แอลมาสอนคอริฮอร์

ทุกสิ่งชี้ให้เห็นว่ามีพระผู้เป็นเจ้า (แอลมาและคอริฮอร์) โดย วอลเตอร์ เรน

6–12 กรกฎาคม

แอลมา 30–31

“อานุภาพแห่งพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า”

แอลมาเป็นพยานถึง “ผลอันมีพลัง” ของพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า (แอลมา 31:5) ขณะที่ท่านอ่าน แอลมา 30–31 ให้บันทึกความประทับใจเมื่อท่านรู้สึกถึงผลอันมีพลังที่พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้ามีต่อท่าน

บันทึกความประทับใจของท่าน

เรื่องราวใน แอลมา 30–31 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงอานุภาพแห่งพระวจนะ—เพื่อความชั่วและเพื่อความดี “คำป้อยอ” และ “ทวีความรุนแรงในคำพูด” ของผู้สอนปลอมชื่อคอริฮอร์ส่อเค้าจะนำ “จิตวิญญาณเป็นอันมากลงไปสู่ความพินาศ” (แอลมา 30:31, 47) ทำนองเดียวกัน คำสอนของผู้แยกตัวออกจากชาวนีไฟชื่อโซรัมนำคนทั้งกลุ่มให้ตก “ไปสู่ความผิดมหันต์” และ “บิดเบือนทางของพระเจ้า” (แอลมา 31:9, 11)

ในทางตรงกันข้าม แอลมามีศรัทธาแน่วแน่ว่าพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าจะมี “ผลอันมีพลังแก่จิตใจผู้คนยิ่งกว่าดาบ, หรือสิ่งใด” (แอลมา 31:5)—และยิ่งกว่าคำพูดของคอริฮอร์กับโซรัม ถ้อยคำของแอลมาแสดงถึงความจริงนิรันดร์และอาศัยอำนาจแห่งสวรรค์ทำให้คอริฮอร์พูดไม่ออก (ดู แอลมา 30:39–50) และอัญเชิญพรจากสวรรค์มาบนคนที่ไปกับเขาเพื่อนำชาวโซรัมกลับมาสู่ความจริง (ดู แอลมา 31:31–38) ตัวอย่างเหล่านี้มีค่าสำหรับผู้ติดตามพระคริสต์ในปัจจุบันเมื่อ “ความรุนแรงในคำพูด” และ “ความผิดมหันต์” ส่งผลอันมีพลังต่อจิตใจของผู้คน (แอลมา 30:31; 31:9) แต่เราจะพบความจริงได้โดยวางใจ “อานุภาพแห่งพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า” เช่นเดียวกับแอลมา (แอลมา 31:5)

ไอคอนการศึกษาส่วนตัว

แนวคิดสำหรับการศึกษาพระคัมภีร์เป็นส่วนตัว

แอลมา 30:6, 12

ผู้ต่อต้านพระคริสต์คืออะไร

ใน แอลมา 30:6 คอริฮอร์ถูกเรียกว่า “ผู้ต่อต้านพระคริสต์” ผู้ต่อต้านพระคริสต์คือ “คนที่ดูภายนอกเหมือนยอมรับพระคริสต์แต่ในความเป็นจริงแล้วต่อต้านพระคริสต์ (1 ยอห์น 2:18–22; 4:3–6; 2 ยอห์น 1:7) ในความหมายที่กว้างขึ้นคือคนใดหรือสิ่งใดที่ปลอมแปลงพระกิตติคุณอันแท้จริงหรือแผนแห่งความรอด โดยตั้งตนขึ้นต่อต้านพระคริสต์ไม่ว่าจะเป็นโดยเปิดเผยหรืออย่างลับๆ” [คู่มือพระคัมภีร์, “ผู้ต่อต้าน”)

ท่านสังเกตเห็นสิ่ง “ปลอมแปลง [อะไรของ] พระกิตติคุณที่แท้จริง” ในโลกทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่น ซิสเตอร์จูลี บี. เบค อดีตประธานสมาคมสงเคราะห์สามัญสอนว่า “หลักคำสอนหรือหลักธรรมใดก็ตามที่ [เรา] ได้ยินจากโลกซึ่งต่อต้านครอบครัวย่อมต่อต้านพระคริสต์ด้วย” (“Teaching the Doctrine of the Family,” Ensign, Mar. 2011, 15)

