สิทธิ์นั้นได้หรือไม่ ท่านจะก้าวออกมาหนึ่งก้าวจากอะไรก็ตามที่อยู่ตรงหน้าได้ไหม และก้าวต่อไปจนกว่าท่านจะเห็นภูมิทัศน์ที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ หากจําเป็น จนกว่าท่านจะ “คิดแบบซีเลสเชียล”จริงๆ เพราะท่านกําลังมองดูดวงดาวมากมายและจดจําโลกสุดคณานับทะลุไปจนเห็นพระผู้สร้าง?

เสียงนกร้อง การรู้สึกถึงแสงแดด สายลม หรือเม็ดฝนบนผิวข้าพเจ้า และช่วงเวลาที่ธรรมชาติทําให้ข้าพเจ้าเกิดความเกรงขามต่อพระผู้เป็นเจ้า—แต่ละอย่างมีส่วนทำให้ข้าพเจ้าเชื่อมต่อกับสววรค์ บางทีการปลอบโยนจากเพื่อนที่ซื่อสัตย์จะช่วย อาจเป็นดนตรี? หรือการรับใช้? ท่านเคยเก็บบันทึกหรือเขียนบันทึกถึงช่วงเวลาที่ท่านเห็นความสัมพันธ์ของท่านกับพระผู้เป็นเจ้าชัดเจนมากขึ้นไหม? ท่านอาจขอให้คนที่ท่านไว้ใจแบ่งปันกับท่านถึงแหล่งที่มาของความสัมพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเมื่อท่านค้นหาการบรรเทาและความเข้าใจ

ข้าพเจ้าสงสัยว่าหากพระเยซูจะทรงเลือกสถานที่ที่ท่านกับพระองค์สามารถพบกันได้ สถานที่ส่วนตัวที่ท่านสามารถมุ่งไปที่พระองค์เพียงผู้เดียว พระองค์จะทรงเลือกสถานที่ที่ท่านทุกข์ทรมานเป็นพิเศษไหม สถานที่ที่ท่านต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด ที่ไม่มีใครอื่นสามารถเข้าไปได้? ที่ซึ่งท่านรู้สึกโดดเดี่ยวมากที่ต้องอยู่คนเดียว แต่ไม่ใช่เสียทีเดียว ที่ซึ่งมีเพียงพระองค์ที่อาจเคยเสด็จไป แต่จริงๆ แล้วทรงเตรียมรอพบท่านที่นั่นเมื่อท่านมาถึง? หากท่านกําลังรอพระองค์เสด็จมา พระองค์อาจจะทรงอยู่ที่นั่นแล้วและทรงอยู่ใกล้แค่เอื้อม?

หากท่านรู้สึกเปี่ยมด้วยความรักในช่วงเวลาเช่นนี้ในชีวิต โปรดพยายามอุ้มความรักนั้นเอาไว้ให้เหมือนตะแกรงที่อุ้มนํ้า สาดความรักนั้นไปทุกแห่งที่ท่านไป เรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่งของระบบสวรรค์คือเมื่อเราพยายามแบ่งปันความรักของพระเยซู เราจะพบตนเองได้รับการเติมเต็มในรูปแบบต่างๆ ตามหลักธรรมที่ว่า “ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา คนนั้นจะได้ชีวิตรอด”

การเปี่ยมด้วยความรักของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเกราะให้เราในมรสุมของชีวิต ทั้งยังทําให้ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นเป็นสุขขึ้นอีกด้วย—เป็นวันเวลาแห่งปีติ เมื่อมีแสงสว่างในท้องฟ้า แสงนั้นจะสว่างกว่าเดิมด้วยแสงสว่างในใจเรา

ขอให้เรา “หยั่งรากและตั้งมั่น” ในพระเยซูและความรักของพระองค์ ขอให้เรามองหาและทะนุถนอมประสบการณ์ที่สัมผัสถึงความรักและพลังของพระองค์ในชีวิต ปีติแห่งพระกิตติคุณมีให้ทุกคน: ไม่เพียงผู้ที่เป็นสุข ไม่เพียงผู้ที่เป็นทุกข์ ปีติเป็นจุดมุ่งหมายของเรา ไม่ใช่ของประทานจากสภาวการณ์ที่เราเจอ เรามีเหตุผลดีๆ ให้ “ชื่นชมยินดีและเปี่ยมด้วยความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าและมนุษย์ทั้งปวง” ขอให้เราเต็มเปี่ยม ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ยอห์น 21:20; ดู ยอห์น 13:23; 19:26; 20:2; 21:7 ด้วย

  2. 2 นีไฟ 33:6; เน้นตัวเอน

  3. คู่มือพระคัมภีร์: “จิตกุศล

  4. ในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์: มัทธิว 14:15–20 และในทวีปอเมริกา 3 นีไฟ 27:16

  5. ดู มัทธิว 22:35–40

  6. ดู 1 ยอห์น 4:12

  7. เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน: คู่มือแนะแนวการเลือก ขอให้เรา “ช่วยให้พวกเขารู้สึกถึงความรักของพระบิดาบนสวรรค์ผ่าน [เรา]” ([2022], 12)

  8. “เยซูแห่งนาซาเร็ธ,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 82; ดู อิสยาห์ 53:5; มัทธิว 26:26 ด้วย

