บทเรียนที่ 152: หลักคําสอนและพันธสัญญา 137–138

หลักคําสอนและพันธสัญญา 138 ส่วนที่ 1

นิมิตเกี่ยวกับการเสด็จเยือนของพระผู้ช่วยให้รอดในโลกวิญญาณ

พระเยซูทรงปฏิบัติศาสนกิจในโลกวิญญาณ

ด้วยความโศกเศร้ากับการเสียชีวิตของสมาชิกครอบครัวอันเป็นที่รักและอาลัยต่อหายนะอันเกิดจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และการระบาดของไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก ประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธแสวงหาการปลอบโยนในพระคัมภีร์ ขณะที่ท่านใคร่ครวญข้อความจาก 1 เปโตร 3–4 ท่านได้รับนิมิตอันรุ่งโรจน์ของการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดในโลกวิญญาณระหว่างการสิ้นพระชนม์กับการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ ปัจจุบันบันทึกนิมิตของประธานสมิธอยู่ใน หลักคําสอนและพันธสัญญา 138 บทเรียนนี้จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงมอบความรอดให้บุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ในโลกวิญญาณอย่างไร

กิจกรรมการเรียนรู้ที่อาจทําได้

เราไปไหนเมื่อเราตาย?

เชื้อเชิญให้นักเรียนไตร่ตรองสถานการณ์สมมติต่อไปนี้หรือสร้างสถานการณ์สมมติที่เหมาะกับความต้องการของพวกเขา จุดประสงค์ของสถานการณ์สมมติคือเพื่อช่วยให้นักเรียนประเมินสิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับโลกวิญญาณ นักเรียนสามารถแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาเข้าใจว่าจะเกิดขึ้นทั้งกับคนที่ยอมรับและไม่ยอมรับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

หลังจากพิธีศพของคุณยายโรเบิร์ตส์ จูลี่บอกท่านว่าคุณยายและคุณตาโรเบิร์ตส์สิ้นชีวิตโดยไม่ได้รับบัพติศมาเข้ามาสู่ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ปู่ย่าของเธอ (คุณย่าและคุณปู่โจนส์) สิ้นชีวิตโดยที่เป็นสมาชิกศาสนจักรที่ซื่อสัตย์มาชั่วชีวิต จูลี่ถามท่านว่า “จะเกิดอะไรขึ้นกับตายายของฉันที่ไม่ได้รับบัพติศมา?”

ใคร่ครวญสิ่งที่ท่านรู้เกี่ยวกับโลกวิญญาณ

• ท่านจะรู้สึกมั่นใจเพียงใดในการแบ่งปันความจริงเกี่ยวกับโลกวิญญาณกับจูลี่?

ยํ้าเตือนนักเรียนว่าบทบาทหนึ่งของพระวิญญาณบริสุทธิ์คือเป็นพยานถึงความจริง เชื้อเชิญให้พวกเขาละเอียดอ่อนต่อพยานของพระวิญญาณถึงความจริงเกี่ยวกับแผนแห่งความรอดของพระบิดาบนสวรรค์ที่พวกเขาจะศึกษาวันนี้

นิมิตเรื่องการไถ่คนตาย

ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง เหลนของประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธ แบ่งปันสิ่งต่อไปนี้เกี่ยวกับนิมิตที่ปัจจุบันคือ หลักคําสอนและพันธสัญญา 138

ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด

วันที่ 3 ตุลาคมปี 1918 ขณะเศร้าใจอย่างยิ่งที่คนหลายล้านคนเสียชีวิตเพราะสงครามและโรคภัยรวมถึงความตายของคนในครอบครัว ประธานสมิธได้รับการเปิดเผยที่เรียกว่า “นิมิตเรื่องการไถ่คนตาย”…

การเปิดเผยที่ท่านได้รับวันที่ 3 ตุลาคมปลอบใจท่านและตอบคําถามหลายข้อของท่าน เราเองจะได้รับการปลอบโยนและเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับอนาคตเมื่อเราและคนที่เรารักตายไปอยู่ในโลกวิญญาณโดยศึกษาและไตร่ตรองความสําคัญของการเปิดเผยนี้ขณะที่เราดําเนินชีวิตในแต่ละวัน (เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “นิมิตเรื่องการไถ่คนตาย,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 72-73)

อ่าน หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:1–4 โดยมองหาความจริงที่ประธานสมิธกําลังไตร่ตรองเมื่อท่านได้รับนิมิตนี้

• ท่านประทับใจอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ประธานสมิธใคร่ครวญขณะศึกษา?