คอริฮอร์พูดคุยกับแอลมา

คอริฮอร์เผชิญหน้าแอลมา โดย โรเบิร์ต ที. แบร์เรตต์

แอลมา 30:6–60

พระคัมภีร์มอรมอนสามารถช่วยฉันต่อต้านอิทธิพลของคนที่พยายามหลอกลวงฉัน

ขณะที่ท่านอ่าน แอลมา 30:6–31 คำสอนของคอริฮอร์อาจฟังคุ้นหู ตามที่ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันสอน นั่นเป็นเพราะพระคัมภีร์มอรมอนเปิดเผยและสามารถเสริมกำลังให้เราต้าน “แผนชั่ว กลยุทธ์ และหลักคำสอนของมารในสมัยของเรา รูปแบบของผู้ละทิ้งความเชื่อในพระคัมภีร์มอรมอนคล้ายกับรูปแบบที่เรามีในปัจจุบัน ด้วยความรู้อันไม่มีขอบเขตของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงออกแบบพระคัมภีร์มอรมอนให้เรามองเห็นความผิดพลาดและรู้วิธีต่อสู้กับแนวคิดผิดๆ ด้านการศึกษา การเมือง ศาสนา และปรัชญาในสมัยของเรา” (คำสอนของประธานศาสนจักร: เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน, [2014], 132)

ท่านอาจจะเขียนหลักคำสอนเท็จที่คอริฮอร์สอนใน แอลมา 30:6–31 ออกมาเป็นข้อๆ ผลของการเชื่อคำสอนเหล่านี้มีอะไรบ้าง อาทิ อะไรคือผลของการเชื่อว่า “เมื่อมนุษย์ตาย, นั่นคือที่สุดของมัน” (แอลมา 30:18) หลักคำสอนเท็จของคอริฮอร์มีอะไรบ้างที่คล้ายกับหลักคำสอนเท็จที่ท่านสังเกตเห็นในโลกทุกวันนี้

การอ่านปฏิกิริยาระหว่างคอริฮอร์กับแอลมาจะช่วยท่านเตรียมหาทางแก้เมื่อมีคนพยายามหลอกลวงท่าน การศึกษา แอลมา 30:29–60 อาจช่วยให้เข้าใจว่าคอริฮอร์ถูกหลอกอย่างไร (ดู ข้อ 52–53 เป็นพิเศษ) ท่านสามารถเรียนรู้อะไรจากปฏิกิริยาของแอลมาต่อคำสอนของคอริฮอร์ (ดู แอลมา 30:31–35)

แอลมา 31

พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้ามีพลังนำผู้คนไปสู่ความชอบธรรม

ปัญหาของชาวโซรัมที่แยกมาจากชาวนีไฟอาจดูเหมือนต้องมีวิธีแก้ทางการเมืองหรือการทหาร (ดู แอลมา 31:1–4) แต่แอลมาได้เรียนรู้ว่าต้องวางใจ “อานุภาพแห่งพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า” (แอลมา 31:5) ท่านเรียนรู้อะไรจาก แอลมา 31:5 เกี่ยวกับพลังแห่งพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า ท่านเคยเห็นพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้านำ “ผู้คนให้ทำสิ่งซึ่งเที่ยงธรรม” อย่างไร (แอลมา 31:5) ไตร่ตรองว่าท่านจะ “ลอง” (ใช้หรือทดสอบ) พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าช่วยคนที่ท่านรักได้อย่างไร

เพื่อเข้าใจวิธีช่วยผู้อื่นของแอลมามากขึ้น ท่านจะเปรียบเทียบเจตคติ ความรู้สึก และการกระทำของเขากับของชาวโซรัมดังที่บรรยายไว้ใน แอลมา 31 ตารางดังต่อไปนี้อาจจะช่วยได้ ท่านสังเกตเห็นความแตกต่างอะไรบ้าง ท่านรู้สึกอย่างไรว่าท่านเป็นเหมือนแอลมามากขึ้นได้