  9. ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันอธิบายว่า: “ก่อนการตรึงกางเขน [ของพระผู้ช่วยให้รอด] พระองค์ตรัสว่า ‘ในวันที่สามเราก็ จะเสร็จงาน’ [ลูกา 13:32; เน้นตัวเอน] ลองคิดดู! พระเจ้าที่ไม่มีบาปไม่มีความผิด—สมบูรณ์แบบตามมาตรฐานของมนุษย์เรา—ทรงประกาศสภาพความสมบูรณ์แบบของพระองค์ในอนาคต ความสมบูรณ์แบบ นิรันดร์ ของพระองค์จะเกิดหลังจากการฟื้นคืนพระชนม์และการได้รับ ‘สิทธิอํานาจทั้งหมดในสวรรค์ … [และ] ในแผ่นดินโลก’ [มัทธิว 28:18; ดู หลักคําสอนและพันธสัญญา 93:2–23 ด้วย]” (“Perfection Pending,” Ensign, Nov. 1995, 87) ศาสดาพยากรณ์โมโรไนเชื้อเชิญทุกคน “มาหาพระคริสต์, และได้รับการทําให้ดีพร้อมในพระองค์, และปฏิเสธตนจากความไม่เป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าทุกอย่าง; และรักพระผู้เป็นเจ้าด้วยสุดพลัง, ความนึกคิด, และพละกําลังของท่าน, เมื่อนั้นพระคุณของพระองค์จึงเพียงพอสําหรับท่าน, เพื่อโดยพระคุณของพระองค์ท่านจะดีพร้อมในพระคริสต์” (โมโรไน 10:32)

  10. “ผู้ช่วยให้รอดของฉัน,” อัลบั้มเพลงเยาวชนปี 2024, ChurchofJesusChrist.org.

  11. ดู อิสยาห์ 59:1

  12. “หาสันติได้ที่ใด,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 54.

  13. อิสยาห์ 54:10

  14. ตัวอย่างเช่น นีไฟ (ดู 1 นีไฟ 17:7), โมเสส (ดู อพยพ 19:3), สาวกสิบเอ็ดคน (ดู มัทธิว 28:16), และพระผู้ช่วยให้รอด (ดู มัทธิว 14:23); ดู สดุดี 24:3 ด้วย

  15. อิสยาห์ 2:2; ดู ข้อ 3 ด้วย การใช้สัญลักษณ์เช่นนี้ทำให้ข้าพเจ้าพิจารณามากขึ้นถึงพระประสงค์ของพระเจ้าในการจัดเตรียมพระวิหารหลายร้อยแห่งให้ลูกๆ ของพระองค์ทั่วโลก

  16. ประสบการณ์ของข้าพเจ้าแสดงให้เห็นความจริงในคําสัญญาของประธานเนลสันที่ว่าสถานที่ปลอดภัยที่สุดในการดําเนินชีวิตคือภายในพันธสัญญาพระวิหารของท่าน (ดู “พระวิหารและรากฐานทางวิญญาณของท่าน,” เลียโฮนา, พ.ย. 2021, 96)

  17. ประธานเนลสันรับรองว่า:

    “เวลาในพระวิหารจะช่วยท่าน คิดแบบซีเลสเชียล และให้ท่านเห็นภาพว่าแท้จริงแล้วท่านเป็นใคร ท่านจะเป็นใครได้ และชีวิตแบบใดที่ท่านมีได้ตลอดกาล การนมัสการในพระวิหารเป็นประจำจะยกระดับวิธีที่ท่านเห็นตนเองและเห็นว่าท่านอยู่ในแผนอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าสัญญาท่านเรื่องนี้ …

    “… ไม่มีสิ่งใดจะปลอบใจท่าน มากไปกว่านี้ ในช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวด ไม่มีสิ่งใดจะเปิดฟ้าสวรรค์ได้ มากไปกว่านี้ ไม่มีเลย!” (“ชื่นชมยินดีในของประทานแห่งกุญแจฐานะปุโรหิต,” เลียโฮนา, พ.ค. 2024, 121, 122)

  18. ดู โมไซยาห์ 18:8–10, 13 “พันธสัญญาบัพติศมาคือการเป็นพยานอย่างเปิดเผยต่อพระบิดาบนสวรรค์ถึงคํามั่นสัญญาสามประการ ได้แก่ รับใช้พระผู้เป็นเจ้า รักษาพระบัญญัติของพระองค์ และเต็มใจรับพระนามของพระเยซูคริสต์ ด้านอื่นๆ ที่มักเกี่ยวข้องกับพันธสัญญาบัพติศมา—คือ ‘แบกภาระของกันและกัน’ ‘โศกเศร้ากับคนที่โศกเศร้า’ และ ‘ปลอบโยนคนที่ต้องการการปลอบโยน’ [โมไซยาห์ 18:8, 9]—ซึ่งคือผลจากการทําพันธสัญญามากกว่าเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญานั้นๆ มุมมองเหล่านี้เป็นสิ่งสําคัญเพราะเป็นสิ่งที่ผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสจะทําอย่างเป็นธรรมชาติ” (Dale G. Renlund, “Stronger and Closer Connection to God through Multiple Covenants” [Brigham Young University devotional, Mar. 5, 2024], speeches.byu.edu)

  19. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พันธสัญญาอันเป็นนิจ,” เลียโฮนา, ต.ค. 2022, 4–11.

  20. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “คิดแบบซีเลสเชียล!,” เลียโฮนา, พ.ย. 2023, 117, 118.

  21. มัทธิว 16:25

  22. เอเฟซัส 3:17

  23. ดู 2 นีไฟ 2:25; รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ปีติและการอยู่รอดทางวิญญาณ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2016, 81–84.

  24. โมไซยาห์ 2:4

  25. ดู โมโรไน 7:48