26 ธันวาคม–1 มกราคม

เราต้องรับผิดชอบการเรียนรู้ของเราเอง

จุดประสงค์ของพระคัมภีร์คือช่วยให้ท่านมาหาพระคริสต์และเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระกิตติคุณของพระองค์อย่างลึกซึ้งมากขึ้น จงตามเรามา—สำหรับบุคคลและครอบครัว จะช่วยให้ท่านเข้าใจพระคัมภีร์และพบพลังทางวิญญาณที่ท่านและครอบครัวต้องการในนั้น จากนั้นในชั้นเรียนศาสนจักรของท่าน ท่านจะมีโอกาสแบ่งปันข้อคิดและเป็นกำลังใจให้เพื่อนวิสุทธิชนของท่านขณะพวกเขาพยายามติดตามพระคริสต์

บันทึกความประทับใจของท่าน

“ท่านหาอะไร?” พระเยซูทรงถามสาวกของยอห์นผู้ถวายบัพติศมา (ยอห์น 1:38) ท่านอาจจะถามตัวท่านด้วยคำถามเดียวกัน—เพราะสิ่งที่ท่านพบในพันธสัญญาใหม่ปีนี้ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ท่านแสวงหา “จงหาแล้วจะพบ” เป็นสัญญาของพระผู้ช่วยให้รอด (มัทธิว 7:7) ดังนั้นจงถามคำถามที่เข้ามาในใจท่านขณะที่ท่านศึกษา แล้วแสวงหาคำตอบอย่างขยันหมั่นเพียร ในพันธสัญญาใหม่ ท่านจะอ่านประสบการณ์อันเปี่ยมด้วยพลังทางวิญญาณของเหล่าสาวกของพระเยซูคริสต์ ในฐานะสานุศิษย์ที่ซื่อสัตย์ของพระผู้ช่วยให้รอด ท่านสามารถมีประสบการณ์อันเปี่ยมด้วยพลังทางวิญญาณของท่านเองเมื่อท่านยอมรับพระดำรัสเชื้อเชิญของพระผู้ช่วยให้รอดที่พบทั่วหนังสือศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ “จงตามเรามา” (ดู ลูกา 18:22)

แนวคิดสำหรับการศึกษาพระคัมภีร์เป็นส่วนตัว

เพื่อเรียนรู้จากพระผู้ช่วยให้รอดจริงๆ ฉันต้องยอมรับพระดำรัสเชื้อเชิญ “จงตามเรามา”

พระดำรัสเชื้อเชิญของพระผู้ช่วยให้รอด “จงตามเรามา” ประยุกต์ใช้ได้กับทุกคน—ไม่ว่าเราเป็นคนใหม่บนเส้นทางของการเป็นสานุศิษย์หรือเดินมาแล้วตลอดชีวิตเรา นี่เป็นพระดำรัสเชื้อเชิญเศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งผู้กำลังพยายามรักษาพระบัญญัติ (ดู มัทธิว 19:16–22; ลูกา 18:18–23) สิ่งที่เยาวชนเรียนรู้—และสิ่งที่เราทุกคนต้องเรียนรู้—คือการเป็นสานุศิษย์หมายถึงการถวายทั้งจิตวิญญาณของเราแด่พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ เราก้าวหน้าในการเป็นสานุศิษย์เมื่อเราค้นพบสิ่งที่เราขาด สร้างการเปลี่ยนแปลง และพยายามติดตามพระองค์อย่างเต็มที่มากขึ้น

การเรียนรู้จากพระผู้ช่วยให้รอดเริ่มขึ้นเมื่อเราพยายามเข้าใจสิ่งที่พระองค์ทรงสอน ตัวอย่างเช่น ความเข้าใจของท่านเรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตนลึกซึ้งขึ้นอย่างไรเมื่อท่านสำรวจสิ่งต่อไปนี้?

• คำสอนของพระผู้ช่วยให้รอด (ดู มัทธิว 18:1–5; ลูกา 18:9–14)

• แบบอย่างจากพระชนม์ชีพของพระองค์ (ดู ยอห์น 13:1–15)

ถ้าท่านต้องการเรียนรู้มากขึ้น ลองทำกิจกรรมนี้กับหลักธรรมพระกิตติคุณข้ออื่น เช่น ความรักหรือการให้อภัย

ฉันต้องรับผิดชอบการเรียนรู้ของฉันเอง

เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์สอนว่า “เราไม่ควรคาดหวังให้ศาสนจักรในฐานะองค์กรสอนหรือบอกเราทุกอย่างที่เราต้องรู้และทำเพื่อเป็นสานุศิษย์ที่อุทิศตนและอดทนอย่างกล้าหาญจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ความรับผิดชอบของเราแต่ละคนคือเรียนรู้สิ่งที่ควรเรียนรู้ ดำเนินชีวิตในทางที่ถูกที่ควรตามที่เรารู้ และเป็นคนที่พระอาจารย์ทรงประสงค์ให้เราเป็น บ้านของเราเป็นสถานที่แห่งแรกสำหรับการเรียนรู้ ดำเนินชีวิต และเป็น” (“เตรียมรับสิ่งจำเป็นทุกอย่าง,” เลียโฮนา, พ.ค. 2019, 102)

รับผิดชอบการเรียนรู้ของท่านเองหมายความว่าอย่างไร มองหาคำตอบที่เป็นไปได้ในคำกล่าวของเอ็ลเดอร์เบดนาร์และในพระคัมภีร์ต่อไปนี้: ยอห์น 7:17; 1 เธสะโลนิกา 5:21; ยากอบ 1:5–6, 22; 2:17; 1 นีไฟ 10:17–19; 2 นีไฟ 4:15; แอลมา 32:27; และ หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:18; 58:26–28; 88:118 ท่านรู้สึกได้รับการดลใจให้ทำอะไรเพื่อกระตือรือร้นมากขึ้นในการเรียนพระกิตติคุณ?