ชาวโซรัม	แอลมา
ชาวโซรัม เชื่อว่าคนนอกกลุ่มของพวกเขาถูกตัดสินให้ลงนรก (แอลมา 31:17)	แอลมา เชื่อว่าชาวโซรัมเป็น “พี่น้อง” ของเขาและจิตวิญญาณของคนเหล่านั้น “มีค่า” (แอลมา 31:35)
ชาวโซรัม ใจพวกเขาหมกมุ่นกับความร่ำรวย (แอลมา 31:24, 28)	แอลมา ปรารถนาจะนำจิตวิญญาณมาหาพระเยซูคริสต์ (แอลมา 31:34)
ชาวโซรัม	แอลมา

ไอคอนการศึกษากับครอบครัว

แนวคิดสำหรับการศึกษาพระคัมภีร์กับครอบครัวและการสังสรรค์ในครอบครัว

ขณะที่ท่านอ่านพระคัมภีร์กับครอบครัว พระวิญญาณจะทรงช่วยให้ท่านรู้ว่าจะเน้นและสนทนาหลักธรรมใดจึงจะตรงกับความต้องการของครอบครัวท่าน ต่อไปนี้เป็นแนวคิดบางประการ

แอลมา 30:44

ท่านอาจจะอ่านและสนทนา แอลมา 30:44 ด้วยกันขณะท่านไปเดินเล่นนอกบ้านหรือดูภาพงานสร้างของพระผู้เป็นเจ้า สมาชิกครอบครัวจะแบ่งปันว่าพวกเขาเห็นอะไรที่เป็นพยานถึงพระผู้เป็นเจ้า สิ่งเหล่านี้—หรือประสบการณ์อื่นที่เราเคยมี—ช่วยให้เรารู้อย่างไรว่าพระผู้เป็นเจ้ามีจริง

แอลมา 30:56–60

เราเรียนรู้อะไรจาก แอลมา 30:56–60 เกี่ยวกับวิธีที่มารปฏิบัติต่อผู้ติดตามเขา เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อคุ้มครองครอบครัวเราจากอิทธิพลของมาร

แอลมา 31:20–38

หลังจากอ่าน แอลมา 31:20–38 กับครอบครัว ท่านจะสนทนาคำถามต่อไปนี้: การสวดอ้อนวอนของแอลมาต่างจากการสวดอ้อนวอนของชาวโซรัมอย่างไร เราจะทำตามแบบอย่างของแอลมาในการสวดอ้อนวอนเป็นส่วนตัวและกับครอบครัวได้อย่างไร

เด็กเล็กจะวางหินก้อนหนึ่งไว้ใต้หมอนเพื่อช่วยให้พวกเขาจดจำว่าต้องสวดอ้อนวอนทุกเช้าค่ำ พวกเขาอาจจะชอบตกแต่งก้อนหินด้วย

แอลมา 31:23

เรากำลังทำอะไรแต่ละวันในบ้านของเราเพื่อเรียนรู้และพูดถึงพระผู้เป็นเจ้า

ดูแนวคิดเพิ่มเติมสำหรับสอนเด็กจาก โครงร่างของสัปดาห์นี้ ใน จงตามเรามา—สำหรับปฐมวัย

ปรับปรุงการศึกษาส่วนตัว

เตรียมสภาพแวดล้อมรอบตัวท่าน “สภาพแวดล้อมรอบตัวเราสามารถส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อความสามารถของเราในการเรียนรู้และสัมผัสถึงความจริง” (การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด, 15) พยายามหาสถานที่ศึกษาพระคัมภีร์ที่จะเชื้อเชิญอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดนตรีและรูปภาพที่ยกระดับจิตใจสามารถอัญเชิญพระวิญญาณได้เช่นกัน

ชาวโซรัมสวดอ้อนวอนบนแรมีอัมทัม

แรมีอัมทัม โดย เดล พาร์สัน