บทเรียนที่ 120: หลักคําสอนและพันธสัญญา 106–108

หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:21–100

พยานพิเศษของพระเยซูคริสต์

เฉกเช่นพระเยซูคริสต์ทรงทําในสมัยพันธสัญญาใหม่ พระองค์ทรงเรียกศาสดาพยากรณ์ อัครสาวก และคนอื่นๆ ให้นําศาสนจักรของพระองค์ในปัจจุบันและเป็นพยานถึงพระองค์ทั่วโลก ใน หลักคําสอนและพันธสัญญา 107 พระเยซูทรงอธิบายบทบาทของผู้นําที่ได้รับเลือกเหล่านี้ บทนี้จะช่วยให้นักเรียนรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าอัครสาวกเป็นพยานพิเศษของพระเยซูคริสต์

กิจกรรมการเรียนรู้ที่อาจทำได้

ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์

ท่านอาจนําแก้วหกใบมาที่ชั้นเรียนและสร้างพีระมิดเล็กๆ วางแก้วสามใบไว้ด้านล่าง สองใบตรงกลาง และหนึ่งใบอยู่ด้านบนสุด เขียนกํากับแก้วด้านบนว่า วิสุทธิชน และบอกนักเรียนว่าแก้วนั้นหมายถึงสมาชิกศาสนจักรของพระผู้ช่วยให้รอด อธิบายว่าในพันธสัญญาใหม่ พระเยซูทรงจัดตั้งศาสนจักรของพระองค์ในวิธีที่จะเป็นพรแก่สมาชิก

อ่านข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้ มองหาการเรียกที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงใช้บริหารงานศาสนจักรของพระองค์และสนับสนุนวิสุทธิชนในยุคสมัยของพระองค์

• ลูกา 10:1

• เอเฟซัส 2:19–20

• 1 ทิโมธี 3:1–2

• ท่านพบสิ่งใดบ้าง?

  ขณะนักเรียนแบ่งปัน ท่านอาจเขียนกํากับแก้วสองใบตรงกลางว่า สาวกเจ็ดสิบ และ อธิการ และแก้วสามใบด้านล่างว่า พระเยซูคริสต์ ศาสดาพยากรณ์ และ อัครสาวก อธิบายว่าถึงแม้อัครสาวกทุกคนจะถือว่าเป็นศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผย แต่โดยทั่วไปเราจะเรียกอัครสาวกอาวุโสว่าเป็นศาสดาพยากรณ์

• เหตุใดจึงเป็นสิ่งสําคัญที่เราจะต้องเข้าใจว่าพระเยซูคริสต์ ศาสดาพยากรณ์ และอัครสาวกเป็นรากฐานของศาสนจักร? (ดู เอเฟซัส 2:20)

  ช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าสมัยโบราณ “ศิลาหัวมุม” (เอเฟซัส 2:20) คือหินก้อนใหญ่ที่วางอยู่ตรงหัวมุมของรากฐาน มุมและการจัดวางตำแหน่งของศิลาก้อนอื่นๆ ทั้งหมดจะวัดจากศิลาหัวมุม

• ท่านทราบอะไรเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ที่เปรียบได้กับศิลาหัวมุม?

เชื้อเชิญให้นักเรียนนึกถึงพรของการมีผู้นําเหล่านี้ในศาสนจักรของพระผู้ช่วยให้รอด นักเรียนอาจถามตนเองว่าพวกเขากําลังทําอะไรเพื่อรับพรที่มาโดยผ่านคนที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงวางไว้ในตําแหน่งเหล่านี้

กระตุ้นให้นักเรียนเชื้อเชิญอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขณะที่พวกเขาพยายามเข้าใจบทบาทของผู้นําศาสนจักรในการเสริมสร้างประจักษ์พยานของพวกเขาในพระเยซูคริสต์