• ประธานสมิธรู้อะไรเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์?

  ช่วยนักเรียนระบุความจริงทํานองนี้: โดยผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์และโดยการเชื่อฟังหลักธรรมพระกิตติคุณของพระองค์ บุตรธิดาแต่ละคนของพระบิดาบนสวรรค์จะได้รับการช่วยให้รอด

  ท่านอาจสรุป หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:5–10 โดยแบ่งปันว่าประธานสมิธเปิดอ่าน 1 เปโตร 3–4 ขณะใคร่ครวญเรื่องการไถ่คนตายที่สัญญาไว้จากการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด ท่านอาจชี้ให้เห็นว่า 1 เปโตร 4:6 เป็นข้อผู้เชี่ยวชาญหลักคําสอน

• ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับวิธีที่พระเยซูคริสต์ทรงทําให้ความรอดมีไว้สําหรับบุตรธิดาทุกคนของพระบิดาบนสวรรค์?

การปรากฏของพระผู้ช่วยให้รอดในโลกวิญญาณ

ขณะนักเรียนศึกษานิมิต อาจเป็นประโยชน์ที่จะชี้ให้เห็นว่าประธานสมิธเห็นพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จเยือนโลกวิญญาณระหว่างเวลาของการสิ้นพระชนม์กับการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์

ยํ้าเตือนนักเรียนว่าโลกวิญญาณแบ่งออกเป็นเมืองบรมสุขเกษมกับเรือนจําวิญญาณ หากจําเป็น ท่านสามารถอธิบายว่า เรือนจํา ในบริบทนี้หมายถึงสถานที่ชั่วคราวในโลกวิญญาณสําหรับคนที่สิ้นชีวิตโดยปราศจากความรู้เรื่องความจริง (แทนที่จะเป็นคุกหรือห้องขัง) เหล่าวิญญาณในเรือนจํานี้คือวิญญาณที่ไม่เชื่อฟังในความเป็นมรรตัยเช่นกัน topics.ChurchofJesusChrist.org

อ่านคํากล่าวต่อไปนี้ของประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์ แห่งฝ่ายประธานสูงสุดเกี่ยวกับงานแห่งความรอดสําหรับบุตรธิดาทุกคนของพระบิดาบนสวรรค์ในโลกวิญญาณ

ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์

งานแห่งความรอดในโลกวิญญาณประกอบด้วยการปลดปล่อยวิญญาณจากสิ่งที่พระคัมภีร์เรียกบ่อยครั้งว่า “พันธนาการ” ทุกคนในโลกวิญญาณอยู่ภายใต้พันธนาการบางอย่าง (ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “จงวางใจในพระเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2019, 26)

ขณะที่ท่านศึกษานิมิตที่บันทึกไว้ใน หลักคําสอนและพันธสัญญา 138 ให้มองหาว่าบุตรธิดาทางวิญญาณของพระบิดาบนสวรรค์อยู่ในความเป็นทาสอย่างไรและพวกเขาเป็นอิสระโดยพระผู้ช่วยให้รอดและการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์อย่างไร

วิธีหนึ่งในการจัดชั้นเรียนคือแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละสามคน เชื้อเชิญให้นักเรียนศึกษาหนึ่งในสามหมวดต่อไปนี้ หลังจากสนทนาเกี่ยวกับคําถามที่ให้ไว้แล้ว นักเรียนอาจแบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้กับคนอื่นๆ ในกลุ่มที่ศึกษาหมวดอื่น

กระตุ้นให้ผู้เรียนแบ่งปันความจริงที่พวกเขากําลังเรียนรู้ ดูการอบรมวิธีทําสิ่งนี้ที่หัวข้อ “กระตุ้นให้ผู้เรียนแบ่งปันความจริงที่พวกเขากําลังเรียนรู้” ใน ทักษะการพัฒนาครู: เชื้อเชิญให้เรียนรู้ด้วยความขยันหมั่นเพียร ท่านอาจฝึกทักษะ “เชื้อเชิญนักเรียนให้แบ่งปันสิ่งที่พวกเขากําลังเรียนรู้ให้แก่กัน”

• ท่านค้นพบอะไรบ้าง?

• วิญญาณตอบสนองอย่างไรต่อพระกิตติคุณของพระผู้ช่วยให้รอดในความเป็นมรรตัย?