ฉันต้องรู้ความจริงด้วยตนเอง

บางทีท่านอาจจะรู้จักคนที่ดูเหมือนไม่เคยสูญเสียศรัทธาของพวกเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรในชีวิตพวกเขาก็ตาม พวกเขาอาจทำให้ท่านนึกถึงหญิงพรหมจารีมีปัญญาห้าคนในอุปมาของพระผู้ช่วยให้รอด (ดู มัทธิว 25:1–13) สิ่งที่ท่านอาจไม่เห็นคือความเพียรพยายามของพวกเขาในการเสริมสร้างประจักษ์พยานเกี่ยวกับความจริง

เราจะมีประจักษ์พยานและบำรุงเลี้ยงประจักษ์พยานของเราเองได้อย่างไร? จดความคิดของท่านขณะท่านไตร่ตรองพระคัมภีร์ต่อไปนี้: ลูกา 11:9–13; ยอห์น 5:39; 7:14–17; กิจการของอัครทูต 17:10–12; 1 โครินธ์ 2:9–11; และ แอลมา 5:45–46

เราแต่ละคนต้องมีประจักษ์พยานของเราเอง

ฉันควรทำอะไรเมื่อฉันมีคำถาม?

ขณะแสวงหาความรู้ทางวิญญาณ คำถามจะเข้ามาในใจท่าน หลักธรรมต่อไปนี้จะช่วยท่านตอบคำถามในวิธีที่สร้างศรัทธาและประจักษ์พยาน:

• แสวงหาความเข้าใจจากพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความจริงทั้งมวล และพระองค์ทรงเปิดเผยความจริงผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระคัมภีร์ ศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกของพระองค์

• กระทำด้วยศรัทธา ถ้าคำตอบไม่มาในทันที จงวางใจว่าพระเจ้าจะทรงเปิดเผยคำตอบเมื่อถึงเวลา ในระหว่างนั้น จงดำเนินชีวิตตามความจริงที่ท่านรู้แล้ว

• มีมุมมองนิรันดร์เสมอ พยายามมองสิ่งต่างๆ ดังที่พระเจ้าทรงมอง ไม่ใช่โลกมอง มองคำถามของท่านในบริบทของแผนแห่งความรอดของพระบิดาบนสวรรค์

แนวคิดสำหรับการศึกษาพระคัมภีร์กับครอบครัวและยามค่ำที่บ้าน

มัทธิว 13:1–23ท่านอาจจะอ่านอุปมาเรื่องผู้หว่านพืชเพื่อช่วยครอบครัวท่านเตรียมเรียนรู้จากพันธสัญญาใหม่ปีนี้ ครอบครัวของท่านอาจชอบออกไปข้างนอกและมองหาพื้นที่ประเภทต่างๆ ที่อธิบายไว้ในอุปมา เราจะทำให้ใจของเราเป็นเหมือน “ดินดี” ที่พระเยซูทรงบรรยายไว้ได้อย่างไร? (มัทธิว 13:8)

กาลาเทีย 5:22–23; ฟีลิปปี 4:8ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเชื้อเชิญให้ท่าน “เปลี่ยนบ้าน [ของท่าน] เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งศรัทธา” และ “ปรับเปลี่ยนบ้านของท่านให้เป็นศูนย์การเรียนรู้พระกิตติคุณ” ท่านสัญญากับคนที่ทำสิ่งเหล่านี้ว่า “ลูกๆ ของท่าน จะตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้และดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอด อิทธิพลของปฏิปักษ์ในชีวิต ของท่าน และในบ้าน ของท่าน จะลดลง ครอบครัวท่านจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจนและต่อเนื่อง” (“การเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่เป็นแบบอย่าง,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 113)

ต้นปีใหม่เป็นเวลาที่เหมาะจะจัดสภาครอบครัวเกี่ยวกับการทำให้บ้านของท่านเป็น “สถานศักดิ์สิทธิ์แห่งศรัทธา” และ “ศูนย์การเรียนรู้พระกิตติคุณ” แนวคิดใดเกี่ยวกับวิธีทำสิ่งนี้ที่เข้ามาในจิตใจเมื่อเราอ่าน กาลาเทีย 5:22–23 และ ฟีลิปปี 4:8? บางทีครอบครัวของท่านอาจตั้งเป้าหมายส่วนตัวและเป้าหมายครอบครัวเพื่อศึกษาพันธสัญญาใหม่ในปีที่จะถึงนี้ เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเตือนตัวเราเองถึงเป้าหมายของเรา?

ดูแนวคิดเพิ่มเติมสำหรับสอนเด็กได้จาก โครงร่างของสัปดาห์นี้ ใน จงตามเรามา—สำหรับปฐมวัย

เพลงที่แนะนำ: “สอนฉันเดินในแสง” หนังสือเพลงสำหรับเด็ก, 70

ปรับปรุงการศึกษาส่วนตัว

มองหาหลักคำสอน หลักคำสอนคือความจริงนิรันดร์อันไม่เปลี่ยนแปลง ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์ประกาศว่า “หลักคำสอนที่แท้จริงจะเปลี่ยนเจตคติและพฤติกรรมถ้าเข้าใจ” (“Little Children,” Ensign, Nov. 1986,17) ขณะท่านและครอบครัวศึกษาพระคัมภีร์ จงมองหาความจริงที่จะช่วยให้ท่านดำเนินชีวิตเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดได้มากขึ้น

แสงสว่างของโลก โดย เบรนท์ บอรัพ