ท่านอาจสรุปหรืออ่านบริบทต่อไปนี้สําหรับ หลักคําสอนและพันธสัญญา 107

ภายใต้การกํากับดูแลของพระบิดา พระเยซูคริสต์ทรงจัดตั้งศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์ในยุคสมัยของเราบนรากฐานเดียวกันกับที่พระองค์ทรงทําระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจขณะทรงเป็นมรรตัย (ดู หลักแห่งความเชื่อ 1:6) พระเจ้าทรงเริ่มเปิดเผยโครงสร้างขององค์การต่อศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและยังคงเปิดเผยอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน เมื่อปี 1835 พระผู้ช่วยให้รอดทรงเรียกฝ่ายประธานสูงสุด โควรัมอัครสาวกสิบสอง สาวกเจ็ดสิบ อธิการ และเจ้าหน้าที่ฐานะปุโรหิตคนอื่นๆ ให้รับใช้วิสุทธิชนและบริหารงานศาสนจักรของพระองค์บนแผ่นดินโลก หลักคําสอนและพันธสัญญา 107 สรุปถึงความรับผิดชอบบางอย่างที่พระผู้ช่วยให้รอดประทานแก่ผู้ได้รับเรียกสู่ตําแหน่งเหล่านี้

ความรับผิดชอบของผู้นําที่พระเจ้าทรงเลือก

ท่านอาจเขียนการเรียกแต่ละอย่างต่อไปนี้ลงในกระดาษแต่ละแผ่นและติดไว้ทั่วห้อง ท่านอาจมอบหมายให้นักเรียนรวมกันเป็นกลุ่มเพื่อศึกษาการเรียกแต่ละอย่าง หรือท่านอาจให้พวกเขาเดินไปที่การเรียกที่พวกเขาอยากจะศึกษา

อย่าลืมเผื่อเวลาไว้ให้พอสําหรับส่วนสุดท้ายบทเรียน

ศึกษาบทความต่อไปนี้ โดยมองหาว่าพระเยซูคริสต์ทรงใช้คนที่พระองค์ทรงวางไว้ในการเรียกเหล่านี้เพื่อสนับสนุนวิสุทธิชนในศาสนจักรของพระองค์อย่างไร

• ศาสดาพยากรณ์หรือประธานศาสนจักร: หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:65–67, 91–92

• ฝ่ายประธานสูงสุด: หลักคำสอนและพันธสัญญา 107:9, 22

• อัครสาวกสิบสอง: หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:23–24, 33, 35, 58

• สาวกเจ็ดสิบ: หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:25, 34, 38

• อธิการ: หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:13–15, 71–74

เมื่อศึกษาเป็นกลุ่มเรียบร้อยแล้ว เชื้อเชิญให้พวกเขาแบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้กับชั้นเรียน

• พระผู้ช่วยให้รอดทรงอวยพรท่านผ่านผู้ดํารงตำแหน่งจากการเรียกเหล่านี้อย่างไร?

• เราจะทําสิ่งใดได้บ้างเพื่อสนับสนุนผู้ดํารงตำแหน่งการเรียกอันศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้? (ดู หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:22)

พยานพิเศษของพระเยซูคริสต์

เมื่อกลุ่มแบ่งปันเสร็จแล้ว กระตุ้นให้นักเรียนไฮไลท์คําหรือวลีใน ข้อ 23 ที่สอนว่า พระเยซูคริสต์ทรงเรียกอัครสาวกให้เป็นพยานพิเศษถึงพระองค์ทั่วโลก

• อัครสาวกแสดงประจักษ์พยานถึงพระคริสต์ทั่วโลกในยุคสมัยของเราในทางใดบ้าง?

เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์ แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายความหมายของอัครสาวกที่เป็น “พยานพิเศษถึงพระนามของพระคริสต์” (ข้อ 23)

บทบาทของอัครสาวกในปัจจุบันเหมือนกับสมัยโบราณ (ดู กิจการของอัครทูต 1:22; 4:33) งานมอบหมายของเราคือไปทั่วโลกและประกาศ “พระเยซูคริสต์และการที่พระองค์ทรงถูกตรึงที่กางเขน” (ดู มาระโก 16:15; 1 โครินธ์ 2:2) อัครสาวกเป็นผู้สอนศาสนาและพยานพิเศษถึงพระนามของพระคริสต์ “พระนามของพระคริสต์” หมายถึงทั้งหมดของพระพันธกิจ การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอด—สิทธิอำนาจของพระองค์ หลักคําสอนของพระองค์ และคุณสมบัติที่โดดเด่นของพระองค์ในฐานะพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ไถ่และพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ในฐานะพยานพิเศษถึงพระนามของพระคริสต์ เราแสดงประจักษ์พยานถึงการดํารงอยู่จริง การเป็นพระเจ้า และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ การชดใช้อันไม่มีขอบเขตและนิรันดร์ของพระองค์ และพระกิตติคุณของพระองค์ (David A. Bednar, “Special Witnesses of the Name of Christ,” Religious Educator: Perspectives on the Restored Gospel, vol. 12, no. 2 [2011], 1)