• วิญญาณเหล่านี้อยู่ในความเป็นทาสอย่างไร? พระผู้ช่วยให้รอดทรงปลดปล่อยพวกเขาอย่างไร?

• พระผู้ช่วยให้รอดประทานโอกาสอะไรบ้างแก่เหล่าวิญญาณในเมืองบรมสุขเกษม? ในเรือนจํา?

• เราจะทําอะไรได้บ้างเพื่อช่วยงานของพระผู้ช่วยให้รอด?

1. พระผู้ช่วยให้รอดทรงปลดปล่อยวิญญาณในเมืองบรมสุขเกษม

อ่าน หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:11–19, 23–24, 50–52 โดยมองหาวิธีที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงปลดปล่อยผู้ที่อยู่ในเมืองบรมสุขเกษม

2. พระผู้ช่วยให้รอดทรงปลดปล่อยวิญญาณในเรือนจํา

อ่าน หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:20–22, 29–37, 57–59 โดยมองหาวิธีที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงปลดปล่อยผู้ที่อยู่ในเรือนจําวิญญาณ

3. พระผู้ช่วยให้รอดทรงจัดระเบียบการสั่งสอนพระกิตติคุณในโลกวิญญาณ

อ่าน หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:30–37, 57–59 โดยมองหาวิธีที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงจัดระเบียบการสั่งสอนพระกิตติคุณแก่ผู้ที่อยู่ในเรือนจําวิญญาณ

สาธิตความเข้าใจ

เพื่อช่วยให้นักเรียนแสดงความเข้าใจใน หลักคําสอนและพันธสัญญา 138 นักเรียนอาจแสดงบทบาทสมมติตั้งแต่ต้นชั้นเรียน นักเรียนอาจสลับบทบาทของจูลี่และฝึกวิธีตอบคําถามของเธอเกี่ยวกับปู่ย่าตายาย หลังจากนักเรียนมีเวลาฝึกแล้ว พวกเขาอาจแบ่งปันกับชั้นเรียนว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรและคําสอนเหล่านี้ประยุกต์ใช้กับพวกเขาอย่างไร

ท่านอาจแบ่งปันพยานของท่านถึงพระบิดาบนสวรรค์ พระเยซูคริสต์ และความรอดที่พระองค์ทรงมอบให้คนเป็นและคนตาย

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

ฉันจะเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องนิมิตเกี่ยวกับโลกวิญญาณและความรอดสําหรับคนตายได้จากที่ใด?

• topics.ChurchofJesusChrist.org

ฉันควรตอบคําถามของฉันเกี่ยวกับโลกวิญญาณอย่างไร?

หลังจากแบ่งปันว่ามีสิ่งต่างๆ มากมายที่เราไม่รู้เกี่ยวกับโลกวิญญาณ ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์ แห่งฝ่ายประธานสูงสุดอธิบายวิธีตอบคําถามของเรา:

ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์

สําหรับคําถามทั้งหมดเกี่ยวกับโลกวิญญาณ ข้าพเจ้าขอเสนอคําตอบสองข้อ หนึ่ง พึงระลึกว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักบุตรธิดาของพระองค์และจะทรงทําสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเราแต่ละคนอย่างแน่นอน สอง ให้ระลึกถึงคําสอนคุ้นเคยข้อนี้ในพระคัมภีร์ไบเบิลซึ่งช่วยข้าพเจ้าได้มากที่สุดเกี่ยวกับคําถามมากมายที่ยังไม่ได้รับคําตอบ:

“จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง

“จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระองค์เองจะทรงทําให้วิถีของเจ้าราบรื่น” (สุภาษิต 3:5–6) …

เราทุกคนสามารถสงสัยเป็นส่วนตัวได้เกี่ยวกับสภาวะในโลกวิญญาณ หรือแม้กระทั่งสนทนาคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบเหล่านี้หรือคำถามอื่นกับคนในครอบครัวหรือคนกันเอง แต่อย่าสอนหรือนำสิ่งที่ไม่ตรงกับมาตรฐานหลักคำสอนที่เป็นทางการมาใช้เป็นหลักคำสอนที่เป็นทางการ การทำเช่นนั้นไม่ส่งเสริมงานของพระเจ้า และอาจขัดขวางไม่ให้คนแสวงหาการปลอบโยนหรือความจรรโลงใจผ่านการเปิดเผยส่วนตัวตามแผนซึ่งพระเจ้าทรงมีให้เราแต่ละคน (ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “จงวางใจในพระเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2019, 28)

พระผู้ช่วยให้รอดทรงปลดปล่อยผู้ที่อยู่ในโลกวิญญาณจากความเป็นทาสอย่างไร?

ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์แห่งฝ่ายประธานสูงสุดสอนว่า:

ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์

การเปิดเผยสําคัญของประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธซึ่งได้รับการยอมรับเป็นพระคัมภีร์ในหลักคําสอนและพันธสัญญาภาค 138 กล่าวว่าคนตายที่ชอบธรรม ผู้อยู่ในสภาพ “สันติสุข” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:22) ขณะรอคอยการฟื้นคืนชีวิต (ดู หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:16) “มองว่าการที่วิญญาณของพวกเขาละจากร่างกายเป็นเวลานานเป็นพันธนาการอย่างหนึ่ง” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:50)

คนชั่วร้ายประสบพันธนาการอีกอย่างหนึ่งด้วย เพราะบาปที่ยังไม่กลับใจ พวกเขาจึงอยู่ในสถานที่ซึ่งอัครสาวกเปโตรเรียกว่า “คุก” วิญญาณ (1 เปโตร 3:19; ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:42 ด้วย) มีอธิบายไว้ว่าวิญญาณเหล่านี้ “ถูกมัดไว้” หรือเป็น “เชลย” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:31, 42) หรือ “ถูกขับออกไปในความมืดภายนอก” ที่มี “การร้องไห้, พิลาปรําพัน, และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” ขณะรอการฟื้นคืนชีวิตและการพิพากษา (แอลมา 40:13–14)

การฟื้นคืนชีวิตสำหรับทุกคนในโลกวิญญาณเกิดขึ้นแน่นอนเพราะการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ (ดู 1 โครินธ์ 15:22) แม้แต่ละกลุ่มจะฟื้นคนละเวลาก็ตาม จนกว่าจะถึงเวลานั้นที่กำหนดไว้ พระคัมภีร์บอกเราว่ากิจกรรมในโลกวิญญาณโดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับงานแห่งความรอดเป็นหลัก การเปิดเผยนอกเหนือจากนี้มีน้อย มีการสั่งสอนพระกิตติคุณแก่คนไม่รู้ คนไม่กลับใจ และคนกบฏ เพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากพันธนาการและก้าวหน้าไปสู่พรที่พระบิดาบนสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรักทรงมีไว้ให้พวกเขา

พันธนาการในโลกวิญญาณที่เกิดกับจิตวิญญาณชอบธรรมที่เปลี่ยนใจเลื่อมใสคือการที่พวกเขาต้องรอ—และอาจได้รับอนุญาตให้กระตุ้น—ให้มีการประกอบศาสนพิธีแทนพวกเขาบนแผ่นดินโลกเพื่อพวกเขาจะได้รับบัพติศมาและได้รับพรของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ดู หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:30–37, 57–58) ศาสนพิธีแทนคนตายเหล่านี้ให้อํานาจพวกเขาออกไปภายใต้สิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตเพื่อขยายกลุ่มคนชอบธรรมที่สามารถสั่งสอนพระกิตติคุณให้แก่เหล่าวิญญาณในคุก (ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “จงวางใจในพระเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2019, 26-27)

ผู้ที่อยู่ในเรือนจําวิญญาณต้องทําอะไร?

ขณะฉายวีดิทัศน์ทัวร์พระวิหารโรม อิตาลีก่อนการอุทิศพระวิหาร เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์และโรนัลด์ เอ. ราสแบนด์ แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า:

ทัวร์พระวิหารโรม อิตาลี

พระผู้ช่วยให้รอดกล่าวว่า “ถ้าใครไม่ได้เกิดจากนํ้าและพระวิญญาณ คนนั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้” บัพติศมาโดยการลงไปในนํ้าทั้งตัวเพื่อการปลดบาปเป็นศาสนพิธีแห่งความรอดที่จําเป็นในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ และที่นี่ในพระวิหาร เราทําบัพติศมาแทนคนตาย สมาชิกสองคนของศาสนจักรจะเข้ามาในอ่างบัพติศมาในชุดสีขาว และที่นั่นพวกเขาจะรับบัพติศมาแทนบรรพชนที่จากไป บัพติศมาแทนคนตายสอนโดยอัครสาวกเปาโลในพันธสัญญาใหม่ และเรามีสิทธิ์ดําเนินศาสนพิธีนั้นต่อไปในศาสนจักรปัจจุบันในพระวิหารทุกแห่งทั่วโลก