• ท่านคิดว่าเหตุใดพระเยซูคริสต์ทรงจัดเตรียมอัครสาวกที่มีชีวิตอยู่ให้เป็นพยานพิเศษของพระองค์นอกเหนือจากพยานของพระองค์ในพระคัมภีร์?

ท่านอาจรับชมวีดิทัศน์ของอัครสาวกที่เป็นพยานพิเศษถึงพระเยซูคริสต์ เช่น “Neil L. Andersen: Special Witness of Christ [นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น: พยานพิเศษของพระคริสต์]” (5:24; รับชมตั้งแต่รหัสเวลา 4:15 ถึง 5:24) เชื้อเชิญให้นักเรียนพิจารณาว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรเมื่อฟังประจักษ์พยานของเขา

Special Witnesses of Christ – Elder Neil L. Andersen

Elder Neil L. Andersen speaks of the trials that the early Saints endured and bears testimony of the love of the Savior Jesus Christ.

หากจําเป็นสําหรับกิจกรรมต่อไปนี้ ท่านอาจแจก คําปราศรัยการประชุมใหญ่สามัญ หรือคําปราศรัยล่าสุดอื่นๆ จากอัครสาวกให้นักเรียน

ค้นหาในคําปราศรัยการประชุมใหญ่ครั้งล่าสุดหรือคำปราศรัยล่าสุดอื่นๆ เพื่อเป็นตัวอย่างของอัครสาวกที่กล่าวคําพยานพิเศษของพวกเขาเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ระหว่างนั้น ให้บันทึกคําตอบของคําถามต่อไปนี้อย่างน้อยหนึ่งข้อลงในสมุดบันทึกการศึกษาของท่าน:

• พยานพิเศษของอัครสาวกเหล่านี้มีอิทธิพลกับความรู้สึกของท่านต่อพระเยซูคริสต์อย่างไร?

• อะไรคือสิ่งที่อัครสาวกแบ่งปันเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ที่ท่านเชื่อว่าเป็นความจริง? ท่านได้เรียนรู้ความจริงนี้ด้วยตนเองอย่างไร?

• เราจะทําสิ่งใดได้บ้างตลอดชีวิตของเราเพื่อเรียนรู้จากพยานพิเศษของอัครสาวกเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์?

เชื้อเชิญนักเรียนสองสามคนให้แบ่งปันสิ่งที่พวกเขาศึกษาพร้อมกับข้อคิดที่พวกเขาเขียน

กระตุ้นให้นักเรียนใช้พยานพิเศษของอัครสาวกเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ต่อไปเพื่อเสริมสร้างศรัทธาของพวกเขาในพระองค์ ตัวอย่างเช่น ท่านอาจเสนอแนะให้นักเรียนศึกษาคําปราศรัยการประชุมใหญ่สามัญในแต่ละสัปดาห์ ติดตามอัครสาวกบนโซเชียลมีเดีย หรือมุ่งเน้นไปที่ประจักษ์พยานและคําสอนของอัครสาวกเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ในการประชุมใหญ่สามัญครั้งต่อไป

แหล่งช่วยเพิ่มเติม

หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:27 เหตุใดการตัดสินใจของโควรัมเหล่านี้จึงต้องเป็นเอกฉันท์?

ขณะที่พูดถึงฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสอง ซึ่งทุกคนถือว่าเป็นอัครสาวกของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนดังนี้:

การเรียกชาย 15 คนสู่ความเป็นอัครสาวกศักดิ์สิทธิ์ให้ความคุ้มครองที่ดีเยี่ยมแก่เราในฐานะสมาชิกของศาสนจักร เพราะเหตุใด? เพราะการตัดสินใจของผู้นำเหล่านี้ต้องเป็นเอกฉันท์ ลองนึกดูว่าพระวิญญาณต้องทรงดลใจทั้ง 15 คนอย่างไรเพื่อทำให้เกิดความเป็นเอกฉันท์ ทั้ง 15 คนนี้มีภูมิหลังทางการศึกษาและงานอาชีพที่หลากหลาย และมีความเห็นที่แตกต่างกันในหลายเรื่อง เชื่อข้าพเจ้าเถิด! ชาย 15 คนนี้—ศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผย—รู้ว่าพระประสงค์ของพระเจ้าคืออะไรเมื่อมีความเป็นเอกฉันท์! พวกท่านมีคำมั่นสัญญาที่จะต้องเห็นพระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จลุล่วงอย่างแท้จริง (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน “การสนับสนุนศาสดาพยากรณ์” เลียโฮนา, พ.ย. 2014, 75)

หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:15–16, 73, 76 อธิการทุกคนควรเป็นผู้สืบสายโลหิตของอาโรนหรือไม่?

ภาษาที่คล้ายคลึงกันเหล่านี้มีอยู่ใน หลักคําสอนและพันธสัญญา 68:14–21 ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ (1876–1972) สอนว่าบทบัญญัติเหล่านี้หมายถึงตําแหน่งอธิการควบคุมของศาสนจักรเท่านั้น:

ทั้งหมดนี้มีการอ้างถึงเฉพาะคนที่เป็นประธานฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนเท่านั้น แต่ไม่ได้กล่าวถึงอธิการของวอร์ดแต่อย่างใด นอกจากนี้ ฝ่ายประธานสูงสุดต้องเป็นผู้กำหนดบุคคลนั้นและได้รับแต่งตั้งภายใต้มือพวกท่าน … หากไม่มีความรู้เกี่ยวกับการสืบสายโลหิตเช่นนั้น ฝ่ายประธานสูงสุดจะเลือกมหาปุโรหิตคนใดคนหนึ่งให้ดำรงตำแหน่งอธิการควบคุม (Joseph Fielding Smith, Doctrines of Salvation, comp. Bruce R. McConkie [1956], 3:92–93)

หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:21, 60–62, 65, 85–95 การเป็นประธานหมายความว่าอย่างไร?

คําอธิบายต่อไปนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทั้งชายและหญิงผู้ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าให้เป็นประธาน:

ผู้นำที่เป็นประธานพึงแน่ใจว่าจุดประสงค์ของพระเจ้าบรรลุในองค์การ การประชุม หรือกิจกรรมของศาสนจักร ในการทำเช่นนี้ผู้นำจะทำตามหลักธรรมพระกิตติคุณ นโยบายศาสนจักร และการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์

ผู้เป็นประธานจะทำตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ในการรับใช้ด้วยความสุภาพ ความอ่อนโยน และความรักอันบริสุทธิ์ (ดู ยอห์น 13:13–15) การเรียกหรือการมอบหมายให้เป็นประธานไม่ทำให้ผู้ได้รับการเรียกนั้นสำคัญกว่าหรือมีค่ามากกว่าคนอื่น (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:109–110) (คู่มือทั่วไป: การรับใช้ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย, 4.2.4, ChurchofJesusChrist.org)

อย่าลืมจดคําแนะนําซ้ำที่ให้แก่เจ้าหน้าที่ควบคุมใน ข้อ 85–87, 89 ด้วย ผู้เป็นประธานต้องนั่งในสภากับผู้อื่นและสอนหน้าที่ให้พวกเขา

กิจกรรมเสริมการเรียนรู้

ยืนเป็นพยานของพระเยซูคริสต์

ท่านอาจทํากิจกรรมต่อไปนี้หลังจากนักเรียนศึกษาพยานพิเศษของอัครสาวกเรียบร้อยแล้ว

อธิบายว่าในฐานะของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ นักเรียนได้ทำพันธสัญญาในการ “ยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาและในทุกสิ่ง, และในทุกแห่ง” (โมไซยาห์ 18:9) ท่านอาจให้เวลานักเรียนเขียนประจักษ์พยานส่วนตัวของพวกเขาเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เชื้อเชิญอาสาสมัครสองสามคนแบ่งปันการเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์กับชั้นเรียน

หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:39 ปิตุพร

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:39 ถามว่าพวกเขารู้หรือไม่ว่า “ผู้ปฏิบัติศาสนกิจฝ่ายประสาทพร” ในศาสนจักรปัจจุบันเรียกว่าอะไร หากนักเรียนไม่ทราบ ท่านอาจเชื้อเชิญให้พวกเขาอ้างอิงข้อพระคัมภีร์นี้กับ หลักคําสอนและพันธสัญญา 124:91–92 เพื่อดูว่าผู้ปฏิบัติศาสนกิจฝ่ายประสาทพรคืออะไร ท่านอาจแบ่งปันคํากล่าวต่อไปนี้ด้วย

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ (1805–1844) สอนดังนี้:

ผู้ประกาศข่าวประเสริฐคือผู้ประสาทพร … ไม่ว่าจะสถาปนาศาสนาจักรของพระคริสต์ที่ใดในแผ่นดินโลก ที่นั่นควรจะมีผู้ประสาทพรเพื่อประโยชน์ของลูกหลานวิสุทธิชน เฉกเช่นยาโคบให้ปิตุพรบุตรชายของตน (คําสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 140)

เชื้อเชิญนักเรียนอย่างน้อยหนึ่งคนที่เต็มใจและรับปิตุพรแล้วให้แบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขากับชั้นเรียน เตือนพวกเขาไม่ให้บอกรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับปิตุพรของพวกเขา คำถามต่อไปนี้อาจเป็นประโยชน์:

• เหตุใดท่านจึงเลือกรับปิตุพรของท่าน?

• การรับและการศึกษาปิตุพรของท่านสอนอะไรท่านเกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์?

• ปิตุพรของท่านช่วยท่านอย่างไร?

หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:99–100 เรียนรู้หน้าที่ของเรา

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านคํากล่าวต่อไปนี้ของประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ (1910–2008):

ภาระหน้าที่ในขอบเขตความรับผิดชอบของท่านจริงจังเท่ากับภาระหน้าที่ของข้าพเจ้าในขอบเขตของข้าพเจ้า ไม่มีการเรียกใดในศาสนจักรนี้เล็กน้อยหรือเกิดผลเพียงน้อยนิด เราทุกคนล้วนสัมผัสชีวิตผู้อื่นในเส้นทางแห่งหน้าที่ของเรา (กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์, “นี่คืองานของพระอาจารย์” เลียโฮนา, ส.ค. 1995, 63)

• ท่านคิดว่า “ไม่มีการเรียกใดในศาสนจักรนี้เล็กน้อยหรือเกิดผลเพียงน้อยนิด” หมายความว่าอย่างไร?

อ่าน หลักคําสอนและพันธสัญญา 107:99–100 และไตร่ตรองว่าคํากล่าวของประธานฮิงค์ลีย์เกี่ยวข้องกับข้อพระคัมภีร์เหล่านี้อย่างไร

• พระเจ้าทรงขอให้เราทำอะไรในข้อพระคัมภีร์เหล่านี้?

นักเรียนควรระบุหลักธรรมต่อไปนี้: พระเจ้าทรงขอให้เราเรียนรู้หน้าที่ของเราและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันหมั่นเพียรจนเกิดสัมฤทธิผล ท่านอาจเชื้อเชิญให้นักเรียนทำเครื่องหมายความจริงนี้ในพระคัมภีร์

• ท่านเคยได้รับพรจากการรับใช้ของสมาชิกศาสนจักรผู้ทําหน้าที่ของเขาอย่างขยันหมั่นเพียรอย่างไร?

• ท่านกําลังทําอะไรเพื่อเรียนรู้หน้าที่ของท่านและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันหมั่นเพียรเพื่อทําตามความรับผิดชอบที่พระเจ้าทรงมอบหมายท่านให้เกิดสัมฤทธิผล?