คําถามสําคัญข้อหนึ่งในศาสนาคริสต์คือเกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ พระนามของพระองค์เป็นพระนามเดียวภายใต้ฟ้าสวรรค์ที่โดยพระนามนั้นชายหรือหญิงจะได้รับการช่วยให้รอดได้ ทว่าในบรรดาทุกคนที่เคยมีชีวิตอยู่ มีญาติเพียงไม่กี่คนเคยได้ยินเกี่ยวกับพระองค์ มีโอกาสเรียนรู้หลักคําสอนของพระองค์ และได้รับศาสนพิธีแห่งความรอดของบัพติศมาโดยการลงไปในนํ้าทั้งตัว ซึ่งเป็นไปได้โดยผ่านบัพติศมาแทนคนตาย มีบางคนจะถามว่าเรากําลังบังคับหรือบีบคั้นบรรพชนของเราให้เป็นสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายหรือไม่ และคําตอบคือไม่ นี่เป็นข้อเสนอที่เปี่ยมไปด้วยความรัก จากนั้นพวกเขาจะมีโอกาสยอมรับหรือปฏิเสธศาสนพิธีนั้น (David A. Bednar and Ronald A. Rasband ใน “Two Apostles Lead a Virtual Tour of the Rome Italy Temple” [วีดิทัศน์], ChurchofJesusChrist.org)

กิจกรรมเสริมการเรียนรู้

บทบาทสมมตินิมิตของภาค 138

ท่านอาจช่วยให้นักเรียนแสดงท่าทางด้วยความคารวะว่าการสั่งสอนพระกิตติคุณในโลกวิญญาณเป็นอย่างไร ท่านอาจแสดงสถานการณ์สมมุติของจูลี่จากบทเรียน ท่านอาจให้นักเรียนสองคนเป็นตัวแทนคุณตาคุณยายโรเบิร์ตส์ของเธอผู้ไปเรือนจําวิญญาณ นักเรียนอีกชุดหนึ่งอาจเป็นตัวแทนของคุณย่าและคุณปู่โจนส์ผู้ไปยังเมืองบรมสุขเกษม เชื้อเชิญให้นักเรียนที่เป็นตัวแทนครอบครัวโจนส์ไปเยี่ยมครอบครัวโรเบิร์ตส์เพื่อสอนพระกิตติคุณแก่พวกเขา เชิญนักเรียนอีกคนหนึ่งเป็นตัวแทนของจูลี่และน้องชายของเธอผู้รับบัพติศมาในพระวิหารแทนตายายครอบครัวโรเบิร์ตส์ จากนั้นครอบครัวโรเบิร์ตส์สามารถออกจากเรือนจําวิญญาณและเข้าสู่เมืองบรมสุขเกษม

หมายเหตุ: จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อแสดงให้เห็นว่าใครสอนพระกิตติคุณให้ใครในโลกวิญญาณ แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าวิญญาณออกจากเรือนจําวิญญาณอย่างไรหลังจากพวกเขายอมรับศาสนพิธีบัพติศมาที่ประกอบในพระวิหาร (ดู หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:31)

การใคร่ครวญและไตร่ตรองพระคัมภีร์

หากนักเรียนจะได้ประโยชน์จากการสนทนาว่าการไตร่ตรองหรือใคร่ครวญพระคัมภีร์เชื้อเชิญการเปิดเผยอย่างไร ให้พวกเขาอ่าน หลักคําสอนและพันธสัญญา 138:1–4, 11, 29 ขอให้พวกเขามองหาคําที่ประธานสมิธใช้อธิบายว่าท่านดําเนินการศึกษาพระคัมภีร์ครั้งนี้อย่างไร นักเรียนอาจระบุความจริงทํานองนี้: การไตร่ตรองพระคัมภีร์และใคร่ครวญการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดจะเตรียมเราให้พร้อมรับการเปิดเผยจากพระผู้เป็นเจ้า

เชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันประสบการณ์ที่พวกเขาเคยได้รับการเปิดเผยเมื่อไตร่ตรองหรือใคร่ครวญพระคัมภีร์หากไม่เป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป ท่านอาจตั้งคําถามทํานองนี้:

• ท่านคิดว่าการไตร่ตรองพระคัมภีร์สามารถนําไปสู่การเปิดเผยได้อย่างไร?